ปลุกจีดีพีโต 4% ทิศทางปี 2564 มาตรการของรัฐบาลเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจหลังโควิด-19 กำลังจะลาโรง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ ได้กล่าวในรายการ “นายกรัฐมนตรีเล่าเรื่อง” โดยได้นำอันดับความน่าเชื่อถือที่จัดทำโดยมูดี้ส์ ฟิทช์ เรตติ้ง และสแตนดาร์ดแอนด์พัวร์สให้ไทยอยู่ที่บีบีบี+
“บลูมเบิร์ก” ยกให้ไทยเป็นอันดับ 1 ใน 17 ประเทศของกลุ่มเศรษฐกิจเกิดใหม่ที่น่าลงทุนมากที่สุดในโลก
นอกจากนั้นได้กล่าวถึงปัจจัยที่นำมาใช้ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งมาตรการเยียวยาและฟื้นฟู การลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน สนับสนุนการลงทุน 4 อุตสาหกรรมใหม่
การดำเนินการเปิดประเทศอย่างต่อเนื่องแบ่งเป็น 3 ระยะ
ระยะแรกต้นปี 2564 ให้นักท่องเที่ยวกักตัวในสนามกอล์ฟ บนเรือยอชต์ ระยะสองให้ชาวต่างชาติกักตัวในจังหวัดท่องเที่ยวยอดนิยม เช่น ภูเก็ต กระบี่ เชียงใหม่
ระยะที่ 3 มีแนวโน้มเปิดประเทศเต็มรูปแบบตามกติกาองค์การอนามัยโลก และสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ
นั่นเป็นเรื่องที่รัฐบาลคิดและวางแผนเอาไว้
แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์โควิด-19 บริบทแทบทุกด้านจะเปลี่ยนไปไม่ว่าประเทศไหนก็ตามอยู่ที่จะแบบไหนอย่างไรเท่านั้น
นายกฯได้ประเมินว่าจีดีพีไทยจะโตได้ถึง 4% ซึ่งน่าจะมีความเป็นไปได้ เพราะยังไงเสียเศรษฐกิจปี 2564 ต้องดีกว่าปี 2563 อยู่แล้ว
ยิ่งเมื่อ “วัคซีน” เป็นกุญแจสำคัญที่สร้างความเชื่อมั่นก็จะเข้าสู่ช่วงการฟื้นตัวของธุรกิจต่างๆ จึงมีการขยับตัวมากขึ้น
เมืองไทยแต่ก่อนต้องยอมรับว่ามีความเหนือกว่าชาติอื่นๆในภูมิภาคนี้คือบรรยากาศน่าลงทุนที่สุดก็ว่าได้
แต่วันนี้หาได้เป็นเช่นนั้นไม่?
จะมีก็แต่สิงคโปร์แม้จะเป็นประเทศเล็กๆ เขาสามารถกำหนดทิศทางของประเทศได้อย่างถูกต้องเหมาะสมกับสภาพความเป็นจริงของเขา
ด้วยวางแผน การสร้างคน การให้การศึกษา และดำเนินนโยบายอย่างต่อเนื่อง ทำให้มีความเจริญก้าวหน้าเหนือกว่าชาติอื่นๆในอาเซียนลิบลับ
สถานการณ์วันนี้ต้องบอกไทยต้องคิดให้มากกว่าเดิมหลายเท่า ที่เป็นคู่แข่งสำคัญอย่างเวียดนามนั้นก็กำลังจะทิ้งห่างออกไปเรื่อยๆ
เขาเปิดประตูการค้าและการลงทุนอย่างเหนือชั้น
ถนนทุกสายจึงเปลี่ยนจากมาไทยไปเวียดนามกันอย่างต่อเนื่อง เพราะมีการเปลี่ยนแปลงแทบทุกอย่างก็ว่าได้
นั่นเพราะผู้นำของเขา รัฐบาลของเขาคิดเป็นทำเป็น
ที่สำคัญก็คือความสามารถในการพัฒนานโยบายให้เป็นรูปธรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพโดยที่ประชาชนพร้อมเดินไปด้วยกัน
ว่าไปแล้วไม่ว่าประเทศไหน ปกครองด้วยระบอบใดก็ตาม หากประชาชนเห็นพ้องรักสามัคคีกลมเกลียวกัน
ก็จะเป็นพลังสำคัญที่จะขับเคลื่อนประเทศให้พัฒนาไปได้
หันกลับมามองประเทศของเราจึงน่าห่วงใยเป็นอย่างยิ่ง.
“สายล่อฟ้า”