ช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมา เราจะเห็นได้ว่าแบตเตอรี่รถยนต์หมดกันค่อนข้างเยอะ บางคนรู้ตัวก่อนก็จะไปเปลี่ยนแบตเตอรี่ก่อน แต่บางคนที่ใช้งานทุกวันก็อาจจะหลงลืมไปบ้างจนทำให้เกิดอาการรถสตาร์ตไม่ติดเพราะแบตหมด

"ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" ขอนำเทคนิค "การพ่วงแบตรถยนต์" จากขับขี่ปลอดภัย by DLT โดยกรมการขนส่งทางบก มาฝากกัน หากรถแบตหมดระหว่างทางจะต้องทำอย่างไรให้ พอมีแบตเพื่อสตาร์ตรถต่อไปได้ โดยมีข้อมูลดังต่อไปนี้

พ่วงแบตรถยนต์จะต้องทำอย่างไร

- เตรียมสายพ่วงแบต 2 เส้น ได้แก่ สีแดง คือ ประจุไฟขั้วบวก (+) และสีดำหรือสีเขียว คือ ประจุไฟขั้วลบ (-) ควรเลือกสายที่มีขนาดที่มีความยาวเพียงพอ และไม่เส้นเล็กจนเกินไป เพื่อความสะดวกและปลอดภัยในการพ่วงแบตเตอรี่

- นำรถคันที่มาช่วยจอดหันหน้าเข้าหารถคันที่แบตหมด เว้นระยะห่างเล็กน้อย ปิดอุปกรณ์ไฟฟ้าทั้งหมดและดับเครื่องยนต์ เพราะเป็นการป้องกันการเกิดประกายไฟระหว่างการพ่วงแบตรถยนต์ หลังจากนั้นให้เปิดฝากระโปรงรถยนต์ขึ้น

วิธีการต่อสายพ่วงแบตรถยนต์

1. นำสายแดงต่อกับแบตเตอรี่ขั้วบวก (+) ของรถคันที่แบตหมดก่อน
2. นำสายสีแดงอีกข้างต่อกับรถที่มาช่วย
3. นำสายสีดำต่อกับแบตเตอรี่ขั้วลบ (-) ของรถคันที่มาช่วย
4. นำสายพ่วงสีดำอีกข้างต่อเข้ากับจุดกราวด์ของรถที่แบตหมด เช่น โลหะตรงโครงรถหรือเครื่องยนต์

ทั้งนี้เมื่อต่อสายพ่วงแบตเสร็จแล้ว สตาร์ตเครื่องรถคันที่มาช่วยทิ้งไว้ประมาณ 3-5 นาที จากนั้นเร่งเครื่องเล็กน้อยเป็นช่วงๆ ให้เกิดการถ่ายเทประจุไฟฟ้า ตามด้วยการสตาร์ตเครื่องรถคันที่แบตหมดและเร่งเครื่องเบาๆ ปล่อยทิ้งไว้ประมาณ 1-2 นาที

การถอดสายพ่วงแบตรถยนต์

1. ถอดขั้วลบ (-) คันที่แบตหมดออกก่อน และถอดขั้วลบอีกคันที่มาช่วย
2. จากนั้นถอดขั้วบวก (+) คันที่มาช่วย และถอดสายพ่วงขั้วบวกคันที่รถแบตหมดตามลำดับ

...

ข้อควรระวังระหว่างการพ่วงแบตรถยนต์

- ระวังไม่ให้สายจัมพ์ต่างขั้วมาสัมผัสหรือโดนกัน อาจเกิดการลัดวงจรได้
- ห้ามสตาร์ตรถสองคันพร้อมกัน
- ห้ามสูบบุหรี่ จุดไฟแช็ก หรือก่อให้เกิดประกายไฟ

ขอบคุณข้อมูลจาก กรมการขนส่งทางบก