การนำสมุนไพรมาต่อยอดพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ มิได้เฟื่องฟูและได้รับความนิยมแค่ในหมู่คนไทยเท่านั้น แต่ในกลุ่มผู้บริโภคต่างชาติอย่างเอเชีย ยุโรป และอเมริกา ต่างให้การยอมรับและขนานนามประเทศไทยให้เป็นดินแดนที่มีตำรับการผลิตยาจากสมุนไพรที่ดีที่สุดและน่าอัศจรรย์แห่งหนึ่งของโลก
เกริ่นนำขึ้นเรื่อง “สมุนไพร” มาเช่นนี้ Business On My Way ขอเอาใจผู้หลงใหลและชื่นชอบผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทย ด้วยการพาไปรู้จักกับสาวคนเก่ง “คุณกัญญ์” (กัญญ์ภัสสร์ พลชัยศรี) เจ้าของผลิตภัณฑ์แบรนด์ “กัญญ์ เฮอร์เบิล” ที่คิดค้นและพัฒนาขมิ้นชันและไพล สู่เวชภัณฑ์เพื่อรักษาอาการทางกล้ามเนื้อ
งานนี้ขอบอกเลยว่าเป็นไอเท็มเด็ดที่กำลังมาแรงในกลุ่มผู้บริโภคชาวไทยและต่างชาติ เนื่องด้วยความทันสมัย ใช้งานง่าย ตอบโจทย์กระแสธรรมชาติบำบัดและการรักษาอาการป่วยแบบผสมผสานได้เป็นอย่างดี ทั้งยังได้รับการรับรองด้านงานวิจัยและมาตรฐานจากหน่วยงานชั้นนำในไทยมาแล้วหลายสถาบัน
คุณกัญญ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นทางธุรกิจว่า มีช่วงหนึ่งที่คุณแม่ป่วยเป็นกล้ามเนื้ออ่อนแรงซีกขวา ต้องใช้ไม้เท้าและรถเข็น ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ โดยคุณหมอบอกว่าต้องฉีดยาและกินยาตลอดชีวิต พอได้ยินเช่นนั้นในใจก็คิดขึ้นมาเลยว่าต้องหาทางรักษาแม่ให้ได้ โดยเริ่มหาข้อมูลว่ามีวิธีใดรักษาได้บ้าง รวมถึงคุยปรึกษากับพี่สาวที่เป็นพยาบาล
“กระทั่งบังเอิญได้เจอข้อมูลเกี่ยวกับสมุนไพรที่น่าจะช่วยรักษาด้านกล้ามเนื้อได้ สมุนไพรทั้งคือไพลกับขมิ้นชัน แต่ทุกอย่างมันก็ยังไม่ตอบโจทย์การรักษาแม่ ก็เลยกลับมาคิดว่าต้องมีวิธีที่ดีกว่านี้”
คุณกัญญ์ เล่าว่า จากนั้นไม่นานได้ค้นเจอข้อมูลในเว็บไซต์เกี่ยวกับเทคโนโลยีนาโนจึงเกิดความสนใจ จนกระทั่งมาขอคำปรึกษากับทางสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ จังหวัดเชียงใหม่ (สวทช.) ว่าเราอยากรู้จักเทคโนโลยีนี้มากขึ้น โดยทาง สวทช.ก็ได้พาไปพบกับนักวิจัยในศูนย์นาโนเทคโนโลยีแห่งชาติ
หลังจากนั้นจึงได้ทดลองทำงานวิจัยร่วมกัน ซึ่งผลปรากฏว่าความร่วมมือในครั้งนั้นได้ผลิตครีมที่ทำให้แม่เดิน และวิ่งได้ รวมถึงช่วยเหลือตัวเองได้ตามปกติ โดยคุณแม่ถึงกับเอ่ยปากว่า “ลูกทำออกมาขายเถอะ เผื่อคนแก่ๆคนอื่นจะได้ใช้บ้าง” ซึ่งคำพูดนี้เอง ทำให้เป็นแรงจุดประกายให้เข้าสู่วงการธุรกิจด้านผลิตภัณฑ์สมุนไพรแบบเต็มตัว ซึ่งตอนนั้นกัญญ์ไม่มีความรู้เรื่องธุรกิจเลย งานที่ทำจะเป็นด้านโปรแกรมเมอร์สายไอที
