สวัสดีวันที่ 17 ธันวาคม 2566 ท่านผู้อ่านครับ อีกแค่สองสัปดาห์เราก็จะก้าวข้ามปีนี้ไปอีกปี เวลาช่างเดินเร็วเสียจริง สำหรับท่านที่โชคไม่ค่อยดีในปี 66 นี้ ก็อย่าได้น้อยเนื้อต่ำใจไป ท่านกับผมแชร์ชะตาร่วมกัน ในขณะที่ท่านอาจมีเวอร์ชันทุกข์ของท่านเวอร์ชันทุกข์ของผมคือการอดขับรถไป 5 เดือนจากอุบัติเหตุที่โคตรไม่น่าเกิด แต่เมื่อเวลาผ่านไป สิ่งนี้จะเป็นอดีต ผมซึ่งเป็นผู้ป่วยติดเตียงตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ขณะนี้กลับมาเดินได้ถึงแม้ต้องใช้ไม้เท้าบ้าง
ชีวิตคนทำข่าวยานยนต์ที่เป็นหลังฉากอยู่บ้านคอยเขียนงานกับตัดต่อมา 5 เดือน ได้กลับไปขับรถ เทสต์รถ ออกงานอีก ถือว่าเป็นความสุขแล้วล่ะครับ แต่สิ่งดีๆ ที่ตามหลังความทุกข์ต่างๆ ไม่ได้แปลว่ามันจะไม่มีเรื่องแย่ๆ เกิดขึ้นอีก เมื่อสิ่งใดเกิดขึ้น ขอจงตั้งมั่นในสติ แล้วดูว่าแก้ไขได้ด้วยเงินเท่าไรเวลาเท่าใด

สิ่งใดที่แก้ไขได้และใช้เงินไม่มาก ก็มิควรไปอารมณ์เสียกับมันครับ ไม่ใช่ว่าต้องใจนิ่งเป็นพระ คุณจะตะโกนด่าโลกบ้างก็เป็นธรรมดามนุษย์ แต่ท้ายสุดมันอยู่ที่ว่าคุณจะทำอย่างไรกับชีวิตต่อไป เมื่อวันก่อน ผมขับรถไปธุระที่สำนักงานใหญ่ Audi Thailand ครับ แล้วก็สร้างบาปให้รถตัวเองด้วยการเลี้ยวเอาล้อหลังไปเกยขอบทางเท้าเข้าให้
...

แน่นอนว่าวินาทีที่เกย คนธรรมดาอย่างผมก็มีสัตว์เลื้อยคลานหลุดออกจากปากบ้างแหละครับ แล้วยิ่งพอมาจอดรถที่ห้างแล้วเช็กผลงานตัวเอง ก็น้ำตาตกเลยสิ..ลูกตรู...เท้าลูกตรูมีรอยผ่ายาวเหมือนเท้าตรูเลย เราเป็นคนรักรถจะมีสติหลุดบ้างก็ไม่แปลก แต่ใจคนเราต้องเหมือน Wide-band Oxygen Sensor คุณจะโดนบิดเบี้ยวจากอะไร ก็ต้องปรับ Close Loop ใจให้กลับมานิ่ง มีปากมีหัวไว้บ้ากับสิ่งที่ “แก้ไขไม่ได้” ก็พอ ถ้าอะไร “แก้ไขได้” ก็หาทางแก้ แล้วก็ไม่ต้องโวยวายบ้าบออะไร ขับเอง ห่วยเอง ไม่ต้องโทษรถ ไม่ต้องโทษทางเท้า เพราะสิ่งต่างๆ ก็อยู่เช่นนั้นมานานปี ผมเลี้ยวรถตรงนั้นมา 15-16 ครั้งไม่เคยโดนอะไร ต้องนับเป็นความประมาทตัวเอง ก็ยกหูหาไอ้น้องตี้ ว่ามีร้านไหนรับซ่อมบ้าง และราคาเท่าไร
ข้อแรก งานซ่อมล้อแหก ก็อยู่ที่วงละ 1,500-2,500 บาทแล้วแต่ร้าน ไอ้เรื่องนั้นไม่ใช่ปัญหา แต่เวลาคือปัญหา เพราะต้องใช้เวลาซ่อมหลายวัน ติดวันหยุดด้วย วันจันทร์ผมก็ไม่ว่าง และวันอังคารก็มีงาน GR Day ที่จะไปร่วมกับทาง Toyota เขาด้วย
ความจำเป็นต้องให้รถดูไม่แย่ ก็เลยต้องหาหนทาง ซ่อมเพื่อให้ล้อมันดูพอไปวัดไปวาได้ โชคดีที่คุณน้าผม (น้าคือน้องชายแม่จริงๆ) แกเป็นคนช่างทำช่างซ่อม อายุแกไม่น้อยแล้วนะครับ ตอนแกเป็นวัยรุ่นผับ The Palace ยังเป็นป่าอยู่เลยมั้ง น้ามาก้มๆ ดูล้อแล้วบอกว่า “จะเอาซ่อมเนียน หรือซ่อมแบบไปมีตติ้งได้ถ่ายรูปไม่น่าเกลียดล่ะ” นี่คือเสน่ห์ของยุคคุณปู่ครับ
สมัยของคนเหล่านั้น ซื้อของมาใช้ทำพังก็ต้องซ่อมเองได้ ร้านรวงรับทำไม่ได้เยอะเหมือนสมัยนี้ และน้าผมก็เป็นคนงานไปขุดทองตะวันออกกลาง มี Corolla KE30 แต่งโหลดทำท่อคันเดียว ทุกอย่างแกซ่อมเอง และปลูกฝังให้หลานซ่อมสิ่งต่างๆ ให้เป็นด้วย เสียแต่ผมเป็นหลานเลว เลยมักหลอกใช้แรงงานน้าครับ

