หนุ่มใหญ่วัย 46 ผูกคอดับปริศนา ถูกของมีคมเชือดเจ้าโลก ลูกอัณฑะเลือดท่วม ชาวบ้านเชื่อฝีมือแก๊งเงินกู้ดอกโหด หวังเชือดไก่ให้ลิงดู หลังเมียผู้ตายไปกู้มา 8 หมื่น แล้วไม่มีจ่าย เผ่นหนีเจ้าหนี้ไปบึงกาฬ ทั้งๆ ที่คนตายก็ไม่รู้เรื่อง แฉไปแจ้งตำรวจ สภ.หนองเรือ กลับได้รับคำตอบ เรื่องนี้ไม่ต้องให้นักข่าวรู้ ขณะที่สาเหตุการตายที่แท้จริง ยังต้องรอผลนิติเวชอย่างเป็นทางการ
เมื่อเวลา 08.00 น. วันที่ 8 ก.ค.2563 ผู้สื่อข่าวรายงานบรรยากาศที่วัดสว่างมนาวาส บ้านเหมือดแอ่ ม.7 ต.บ้านเม็ง อ.หนองเรือ จ.ขอนแก่น สถานที่ตั้งสวดอภิธรรมศพ นายยอดชาย แสนสงค์ อายุ 46 ปี ชาวบ้านเหมือดแอ่ ซึ่งผูกคอตัวเองเสียชีวิตในบ้านพักเลขที่ 166 ม.16 บ้านเหมือดแอ่ โดยพบศพเมื่อช่วงหัวค่ำวันที่ 5 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ในสภาพศพใส่เสื้อยืดคอกลมแขนสั้นสีดำ สวมกางเกงกีฬาขาสั้นสีฟ้า มีเชือกลูกเสือสีแดงมัดที่คอกับโยงขื่อในห้องนอน เท้ายืนอยู่ที่พื้นห้อง งอเข่า มีเลือดไหลอาบช่วงล่าง ลูกและญาติพี่น้องได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ มาตรวจที่เกิดเหตุและชันสูตรศพผู้ตาย ญาติติดใจการผูกคอตาย ที่มีเลือดไหลอาบร่าง จึงส่งศพตรวจพิสูจน์ที่นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ จากนั้นญาติพี่น้องจึงได้ไปรับศพที่นิติเวช มาตั้งบำเพ็ญกุศลที่วัดในหมู่บ้าน ซึ่งในงานศพพบมารดา ภรรยา ญาติพี่น้อง เพื่อนบ้านและผู้ใหญ่บ้าน มาร่วมงานศพอย่างพร้อมเพรียง
...
นางยุพิน พรมกัน อายุ 41 ปี ภรรยาผู้ตายเปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า สามีเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ไม่เคยพูดจาผิดหูใคร รับจ้างทำงานก่อสร้างเลี้ยงครอบครัวมาตลอด ในวันที่สามีเสียชีวิต ตัวเองไม่อยู่บ้าน เพราะหนีเจ้าหนี้ไปที่จังหวัดบึงกาฬ เนื่องจากกู้เงินจากนายทุนเงินกู้นอกระบบมาใช้เอง รวมทั้งหมด 10,000 บาท และกู้ให้เพื่อน 2 คน 70,000 บาท รวมเป็นเงินทั้งหมด 80,000 บาท ต้องส่งคืนนายทุนเป็นรายวัน วันละ 4,000 บาท ยืมมาแรกๆ มีเงินจ่าย เพราะรับจ้างตัดอ้อย ส่วนสามีก็รับจ้างทำงานก่อสร้างมาตลอด แต่ช่วงโควิด-19 ไม่มีงาน จึงไม่ค่อยมีเงินจ่ายดอกเบี้ยและเงินกู้นอกระบบรายวัน ส่วนเพื่อน 2 คนเมื่อกู้เงินได้ ก็ไม่จ่ายและหลบหนีไป จึงต้องหาเงินมาจ่ายนายทุนเอง เมื่อไม่มีเงิน จึงจะไปยืมเพื่อนที่จังหวัดบึงกาฬมาจ่ายเงินกู้นอกระบบ
