"สุพัฒนพงษ์" เชื่อไตรมาส 2 ปีหน้า เศรษฐกิจกระเตื้อง เห็นการลงทุนในปี 65

Economics

Thailand Econ

กองบรรณาธิการ

Author

กองบรรณาธิการ

Tag

"สุพัฒนพงษ์" เชื่อไตรมาส 2 ปีหน้า เศรษฐกิจกระเตื้อง เห็นการลงทุนในปี 65

Date Time: 11 พ.ย. 2563 20:30 น.

Video

เปิดภารกิจ 3 แบงก์ไทย ใช้ Green Finance ช่วยลูกค้าปรับตัวฝ่า ระเบียบโลกใหม่ | 1st Anniversary Thairath Money

Summary

  • "สุพัฒนพงษ์" เริ่มเห็นดัชนีทางเศรษฐกิจของไทยดีขึ้น ลั่นปีหน้าจะปฏิบัติการเชิงรุก ดึงดูดนักลงทุนเข้ามา ให้เกิดการลงทุนในปี 65 ขอทุกความร่วมมือจากภาคเอกชน สร้างประเทศไทย หลังจากเจอโควิด

Latest


"สุพัฒนพงษ์" เริ่มเห็นดัชนีทางเศรษฐกิจของไทยดีขึ้น ลั่นปีหน้าจะปฏิบัติการเชิงรุก ดึงดูดนักลงทุนเข้ามา ให้เกิดการลงทุนในปี 65 ขอทุกความร่วมมือจากภาคเอกชน สร้างประเทศไทย หลังจากเจอโควิด สิ่งที่ยากลำบาก

เริ่มแล้วงาน Dinner Talk มองอนาคตประเทศ “SHARING OUR COMMON FUTURE ร่วมแรง เปลี่ยนแปลง แบ่งปัน” จัดโดยไทยรัฐกรุ๊ป โดยนายสุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน ปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์เศรษฐกิจไทยปี 2564” ยอมรับว่า เมื่อเกิดโควิด ทำให้ทุกคนตกใจ ไม่เคยมีใครแก้ไขมาก่อน เป็นโจทย์ที่ยากสำหรับทุกคน จึงต้องดูความคืบหน้าและพัฒนาต่อๆ ไป ถือว่าไทยประสบความสำเร็จในการรับมือโควิด ซึ่งช่วงแรกที่โควิดเข้ามา ไม่มีใครสามารถรับมือได้ ทำให้กระทรวงสาธารสุขต้องออกมายอมรับถึงความยากในการหาทางออก ซึ่งทำให้ทุกคนต้องแสดงความรักด้วยระยะห่าง โดย 3 เดือนแรกอยู่ด้วยความไม่แน่ใจ ธุรกิจไม่รู้จะปรับตัวอย่างไร

ถือเป็น 3 เดือนแห่งการจดจำ มีการร่วมมือไม้ร่วมมือกัน เป็นความสำเร็จในการร่วมมือกันฝ่าฟันตรงนี้มาได้ และรัฐบาลได้ทุ่มเทค่าใช้จ่ายมหาศาลในการดูแลผู้เปราะบาง และการเยียวยา ราว 8 แสนกว่าล้านบาท ในขณะที่ประเทศอื่นยังเจอปัญหาเช่นนี้อีกต่อไป ยังแก้ปัญหาเหล่านี้ไม่ตก กระทั่งรัฐบาลเริ่มผ่อนคลายสู่มาตรการผ่อนคลาย ร่วมกันสร้างชาติกับภาคประชาชน เช่น โครงการไทยมีงานทำ เที่ยวด้วยกัน คนละครึ่ง ช้อปดีมีคืน เป็นมาตรการมีส่วนเยียวยาประเทศไทยให้กับกลุ่มเปราะบาง และอุตสาหกรรมที่ได้รับผลกระทบ

สำหรับการนำเงินไปให้ ยอมรับไม่ได้ทำให้ผ่านวิกฤติไปได้ แต่เป็นภาพจำทำคนพออยู่ได้ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐอยากทำให้เห็นความร่วมมือ โดยการจัดเป็นหมวดๆ ในการกระตุ้นเศรษฐกิจในการพาคนไทยให้รอดพ้นเศรษฐกิจ ซึ่งเด็กจบใหม่ คือความหวังของครอบครัว เป็นความหวังของพ่อแม่ การที่ลูกมีงานทำ คือความสุขของพ่อแม่

