ลุ้น “คนละครึ่ง” เฟส 3 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศต่อเนื่อง

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ

หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ

Tag

ลุ้น “คนละครึ่ง” เฟส 3 ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศต่อเนื่อง

Date Time: 6 มี.ค. 2564 06:01 น.

Summary

  • ลุ้น! โครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 3 “คลัง-กรุงไทย” รวบรวมข้อมูล ปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้นหวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่อง ส่วนมาตรการภาษี

Latest

“สุริยะ” สานฝัน “รถไฟไทย” โกอินเตอร์ จุดเปลี่ยนระบบรางสู่มาตรฐานที่ยั่งยืน

ลุ้น! โครงการ “คนละครึ่ง” เฟส 3 “คลัง-กรุงไทย” รวบรวมข้อมูล ปรับปรุงโครงการให้ดีขึ้นหวังช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความต่อเนื่อง ส่วนมาตรการภาษีต้องพิจารณารอบคอบสมดุลรายได้ด้วยพร้อมขยาย เวลาลงทะเบียน กลุ่มไร้สมาร์ทโฟน จาก 5 มี.ค. เป็น 26 มี.ค.64

นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า ขณะนี้ กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการออกแบบโครงการคนละครึ่งเฟส 3 เพื่อ ความต่อเนื่องการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศ ส่วนรูปแบบจะเป็น ลักษณะใดนั้นต้องรอผลการประเมินโครงการคนละครึ่ง เฟส 2 เพื่อนำ ข้อบกพร่องมาปรับปรุงให้ดีขึ้นและให้ครอบคลุมหลากหลายธุรกิจเพื่อ ช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อยมากยิ่งขึ้น ซึ่งขณะนี้ ธนาคารกรุงไทย อยู่ระหว่างรวบรวมข้อมูลทั้งหมดเพื่อจะได้นำเสนอ รมว.คลัง พิจารณา และนำเสนอขออนุมัติ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ต่อไป ส่วนจะเปิดให้ลง ทะเบียนอีกครั้งหรือไม่นั้นต้องรอดูนโยบาย และ งบประมาณด้วย ซึ่ง ในมุมมองของตนนั้นอยากให้คนที่อยากได้ก็ควรจะได้ทุกคน ซึ่งต้อง พิจารณาหลายๆองค์ประกอบ

ขณะที่จำนวนผู้เข้าร่วมโครงการจะเพิ่มขึ้น มากกว่า 15 ล้านคน หรือ จะขยาย จำนวนถึง 30 ล้านคน เท่ากับโครงการเราชนะหรือไม่ นั้น ต้องรอดูเงินงบประมาณที่จะนำมาใช้ก่อนว่าเพียงพอหรือไม่ ซึ่งขณะนี้ อยู่ระหว่างการพิจารณาการใช้เงินจาก พ.ร.ก.เงินกู้ 1 ล้านล้านบาท โดยวงเงินสำหรับเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจาก โควิด-19 เต็มวงเงิน แล้ว 550,000 ล้านบาท หากจำเป็นอาจพิจารณาใช้วงเงินที่กันไว้

สำหรับการฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม วงเงินยังเหลืออยู่ 200,000 ล้านบาท ส่วนวงเงินเพื่อสาธารณสุขยังมีวงเงินเหลืออยู่ 45,000 ล้านบาท สำหรับนโยบายลดภาษีเงินได้นิติบุคคล เพื่อจูงใจนักลงทุนต่างประเทศ ตามนโยบาย ของนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.พลังงาน นั้น ขณะนี้อัตราภาษีนิติบุคคล อยู่ที่ระดับ 20% โดย รายได้ไม่เกิน 300,000 บาท ต่อปี จะยกเว้นอัตราภาษีให้ส่วนรายได้ เกิน 300,000 บาท ต่อปี คิดอัตราภาษีเพียง 15% และ สูงสุด 20% อย่างไรก็ดีจะต้องไปพิจารณากับประเทศเพื่อนบ้าน ด้วยว่าอยู่ที่ระดับ เท่าไหร่ซึ่งจะต้องอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับนิติบุคคล

