OMODA & JAECOO ภายใต้บริษัท Chery Automobile เชิญสื่อมวลชนสายยานยนต์ลงขับทดสอบสมรรถนะรถยนต์รุ่นใหม่ JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) HEV + EV พัฒนาต่อยอดจาก Chery Automobile เจเนอเรชั่นที่ 3 ยุคใหม่ของยานยนต์ปลั๊กอินไฮบริด แรงบิดเพียงพอต่อการใช้งาน ประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อนที่เน้นกำลังแต่ประหยัดพลังงาน การทดสอบ JAECOO 7 SHS จัดที่สนาม Pathumthani SpeedWay เพื่อให้สื่อมวลชนลองสัมผัสครอสโอเวอร์พลังงานผสมที่กำลังจะเปิดตัวในไทย โดยจำลองสถานการณ์เสมือนจริง เพื่อทดสอบระบบขับเคลื่อนและไดนามิกส์ของรถ
...
...
...
JAECOO 7 SHS เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนที่ตั้งเองโดยมีชื่อย่อว่า SHS หรือ Super Hybrid System) ระบบไฮบริด HEV + EV ที่ OMODA & JAECOO พัฒนาต่อยอดมาจากเทคโนโลยีไฮบริดเจเนอเรชั่นที่ 3 ของ Chery Automobile เครื่องยนต์สามารถปรับเปลี่ยนการจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงได้แบบเรียลไทม์ตามสภาพการขับ ที่ความเร็วต่ำ จะขับเคลื่อนด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าโดยเครื่องยนต์ปั่นไฟให้กับแบตเตอรี่คล้ายการทำงานในระบบ ePower ของ Nissan พร้อมระบบระบายความร้อนประสิทธิภาพสูง (Thermal Efficiency) รักษาอุณหภูมิของเครื่องยนต์ให้อยู่ในเกณฑ์การทำงาน ในสภาวะที่มีโหลดสูง หลีกเลี่ยงอาการกำลังตกหรือทำงานผิดปกติที่เกิดจากความร้อนสูงเกินไป
...
เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT (Super Electric Hybrid DHT System) ออกแบบมาเพื่อรถยนต์ไฮบริดโดยเฉพาะ เมื่อลองขับทดสอบในสภาวะการจำลองเส้นทางคล้ายกับถนนปกติ มีทั้งเร่งและเบรก หรือขับบนทางขุรขระ ระบบส่งกำลังผลังงานผสม PHEV ของ JAECOO 7 ทำงานได้อย่างนุ่มนวลไร้รอยต่อ มีอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงอยู่ในเกณฑ์ดี ที่ 7.8 วินาที หากแบตเตอรี่มีไฟมากพอ เมื่อขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าล้วน จะทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 120 กม./ ชม. ( แบตเตอรี่มีกระแสไฟมากกว่า 25%) OMODA & JAECOO เคลมว่า หากรวมระยะทางการขับขี่ทั้งน้ำมัน และไฟฟ้า JAECOO 7 จะไปได้ไกล 1,300 กิโลเมตร เอาเข้าจริงๆ เติมน้ำมันเต็มถัง แบตมีไฟเต็ม แล้วไปได้ 1,000 กิโลเมตร คู่แข่งก็เหนื่อยเลยละครับ!
ระบบความปลอดภัยของ JAECOO 7 SHS ชุดแบตเตอรี่ มีการป้องกันรอบด้าน ทนความร้อน รองรับแรงกระแทกหากเกิดอุบัติเหตุ และกันน้ำ ฟังก์ชันการป้องกันการปิดเครื่องภายใน 0.002 วินาทีหลังเกิดการชน ตัดแหล่งจ่ายไฟได้อย่างรวดเร็ว เพื่อป้องกันไม่ให้แบตเตอรี่เกิดอุณหภูมิสูงเกินไป ระบบรักษาความปลอดภัยแบบเรียลไทม์ มีความหนาแน่นของพลังงานสูง ทำระยะการขับขี่ด้วยไฟฟ้าล้วน โดย OMODA & JAECOO เคลมว่า ชาร์จไฟจนเต็มจะวิ่งด้วยไฟฟ้าไกล 106 กิโลเมตร (NEDC) ขับจริงน่าจะอยู่ที่ 75-80 กิโลเมตรก็เจ๋งแล้ว JAECOO 7 SHS สามารถกลายเป็นแหล่งพลังงานเคลื่อนที่กลางแจ้ง โดยเป็นสถานีจ่ายไฟฟ้าที่ปลอดภัยได้ในกรณีฉุกเฉิน จากความสามารถในการปล่อยประจุไฟฟ้าภายนอกได้ 3.3 กิโลวัตต์
