ตร.ภูธรภาค 9 ตามประกบรวบตัวแม่ค้าออนไลน์ หลอกขายสินค้าแบรนด์เนมบนเฟซบุ๊กแล้วเชิดเงิน มีผู้เสียหายแจ้งความ 22 ราย รวมมูลค่ากว่า 7 แสนบาท สวมฮิญาบปลอมเป็นคนมุสลิมตบตาจนท. แต่ไม่รอดพ้นสายตา
เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 25 ธ.ค.62 เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.สส.4 บก.สส.ภ.9 ภายใต้การอำนวยการของ พล.ต.ต.ศุภวัฒน์ ทับเคลียว ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.สมพงษ์ สุวรรณวงศ์ รอง ผบก.สส.ภ.9, พ.ต.อ.บรรพต เดชมา ผกก.สส.4 บก.สส.ภ.9, พ.ต.ท.ทศพล อารมณ์รัตน์ รอง ผกก.สส.4 บก.สส.ภ.9 พ.ต.ต.สิทธิชัย บริสุทธิ์ สว.กก.สส.4 บก.สส.ภ.9
ขับรถตามประกบและล็อกหน้าล็อกหลัง จับกุม น.ส.ณัฐนันท์ สุขเกษม อายุ 30 ปี โจรสาวออนไลน์ที่มีหมายจับติดตัวถึง 4 หมาย รวม 11 สถานีตำรวจเกือบทั่วทุกภาคของประเทศ ในข้อหาฉ้อโกง และโดยทุจริต โดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนและฉ้อโกงประชาชน และร้องทุกข์กับ สคบ.อีก 1 เรื่อง
โดยถูกจับกุมได้บนถนนภายในซอย 2 ถนนเพชรเกษม อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ขณะกำลังขับรถจักรยานยนต์ออกจากบ้านพักเพื่อไปเยี่ยมพ่อที่ป่วยอยู่ที่โรงพยาบาล โดยใช้วิธีสวมฮิญาบหรือผ้าคลุมศีรษะสตรีมุสลิมพรางตัว มีลูกชายวัย 3 ขวบนั่งมาด้านหน้า
...
เจ้าหน้าที่จึงควบคุมตัวไปสอบสวนที่กองกำกับการสืบสวน 4 กองบังคับการสืบสวนภาค 9 และจากการสอบสวน น.ส.ณัฐนันท์ ก็ยอมรับสารภาพโดยบอกว่าเปิดเฟซบุ๊กหลอกขายกระเป๋าแบรนด์เนมมาราว 7 เดือนนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
สำหรับพฤติกรรมของ น.ส.ณัฐนันท์ จะแฝงตัวเป็นแม่ค้าออนไลน์ สร้างเฟซบุ๊กปลอมขึ้นมาหลายชื่อ โดยนำรูปคนอื่นมาใช้เป็นรูปโปรไฟล์ ประกาศขายกระเป๋าแบรนด์เนมในราคาถูก ใบละประมาณ 23,000, 24,000 และ 25,000 บาท โดยการโพสต์ขายของจะนำบัตรประชาชนปลอมที่ตัดต่อรูปในบัตรมาวางคู่กับสินค้าเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ และมีการรีวิวสินค้าการันตีลูกค้า เมื่อมีคนสนใจสั่งซื้อและโอนเงินมาให้กลับไม่มีสินค้าส่งให้ และมีผู้เสียหายบางรายรู้ที่อยู่และไปทวงเงินคืน แต่ น.ส.ณัฐนันท์ ก็ไม่ยอมคืนเงินให้ แถมท้าทายให้ไปแจ้งความ อ้างว่ามีเส้นสายกับตำรวจ หรือหากผู้เสียหายถ่ายคลิปวิดีโอก็จะขู่ฟ้องกลับหากนำไปโพสต์ให้เสียหาย
โดยมีผู้เสียหายที่เข้าแจ้งความร้องทุกข์แล้ว 22 คน และอาจจะมีมากกว่า 50 คน ความเสียหายมากกว่า 7 แสนบาท และ น.ส.ณัฐนนท์ มีประวัติเรียนจบปริญญาตรี ด้านการตลาดจากมหาวิทยาลัยมีชื่อแห่งหนึ่งใน จ.สงขลาด้วย เบื้องต้นตำรวจได้ส่งตัวไปดำเนินคดีที่ สภ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นคดีแรกที่ก่อเหตุหลอกเหยื่อ.