ภรรยาผู้ตาย กล่าวอีกว่า การเดินทางไปที่จังหวัดบึงกาฬ ได้บอกสามีและลูกว่า จะไปเที่ยวและเยี่ยมเพื่อนเท่านั้น ไม่ได้บอกว่าไปยืมเงิน สามีก็ไม่ได้ว่าอะไร ส่วนลูกชาย 2 คน ก็กำลังเรียน โดยคนโตเรียน ปวช.ปี 1 คนที่ 2 เรียนชั้น ป.1 เมื่อเดินทางถึงจังหวัดบึงกาฬ เวลาประมาณ 5 โมงเย็น จึงโทรศัพท์หาลูกชายคนเล็ก ซึ่งทราบว่า เล่นอยู่บ้านเพื่อน อยู่ไม่ห่างจากบ้านตัวเอง จึงให้ลูกชายถือโทรศัพท์กลับบ้านเพื่อจะคุยกับสามี แต่เมื่อลูกชายกลับถึงบ้านก็เข้าห้องนอนพ่อไม่ได้ เพราะถูกล็อกลูกบิด จึงไปเรียกพี่ชายที่บ้านเพื่อนกลับบ้าน ลูกชายคนโตกลับถึงบ้าน จึงเข้าห้องนอนตัวเอง ปีนผนังห้องนอน ข้ามไปยังห้องของพ่อ เพื่อปลดล็อกลูกบิด ปรากฏว่าพบพ่อผูกคอตาย จึงให้น้องชายไปบอกญาติพี่น้องว่าพ่อผูกคอตาย เมื่อญาติพี่น้องมาดูศพ พบว่าไม่ใช่การผูกคอตาย น่าจะเป็นการถูกฆ่า เนื่องจากปลายเท้ายังอยู่ที่พื้น และมีเลือดไหลออกจากร่างกาย จึงแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ มาตรวจที่เกิดเหตุ และชันสูตรศพสามี
“สามีเสียชีวิต จึงรีบเดินทางกลับมาที่บ้าน เมื่อฟังรายละเอียดจากคำบอกเล่าจากลูกชาย ญาติพี่น้อง และเพื่อนบ้าน ทราบว่าสามีถูกของมีคมเฉือนที่อวัยวะเพศและลูกอัณฑะ เป็นเหตุให้เลือดไหลมาที่ขา และมีรอยเขียวช้ำ รอยถลอกที่เอว ที่ขาและลำตัว ทุกคนเชื่อว่าสามีถูกคนร้ายลักลอบเข้ามาในบ้านแล้วลงมือฆ่า จึงประสานขอความช่วยเหลือจากผู้สื่อข่าวให้มาตรวจสอบ เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมกับครอบครัว อีกทั้งตำรวจ สภ.หนองเรือ ยังได้บอกเอาไว้ว่า เรื่องนี้ไม่ต้องให้นักข่าวรู้เรื่อง จึงอยากฝากถึงเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หนองเรือ ช่วยสืบสวนสอบสวนหาตัวคนที่ลงมือทำร้ายและฆ่าสามี มาดำเนินการตามกฎหมายด้วย เพราะไม่เช่นนั้นครอบครัวจะยังไม่เผาศพสามี จนกว่าผลพิสูจน์ของแพทย์นิติเวช รพ.ศรีนครินทร์ จะออกมา”
ขณะที่ นายประดิษฐ์ เพียรักษา อายุ 58 ปี เพื่อนรุ่นพี่ของผู้ตาย และเป็นคนที่เห็นสภาพศพ เห็นบาดแผลในร่างกายผู้ตาย เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า การตายของนายยอดชายในครั้งนี้ คนลงมือทำทำทุกอย่างเสมือนการเชือดไก่ให้ลิงดู เพราะเท่าที่ได้ยินเพื่อนบ้านพูดเล่าต่อกัน ทราบว่า ก่อนที่นายยอดชายจะเสียชีวิตนั้น ภรรยาก็หนีไปต่างจังหวัด ลูกชายสองคนก็หาเล่นกับเพื่อนๆ มีคนเห็นชายฉกรรจ์ขับรถยนต์ มีทั้งรถฟอร์จูนเนอร์ และรถกระบะแต่งซิ่ง มาเรียกหานางยุพิน ภรรยานายยอดชาย เพื่อจะเก็บหนี้เงินกู้นอกระบบ ซึ่งนางยุพินไม่อยู่ มีเพียงนายยอดชาย สามีอยู่ที่บ้าน ซึ่งทั้งหมดนี้ ไม่ทราบว่าจะเกี่ยวกันหรือไม่ เพราะการผูกคอตายในลักษณะเช่นนี้ไม่น่าเป็นไปได้ ชาวบ้านจึงพากันติดใจสงสัยการตายของนายยอดชายในครั้งนี้ และอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการจับกุมคนร้ายที่ลงมือฆ่า นายยอดชาย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
...
