“บิ๊กโจ๊ก” แฉประเด็นร้อนรถสายตรวจอัจฉริยะราคาแพงลิ่ว 900 ล้าน ใช้ผิดวัตถุประสงค์ เป็นรถนำขบวน ยันไบโอแมทริกซ์ไม่ดีจริง ที่จับคนร้ายได้ฝีมือตำรวจล้วนๆ

เมื่อวันที่ 8 ม.ค.63 ที่ สน.บางรัก ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล หรือบิ๊กโจ๊ก ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และอดีต ผบช.สตม.ให้สัมภาษณ์หลังเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวนนานกว่า 3 ชั่วโมง กรณีคนร้าย 2 คน สวมหมวกกันน็อกแบบเต็มใบ ขี่รถจักรยานยนต์ฮอนด้า คลิก สีดำ ไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน บุกกระหน่ำยิงรถยนต์เลกซัส อาร์เอ็กซ์ 270 สีขาว ทะเบียน 9 กจ 351 กรุงเทพมหานคร ของ พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หรือบิ๊กโจ๊ก ที่จอดอยู่ตรงข้ามร้านสาริกา มาสสาจ ซอยสาริกา ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก

โดย พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ เปิดเผยว่า วันนี้ได้ให้ข้อมูลหลายส่วน ทั้งเรื่องโครงการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างเครื่องพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล ไบโอ-แมทริกซ์ที่ตนเซ็นยกเลิกคำสั่งสมัยเป็น ผบช.สตม. ซึ่งเชื่อว่าสาเหตุการยิงรถนั้นเกิดจากเรื่องดังกล่าว พร้อมกับนำเอกสารรายงานแจ้งปัญหาการใช้งานไบโอ-แมทริกซ์ ซึ่งมีผู้หวังดีส่งมาให้ ยืนยันว่าระบบนี้ไม่ได้ดีจริง แต่ที่จับคนร้ายได้หลายๆ คดีเป็นเพราะฝีมือตำรวจทั้งนั้น ส่วนเรื่องรถสายตรวจอัจฉริยะยี่ห้อ BMW ที่ สตม. จัดซื้อจัดจ้างในราคากว่า 900 ล้านบาท แต่กลับใช้เป็นรถนำขบวนเท่านั้น ทั้งที่หน่วยงานอื่นใช้รถที่ราคาถูกกว่า ซึ่งโครงการดังกล่าวมีค่าซ่อมบำรุงที่ค่อนข้างสูง และตนมองว่าเป็นการนำภาษีประชาชนมาใช้โดยไม่เกิดประโยชน์สูงสุด

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า ส่วนคดีการยิงรถของตนนั้น ได้ให้ข้อมูลเกี่ยวกับการติดตามคนร้ายที่ขับรถจักรยานยนต์มาก่อเหตุ รวมถึงให้ข้อมูลเรื่องรถเบนซ์สีดำต้องสงสัยที่ขับมาวนภายในบริเวณร้านนวดแผนโบราณก่อนเกิดเหตุ ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจอยู่ระหว่างสืบสวนสอบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน แต่ยังไม่สามารถพิสูจน์ทราบตัวบุคคลได้ว่าผู้ก่อเหตุเป็นใคร และใช้ปืนชนิดใด

...