เมื่อเราตัดสินใจแล้วว่าจะซ่อม ก็ต้องเตรียมเครื่องมือก่อน ตัดสินใจก่อนว่าคุณจะให้เครื่องปั่นกับหัวเจียรหรือไม่ เครื่องที่ว่านี้ บางทีคุณก็มีสว่านไฟฟ้าแบบนี้อยู่แล้ว แค่เปลี่ยนส่วนหัวเป็นหัวเจียรกลมแบบในภาพก็พอ แต่ว่าการใช้เครื่องเจียรนั้น แปลว่ามือ แขน และข้อคุณต้องแน่นและนิ่งจริงนะครับ ถ้าคุณไม่เคยใช้ แล้วไม่รู้วิธีออกแรงกด ตอนที่คุณเจียรแผลครูด มันก็อาจจะปัดและแกว่ง หัวเจียรไปปาดเอาเนื้อล้อส่วนที่มันดีอยู่ คราวนี้จะเสียหล่อแบบจริงจัง
เรื่องนี้ ถ้าคุณไม่กล้า ก็ใช้ตะไบเหล็ก กับกระดาษทรายมาเตรียมไว้ครับ เราใช้กระดาษทรายน้ำ แบ่งความหยาบออกเป็นสามระดับ ผมใช้เบอร์ 80, 240 และ 600 บางท่านอาจจะเบอร์ไม่ตรงตามนี้เป๊ะ แต่ให้มีระดับหยาบมาก หยาบปานกลาง และละเอียด เอาไว้ตอนไล่เก็บงานครับ
...

ต่อมาคือสี ซึ่งเอาไว้ซ่อมงานล้อของเรา สีพวกนี้ตามร้านในห้าง หรือร้านมอเตอร์ไซค์ก็มี หรือถ้าคุณไม่รีบ จะสั่ง Shopee มาก็ได้ แต่สำคัญก็คือทำใจไว้ก่อนเลยว่า สีหลังซ่อมมันอาจจะไม่ได้ตรงเป๊ะกับสีล้อเดิมของคุณนัก ในการซ่อมรอยครูดซึ่งแผลมีลักษณะแคบ ผมมักใช้สีแบบแท่ง มันดูเหมือนปากกา แต่จริงๆ แล้วดึงออกมามันจะเป็นแปรงขนเล็กๆ จุ่มสีอยู่ข้างใน
ราคาแล้วแต่ยี่ห้อครับมีตั้งแต่ 80 บาทยัน 300 บาท รถของผมเป็นล้อ W Work Emotion CR Kai สี Gun Metal สีที่ตรงโทน จะเป็นสีเทาเข้มมีเม็ดเมทัลลิค ผมซื้อสีเทาดำมาลองไปแล้วดอกนึง พบว่าพอแห้งแล้วมันจะเข้มไปครับ
ส่วนคนที่ใช้ล้อสีทอง สีขาว หรือสีอื่น เวลาคุณเลือกซื้อ ก็เลือกสีให้ใกล้เคียงกับล้อเป็นระบบกึ่งเดา เพราะโทนสีที่เขาแปะให้ดูข้างกล่อง เวลาแห้ง มันอาจไม่ตรงกับข้างกล่องเสมอไป วัดดวงแหละ มีของครบแล้วก็เริ่มทำได้เลย ในกรณีของผม ให้น้าเป็นคนเจียร เพราะแกใช้เครื่องมือเหล่านี้ได้อย่างชำนาญ

