นายจอห์น แวกเนอร์ ผู้อำนวยการบริหาร เฟซบุ๊ก ประเทศไทย (Facebook) เปิดเผยว่า การจัดงานแถลงผลการศึกษาพฤติกรรมผู้บริโภคออนไลน์ภายใต้หัวข้อ “Riding the Digital Wave : Southeast Asia’s Discovery Generation” เพื่อกระตุ้นให้เกิดการใช้แพลตฟอร์มของเฟซบุ๊กในการทำธุรกิจ ส่งเสริมงานด้านการตลาดและการขายของผู้ประกอบการรายเล็กรายน้อยไปจนถึงรายใหญ่ โดยระบุว่า ผู้บริโภคออนไลน์ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ถือเป็นกลุ่มที่เติบโตและแอ็กทีฟมากที่สุดแห่งหนึ่งของโลก โดยเมื่อปี 2561 ที่ผ่านมา ภูมิภาคนี้มีผู้บริโภคออนไลน์ทั้งสิ้น 250 ล้านคน เติบโต 2.8 เท่าจากปี 2558 และคาดว่าในปี 2568 ตัวเลขจะเพิ่มขึ้นเป็น 310 ล้านคน
ผลการศึกษาระบุว่า ภายในปี 2568 มูลค่าการซื้อสินค้าผ่านออนไลน์ในประเทศไทยจะเติบโตเพิ่มขึ้นเกือบ 5 เท่า คิดเป็นยอดเติบโตในอันดับที่ 2 รองจากเวียดนาม นอกจากนั้นผู้บริโภคออนไลน์ชาวไทยยังเป็นชาติที่ติดต่อสื่อสารกับแบรนด์สินค้าผ่านทางโซเชียลมีเดียมากเป็นอันดับ 1 แถมใจกว้าง เพราะกว่า 60% ยอมเปิดใจที่จะลองสินค้าแบรนด์ใหม่ๆ แม้จะไม่เคยได้ยินชื่อหรือทดลองใช้บริการมาก่อน ต่างจากผู้บริโภคออนไลน์ชาวสิงคโปร์ที่เปิดใจลองสินค้าแบรนด์ใหม่ราว 35%
เฟซบุ๊กระบุอีกว่า อีคอมเมิร์ซเมืองไทยยังมีโอกาสสำหรับผู้เล่นหน้าใหม่อีกเป็นจำนวนมาก เนื่องจากส่วนแบ่งตลาดระหว่างผู้นำ (Lazada) กับเบอร์ 2 (Shoppe) ห่างกันเล็กน้อยราว 10% ต่างจากในสหรัฐอเมริกา ที่เบอร์ 1 อย่าง อเมซอนทิ้งห่างเบอร์ 2 ประมาณ 600% ถือว่าเมืองไทยยังไม่มีผู้เล่นหลัก จึงยังมีที่ว่างอีกมาก ขณะเดียวกันผู้บริโภคออนไลน์เมืองไทย ยังมีนิสัยเปิดกว้างพร้อมลองของใหม่ และมักมีพฤติกรรมเข้าไปสำรวจข้อมูลสินค้าเฉลี่ย 3.2 ช่องทางออนไลน์ก่อนการตัดสินใจซื้อด้วย
นอกจากนั้น ผลการศึกษายังค้นพบว่า ผู้บริโภคออนไลน์ชาวไทยราว 61% ไม่ต้องการรอช่วงลดราคาหรือโปรโมชันเพื่อซื้อสินค้า และ 90% นิยมตรวจสอบช่องทางขายต่างๆ (Omnichannel) ของแบรนด์สินค้าก่อนตัดสินใจซื้อ เช่น เข้าไปดูเว็บไซต์ รวมทั้งที่ตั้งร้านค้า (หากมี)