ออมสินเร่งโอนเงินเยียวยา 5,000 บาท คืนลูกค้าค้างจ่ายเงินกู้ภายใน 7 วัน หลังระบบตัดเงินอัตโนมัติพร้อมประสานคลัง-แบงก์กรุงไทย ขอรายชื่อผู้ที่ได้รับเงินเยียวยา เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นอีก ด้าน “ชาญกฤช” เผย ยอดขอยกเลิกลงทะเบียนพุ่ง 6.1 แสนคน เหตุคลังเอาจริงโพสต์ข้อมูลเท็จป่วน
นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ตามที่มีผู้ลงทะเบียนมาตรการเยียวยาที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 ได้รับเงินช่วยเหลือจำนวน 5,000 บาท เป็นเวลา 3 เดือน และได้แจ้งเลขที่บัญชีเงินฝากธนาคารออมสินในการขอรับเงินโอน ซึ่งต่อมาได้รับอนุมัติเงินเยียวยาและมีเงินโอนเข้าบัญชีครั้งแรก 5,000 บาทแล้ว แต่ปรากฏว่าไม่สามารถเบิกถอนเงินจากบัญชีได้ เนื่องจากระบบธนาคารได้มีการนำไปหักชำระหนี้เงินกู้ที่เป็นหนี้ค้างชำระโดยอัตโนมัติ ซึ่งเป็นระบบที่สถาบันการเงินทั่วไปใช้ และที่สำคัญระบบไม่สามารถ ทราบได้ว่ามีลูกค้าท่านใดที่ได้ลงทะเบียนขอรับเงินเยียวยา 5,000 บาท ตามมาตรการช่วยเหลือของรัฐบาล จึงต้องขออภัยลูกค้ามา ณ โอกาสนี้
อย่างไรก็ตาม จากกรณีดังกล่าว กระทรวงการคลัง ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และธนาคารออมสิน ได้มีการหารือร่วมกัน โดยให้เร่งดำเนินการคืนเงินเข้าบัญชีให้ลูกค้าที่ลงทะเบียนรับเงินเยียวยาให้สามารถเบิกถอนเงินได้ เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์และเจตจำนงของเงินเยียวยาที่รัฐบาลมอบให้ประชาชน โดยขอให้ลูกค้าที่ถูกหักเงินในบัญชีดังกล่าวแจ้งเรื่องได้ที่เว็บไซต์ธนาคารออมสิน www.gsb.or.th หรือศูนย์ลูกค้าสัมพันธ์ โทร.1115 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 13 เม.ย.2563 เป็นต้นไป โดยธนาคารจะเร่งโอนเงินคืนเข้าบัญชีเงินฝากภายใน 7 วัน
“เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นสำหรับการเบิกจ่ายเงินเยียวยาของลูกค้ากลุ่มดังกล่าวในครั้งต่อไป ธนาคารออมสินได้ประสานกับกระทรวงการคลัง และธนาคารกรุงไทย ในการขอรายชื่อผู้ที่ได้รับอนุมัติรับเงินเยียวยา มาตรวจสอบและไม่นำไปหักบัญชีเพื่อชำระเงินกู้โดยอัตโนมัติอีก”
ด้านนายชาญกฤช เดชวิทักษ์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำนายกรัฐมนตรี (ปฏิบัติงานกระทรวงการคลัง) กล่าวว่า ภายหลังจากที่กระทรวงการคลังปรับแก้ไขระบบเว็บไซต์ www.เราไม่ทิ้งกัน.com โดยเพิ่มปุ่มยกเลิกลงทะเบียน เพื่อให้โอกาสกับประชาชนที่อาจจะไม่ได้ตั้งใจกรอกข้อมูลเป็นเท็จให้สามารถไปยกเลิกการลงทะเบียนได้ มียอดผู้ขอลงทะเบียนยกเลิกกว่า 610,000 คน หรือ 76,000 คนต่อวัน
ทั้งนี้ ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะกระทรวงการคลังได้ดำเนินการทางกฎหมายกับผู้กระทำผิดอย่างจริงจัง โดยสั่งการทีมกฎหมายของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ตรวจสอบอย่างเร่งด่วน และล่าสุดเมื่อวันที่ 10 เม.ย. ทางกระทรวงการคลังได้ยื่นเอกสารหลักฐานประสานความร่วมมือไปยังศูนย์ปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยีสารสนเทศ สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษให้ดำเนินการเอาผิดกับผู้โพสต์ข้อความลงสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการรับเงินเยียวยาโควิด-19 ทั้งหมด 5 ราย ซึ่งทำให้ตัวเลขขอยกเลิกการลงทะเบียนพุ่งสูง ถึง 5,000 ราย ภายในเวลาเพียง 2 ชั่วโมง
“คลังตั้งทีมกฎหมายติดตามการเผยแพร่ข้อมูลของบุคคลต่างๆในโลกออนไลน์ แบ่งเป็น 2 กรณี คือกรณีที่ 1 คนที่ได้รับเงิน 5,000 บาทจริง และมีการไปโพสต์ผ่านสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆว่าได้เงินมาอย่างที่ไม่ควรได้ ซึ่งคลังจะตรวจสอบข้อมูลย้อนหลัง หากพบขาดคุณสมบัติจะระงับการจ่ายเงินในเดือนต่อไป พร้อมทั้งให้ส่งเงินที่ได้รับกลับคืน รัฐบาลจะไม่ดำเนินคดี ส่วนกรณีที่ 2 ผู้โพสต์ข้อความในสื่อสังคมออนไลน์ว่าได้รับเงิน 5,000 บาท แต่ไม่ได้รับจริง ถือเป็นการสร้างความปั่นป่วนกับสังคม จะถูกดำเนินคดีจากการนำเข้าข้อมูลเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์”.