ศาลพิพากษาประหาร "เจ" มือยิงกลางห้างฆ่าอดีตเมียตายคาคลินิกเสริมความงามย่านอนุสาวรีย์ชัยฯ โดยจำเลยให้การเป็นประโยชน์ลดโทษให้กึ่งหนึ่ง เหลือคุกตลอดชีวิต และชดใช้ครอบครัวผู้ตายรวมกว่า 5 แสนบาท
เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.63 ที่ ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ได้เบิกตัว นายดนุสรณ์ นุ่มเจริญ หรือ เจ จำเลยในคดีฆ่าโหดอดีตเมียดับคาคลินิกเสริมความงาม บริเวณชั้น 4 ห้างเซ็นจูรี่ พลาซ่า ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ จากเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร มายังศาลอาญา เพื่อฟังคำพิพากษาคดีบุกยิงอดีตภรรยาดับ หมายเลขดำ อ.1211/63 ที่พนักงานอัยการคดีอาญา 3 เป็นโจทก์ฟ้อง นายดนุสรณ์ หรือเจ นุ่มเจริญ อายุ 28 ปี เป็นจำเลยในความผิดฐานฆ่าและพยายามฆ่าผู้อื่น, พ.ร.บ.อาวุธปืนฯ ที่ห้องพิจารณาคดี 813 ในเวลา 09.00 น.
โดยคดีนี้อัยการโจทก์ระบุฟ้องความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 18 ก.พ.63 เวลากลางวัน จำเลยได้ใช้อาวุธปืนสั้นยี่ห้อโคลท์ ขนาด .45 (11 มม.) ยิงนางสาวปิยานุจ ฉัตรไทย อายุ 28 ปี อดีตภรรยาที่เพิ่งหย่าร้างกัน ซึ่งเป็นพนักงานคลินิกเสริมความงามแห่งหนึ่ง บริเวณชั้น 4 ห้างเซ็นจูรี่ พลาซ่า ย่านอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ กระสุนถูกที่ศีรษะและลำคอจนเสียชีวิต นอกจากนี้กระสุนยังพลาดไปถูกบริเวณสันมือข้างซ้ายของ นางสาววิลาสินี ทีปั่น ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นพนักงานอีกคนหนึ่งได้รับบาดเจ็บ ก่อนหลบหนีไปซ่อนตัวที่บ้านพักญาติ อ.แก่งกระจาน จ.เพชรบุรี กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจติดตามจับกุมตัวได้ส่งพนักงานสอบสวน สน.พญาไท แจ้งข้อหาดำเนินคดี ด้านนายดนุสรณ์จำเลยให้การรับสารภาพ
...
ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานแล้ว เห็นว่าโจทก์มี น.ส.วิลาสินี ที่ปั่น พนักงานคลินิกดังกล่าว เบิกความเป็นประจักษ์พยานว่า วันเกิดเหตุจำเลยใส่สูทสีดำ พกพาอาวุธปืนเดินเข้ามาที่คลินิกแล้ว ยิงปืน 2 นัด ตนเองตกใจกลัวจึงรีบหมอบลงข้างเคาน์เตอร์ จากนั้นคนร้ายจึงยิงปืนอีก 3-4 นัด ซึ่งตนเองถูกยิงเข้าที่บริเวณข้อมือได้รับบาดเจ็บด้วย จากนั้นคนร้ายได้วิ่งหลบหนีไป โดยตนเองสามารถจดจำจำเลยได้เพราะผู้ตายเคยเล่าให้ฟังว่าทะเลาะวิวาทกันกับอดีตแฟน
ขณะที่ พนักงานคลินิกดังกล่าวอีกราย เบิกความว่า ขณะกำลังเดินออกมาจากห้องยา ของคลินิกได้ยินเสียงปืนและเสียงคนร้องจึงหันไปมองเห็นคนร้ายเดินอ้อมเคาร์เตอร์แล้วยิง น.ส.ปิยานุช ผู้เสียชีวิต เชื่อว่าพยานโจทก์ทั้งสองรายเบิกความไปตามความจริง และต่างเบิกความสอดคล้องกัน นอกจากนี้ยังมีพนักงานสอบสวน สน.พญาไท ว่า ได้รับแจ้งมีเหตุยิงกันมีผู้เสียชีวิต ที่ห้างเซ็นจูรี่ฯ จึงเดินทางไปตรวจสอบเห็นคนกำลังช่วยกันปั้มหัวใจ น.ส.ปิยานุช ที่ถูกยิง แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา และมีผู้บาดเจ็บอีก 1 ราย
ส่วนเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน (พฐ.) ได้ตรวจสอบพยานหลักฐานแล้ว พบว่า น.ส.ปิยานุชเสียชีวิตจากกระสุนปืนยิงเข้าที่บริเวณลำคอ และยังมีพยานหลักฐานในที่เกิดเหตุ รวมทั้งบันทึกวิดีโอเคลื่อนไหว ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพและพยานหลักฐานทั้งหมดเชื่อว่าจำเลยใช้อาวุธปืนยิงผู้ตาย เนื่องจากอ้างว่าโกรธเคืองและหึงหวงอดีตคนรัก
ศาลจึงพิพากษาว่าจำเลยมีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ให้ประหารชีวิต,ฐานใช้เอกสารราชการปลอม จำคุก 1 ปี ,มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในครองครองฯ จำคุก 1 ปี ฐานพาอาวุธปืนไปในเมือง ฯ จำคุก 2 ปี รวมโทษทั้งหมดแล้วให้ประหารชีวิต
แต่จำเลยให้การรับสารภาพจึงลดโทษกึ่งหนึ่ง คงจำคุกจำเลยไว้ตลอดชีวิต และให้ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่บิดาผู้ตาย จำนวน 171,600 บาท ชดใช้ค่าไร้อุปการะแก่มารดาผู้ตาย จำนวน 249,600 บาท และค่าปลงศพอีก 1 แสนบาท รวมทั้วหมดกว่า 5 แสนบาทพร้อมดอกเบี้ยร้อยละ 7.5 ต่อปี หลังฟังคำพิพากษาจำเลยถึงกับคอตกเดินเข้าห้องขังกลับไปชดใช้กรรมต่อไป.