- ความแตกต่างเคลือบสีรถ ด้วยการเคลือบแก้ว และเคลือบเซรามิก
- เทคนิคดูแลสีรถหลังจากผ่านการเคลือบแก้ว และเคลือบเซรามิก
- ใครที่ควรนำรถไปเคลือบแก้ว และเคลือบเซรามิก
บทความเอาใจคนรักรถกันอีกแล้วครับ ครั้งนี้มาลงรายละเอียดถึงการเคลือบแก้ว เคลือบเซรามิก และบางร้านมีแอดวานซ์ถึงขั้น 'เคลือบแก้วเซรามิก' ใช่ครับ การเคลือบแก้วเซรามิกสีรถยนต์ยังไม่มีการควบรวมกัน เคลือบแก้วก็คือตัวหนึ่ง และเคลือบเซรามิกก็คืออีกตัวหนึ่ง แตกต่างกันตั้งแต่ชื่อ ราคา และคุณสมบัติ เราขอเจาะลึกทีละตัว สำหรับใครกำลังศึกษาว่าควรจะนำรถแสนรักของเราไปเคลือบสีให้เงาวับด้วยการเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก
การเคลือบแก้ว
การเคลือบผิวรถด้วยสาร Silicon dioxide (SiO2) หรือซิลิกา ซึ่งเป็นสารตัวหนึ่งที่ใช้ผลิตแก้วน้ำ มีคุณสมบัติเคลือบชั้นผิวได้แข็งแรง คงทน และให้ความเงา รถที่ทำการเคลือบแก้ว จะต้องนำเข้าศูนย์บำรุงรักษาทุกๆ 6 เดือน
การเคลือบเซรามิก
น้ำยาที่ผสมด้วยสาร Silicon carbide (SiC) หรือซิลิคอนคาร์ไบด์ คุณสมบัติเพิ่มขึ้นในเรื่องความแข็งแรงและมีความยืดหยุ่น เพิ่มความเงาให้กับสีรถ ระยะเวลาของการเคลือบเซรามิกทำครั้งเดียวอยู่ได้ถึง 1-2 ปี บางยี่ห้ออยู่ได้ถึง 5 ปี
...
แน่นอนราคาของการเคลือบเซรามิกย่อมสูงกว่าการเคลือบแก้ว แต่ผมขอไม่ลงรายละเอียดกับราคา เนื่องจากแต่ละศูนย์ให้บริการมีราคาไม่เท่ากันตามยี่ห้อของผลิตภัณฑ์ และเทคนิคขั้นตอนการดำเนินการ แต่ถามว่าคุ้มไหมกับการที่เอารถยนต์ไปเคลือบผิวด้วยการเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก ในจำนวนเงินหลักหลายพันจนถึงหลายหมื่น
แน่นอนว่าคุณสมบัติที่เราทราบกันดีว่า รถที่ผ่านการเคลือบแก้วและเคลือบเซรามิก จะมีสีรถที่เงาใสตลอด ป้องกันรังสี UV ที่เป็นต้นเหตุให้รถสีซีดจาง ป้องกันการเป็นรอยยากขึ้น ฝุ่นละอองติดตัวรถยากขึ้น และล้างทำความสะอาดได้ง่าย แต่ไม่ได้หมายความว่ารถจะไม่สามารถเป็นรอยได้ 100% ไม่สามารถมีสิ่งสกปรกใดมาสัมผัสได้หรือทำลายสีรถไปได้ หรือเคลือบแล้วรถไม่ต้องล้าง อันนี้ก็ไม่ใช่นะครับ
เพราะคุณยังต้องล้างเมื่อเห็นคราบสกปรก หรือเจอมูลนก ห้ามใช้ผลิตภัณฑ์ขัดสีรถ ไม่เช่นนั้นคราบฟิล์มที่เคลือบสีรถจะหลุดออกมาได้ หรือเมื่อต้องนำรถตากแดดนานๆ ก็ยังต้องลงแว็กซ์เคลือบเพิ่มเกราะป้องกันอีกชั้นก่อน และต้องเข้าบำรุงรักษาตรวจสภาพสีรถที่ศูนย์เป็นประจำตามระยะเวลาที่กำหนด
ไม่เคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก ได้ไหม
คำตอบคือ ได้แน่นอนครับ ยิ่งถ้าคุณเป็นคนดูแลรถบ่อยครั้ง นำมาล้างทำความสะอาด ลงแว็กซ์ เคลือบสีรถเอง ก็ไม่จำเป็นต้องเสียเงินกับการเคลือบแก้วเลยก็ยังได้ แต่หากคุณเป็นคนไม่ค่อยมีเวลา แต่หลงรักการมองรถที่เงาใส อยากมีสีรถเหมือนใหม่ยาวนานขึ้น การลงทุนเคลือบแก้ว หรือเคลือบเซรามิก ก็ตอบโจทย์ ขึ้นอยู่กับความสะดวก และมันนี่ในกระเป๋านั่นเองครับ.
ผู้เขียน : เครื่องยนต์คนขยัน