เนสท์เล่ เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ "เนสกาแฟ" ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ให้สามารถรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2565 เพื่อสร้างสรรค์อนาคตปลอดขยะให้คนไทย
วิคเตอร์ เซียห์ ประธานกรรมการและประธานคณะผู้บริหาร เนสท์เล่ อินโดไชน่า กล่าวว่า เนสกาแฟเป็นแบรนด์กาแฟชั้นนำระดับโลกของเนสท์เล่ที่เชื่อมทุกความผูกพันกับผู้บริโภคมานานกว่า 47 ปี เราต่อยอดความมุ่งมั่นของแบรนด์เนสกาแฟในการเชื่อมทุกความผูกพันอย่างมีความหมายมากกว่าเดิมในปีนี้
ทั้งนี้ การจัดการขยะพลาสติกเป็นสิ่งที่เราให้ความสำคัญสูงสุด เราจึงเป็นผู้นำในการประกาศเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์เนสกาแฟครบทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ ซึ่งเป็นกลุ่มธุรกิจที่ใหญ่ที่สุดของเนสท์เล่ในประเทศไทย ให้นำไปรีไซเคิลได้ 100% ภายในปี 2565 ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่มองหาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ทั้งยังเป็นส่วนหนึ่งในพันธกิจด้านความยั่งยืนของเนสท์เล่ระดับโลก
นาริฐา วิบูลยเสข ผู้จัดการธุรกิจกาแฟปรุงสำเร็จ บริษัท เนสท์เล่ (ไทย) จำกัด กล่าวว่า เราภูมิใจมากที่ทีมวิจัยและพัฒนาบรรจุภัณฑ์ของเนสท์เล่ ประเทศไทย ได้เป็นผู้ริเริ่มพัฒนานวัตกรรมบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกอย่างซองแบบ Mono Structure ที่ผลิตจากพลาสติกตระกูลเดียวกัน
ทั้งนี้ ยังสามารถนำไปรีไซเคิลได้เป็นครั้งแรกของโลกได้สำเร็จให้คนไทยได้ใช้กันเป็นประเทศแรก นวัตกรรมซอง Mono Structure ได้รับการออกแบบให้ทำหน้าที่เหมือนกับซองกาแฟปัจจุบันมากที่สุด เพื่อกักเก็บรสชาติ กลิ่นหอม และความสดใหม่ของผลิตภัณฑ์ที่บรรจุอยู่ในซองจนกว่าจะถึงมือผู้บริโภค ซึ่งข้อดีที่แตกต่างคือ ซอง Mono Structure สามารถนำไปรีไซเคิลได้ โดยต้องมีการคัดแยกขยะอย่างถูกต้อง
จากความมุ่งมั่นด้านความยั่งยืนนี่เอง จึงเป็นที่มาของแคมเปญเนสกาแฟ เดย์ ในปีนี้ที่มาพร้อมคอนเซปต์ เชื่อมทุกความผูกพัน ชงเพื่อความยั่งยืน ชวนคอกาแฟทั่วประเทศมาร่วมรักษ์โลก ด้วยการโชว์เคสไอเดียการอัพไซคลิ่งบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้เกิดประโยชน์สูงสุด ด้วยการนำซองผลิตภัณฑ์เนสกาแฟ เบลนด์ แอนด์ บรู ที่คอกาแฟส่งมาร่วมชิงโชคทุกปี
โดยมีจำนวนมากกว่า 100 ล้านซอง มาเพิ่มมูลค่าด้วยการอัพไซคลิ่งเป็นวัสดุรักษ์โลกอย่างไม้เทียม (Wood Plastic Composite-WPC) สำหรับทำเป็นโต๊ะอาหารเพื่อมอบให้กับโรงเรียนทั่วประเทศ 100 แห่ง
พร้อมกับนำไปใช้ตกแต่งเนสกาแฟฮับ 7 สาขา ได้แก่ 2 สาขาใหม่คือ BTS เพลินจิต และหมอชิต และจะทยอยเปลี่ยนใน 5 สาขาเดิม คือ BTS ชิดลม อารีย์ อนุสาวรีย์ชัย ศาลาแดง และช่องนนทรี และตกแต่งเนสกาแฟ สตรีท คาเฟ่ด้วย
นาริฐา กล่าวว่า ส่วนเนสกาแฟกระป๋องพร้อมดื่มนั้น เราได้จัดการประกวดสร้างสรรค์ไอเทมใหม่จากการนำกระป๋องอลูมิเนียมไปรีไซเคิล ได้ร่วมมือกับอาจารย์วิทยาลัยสารพัดช่างระยอง นำกระป๋องอลูมิเนียมใช้แล้วมาสร้าง Prototype หุ่นยนต์วัดอุณหภูมิร่างกายที่สามารถแจกตัวอย่างเครื่องดื่มได้
ทั้งนี้ เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้นักศึกษาอาชีวะได้เห็นว่า ขยะสามารถนำไปใช้ต่อยอดเป็นนวัตกรรมที่มีประโยชน์ต่อสังคมและส่วนรวมได้ ซึ่งจะเริ่มดำเนินโครงการในเดือนตุลาคมนี้เป็นต้นไป.