...
สำหรับคนที่ไม่มีสว่านไฟฟ้า แต่สามารถยืมเพื่อนได้และกล้าจะลองใช้ คุณไปร้าน DIY หรือร้านอุปกรณ์ช่างแล้วซื้อหัวเจียรใส่ได้ครับ 40-50 บาท สำหรับคนที่จะไม่ใช้เครื่องเจียร ก็ให้ใช้ตะไบเหล็กค่อยๆ ขัดแต่งบริเวณที่ครูดให้หน้าพื้นผิวมันเรียบที่สุดเท่าที่จะทำได้ ส่วนคนที่จะใช้เครื่องเจียรแล้วไม่เคยใช้มาก่อน ถือให้นิ่ง พยายามเอาเก้าอี้ดีๆ มานั่ง ชันขาในลักษณะที่คุณสามารถใช้ทั้งแขนและขาตัวเองในการล็อกไม่ให้มือและหัวเจียรดิ้นออกนอกลู่นอกทาง ค่อยๆ ปั่นเจียร ใช้แรงกดไม่ต้องเยอะ

บางทีกดแรงมากหัวเจียรดิ้นไปโดนส่วนอื่นของล้อ ไอเดียคือกดให้พอเกิดแรงเสียดสี แล้วปั่นไป เช็กงานไป ใจเย็นๆ เคลียร์พื้นรอยครูดให้เรียบ แล้วอย่าลืมเอาผ้าชุบน้ำเช็ดเป็นระยะ จากนั้น วางเครื่องเจียรหรือตะไบ แล้วไปใช้กระดาษทรายน้ำแทน เอากระดาษทรายเบอร์หยาบๆ สากๆ มาก่อน เพื่อปรับพื้นที่ครูด ในส่วนที่เครื่องเจียรหรือตะไบไม่สามารถเก็บงานได้

...

ขัดไปจนกระทั่งพื้นผิวเริ่มเสมอกันมากขึ้น แต่มันจะยังมีรอยหมาตะกุย ซึ่งเกิดจากความหยาบของกระดาษทรายนั่นล่ะครับ เราก็ขัดๆ ไปก่อน เอาน้ำล้างคราบผงฝุ่นกระดาษทรายกับอัลลอยออกเป็นพักๆ จากนั้น ปรับไปใช้กระดาษทรายเบอร์ละเอียดขึ้น จาก 80 ก็เป็น 240 ขัดสักยกนึง แล้วค่อยตบท้ายที่ 600 ส่วนเบอร์ 1,000-2,000 พวกนั้นไม่ต้องก็ได้ครับ เอาไว้ใช้กับโมเดลพลาสติก ส่วนล้ออัลลอยไม่ค่อยมีผลคุณไม่ต้องใช้เบอร์ตรงกับผมเป๊ะก็ได้ แค่ผมสะดวกใช้เบอร์นี้เพราะมีอยู่ที่บ้านแล้ว

ในการขัดกระดาษทรายนั้น ให้ระวังตอนขัดนิ้วเราอาจไปถูบางส่วนของอัลลอยที่ล้อ ซึ่งแม้เราจะเจียรหรือตะไบไปแล้วก็เถอะ มันอาจมีส่วนที่คมบาดนิ้วแหกได้นะครับ เมื่อเคลียร์รอยครูดด้วยกระดาษทรายแล้ว ก็เอาน้ำฉีดล้าง และเช็ดให้แห้งครับ เอาให้ไม่เหลือฝุ่นใดๆ เลยยิ่งดี เพราะถ้าขั้นตอนตรงนี้ เคลียร์ฝุ่นไม่ดี เวลาทาสีลงไป มันจะปูดเป็นผดๆ เล็กๆ แล้วสีตรงนั้นจะหลุดง่ายกว่าปกติด้วย

ส่วนล้อผมในภาพ คุณอาจจะมองว่ามันก็ยังไม่เรียบ..เรียบไม่ได้ครับเพราะตอนผมเบียดทางเท้า เบียดแรง อัลลอยบิ่นไปเลยบางส่วน ขัดยังไงก็ไม่เรียบหรอก ต้องยกไปร้านซ่อมล้อเลยถ้าจะเอาเนียน แต่ตอนนี้ขอแค่ขับไปงานมีตติ้งถ่ายรูปรถทั้งคันออกมาไม่มีรอยครูดอุบาทว์นั่นให้เห็นขัดลูกกะตาแบบชัดเจนเป็นพอ
จากนั้น ก็เป็นขั้นตอนการทาสี ซึ่งผมกับน้าเล่นง่าย ไม่รองพื้นอะไรทั้งสิ้นครับเพราะหลังปีใหม่ยังไงเราก็กะจะไปซ่อมอยู่แล้วนี่ รวมถึงกับคนส่วนใหญ่ที่ซ่อมรอยครูดที่ไม่ถึงกับล้อบิ่น เอาสีทาลงไปเลยก็ได้ เราจะทา แล้วรอให้แห้ง แล้วทา แล้วรอให้แห้ง แล้วทา สรุปคือทำสามครั้งพอครับ แต่ต้องใจเย็นและมีเทคนิคหน่อย