นายกฤษฎา กล่าวต่อว่า โครงการ “คนละครึ่ง” นั้นรัฐจะร่วมจ่ายค่า อาหารเครื่องดื่มและสินค้าทั่วไป 50% แต่ไม่เกิน 150 บาท ต่อคน ต่อวันหรือไม่ เกิน 3,500 บาท ต่อคน ขณะที่ประชาชนจ่าย 50% เพื่อช่วยกระตุ้นแบ่งเบาภาระค่าครองชีพของประชาชน โดยเฉพาะ กระตุ้นเศรษฐกิจระดับฐานรากให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ โดยโครงการคนละครึ่งมีผู้มีสิทธิ์ได้เข้าร่วมโครงการรวม 15 ล้านคน และจะสิ้นสุดในวันที่ 31 มี.ค. 2564

นางสาวกุลยา ตันติเตมิท ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง ใน ฐานะโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า กระทรวงการคลัง ได้พิจารณา ขยายระยะเวลาการปิดรับลงทะเบียนออกไป จากวันที่ 5 มี.ค. 2564 เป็นวันที่ 26 มี.ค. 2564 โดย ระหว่าง วันที่ 6-7 มี.ค. 2564 ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) จะปิดระบบลงทะเบียน เพื่อปรับปรุง ระบบฐานข้อมูลและจะเปิดระบบรับลงทะเบียนอีกครั้งในวันจันทร์ ที่ 8 มี.ค. 2564

ทั้งนี้ ประชาชนสามารถแจ้งเจ้าหน้าที่ในท้องที่เพื่อดำเนินการ ประสาน การจัดหน่วยรับลงทะเบียน เคลื่อนที่ของธนาคารกรุงไทยฯ ธนาคาร เพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตรและ ธนาคารออมสินดำเนินการ รับลงทะเบียน นอกจากนี้ กระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์กระทรวง สาธารณสุข รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะร่วมมือในการรับลงทะเบียน ให้แก่กลุ่มดังกล่าวให้ครอบคลุมต่อไป

โฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ณ วัน ที่ 5 มี.ค.2564 ผู้ได้รับสิทธิ ใช้เราชนะรวมทั้งสิ้น จำนวน 30.7 ล้านคน คิดเป็นมูลค่าการใช้จ่าย หมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจไทยแล้ว กว่า 77,579 ล้านบาท ซึ่งเป็น การใช้จ่ายผ่านผู้ประกอบการร้านธงฟ้าราคาประหยัดพัฒนาเศรษฐกิจ ท้องถิ่นที่มีแอปพลิเคชัน “ถุงเงิน” ร้านค้าคนละครึ่งที่ตกลง ยินยอม เข้าร่วมโครงการรวมถึงผู้ประกอบการร้านค้าและผู้ให้บริการที่ลงทะเบียนเข้าร่วม โครงการฯ จำนวน ทั้งสิ้น มากกว่า 1.2 ล้าน กิจการ

สำหรับผู้ใช้สิทธิเราชนะ แบ่งเป็น 1.ประชาชน กลุ่ม ผู้ ถือ บัตร สวัสดิการแห่งรัฐ จำนวน 13.7 ล้านคน มีการใช้จ่าย จำนวน 34,137 ล้านบาท 2.ประชาชนกลุ่มที่อยู่ในระบบฐานข้อมูลของแอปพลิเคชัน “เป๋าตัง” ในโครงการเราเที่ยวด้วยกันและคนละครึ่งและ กลุ่มประชาชน ทั่วไป ที่ลงทะเบียน ทาง เว็บไซต์ www.http://xn--b3c4a2a6ch6f.com/  ที่ผ่านการคัดกรองคุณสมบัติเบื้องต้น และ ยืนยันการใช้สิทธิ์ 16.5 ล้านคน มีการใช้จ่าย รวม 43,442 ล้านบาท และ 3.ประชาชนกลุ่มผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือเป็นพิเศษที่ลง ทะเบียนเข้าร่วมโครงการ แล้ว 500,000 คน ส่วน อีก 1.5 ล้านคน อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติ ซึ่งจะทยอยประกาศผู้ผ่านการคัดกรอง ทุกสัปดาห์ โดยผู้ใช้สิทธิ์มีสิทธิใช้จ่ายเงิน จนถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