ตร.ปากเกร็ด สอบปากคำนาน 6 ชม. ปฏิเสธทุกข้อหา "ฌอน บูรณะหิรัญ" พนมมือขอโทษคนเชียงใหม่ ยันเงินทุกบาทเอาไปทำประโยชน์ให้สังคมจริงๆ เตรียมมอบเงิน 1.3 ล้านบาทให้ผู้ว่าฯ ปัดเอาเงินบริจาคไปใช้ส่วนตัว
เมื่อวันที่ 21 กรกฎาคม 63 ที่ สภ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี นายฌอน บูรณะหิรัญ ไลฟ์โค้ชชื่อดัง พร้อม นายอากาศ วสิกชาติ ทนายความ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด ตามหมายกำหนดที่ทางพนักงานสอบสวนได้ออกหมายเรียกเป็นครั้งที่ 2 เพื่อให้ปากคำเรื่องเงินบริจาค ที่มีผู้เสียหายคือ นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนเพื่อความยุติธรรม ได้เข้าแจ้งความกับพนักงานสอบสวน สภ.ปากเกร็ด เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนที่ผ่านมา เพื่อให้ดำเนินคดีกับนายฌอน ข้อหานำเข้าข้อมูลอันเป็นเท็จสู่ระบบคอมพิวเตอร์ และ พ.ร.บ.ควบคุมการเรี่ยไรโดยไม่ได้รับอนุญาต
นายฌอน กล่าวว่า สาเหตุที่ไม่ได้เข้ามาพบในตอนแรก เพราะเนื่องจากต้องเตรียมเอกสารหลักฐานรวบรวมข้อมูลให้ครบถ้วน เพื่อพร้อมเข้าชี้แจงทำความเข้าใจ โดยมีหลักฐานเป็นพวกเอกสารในด้านการเงินที่ทำมาตั้งแต่เริ่มต้นในการทำกิจกรรม ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องปลูกป่า และสิ่งแวดล้อม เพื่อต้องการชี้แจงให้สังคมเข้าใจ กระทั่งเวลา 15.45 น. การสอบปากคำเสร็จสิ้น รวมใช้เวลานานกว่า 6 ชม. นายฌอน พร้อมทีมทนายความออกมาจากห้องสอบสวนด้วยอาการเหนื่อยล้า เนื่องจากใช้เวลาสอบปากคำต่อเนื่องยาวนาน
...
นายฌอน บูรณะหิรัญ กล่าวว่า เงินที่ได้รับบริจาคทั้งหมด ตนตั้งใจทำประโยชน์เพื่อสังคมจริงๆ แต่ช่วงที่เปิดรับบริจาคดับไฟป่า บังเอิญเป็นช่วงที่เกิดโรคโควิด-19 ระบาดพอดี จึงได้แบ่งเอาเงินจำนวนหนึ่งไปซื้อหน้ากากอนามัยบริจาคให้บุคลากรการแพทย์ที่โรงพยาบาล และโรงเรียน ซึ่งมีหลักฐานการใช้จ่ายทั้งหมด แต่อาจไม่ตรงตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาค แต่ก็เป็นการช่วยเหลือสังคม
"ผมรู้สึกเสียใจมาก ที่ทำให้ชาวเชียงใหม่ต้องมาเสียชื่อเสียง แต่ผมก็ทำทุกอย่างด้วยเจตนาบริสุทธิ์ใจ มีหลักฐานทุกอย่าง โดยหลังจากนี้จะนำเงินส่วนตัวจำนวน 1.3 ล้านบาท บริจาคให้กับทาง ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ส่วนเงินที่มีคนเข้าใจว่าตนนำเงินไปซื้อสื่อส่วนตัว แต่จริงๆ แล้วเป็นเงินที่นำไปซื้อสื่อในการรณรงค์ดับไฟป่า โดยเข้าใจผิดว่าสามารถนำไปใช้ได้ ผมตั้งใจรณรงค์เพื่อให้คนตระหนักในการป้องกันไฟป่าบนดอยสุเทพ โดยได้ให้รายละเอียดและหลักฐานชี้แจ้งกับทางพนักงานสอบสวนทุกเรื่องแล้ว" ไลฟ์โค้ชชื่อดัง กล่าว