ทั้งนี้จะเห็นดัชนีเศรษฐกิจทางเศรษฐกิจต่างๆ ดีขึ้นต่อเนื่อง ค่อยๆ พัฒนาขึ้นมา ในระยะ 5 เดือน แต่การดูแลผู้ได้รับผลกระทบจาการล็อกดาวน์ ทางรัฐบาลได้พักหนี้ให้กับผู้อ่อนแอ และเปราะบาง ยอดรวม 6.8 ล้านล้านบาท ผู้ได้รับประโยชน์ 12.5 ล้านราย ช่วยให้ผู้ประกอบการได้มีช่องทางระยะปรับตัวจากปัญหาโควิด ทำให้ตัวเลขชำระหนี้เมื่อเดือน ต.ค.ที่ผ่านมา มีพอสมควร 90 กว่า% จนน่าจะพ้นจุดต่ำสุด และทำให้ทุกอย่างดีมาก จากดัชนีเศรษฐกิจต่างๆ ออกมาดีกว่ามาก และรายงานของไอเอ็มเอฟ ได้ปรับการพยากรณ์เศรษฐกิจของไทยให้ดีขึ้นกว่าประเทศต่างๆ ในอาเซียน โดยตัวเลขเศรษฐกิจในไตรมาส 3 ปีนี้ จะรอประกาศในวันจันทร์นี้ น่าจะอยู่ในเกณฑ์ดีและดีกว่า จากการที่เคยบอกไทยจะเติบโตน้อยที่สุด ตนคิดว่าไม่ใช่

นอกจากนี้ยังเชื่อมั่นว่าที่ผ่านมาแก้ปัญหาอย่างถูกจุด ตามประเด็น สามารถทำได้ดี ส่วนแก้ปัญหาหนี้ สามารถประคับคองได้ดีมาก เป็นความพยายามของทุกภาคส่วนของประเทศไทย ทำให้ปีหน้ามีความหวัง ภายหลังต่างประเทศมีการพัฒนาวัคซีนโควิด ทำให้เรามีโอกาส มีการพัฒนา และหลายคนน่าจะทราบว่าไทยร่วมกับผู้ผลิตวัคซีนแถวหน้า ให้ไทยเป็นส่วนหนึ่งของพันธมิตร และจะทำมากกว่านี้อีก จะทำให้ปี 64 เป็นปีที่มีโอกาส จากความพร้อมของโครงการต่างๆ ซึ่งจะมีการพัฒนาไปพร้อมกัน เนื่องจากไทยเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจสูงลำดับ 2 ของอาเซียน มีเงินสำรองของประเทศ 8.5 ล้านล้านบาท เรามีโครงสร้างพื้นฐานในโครงการอีอีซี คาดว่าจะเริ่มปีหน้า และการลงทุนจะเกิดปี 65 ซึ่งต้องพึ่งพาการลงทุนภาคอื่นๆ ในการดูแลประเทศไทยให้เติบโต

“เชื่อว่าไตรมาส 2 หรือกลางปีหน้า ทุกคนจะรู้สึกการเติบโตของเศรษฐกิจ ซึ่งรัฐบาลเตรียมพร้อมทุกเรื่อง เรื่องการเตรียมการลงทุน ทั้งอีอีซี ศูนย์วิจัย เพื่อต้องการเปลี่ยนจากการท่องเที่ยวและส่งออกซึ่งเดิมเป็นรายได้หลัก กับ 5 อุตสาหกรรมเดิม จะต้องทำอย่างจริงจัง มีทีมปฏิบัติการเชิงรุก จากปี 63 มีการตั้งรับประคับคอง โดยปี 64 จะปฏิบัติการเชิงรุก ในการดึงดูดนักลงทุนเข้ามาประเทศไทย พร้อมกับมาตรการเปิดนักท่องเที่ยว มาตรการเปิดรับนักลงทุน เปิดโอกาสให้ต่างชาติเข้ามาถืออสังหาฯในไทย และได้วีซ่าระยะยาว 10 ปี ได้เริ่มอย่างจริงจัง แต่ต้องการความมั่นใจจากเอกชนทุกภาคส่วนร่วมกันดึงดูดนักลงทุนเข้ามา"

พร้อมย้ำว่าภายในไตรมาส 2 ปีหน้า น่าจะมีผู้ลงทุนขนาดใหญ่ตัดสินใจในไทยเป็นตัวนำร่อง และจะเห็นการลงทุนที่แท้จริงในปี 65 และจะเติบโตอย่างแท้จริงยั่งยืน จากการเปลี่ยนให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีคุณภาพเข้ามา ถ้าทุกภาคส่วนในประเทศร่วมมือกัน จะเป็นประเทศที่น่าลงทุนในโลก ทำทุกอย่างให้เร็วขึ้น ปฏิบัติเชิงรุก ใช้เทคโนโลยี รองรับผู้สูงวัย การเตรียมบุคคลากรให้พร้อมเพรียง ทำตรงนี้ใหสำเร็จ หวังได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชนในการสร้างประเทศไทย หลังจากเจอสิ่งที่ยากลำบากไม่เคยเจอ มาทำประเทศไทยให้แข็งแรงขึ้น.


Author

กองบรรณาธิการ

กองบรรณาธิการ
กองบรรณาธิการไทยรัฐออนไลน์