ไทยรัฐออนไลน์ เว็บไซต์ข่าวอันดับหนึ่ง จัดงานแถลงข่าวครบ 10 ปี โดยมีคุณวัชร วัชรพล ประธานเจ้าหน้าที่บริหารธุรกิจ ไทยรัฐออนไลน์ (บริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด) คุณจิตสุภา วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารสายงานกลยุทธ์และการตลาด ไทยรัฐออนไลน์ (บริษัท เทรนด์ วีจี 3 จำกัด) และคุณธนวลัย วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการออนไลน์ ไทยรัฐออนไลน์ (บริษัท เทรนด์ วีจี3 จํากัด) นำทีมแถลงข่าว
คุณวัชร วัชรพล เปิดเผยถึงภาพรวมว่า เวลานี้ไทยรัฐออนไลน์เป็นแมส มีเดีย ที่มีช่องทางการนำเสนอคอนเทนต์ที่ผลิตด้วยตัวเองครบทุกช่องทาง ทั้งบนหน้าเว็บไซต์ เฟซบุ๊ก ทวิตเตอร์ อินสตาแกรม และยูทูบ มากกว่า 300 ชิ้นต่อวัน
ทั้งนี้ในปี 2018 ไทยรัฐออนไลน์มีเพจวิวมากกว่า 2,000 ล้านเพจวิว เป็นอันดับ 2 ของเว็บไซต์สัญชาติไทย เป็นที่หนึ่งเว็บไซต์ด้านสื่อ ในแง่ส่วนแบ่งตลาด ไทยรัฐออนไลน์มีส่วนแบ่งที่ 30% ในกลุ่มเว็บไซต์ข่าวและสื่อ โดยในหนึ่งวัน ไทยรัฐออนไลน์ มีผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์มากกว่า 2 ล้านคนต่อวัน หรือ 25 ล้านคนต่อเดือน หรือ 57 ล้านคนต่อไตรมาส คิดเป็น 100% ของประชากรอินเทอร์เน็ตในประเทศไทย
“ตอนนี้ ผมกล้าพูดได้แล้วว่า ไทยรัฐออนไลน์คือแมสมีเดีย ตัวจริงเสียงจริง”
ในส่วนของแพลตฟอร์มสื่อสังคมออนไลน์ไทยรัฐออนไลน์มียอดการคลิกใน Facebook สูงถึง 45 ล้าน Click ต่อเดือน ใน
ขณะที่ Instagram มี 96 ล้าน Impression ต่อเดือน Twitter นับได้ถึง 1.1 ล้าน Link Click ต่อเดือน ในส่วนของ
YouTube มีกลุ่มคนดูมากที่สุดอยู่ในช่วงอายุ 25-34 ปี รองลงมา คือ 18-24 ปี และ LINE Official Account ของไทยรัฐออนไลน์ก็มียอดผู้ติดตามเป็นผู้ชายและผู้หญิงในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน โดยมีจำนวนกลุ่มอายุที่ใกล้เคียงกันในทุกช่วงอายุ
ยกเว้นกลุ่มอายุ 25-29 ปี และกลุ่มอายุ 50 ปีขึ้นไปที่มีสัดส่วนสูงประมาณช่วงอายุละ 20%
ไทยรัฐออนไลน์โฉมใหม่ ไม่ได้เป็นแค่การปรับโลโก้และ Interface หน้าเว็บไซต์เท่านั้น แต่ยังมีการนำเทคโนโลยี AI และ
Machine Learning (ML) มาใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูลและพฤติกรรมของผู้ใช้งาน เพื่อให้สามารถนำเสนอคอนเทนต์ที่ตรงกับความสนใจของผู้อ่านแต่ละกลุ่ม โดยสามารถเพิ่มยอด Click Through Rate (CTR) ให้สูงขึ้น อยู่ในช่วง 10-18% และยังคงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งนอกจากจะส่งผลดีกับผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์แล้ว ยังสามารถสร้าง Engagement ให้กับ Sponsored Content ได้อีกด้วย
