ตำรวจเร่งแกะรอยวงจรปิด ล่าโจรชิงทองห้างดังกลางเมืองขอนแก่น โกยไป 8 เส้น รวมหนัก 24 บาท กว่า 7.2 แสนบาท หลบหนีลอยนวล จนท.วอน ปชช.พบเห็นแจ้งเบาะแสจนจับได้ รับเงินสดจากตำรวจทันที 50,000 บาท

กรณีคดีคนร้ายก่อเหตุชิงทองในร้านทองภายในห้างดังเขตเทศบาลนครขอนแก่น โดยถือปืนแบล็งก์กันขนาด 9 มม. เข้ามาในร้านทอง ก่อนจะไปคว้าเอาทองรูปพรรณเป็นสร้อยข้อมือน้ำหนัก 3 บาท จำนวน 11 เส้น วิ่งออกจากร้านหลบหนีไปโดยได้ยิงปืนขึ้นฟ้าอีก 1 นัด เพื่อเปิดทาง โดยได้ทำทองหล่นและมีคนนำมาส่งคืนให้ ทำให้คนร้ายได้สร้อยข้อมือทองคำไปทั้งสิ้น 8 เส้น น้ำหนักเส้นละ 3 บาท รวม 24 บาท มูลค่ากว่า 720,000 บาท หลบหนีไปอย่างลอยนวล

ล่าสุดวันนี้ (22 พ.ย.) พล.ต.ต.ไพศาล ลือสมบูรณ์ รองผบช.ภ.4 และโฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เผยว่า ในทางคดีนั้นมีความคืบหน้าไปมาก แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ เบื้องต้นหลังเกิดเหตุทางตำรวจได้วางแผนกันติดตามตัวคนร้ายอย่างต่อเนื่อง ลงพื้นที่หาพยานหลักฐาน โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดซึ่งจับภาพได้ว่าหลังก่อเหตุ คนร้ายไม่ใช้ยานพาหนะในการหลบหนี โดยได้วิ่งออกจากห้างไปทางศาลหลักเมือง ถ.ศรีจันทร์ แล้วไปทางสถานีรถไฟโดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดบันทึกภาพได้ และทางตำรวจพอจะทราบเส้นทางของคนร้ายรายนี้แล้ว โดยคาดว่ายังอยู่ในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น ในส่วนเบาะแสต่างๆ ที่ได้รับแจ้งมานั้น ทั้งท่าทางการเดิน บุคลิกต่างๆ ทุกเบาะแสทางตำรวจได้ส่งทีมลงพื้นที่ไปพิสูจน์ทราบทั้งหมดเช่นกัน โดยหากพลเมืองดีท่านใดพบเห็นหรือมีเบาะแสแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจจนนำไปสู่การจับกุม ทางตำรวจมีเงินรางวัลนำจับให้ 50,000 บาท

นอกจากนี้จากการตรวจสอบวิธีการของคนร้ายนั้นเชื่อว่าไม่ใช่มืออาชีพ แต่มีการเตรียมการมาก่อนเป็นอย่างดี และหลังก่อเหตุก็ใช้วิธีเดินเท้า ไม่ได้ถอดชุดวิ่งหลบหนีไปจนสุดพิกัดที่ตำรวจตรวจสอบพบ ทั้งนี้แม้ว่าจะยังจับโจรรายนี้ไม่ได้ แต่ทางคดีมีความคืบหน้าไปอย่างมาก คาดว่าจะสามารถติดตามตัวมาดำเนินคดีได้เร็วๆ นี้ ขณะที่ผู้ต้องสงสัยหลังสอบปากคำยังไม่พบส่วนเชื่อมโยงกับคดี พร้อมส่งตรวจหา DNA เปรียบเทียบในที่เกิดเหตุโดยยังไม่ตัดกลุ่มบุคคลใดทิ้งไป ซึ่งจะต้องตรวจสอบทั้งหมด และทางตำรวจได้นำตัวผู้ต้องสงสัยรายนี้ส่งฟ้องศาลข้อหาเสพยาเสพติด หลังตรวจพบว่าเป็นฉี่ม่วงหลังถูกจับกุม

...

ผู้สื่อข่าวรายงานอีกว่า ขณะที่บรรยากาศภายในห้างสรรพสินค้าขณะนี้ที่ห้างกลับมาเปิดบริการปกติตั้งแต่วันแรกที่เกิดเรื่อง พนักงานทุกคนใช้ชีวิตปกติ อาจมีตกใจกับเหตุการณ์ข้างสำหรับคนที่อยู่ใกล้ แต่ส่วนใหญ่แล้วถือว่าไม่ตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ลูกค้าก็เข้ามาใช้บริการแน่นตามปกติเหมือนทุกวัน

โฆษกตำรวจภูธรภาค 4 เผยต่อว่า พฤติการณ์ของคนร้ายรายนี้ เริ่มจากเดินเข้ามาภายในห้างสรรพสินค้าโดยสวมหมวกไอ้โม่งสีดำปกปิดใบหน้า พร้อมทั้งถือถุงพลาสติกสีขาว ซึ่งข้างในมีอาวุธปืนแบลงก์กันอยู่ในถุง ซึ่งในช่วงนั้นเองมี รปภ.หญิง ของห้างที่อยู่ใกล้บริเวณนั้น ตะโกนเรียกพร้อมกับห้ามเข้าไป แต่คนร้ายได้หยิบปืนออกมาจากถุงชูขึ้นฟ้า เดินเข้ามาในร้าน แต่เป็นช่วงที่พนักงานให้บริการลูกค้าเต็มทุกคนจนไม่ทันได้สังเกตเห็นคนร้ายเข้ามา ก่อนที่คนร้ายจะเดินไปตรงเข้าเคาน์เตอร์ร้านทอง เผชิญหน้ากับพนักงานหญิงของร้านทอง แล้วยิงปืนขึ้นฟ้า 1 นัด ซึ่งเป็นลูกกระสุนปืนแบลงก์กัน ขนาด 9 มม. ไม่มีหัวกระสุน ทำให้ทั้งลูกค้าและพนักงานวิ่งหลบหนีแตกกระเจิง แล้วคนร้ายจึงปีนขึ้นไปคว้าเอาสร้อยข้อมือทองคำถาดน้ำหนักละ 3 บาท จำนวน 11 เส้น วิ่งหลบหนีพร้อมกับยิงขึ้นฟ้าเปิดทางอีก 1 นัด แล้วลงบันไดเลื่อนไปยังชั้น 1 ของห้าง แล้วออกประตูทางออกฝั่งลานกิจกรรมข้างห้างฯ แล้ววิ่งหลบหนีผ่านกล้องวงจรปิดหน้าสถานีรถไฟขอนแก่น ก่อนจะหายไป โดยไม่มีการใช้ยานพาหนะหลบหนี อาศัยเท้าเปล่าวิ่งไปจนสุดเส้นทางที่ตรวจสอบพบ ในขณะที่คนร้ายวิ่งหลบหนีได้ทำสร้อยทองที่ขโมยมาหลนพื้นมีคนนำกลับมาคืนให้หลังเกิดเหตุ ทำให้ทองที่คนร้ายได้ไปทั้งสิ้นเป็นทองรูปพรรณสร้อยข้อมือทองคำน้ำหนักเส้นละ 3 บาท จำนวน 8 เส้น รวมน้ำหนักทองที่คนร้ายได้ไป 24 บาท มูลค่ากว่า 720,000 บาท.