นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช. หรือสภาพัฒน์) เปิดเผยว่า ที่ประชุมศูนย์บริหารสถานการณ์เศรษฐกิจจากผลกระทบของการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบศ. ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ได้เห็นชอบข้อเสนอโครงการบริหารเศรษฐกิจระยะปานกลางและระยะยาว ชุดที่ 2 เสนอโดยคณะอนุกรรมการวิเคราะห์และเสนอแนะมาตรการบริหารเศรษฐกิจและส่งเสริมการลงทุนในระยะปานกลางและระยะยาว ประกอบด้วย โครงการที่ควรได้รับการส่งเสริมแบ่งออกได้เป็น 5 กลุ่มคือ 1.การขับเคลื่อนเศรษฐกิจ อุตสาหกรรมยาน พาหนะไฟฟ้าเพื่อให้ประเทศไทยเป็นเมืองสะอาด อาทิ โครงการรถแลกแจกแถม (รถเก่าแลกรถใหม่ 100,000 คัน) โครงการจักรยานยนต์ไฟฟ้าไทยชนะ และโครงการจัดหารถโดยสาร เพื่อประชาชนของ ขสมก. 2.การส่งเสริมอุตสาหกรรมเครื่องมือแพทย์ 3.การส่งเสริมการจ้างงาน อาทิ การเสริมสร้างการจ้างงานในภูมิลำเนา โครงการบริบาลชุมชนระดับหมู่บ้านและการส่งเสริมการใช้อินเตอร์เน็ตประชารัฐ
4.การสนับสนุนการเดินทางเข้ามาประเทศไทยของชาวต่างชาติ อาทิ การผ่อนปรนกฎเกณฑ์การขอสินเชื่อของชาวต่างชาติ การเพิ่มจำนวนสถานที่กักตัวทางเลือก (ASQ) และการจัดตั้งสถานที่กักกันแรงงานต่างด้าวใน 11 จังหวัด 5.การบริหารจัดการภาครัฐด้านการเงินและการค้าระหว่างประเทศ อาทิ การจัดทำข้อมูลด้านทรัพยากรการเงินของประเทศ และการรักษาและเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน
นายยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวว่า ศบศ.เห็นชอบ แพ็กเกจสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เข้ามากักตัวและมาเที่ยวในประเทศไทย (Amazing Thailand Plus Special Package) สามารถจองตั๋วเครื่องบิน ขอวีซ่า จองโรงแรมที่พักเป็นสถานที่ กักตัว และแพ็กเกจทัวร์ ซึ่งจะต้องจ่ายเงินทันที ผ่านเว็บไซต์ของการบินไทย หรือ ททท. โดยมีแพ็กเกจให้เลือก 3 อย่างคือ พัก 2 คืน ฟรี 1 คืน ในกรุงเทพฯ, พัก 2 คืน ฟรี 1 คืน ในกรุงเทพฯ และเดินทางไปพัก รร.อื่นด้วยรถยนต์ใกล้ๆกรุงเทพฯ และตัวเลือกสุดท้าย พัก 3 คืน ฟรี 2 คืน ในกรุงเทพฯ และเดินทางไปพักโรงแรมอื่นในจังหวัดที่เดินทางไปได้ด้วยเครื่องบิน สำหรับแพ็กเกจนี้เริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค.63 ถึง 31 มี.ค.64 และเดินทางได้ถึง 30 เม.ย.64 โดย ททท.จะสนับสนุนเงินค่าเดินทาง ทั้งค่ารถ ค่าตั๋วเครื่องบินให้ โดยใช้เงินของ ททท. 20 ล้านบาท.