นอกจาก AI และ Machine Learning แล้ว ไทยรัฐออนไลน์เป็น Publisher รายแรกในประเทศไทย ที่นำเอา AI Technology ของ Google cloud ที่ชื่อว่า Vision API และ Auto ML มาใช้ในการวิเคราะห์รูปภาพ เพื่อหาข้อมูลที่สำคัญในรูป และใช้ข้อมูลนั้นในการทำ keyword แบบอัตโนมัติเพื่อช่วยจัดระเบียบคลังข้อมูลและภาพทั้งหมดของเครือไทยรัฐ กรุ๊ป กว่า 10 ล้านรูป จากเดิมที่ต้องใช้บุคลากรและเวลานานในการทำงาน อีกทั้งยังเพิ่มประสิทธิภาพให้กองบรรณาธิการ สามารถค้นหาภาพ ข่าว เนื้อหาและเอกสารต่างๆ ได้ง่ายและรวดเร็วขึ้น ผ่าน Google cloud search และในอนาคต ทางบริษัทฯ ก็มีแผนจะนำเทคโนโลยีดังกล่าวมาใช้กับการค้นหาข่าวในเว็บไซต์อีกด้วย
อีกโครงการที่จะช่วยยกระดับมาตรฐานของอุตสาหกรรมสื่อไทยนั่นคือโครงการ “ThaiStringer.com” ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่ถูกพัฒนาขึ้นโดยได้รับเงินทุนสนับสนุนจาก YouTube Innovation Funding หนึ่งในโครงการของ Google News Initiative เพื่อสร้าง Local News Marketplace ของประเทศไทยให้นักข่าวอิสระ และสำนักข่าวทั่วประเทศสามารถซื้อขายลิขสิทธิ์ข่าวได้สะดวกขึ้น
“นี่คือผลงานของเราตลอด 10 ปีที่ผ่านมา วันนี้ไทยรัฐออนไลน์รีเฟรชตัวเอง เพื่อก้าวเข้าสู่ยุคใหม่ ด้วยวิสัยทัศน์ที่จะร่วมพาคนไทยให้ก้าวทันไปพร้อมกับโลกที่หมุนไปอย่างไม่หยุดตลอดเวลา” คุณวัชร วัชรพล กล่าวทิ้งท้าย
ส่วน คุณจิตสุภา วัชรพล กล่าวเสริมว่า นอกเหนือจากการออกแบบหน้าเว็บไซต์ใหม่ โลโก้ใหม่ ไทยรัฐออนไลน์ ได้เพิ่มส่วนที่สำคัญที่สุดบนหน้าเว็บไซต์ นั่นคือ สิ่งที่เรียกว่า โนว-เลจ คอนเทนต์ (Knowledge Content) ซึ่งเป็นการมอบมิติใหม่ๆ ของเนื้อหา เพื่อให้ผู้อ่านเข้าใจเรื่องราวได้อย่างลึกซึ้ง และรอบด้านยิ่งขึ้น
สำหรับนักการตลาด และเอเจนซี่ ไทยรัฐออนไลน์สามารถตอบโจทย์การทำการตลาดได้ทั้งแบบ Mass และแบบเจาะกลุ่ม (Segmentation) โดยระบบ Ads ของไทยรัฐออนไลน์สามารถทำ Targeting ได้หลายแบบ ตั้งแต่ตามกลุ่มประชากร, ความสนใจ, พฤติกรรม หรือกระทั่งความต้องการที่จะซื้อสินค้า
นอกจากนี้ไทยรัฐออนไลน์ยังสามารถสร้างแคมเปญที่ตรงกับความต้องการของลูกค้า รวมถึงการทำ Media Planning ให้
ตอบโจทย์วัตถุประสงค์ทางการตลาด โดยการใช้สื่อในเครือไทยรัฐ ทั้งออฟไลน์และออนไลน์บนทุกแพลตฟอร์ม เพื่อให้ได้ทั้งการสร้างความรับรู้ (Awareness) หรือแม้กระทั่งการสร้าง Call-to-Action ให้แต่ละแบรนด์ได้อีกด้วย
เพื่อให้ไทยรัฐออนไลน์สามารถนําเสนอคอนเทนต์ให้แก่กลุ่มผู้อ่านได้ครอบคลุมทุกเพศ ทุกวัยมากขึ้น คุณธนวลัย วัชรพล เจ้าหน้าที่บริหารสายงานปฏิบัติการออนไลน์ ไทยรัฐออนไลน์ (บริษัท เทรนด์ วีจี3 จํากัด) ได้เปิดตัว 2 แบรนด์ ใหม่ที่มาพร้อมกับคอนเทนต์ 2 สไตล์ อันได้แก่ MIRROR และ PEEPZ โดยมีรูปแบบคือ