การชาร์จไฟแบบช้าผ่านปลั๊กไฟ 3 ขา 230 โวลต์ สามารถชาร์จไฟรถจาก 0% ถึง 100% ได้ภายในเวลา 8.5 ชั่วโมง ด้วยกำลังไฟ 3.3 กิโลวัตต์ รูปแบบที่ 2 คือ การชาร์จแบบ AC ที่สามารถชาร์จไฟรถจาก 30% ถึง 80% ในเวลา 3 ชั่วโมงด้วยกำลังไฟ 6.6 กิโลวัตต์ รูปแบบสุดท้าย คือ การชาร์จแบบ DC ซึ่งถือเป็นระบบที่สร้างความแตกต่างที่สำคัญที่ทำให้ JAECOO 7 PHEV แตกต่างไปจากเดิม รถยนต์ปลั๊กอินไฮบริดของเจคู่เป็นรถยนต์ PHEV รุ่นเดียวในท้องตลาดปัจจุบันที่รองรับการชาร์จไฟแบบเร็วโดยใช้การชาร์จแบบ DC ซึ่งสามารถชาร์จแบตเตอรี่จาก 30% ถึง 80% ใน 20 นาที ที่กำลังไฟ 40 กิโลวัตต์
การขับทดสอบสมรรถนะของ JAECOO 7 SHS ที่แจ้งตัวเลขแรงม้าแรงบิดแบบสุดติ่ง เครื่องยนต์ไฮบริดปลั๊กอิน เป็นเครื่องเบนซินแถวเรียง ความจุ 1.5 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ มีกำลังสูงสุด 347 แรงม้า (HP) แรงบิดสูงสุด 525 นิวตัน-เมตร (ขับจริง ลองเร่งต่อเนื่องและจับอาการดึงของรถ ตัวเลข 0-100 คาดว่า แรงบิดที่แท้จริง น่าจะอยู่ที่ 340 นิวตันเมตรไม่เกินนั้น) สถานีทดสอบมีทั้งการเปลี่ยนเลนฉุกเฉิน เข้าโค้งมุมแคบ การทรงตัวและการถายเทน้ำหนักของรถทั้งขณะที่เข้าโค้งและเบรกเต็มกำลัง การควบคุมรถบนพื้นผิวเปียก โดยภาพรวม JAECOO 7 ที่ใช้ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สันและหลังแบบมัลติลิ้งค์ถือว่าเป็นรถปลั๊กอินที่มีไดนามิกตรงไปตรงมา ช่วงล่างและพวงมาลัย ทำงานสอดคล้องกันได้ในระดับที่น่าพอใจ ค่อนข้างคล่องตัว มีอาการโคลงไม่มากและสิ่งที่ทำได้ดีก็คือ การเป็นรถสันดาปบวกมอเตอร์และแบตเตอรี่ที่ยังคงให้ฟิลลิ่งแบบเดิมๆ แตกต่างจากรถยนต์ไฟฟ้า 100 % ที่พอขับเร็วๆแล้วเหมือนหุ่นยนต์มากกว่ารถยนต์
JAECOO 7 SHS ยานยนต์ HEV + EV ในรูปแบบของ PHEV Plug in Hybrid เครื่องยนต์ 1.5TDGI เจเนอเรชั่นที่ 5 ซูเปอร์อิเล็กทริกไฮบริด DHT แบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูง ขับเคลื่อนด้วย ไฟฟ้าแบบรถ EV และขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์กับมอเตอร์ผสานกันแบบรถไฮบริด HEV เก็บเสียงพอใช้ได้ มีเสียงยาง 235/50R19 ดังลอดเข้ามาเบาๆเมื่อความเร็วเกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง จุดที่ชอบก็คือ พวงมาลัยแม่น ช่วงล่างดี ไม่เด้งจากการทำงานของสปริงที่ช่วยหยุดการเต้นขึ้นลงของโช้คอัพ มัลติลิ้งค์ที่ด้านหลัง ทำให้ผู้โดยสารเบาะหลังนั่งสบายขึ้น ภายในแม้จะไม่หรูเท่า AION แต่มีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง เบาะหลัง ทั้งวางขาและพื้นที่เหนือหัวมีมากพอจนไม่ทำให้รู้สึกอึดอัด เครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เทอร์โบ และมอเตอร์ เร่งความเร็วได้อย่างนุ่มนวล เดินทางไกลไม่ต้องรอชาร์จ
โหมดขับเคลื่อนมีสี่โหมด
EV Mode
มอเตอร์ไฟฟ้าจะเป็นตัวขับเคลื่อนหลักแบบปราศจากมลพิษ (0-40 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
