1 ต.ค.นี้ ไม่มีบุหรี่ต่ำกว่า 60 บาทขาย "สิงห์อมควัน" แพ้พ่ายยอดลดหดวูบ

นายพชร อนันตศิลป์ อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กรมได้ประเมินผลของการปรับขึ้นภาษีบุหรี่ในช่วงเดือน ธ.ค.ในปีที่ผ่านมา โดยพบว่า การปรับเพิ่มขึ้นของราคาบุหรี่มีผลทำให้ประชาชนสูบบุหรี่ลดลง โดยจำนวนยอดขายบุหรี่รวมในปี 2560 อยู่ที่ 2,180 ล้านซอง ส่วนปี 2561 อยู่ที่ 1,700 ล้านซอง ลดลง 480 ล้านซอง ขณะที่ใน 4 เดือนในปีงบประมาณ 2562 คาดว่ายอดขายจะลดลงเหลืออยู่ที่ 602 ล้านซอง

อย่างไรก็ตาม ในส่วนรายได้ที่จัดเก็บอยู่ในระดับทรงตัว แต่ในไส้ในมีการปรับเปลี่ยนคือ รายได้ที่เก็บจากการนำเข้ากับผู้ผลิตในประเทศที่เพิ่มขึ้น โดยในปี 2560 รายได้จากบุหรี่อยู่ที่ 68,000 ล้านบาท เป็นรายได้จากบุหรี่นำเข้าอยู่ที่ 22,000 ล้านบาท มีสัดส่วนประมาณ 24% ของรายได้บุหรี่ทั้งหมด ส่วนบุหรี่ในประเทศมีรายได้อยู่ที่ 46,000 ล้านบาท หรือมีสัดส่วน 76% ของรายได้จากบุหรี่ทั้งหมด ขณะที่รายได้ในปี 2561 เริ่มเห็นผลจากที่ตลาดเริ่มปรับตัวตามการขึ้นอัตราภาษี โดยรายได้จากบุหรี่รวมอยู่ที่ 67,000 ล้านบาท แต่รายได้จากบุหรี่นำเข้าปรับเพิ่มเป็น 37,000 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 43.6% ส่วนรายได้จากบุหรี่ในประเทศอยู่ที่ 30,000 ล้านบาท หรือ 56.4%

“แต่ในปี 2562 คาดว่ารายได้จากบุหรี่ในประเทศจะลดลงเหลือ 54.3% ของรายได้บุหรี่ทั้งหมด ส่วนบุหรี่นำเข้าอยู่ที่ 45.7% โดยหลังปรับภาษีขึ้นผู้ประกอบการต้องปรับตัว เช่น โรงงาน ยาสูบปรับตัวโดยตั้งแบรนด์ใหม่แย่งส่วนแบ่งตลาดคืนจากบุหรี่ต่างประเทศ ทำให้ 4 เดือนที่ผ่านมา โรงงานยาสูบมีรายได้จากบุหรี่ในประเทศ 12,000 ล้านบาท”

นายพชร กล่าวต่อว่า ส่วนการแก้ไขปัญหาเกษตรกรผู้ปลูกใบยาหลังโรงงานยาสูบรับซื้อน้อยลง ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติให้เยียวยาเกษตรกรผู้ปลูกยาสูบจำนวน 15,000 ราย รวมเป็นเงิน 160 ล้านบาทนั้น ในสัปดาห์นี้จะเริ่มจ่ายเงินชดเชยแก่เกษตรกรจำนวนกว่า 4,000 ราย

“ขณะนี้ยังยืนยันจะปรับโครงสร้างภาษีบุหรี่ตามที่กำหนด โดยตั้งแต่ 1 ต.ค.2562 กรมจะปรับภาษีบุหรี่ตามมูลค่า 40% ซึ่งส่งผลให้ราคาบุหรี่หลังวันที่ 1 ต.ค.62 ปรับขึ้นจนไม่สามารถขายต่ำกว่า 60 บาทต่อซองได้ ส่วนข้อเรียกร้องของเกษตรกรและผู้ค้าให้ชะลอการปรับขึ้นภาษีบุหรี่นั้น กรมเห็นว่า การปรับขึ้นอัตราภาษีนั้นเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายได้มีการหารือและตกลงกันเป็นที่เรียบร้อย และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นหลังปรับขึ้นอัตราภาษีดังกล่าว คือ อาจจะมีการลักลอบนำเข้าบุหรี่เถื่อนมากขึ้น”.