MIRROR (มิร์เรอร์) แบรนด์ที่จะเป็นเพื่อนกับผู้หญิงยุคใหม่ นําเสนอคอนเทนต์ที่ช่วยให้ผู้หญิงได้ค้นพบสิ่งที่ดีที่สุด สําหรับตนเอง เน้น Visual สวยๆ จับเทรนด์เรื่อง Visual Marketing บนออนไลน์ โดยจะเริ่มเปิดตัวช่วงกลางเดือน กรกฎาคมนี้ นําเสนอคอนเทนต์ที่ครอบคลุมทั้ง 3 ด้าน นั่นคือ
• Style: นําเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับเทรนด์การแต่งตัว สร้างความมั่นใจ และอัพเดตเทรนด์ใหม่เสมอ
• Beauty: นําเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับการแต่งหน้า ทําผม การออกกําลังกาย การรักษาสุขภาพ ดูแลตัวเองให้สวย ทั้งภายในและภายนอก
• Life: นําเสนอคอนเทนต์เกี่ยวกับการใช้ชีวิตในแง่มุมต่างๆ ทั้งเรื่องงาน ไลฟ์สไตล์ และแรงบันดาลใจต่างๆ ใน ชีวิต เพื่อให้ผู้หญิงประสบความสําเร็จหรือเป็น the best version of you ที่ตัวเองต้องการ
PEEPZ (พีพซ์) แบรนด์วัยรุ่นที่พร้อมจะร่วมค้นหาตัวเองไปกับเพื่อนของเขา และทําทุกเรื่องไปให้สุดในทางของตัวเอง PEEPZ จับกลุ่ม Gen Z นําเสนอวิดีโอคอนเทนต์สนุกๆ ในรูปแบบของ Short-Form Mobile VDO โดยเนื้อหาเจาะไปที่ ความสนใจของวัยรุ่น เช่น เกม, เรื่องตลก, เพลง, เต้น, ความสัมพันธ์กับเพื่อน แฟน ครอบครัว และ LGBT
ซึ่ง PEEPZ มีการร่วมมือกับบริษัท นาดาว บางกอก จํากัด ทําคอนเทนต์ Hey PEEPZ x Nadao ซึ่งได้กลุ่มนักแสดงจาก ค่ายนาดาวบางกอก 5 คน อันได้แก่ ไม้เอก จูเนียร์ กุ๊กไก่ พี และคลอดีน มาทําวิดีโอคอนเทนต์คุยกับเพื่อนๆ ผ่านมุมมอง ที่นําเสนอความเป็นตัวเองออกมา
นอกจากนาดาวบางกอกแล้ว PEEPZ ยังได้ เอม ตามใจตุ๊ด มาร่วมมือทําคอนเทนต์ Help Me PEEPZ ซึ่งนับเป็นครั้งแรก ที่เอมมาเป็นอาสาสมัครคลายทุกข์ให้วัยรุ่น และอีกหนึ่ง Content Partner ที่มาร่วมมือกับ PEEPZ ก็คือ VICE สื่อชื่อดัง ระดับโลกที่มีชื่อเสียงด้านการทําคอนเทนต์ ด้วยลายมือสไตล์ VICE และรูปแบบคอนเทนต์ที่มีความหลากหลาย ร่วมผลิต VDO คอนเทนต์ครอบคลุมความสนใจในด้านต่างๆ ของวัยรุ่น เช่น กระแสในโลกออนไลน์ Meme ยอดฮิต ตอบปัญหาวัย รุ่น ชวนคุยความเห็นปัญหาของวัยรุ่น เป็นต้น
“2 แบรนด์ใหม่ที่ไทยรัฐออนไลน์ได้เปิดตัวในวันนี้ ทุกรายการเกิดจากการทํารีเสิร์ชและค้นหา Insight ของกลุ่มผู้อ่าน โดย เราต้องการทําคอนเทนต์ให้สนุกและเข้าถึงกลุ่มผู้อ่านได้ง่าย เราเชื่อว่าคอนเทนต์ทั้งหมดนี้ จะเพิ่มยอดผู้ใช้งานให้กับ ไทยรัฐออนไลน์ได้ และช่วยให้กลุ่มผู้ใช้งานที่เป็นวัยรุ่นของเราเพิ่มมากขึ้น” คุณธนวลัย วัชรพล กล่าวปิดท้าย