ขณะที่ นางนวพร วงศ์กอง อายุ 48 ปี ผู้ใหญ่บ้านบ้านเหมือดแอ่ กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า เหตุการณ์ที่พบศพ นายยอดชาย ผูกคอตายในบ้าน แต่สภาพศพมีการถูกเฉือนอวัยวะเพศและลูกอัณฑะนั้น ตัวเองไม่เห็นศพ เพราะไปทำธุระที่ต่างจังหวัด และกลับเข้ามาในหมู่บ้านประมาณ 4 ทุ่มของคืนวันที่ 5 ก.ค.ที่ผ่านมา จึงเดินทางไปที่บ้านผู้ตาย ซึ่งพบเจ้าหน้าที่ตำรวจและชาวบ้านพูดถึงการผูกคอตายที่น่าสงสัยหลายอย่าง ญาติพี่น้องจึงต้องการให้แพทย์นิติเวช รพ.ศรีนคินทร์ ชันสูตรศพผู้ตาย เพื่อให้ทราบแน่ชัดว่านายยอดชายผูกคอตายเอง หรือมีคนทำร้ายแล้วจับผูกคอ เพราะขณะเกิดเหตุไม่มีคนเห็นเหตุการณ์ จึงต้องการพึ่งพาแพทย์ ให้ตรวจพิสูจน์สาเหตุการตายในครั้งนี้
ผู้ใหญ่บ้าน กล่าวต่ออีกว่า โดยส่วนตัวตั้งแต่เล็กจนโต รู้จักกับผู้ตายเป็นอย่างดี ผู้ตายทำแต่งาน ไม่เคยพูดหรือทำให้ชาวบ้าน ญาติพี่น้อง เสียใจ มีภรรยาก็รักครอบครัว หาทำงานรับจ้างเลี้ยงครอบครัวมาตลอด เมื่อเสียชีวิตในลักษณะนี้ก็เป็นเรื่องที่ไม่เป็นธรรมกับคนตายและครอบครัว จึงต้องการให้ตำรวจทำการสืบสวนสอบสวน หาตัวคนที่ลงมือทำร้ายและฆ่าผู้ตาย มาดำเนินคดีตามกฎหมาย
ในขณะที่ผู้สื่อข่าวลงพื้นที่นั้น มีชาวบ้านมาบอกข้อมูลเกี่ยวกับการปล่อยเงินกู้นอกระบบในหมู่บ้านว่า มีทั้งหมด 13 ราย เป็นทั้งคนในพื้นที่จังหวัดขอนแก่น และจากจังหวัดนครราชสีมา ที่นำเงินมาปล่อยให้ชาวบ้านกู้ และเก็บดอกเบี้ยรายวัน โดยแต่ละรายจะมีการทำงานทั้งหมด 3 ขั้นตอน คือ คนปล่อยเงิน คนเก็บเงิน และคนทวงหนี้ แต่ไม่น่าเชื่อว่า จะมีชุดที่ 4 คือชุดลงมือฆ่าชาวบ้านด้วย จึงอยากให้เจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนจับกุมกลุ่มคนที่เกี่ยวข้องกับการตายของนายยอดชายในครั้งนี้ เพราะชาวบ้านเชื่อว่าเป็นฝีมือของกลุ่มเงินกู้นอกระบบ.