ปรับอีกรอบ กลยุทธ์หาร้านค้าร่วมมาตรการ “ชิมช้อปใช้” ให้ร้านธงฟ้าที่มีเครื่องอีดีซีดาวน์โหลดแอปถุงเงินได้ทันทีโดยไม่ต้องสมัครใหม่ ให้คนไทยเตรียมพร้อมลงทะเบียนรับ 1,000 บาทเที่ยวไทย 23 ก.ย.–15 พ.ย.นี้ ที่ www.ชิมช้อปใช้.com รับวันละไม่เกิน 1 ล้านคนเท่านั้น ขณะที่เพิ่มเงินบัตรพลังงานซื้อก๊าซหุงต้มไม่ลงตัว กุลิศมองเพิ่ม 20 บาทน้อยไป
น.ส.สุทธิรัตน์ รัตนโชติ อธิบดีกรมบัญชีกลาง เปิดเผยว่า หลังจากกระทรวงการคลังได้มีมาตรการส่งเสริมการท่องเที่ยวในประเทศ “ชิมช้อปใช้” ซึ่งได้เปิดรับสมัครผู้ประกอบการ ร้านค้า เข้าร่วมมาตรการ ตั้งแต่วันที่ 28 ส.ค.62 โดยหลังจากปรับกลยุทธ์เชิงรุกลงพื้นที่รับสมัครผู้ประกอบการกลุ่มเป้าหมายเข้าร่วมมาตรการ ขณะนี้มีร้านค้าเข้าร่วมแล้วกว่า 23,000 ร้านค้า และจะเปิดรับสมัครไปจนถึงวันที่ 20 ก.ย.62 ไม่เว้นวันหยุดราชการ คาดว่าเมื่อสิ้นสุดการรับสมัครจะมีร้านค้าเพียงพอรองรับผู้ที่รับเงิน 1,000 บาท เพื่อจับจ่ายซื้อสินค้าและท่องเที่ยวภายในประเทศ
ทั้งนี้ ล่าสุดธนาคารกรุงไทยยังได้แก้ไขระบบการรับสมัคร โดยให้ร้านค้าที่เป็นร้านธงฟ้าประชารัฐที่ติดตั้งเครื่องชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ (EDC) ซึ่งมีอยู่กว่า 20,000 ร้านค้า สามารถสมัครเข้าร่วมมาตรการได้ โดยไม่ต้องสมัครใหม่ หากเป็นร้านที่มีข้อมูลครบถ้วนสมบูรณ์ตามที่กำหนด โดยกรุงไทยจะนำข้อมูลเข้าระบบให้อัตโนมัติ และดาวน์โหลดแอปถุงเงินได้ทันที
ขณะที่ร้านที่มีแอปถุงเงินอยู่แล้ว ธนาคารกรุงไทยจะส่งข้อความ SMS อัปเดตแอปถุงเงินเวอร์ชันใหม่ หากสนใจเข้าร่วมมาตรการให้ยืนยันการอัปเดตเข้าร่วมมาตรการได้ทันทีไม่ต้องสมัครใหม่เช่นกัน
สำหรับประชาชนทั่วไปที่สนใจ สามารถลงทะเบียนเพื่อรับสิทธิผ่านเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com ระหว่างวันที่ 23 ก.ย.-15 พ.ย.2562 รับสมัครวันละไม่เกิน 1 ล้านราย รับจำนวน 10 ล้านรายเท่านั้น โดยมีขั้นตอนการสมัคร 1.ลงทะเบียนทางเว็บไซต์ www.ชิมช้อปใช้.com โดยระบุจังหวัดที่จะไปท่องเที่ยวซึ่งไม่ใช่จังหวัดตามสำเนาทะเบียนบ้าน 2.ได้รับ SMS แจ้งยืนยันการได้รับสิทธิภายใน 3 วัน และช่วงระยะเวลาการไปใช้สิทธิ คือ ภายใน 14 วัน หลังจากได้รับ SMS 3.ดาวน์โหลดแอปเป๋าตัง
โดยจะมีวงเงินในเป๋าตัง 2 แบบ คือ ช่อง 1 ให้วงเงิน 1,000 บาท เพื่อใช้สิทธิชิมช้อปใช้ในจังหวัดที่เลือกไว้ และช่อง 2 ช่องให้เติมเงินของตนเองในแอปเป๋าตังได้ เพื่อใช้จ่ายค่าอาหารและเครื่องดื่ม ค่าที่พัก รวมถึงบริการต่างๆ ซื้อสินค้าท้องถิ่น ซื้อสินค้าจากร้านธงฟ้าประชารัฐ หรือการท่องเที่ยวท้องถิ่น เช่น สปา การเช่าพาหนะ ค่าบริการนำเที่ยวในพื้นที่ โดยรัฐบาลจะให้เงินชดเชย 15% ของยอดชำระเงินที่จ่ายจริง แต่ไม่เกิน 4,500 บาทต่อคน (วงเงินใช้จ่ายไม่เกิน 30,000 บาทต่อคน) ซึ่งจะจ่ายคืนเงินให้หลังสิ้นสุดโครงการในเดือน ธ.ค.62 เพื่อกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวแบบครบวงจร และให้การใช้จ่ายกระจายไปยังเศรษฐกิจฐานรากมากขึ้น
ขณะที่ความคืบหน้าการจัดทำบัตรสวัสดิการแห่งรัฐในภาคพลังงาน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่นายกุลิศ สมบัติศิริ ปลัดกระทรวงพลังงาน ได้เรียกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาหารือ ซึ่งในที่ประชุม บริษัท ปตท.จำกัด (มหาชน) เสนอวิธีช่วยเหลือเพิ่มเติม โดยให้เงินเพิ่มอีก 20 บาท สำหรับซื้อก๊าซหุงต้มจากปัจจุบันผู้มีรายได้น้อยที่ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 14.5 ล้านคน ได้รับเงินอุดหนุนในบัตร 45 บาทต่อ 3 เดือน รวมเป็น 65 บาทต่อ 3 เดือน โดยไม่มีการแยกว่าเป็นผู้มีรายได้น้อย และผู้มีรายได้น้อยที่เป็นหาบเร่ แผงลอย เพราะต้องการช่วยเหลือครอบคลุมในครั้งเดียว
อย่างไรก็ตาม นายกุลิศมองว่า การช่วยเพิ่มขึ้น 20 บาทต่อ 3 เดือน หรือเฉลี่ยไม่ถึง 7 บาทต่อเดือนเป็นวงเงินที่น้อยเกินไป และควรแยกเงินช่วยสำหรับผู้มีรายได้น้อยที่เป็นผู้ประกอบการหาบเร่ แผงลอย ออกมาจากผู้มีรายได้น้อยปกติ เพราะกลุ่มหาบเร่ แผงลอยมีเพียง 80,000 รายทั่วประเทศ ไม่เช่นนั้นอาจถูกมองว่าแทบไม่มีการช่วยผู้มีรายได้น้อยที่เป็นหาบเร่ แผงลอย เลย จึงได้ให้นำข้อเสนอกลับไปทบทวนก่อนนำมาเสนอที่ประชุมอีกครั้ง.