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์ชิ้นแรกที่พัฒนาออกสู่ตลาดคือ เฮอร์เบิล ครีม รีเฟรช โดยมีคุณสมบัติทาแล้วช่วยผ่อนคลาย เย็นสบาย ช่วยให้เส้นที่ตึงรู้สึกหายเมื่อยล้า เหมาะสำหรับกลุ่มผู้สูงอายุที่มีปัญหาการเสื่อมสภาพตามวัย ต่อมาคุณกัญญ์ได้มองเห็นโอกาสและช่องว่างในตลาดที่นอกเหนือจากกลุ่มผู้สูงอายุ จึงได้พัฒนาผลิตภัณฑ์อีกหนึ่งชิ้นขึ้นมา คือ “อโรม่า คูลลิ่ง บอดี้ สเปรย์”
คุณกัญญ์ เล่าว่า อโรม่า คูลลิ่ง บอดี้ สเปรย์ เน้นเจาะกลุ่มผู้บริโภคที่มีอาการปวดเมื่อยหนักๆ เช่น กลุ่มนักกีฬามาราธอนที่ข้อเท้าพลิก กล้ามเนื้อไม่คลาย มนุษย์ออฟฟิศที่มีปัญหาออฟฟิศซินโดรม หรือผู้ที่ใช้แรงงานหนัก ซึ่งสเปรย์ตัวนี้หลังฉีดไปแล้วประมาณ 20 นาที ก็สามารถเห็นผลได้ เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีนาโนซึ่งมีโมเลกุลเล็กมากทำให้จัดการปัญหากล้ามเนื้อได้อย่างรวดเร็ว
“ไม่เพียงแต่มองเห็นโอกาสการขยายตลาดในประเทศ กัญญ์ยังเล็งเห็นถึงความนิยมของสมุนไพรไทยในกลุ่มผู้บริโภคต่างประเทศ แต่เนื่องจากไม่มีความรู้ในการส่งออกเลย จึงได้ไปเรียนรู้หลักสูตรความรู้เบื้องต้นในการประกอบธุรกิจส่งออกกับกรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ (DITP) โดยหลังจากที่ได้เรียนหลักสูตรแล้ว ทำให้สามารถกลับมาเตรียมความพร้อมในด้านต่างๆเพิ่มขึ้น ทั้งหลักฐานใบรับรอง (Certificate) ของวัตถุดิบแต่ละชนิด การพัฒนาบรรจุภัณฑ์มาตรฐานต่างๆที่เป็นสากล”
โดยตลาดที่สนใจตอนนี้คือประเทศสิงคโปร์ เพราะผู้บริโภคมีกำลังซื้อสูง และสามารถเป็นสะพานเชื่อมการส่งออกและกระจายสินค้าผ่านสิงคโปร์ไปยังยุโรปได้ นอกจากความมุ่งหวังให้ การส่งออกช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับธุรกิจแล้ว คุณกัญญ์ เล่าว่า เธอมีเป้าหมายอยากเผยแพร่ความรู้ด้านสมุนไพรไทยให้คนต่างชาติรับรู้ถึงความมหัศจรรย์ ว่าสามารถบำบัดอาการเจ็บป่วยได้เทียบเท่ากับเทคโนโลยีการแพทย์สมัยใหม่
สำหรับด้านสภาวะการแข่งขันในตลาด คุณกัญญ์ เล่าว่า แม้คู่แข่งในตลาดครีมและสเปรย์แก้ปวดเมื่อยจะมีเป็นจำนวนมาก โดยผลิตภัณฑ์ของเราจำหน่ายในราคาที่ค่อนข้างสูงประมาณ 900 บาท แต่ส่วนตัวเชื่อว่าทุกอย่างที่ผู้ใช้จะได้รับย่อมมีความแตกต่าง โดยผลิตภัณฑ์ของเรา จะคัดสรรแต่วัตถุดิบที่ดี ผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัย
ท้ายสุดคุณกัญญ์ เล่าว่า ตนเองมีแนวคิดการดำเนินธุรกิจโดยให้ความสำคัญในเรื่องความซื่อสัตย์ รวมถึงยึดหลักจากพระบรมราโชวาทของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่ว่า “ปิดทองหลังพระ” เพราะเมื่อเราซื่อสัตย์กับวัตถุดิบ รวมถึงการผลิต ใส่ใจและทำมันออกมาอย่างดีที่สุด สุดท้ายทำธุรกิจอย่างไรก็ไปรอด
งานนี้ใครสนใจผลิตภัณฑ์ ก็ไปหาช็อปได้ที่ เว็บไซต์ www.kannherbs.com