ในการปัดแปรงลงสี น้าสอนว่า จุ่มสี ปาดหยดสีที่แปรงส่วนเกินออกหน่อย แล้วก็เอาไปปัดตรงพื้นผิวที่ต้องการทา รูดแปรงไปในทิศทางเดียว ลากให้ยาว เป็นเส้นตรง อย่าหวังจะปิดกลบรอยหมดในการลงแปรงครั้งเดียว ถ้าคุณไปทาซ้ำที่เดิมปัดๆ ซ้ำหลายครั้ง มันจะเกิดเป็นรอยขีดๆ ของแปรงขึ้นมา หรือถ้าคุณไม่ปาดสีส่วนเกินออกจากแปรงก่อนทาลงบ้าง มันก็จะเป็นหยาดสีใหญ่และไหลย้อยลงมาครับ ทาไปก่อน ปัดไปทางเดียว กินบริเวณได้เท่าไรก็เท่านั้น ใจเย็นๆ ค่อยๆ ลากแปรงไปดีๆ แล้วมันจะออกมาเรียบน้องๆ การพ่นด้วยสเปรย์เลย

เมื่อลงแปรงรอบแรกเสร็จ รอ 10 นาที จากนั้น ลองเลื่อนรถไปหน้าหรือหลัง ขยับให้จุดที่แผลครูดอยู่มันเลื่อนไปหน่อย สมมติว่าเดิม แผลอยู่ที่ 11 นาฬิกาของล้อ ก็เลื่อนลงมาอยู่ที่ 6 นาฬิกา คุณจะเห็นได้ชัดว่าจุดไหนที่ยังลงสีไม่ครบ แสงเงาต่างๆ ที่แยงตามันจะเปลี่ยนมุมไป พอเห็นว่าตรงไหนสียังไม่ครอบคลุม ก็เล็งไว้ หลังจากรอสียกแรกแห้ง 10 นาที ก็ลงแปรงรอบสอง ด้วยเทคนิคเดิมครับ ปาดสีส่วนเกินอย่าให้เยอะ และวาดแปรงไปในทิศทางเดียวให้ได้ยาวสักสองนิ้ว แล้วค่อยจุ่มแปรง ปาด แล้วทาต่อจากจุดที่ทิ้งไว้ อย่าทาไปทามาซ้ำจุดเดิม

จากนั้น รอ 10 นาที แล้วขยับรถย้ายแผลครูดไปตรงไหนจะกี่นาฬิกาก็แล้วแต่ครับ แล้วก็ทาสีเก็บงานขั้นสุดท้าย ปล่อยให้แห้ง สำรวจแผล หรือขยับรถจากร่มออกไปกลางแดด ก็น่าจะทำให้เห็นสภาพล้อได้มากขึ้น อย่างล้อของผมนี้ รอยที่บิ่นจากการกระแทกทางเท้า ผมคงยังซ่อมไม่ได้ และมันยังคงเห็นได้จากระยะ 2-3 เมตร แต่อย่างน้อย มันก็ไม่เป็นรอยถากขาวๆ น่าเกลียดแบบเดิม ซึ่งมองจากพระจันทร์ก็ยังเห็น เวลาถ่ายรูปจากระยะ 4-5 เมตร แผลก็ไม่ดูเด่นออกมามากนัก
ซึ่งการซ่อมแบบนี้ เหมาะสำหรับกรณีที่แผลไม่เยอะ แค่เห็นแล้วรำคาญตา ก็สามารถทำเองได้ หรือสอง คุณคิดว่าไม่อยากจ่ายเงิน 1,500-2,500 บาท เพื่อซ่อมล้อ หรือสาม คุณต้องเอารถไปจอดโชว์ในงาน แล้วคุณไม่สามารถหาร้านซ่อมล้อเสร็จทันเวลานั้น หรือไม่มีเพื่อนให้ยืมล้อรุ่นนั้นๆ มาเปลี่ยน ก็ลองทำตามวิธีของน้าผมดูได้ครับ
อย่างน้อย จากเดิม ที่ผมเห็นแผลแล้วแทบบ้า ตอนนี้ ...เออ..ไว้หลังปีใหม่ค่อยซ่อมนะลูก ขอเอาเงินไปปรนเปรอเด็กๆ ก่อน ผมหมายถึงหลานที่เป็นลูกของน้องสาวผมน่ะครับ..อย่าคิดเป็นอื่น.
Pan Paitoonpong