ด้าน พ.ต.อ.พงศ์จักร ปรีชาการุณพงศ์ ผกก.สภ.ปากเกร็ด กล่าวว่า เบื้องต้นหลักฐานของนายฌอนก็เป็นเรื่องชี้แจงเกี่ยวกับประเด็นความผิดที่ถูกกล่าวหา 3 เรื่อง ข้อกล่าวหาแรก คือ ข้อกล่าวหา พ.ร.บ.เรี่ยไร ข้อกล่าวหาที่สอง คือ ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับ พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ และข้อกล่าวหาที่สาม คือ ข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฉ้อโกงประชาชน เบื้องต้นทางคุณฌอนปฏิเสธตลอดทุกข้อกล่าวหา ส่วนประเด็นในเรื่องอื่นๆ นั้น ทางพนักงานสอบสวนได้รวบรวมข้อมูลหลักฐานทุกมิติ สำหรับหลักฐานที่ทางคุณฌอนนำมาให้ทางพนักงานสอบสวนวันนี้ คือ การเข้ามาชี้แจง ส่วนการสอบสวนในวันนี้ขออนุญาตไม่เปิดเผย เพราะเป็นเรื่องอยู่ในสำนวน
...
ส่วน นายรณณรงค์ แก้วเพ็ชร์ ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนเพื่อความยุติธรรม เดินทางมายัง สภ.ปากเกร็ด พร้อมถือป้ายข้อความ “ทวงถามความคืบหน้า คดีฌอน” กล่าวว่า อยากทราบว่า นายฌอนให้การรับสารภาพ หรือปฏิเสธตามสิทธิ์พึงมี ที่ผ่านมา ตนทราบมาว่าทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ปากเกร็ด มีแรงกดดันค่อนข้างเยอะและหนักมาก ทั้งๆ เป็นคดีที่ประชาชนทั่วไปให้ความสนใจมาก ไม่น่าจะมากดดันเจ้าหน้าที่ ที่ทำงานอย่างตรงไปตรงมา โดยแรงกดดันที่เกิดขึ้น ทำให้ตนไม่ทราบความคืบหน้าในคดี ทั้งที่ตนเป็นคนแจ้งความในคดีนี้
ประธานเครือข่ายรณรงค์ทวงคืนเพื่อความยุติธรรม กล่าวต่อว่า รู้มาว่าคนที่กดดันในคดีนี้เป็นนายตำรวจชั้นผู้ใหญ่ และตนไม่อยากเอ่ยชื่อ จึงอยากทราบจริงๆ ที่ทางคุณฌอนพูดถึงในคลิปบ่อยๆ นั้นว่า ผู้ใหญ่คนที่ผู้ถึงนั้นเป็นใคร ทำให้ตนมีความกังวลใจในคดีนี้เหมือนกัน ทำให้ตนต้องมาติดตามความคืบหน้าในคดีนี้มาโดยตลอด
...
นายรณณรงค์ กล่าวด้วยว่า ขอชื่นชมทางตำรวจปากเกร็ดว่าทำคดีนี้ได้ดีมาก และดีใจมากที่คุณฌอนเดินทางมาพบพนักงานสอบสวนตามหมายเรียก ทั้งๆ ที่มีการแจ้งความในคดีนี้หลายโรงพัก และไม่มีที่ไหนมีความคืบหน้าเหมือนกับที่โรงพักปากเกร็ดเลย ซึ่งเชื่อว่าตำรวจจะทำคดีนี้อย่างตรงไปตรงมา และมีอีกเรื่องที่อยากถามคุณฌอนว่า เมื่อไหร่จะเอาเงินไปบริจาคเสียที ทั้งๆ ที่ไฟป่าก็ดับหมดไปนานแล้ว หรือจะรอให้เกิดไฟป่าในปีหน้าถึงจะบริจาค รับบริจาคปีนี้ก็ควรจะบริจาคให้กับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในปีนี้เรื่องนี้จะได้จบไป.