ผู้สื่อข่าวรายงานภาวะตลาดหุ้นไทยวันที่ 23 มี.ค.63 ที่ผ่านมาว่า ตลาดหุ้นไทยกลับมาโดนเทขายอย่างหนักโดยทันทีที่เปิดตลาดดัชนีทรุดตัวลงอย่างรุนแรง และหนักหน่วงตลอดทั้งวัน นักลงทุนวิตกกังวลจำนวนผู้ติดเชื้อทั้งในประเทศไทยที่สูงขึ้น และการออกคำสั่งปิดกรุงเทพฯ โดยปิดห้างสรรพสินค้า ร้านค้าต่างๆ เพื่อหยุดการแพร่เชื้อ ซึ่งได้ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจแทบหยุดชะงักอย่างสิ้นเชิง ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทย โดยหลายสำนักเริ่มปรับลดคาดการณ์เศรษฐกิจปีนี้ว่าจะขยายตัวติดลบ ทั้งนี้ ในการซื้อขายช่วงบ่าย เมื่อเวลา 15.25 น. ดัชนีได้ปรับลงมาติดลบถึง 8% หรือลดลง 90.19 จุด มาอยู่ที่ 1,037.05 จุด ทำให้ตลาดหลักทรัพย์ต้องใช้มาตรการ Circuit Breaker พักการซื้อขายชั่วคราว 30 นาทีตามเกณฑ์ใหม่ ซึ่งเป็นการใช้ Circuit Breaker เป็นครั้งที่ 6 ในประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นไทย และหลังจากตลาดกลับมาเปิดซื้อขายอีกครั้งเวลา 15.55 น. นักลงทุนยังคงเทขายหุ้นกดดัชนีไหลรูดลงมาต่อเนื่อง ก่อนมาปิดทำการที่ 1,024.46 จุด ลดลง 102.78 จุดหรือ 10.03% ท่ามกลางมูลค่าซื้อขาย 59,677.80 ล้านบาท ขณะที่ต่างชาติยังคงขายสุทธิหุ้นไทยต่อเนื่องอีก 4,235.47 ล้านบาท
นายภากร ปีตธวัชชัย กรรมการและผู้จัดการตลาดหลักทรัพย์ กล่าวว่า ตลาดหุ้นไทยที่ปรับลงแรงสอดคล้องกับตลาดหุ้นโลกทั้งในเอเชียและยุโรป บางตลาดลงมากกว่าไทย โดย 3 ปัจจัยหลัก ที่หุ้นไทยลงวันที่ 23 มี.ค.คือ การประกาศล็อกดาวน์ กทม.เมื่อวันอาทิตย์ ซึ่งมีผลกระทบกับหุ้นที่เกี่ยวกับห้างสรรพสินค้า ร้านอาหารต่างๆที่ทำธุรกิจในกรุงเทพฯค่อนข้างมาก และราคาน้ำมันในตลาดโลกที่ปรับตัวลงอีก 10% ทำให้ราคาหุ้นพลังงานปรับตัวลงมาก รวมทั้งปัจจัยกดดันจากผู้ติดเชื้อโควิด-19 ที่มากขึ้น อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่มีนโยบายปิดตลาดหุ้นเหมือนจีนและฟิลิปปินส์ โดยตลาดหุ้นไทยจะปิดก็ต่อเมื่อธนาคารพาณิชย์ปิดให้บริการ ส่วนการสร้างความเชื่อมั่นในส่วนของกองทุนพยุงหุ้นนั้น ปัจจุบันมาตรการที่ใช้ยังมีประสิทธิภาพอยู่ ส่วนมาตรการอื่นคงต้องพิจารณา
เป็นอันดับต่อไป
นางสาวรุ่ง สงวนเรือง ฝ่ายส่งเสริมธุรกิจโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา เผยว่า ค่าเงินบาทเปิดตลาดที่ 32.86 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ อ่อนค่าในรอบ 15 เดือน โดยมาปิดตลาดที่ 33 บาทต่อดอลลาร์ มองสัปดาห์นี้มีโอกาสเห็นค่าเงินบาทวิ่งไปแตะที่ 33.30 บาทต่อดอลลาร์.
การเก็บรวบรวมข้อมูลนี้นำไปใช้เพื่อ กิจกรรมทางการตลาดโดย ยึดหลัก ปฏิบัติตามนโยบายคุ้มครองข้อมูล ส่วนบุคคล