กองปราบใช้เวลาสอบปากคำ “วราภรณ์ ตั้งภากรณ์” ภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน เกือบ 4 ชั่วโมง ยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหา ขณะที่เจ้าตัวยอมรับเป็นเจ้าของไร่ แต่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี

กรณีนางวราภรณ์ ตั้งภากรณ์ ภรรยา พ.ต.ท.บรรยิน ตั้งภากรณ์ อดีต รมช.พาณิชย์ เดินทางเข้าพบ พ.ต.อ.สัณห์เพ็ชร หนูทอง ผกก.กลุ่มงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมตามหมายเรียกในคดีที่ พ.ต.ท.บรรยิน และพวกรวม 6 คนก่อเหตุอุ้มฆ่านายวีรชัย ศกุนตะประเสริฐ พี่ชาย น.ส.พนิดา ศกุนตะประเสริฐ ผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ หลังเจ้าหน้าที่ชุดคลี่คลายคดีดังกล่าวพบว่าที่ดินที่ผู้ต้องหานำร่างของผู้ตายไปเผาอำพรางนั้นมีชื่อของนางวราภรณ์ เป็นผู้ครอบครอง รวมถึงยังมีประเด็นข้อสงสัยอื่นๆ อีกหลายประเด็นที่จำเป็นต้องเรียกมาชี้แจงให้คลายข้อสงสัยทางคดี ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น

เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 10 มี.ค.63 หลังการเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนกองปราบเสร็จ ใช้เวลาเกือบ 4 ชั่วโมง นางวราภรณ์ ได้เดินมาขึ้นรถกลับโดยเปิดเผยกับสื่อมวลชนเพียงสั้นๆว่า ที่ดินผืนดังกล่าวเป็นของตนจริง แต่ไม่ทราบว่า พ.ต.ท.บรรยิน และพวกนำศพไปเผาทำลายที่นั่น ในส่วนนี้ได้ชี้แจงรายละเอียดและนำเอกสารต่างๆ มาให้กับพนักงานสอบสวนไปหมดแล้ว ขอยืนยันว่าตนเป็นผู้บริสุทธิ์ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีดังกล่าวแต่อย่างใด และพนักงานสอบสวนก็ไม่ได้นัดหมายให้ตนมาให้ปากคำเพิ่มเติมด้วย

รายงานข่าวแจ้งว่า สำหรับการสอบปากคำ นางวราภรณ์ ในครั้งนี้ เป็นการเชิญมาในฐานะพยาน พนักงานสอบสวนได้กำหนดประเด็นข้อสงสัยเกี่ยวกับคดีไว้หลายส่วน โดยหลักๆ จะมุ่งเน้นไปที่ข้อสงสัยเกี่ยวกับที่ดินจุดที่ พ.ต.ท.บรรยิน และพวก นำศพผู้ตายไปเผาทำลาย เนื่องจากพบว่าเป็นที่ดินของ นางวราภรณ์ รวมถึงปมข้อสงสัยเกี่ยวกับการที่นางวราภรณ์ ใช้แม่บ้านไปซื้อซิมเบอร์โทรศัพท์ที่ พ.ต.ท.บรรยิน นำไปใช้ในการก่อเหตุ ข้อมูลการใช้รถของ พ.ต.ท.บรรยิน และที่อยู่อาศัยที่แท้จริงของ พ.ต.ท.บรรยิน เพื่อนำไปประกอบสำนวนคดีและนำไปใช้พิจารณาคลี่คลายข้อสงสัยว่า นางวราภรณ์ นั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีด้วยหรือไม่ เบื้องต้นยังไม่ได้มีการแจ้งข้อกล่าวหากับนางวราภรณ์ แต่อย่างใด

...

รายงานข่าวแจ้งอีกว่า ขณะที่ในส่วนของคำให้การของนางวราภรณ์ ในครั้งนี้ เบื้องต้นนางวราภรณ์ ได้อ้างว่าที่ดินผืนดังกล่าวเป็นที่ดินที่ซื้อต่อมาอีกทอดหนึ่ง ส่วนตัวมีชื่อครอบครองอยู่ 4 แปลง เคยไปดูพื้นที่เพียงแค่ครั้งเดียวแต่นานมาแล้ว จำไม่ได้ว่าแต่ละแปลงอยู่ตรงไหนบ้าง และไม่ทราบว่า พ.ต.ท.บรรยิน และพวกจะนำศพผู้ตายไปเผาทำลายในที่ดินผืนนี้เพราะไม่ทราบว่ามีการก่อเหตุดังกล่าว

ส่วนกรณีซิมโทรศัพท์มือถือนั้น นางวราภรณ์ รับว่าเป็นผู้ให้คนงานในบ้านไปเปิดซิมจริง เพราะต้องการนำมาใช้ในสำนักงาน เนื่องจากเห็นว่าในช่วงนั้นทางค่ายโทรศัพท์มีการจัดโปรโมชั่นประหยัดค่าโทร แต่ไม่ทราบว่าหลังจากเปิดเบอร์ขึ้นมาแล้วใครนำไปใช้ทำอะไรบ้าง แต่พนักงานสอบสวนยังไม่ปักใจเชื่อคำให้การทั้งหมดและจะมีการนำไปพิจารณาควบคู่กับพยานหลักฐานอื่นๆ เพื่อพิสูจน์ทราบข้อเท็จจริงต่อไป.