Series Mode
โหมดที่มีการทำงานเหมือน Nissan Kicks ที่ความเร็วไม่เกิน 70 กิโลเมตร หากแบตเตอรี่มีกระแสไฟต่ำ เครื่องยนต์จะติดขึ้นมาแต่ทำหน้าที่ปั่นไฟใส่แบตเตอรี่ (40-70 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
Parallel Mode
เมื่อไฟในแบตเตอรี่มีน้อยลง เครื่องยนต์และมอเตอร์จะผสานการทำงานร่วมกัน เครื่องยนต์จะทำหน้าที่ขับเคลื่อนโดยตรง ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า ทำหน้าที่เสริมแรงบิดเมื่อต้องการเร่งความเร็วเพื่อแซง (70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง)
Energy Recovery
เมื่อยกคันเร่ง ระบบเบรกสะสมพลังงาน regenerative braking จะเข้าสู่วงจรการทำงานเพื่อชาร์จกระแสไฟไปเก็บในแบตฯ (80 กิโลเมตต่อชั่วโมง)
JAECOO 7 SHS มีรูปลักษณ์ที่ลงตัว ทรงของรถคล้ายกับ Range Rover ไฟหน้าและไฟท้าย LED ออกแบบในลักษณะตารางสี่เหลี่ยมเล็กๆซ้อนกันอยู่ภายใน มือจับที่เปิดประตูแบบแนบสนิทไปกับตัวถัง กระจังหน้าแนวตั้ง ตกแต่งขอบกระจังสีดำด้วยพลาสติกโครเมี่ยมสีเงิน ด้านข้างทั้งสองฝั่งของกันชนหน้ามีไฟตัดหมอก LED กระจังมีขนาดใหญ่ ปิดคลุมส่วนหน้าของรถเกือบทั้งหมด ด้านข้าง แนวของหลังคาที่ลาดเทไปยังส่วนท้ายคล้าย Range Rover ล้ออัลลอยลาย 5 ก้านที่เน้นระบบอากาศพลศาสตร์ ขอบ 19 นิ้ว ยาง 235/50R19 ซุ้มล้อมีพลาสติกกันกระแทกสีดำ กระจกมองข้างสีดำก้านสีเงิน เสาหน้า เสากลางและเสาท้าย ตกแต่งด้วยสีดำ บั้นท้ายมีดีไซน์ที่ให้มุมมองสมดุลเชื่อมต่อกับทรงด้านข้าง ไฟท้าย LED แบบตารางสี่เหลี่ยม ฝาท้ายไฟฟ้า สั่งเปิดที่รีโหมดกุญแจได้ กันชนหลังพลาสติกสีดำสลับสีเงิน มิติตัวถังของ JAECOO 7 SHS มีขนาดความยาว 4,500 มิลลิเมตร กว้าง 1,865 มิลลิเมตร ตัวเลขนี้ถือว่าดี ทำให้รถไม่สอบหรือผอมเกินไป สัดส่วนความสูงอยู่ที่ 1,865 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,672 มิลลิเมตร อยู่ในกลุ่ม Honda HRV / Mazda CX30 / Toyota Corolla Cross
ดีไซน์ที่ดีบวกกับแพลตฟอร์มที่ลงตัวทำให้ JAECOO 7 มีพื้นที่ใช้สอยในห้องโดยสารกว้างขวางเลยทีเดียว เบาะหุ้มหนังสีดำตัดด้วยขอบสีขาว เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า ตำแหน่งของการนั่งค่อนข้างดี พวงมาลัยปรับสี่ทิศทาง เป็นพวงมาลัยทรงสามก้าน คันเกียร์อยู่ที่คอพวงมาลัย เหมือนกับ Mercedes-Benz สำหรับคนที่เคยใช้คันเกียร์แบบนี้จะรู้สึกสะดวกมากในการเข้าเกียร์เพื่อเดินหน้าหรือถอยหลัง แผงประตูสีดำ มือจับที่เปิดประตูด้านในแบบโครเมี่ยมสีเงิน ประตู บุด้วยหนังสังเคราะห์แบบนุ่ม พื้นที่ของเบาะคนขับกับเบาะผู้โดยสารตอนหน้าถูกกั้นด้วยที่วางแขนซึ่งยางไปจนสุดเบาะคู่หน้า มีช่องชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ที่วางแก้วน้ำ กล่องเก็บของมีฝาปิดแบบพับ เบาะหลังนั่งสบายจากพื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะเหลือเฟือ ในจุดนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดี แม้วัสดุตกแต่งภายในจะเรียบๆ ไม่หรูหรามาก แต่มีพื้นที่มากพอที่จะทำให้ไม่รู้สึกอึดอัด
วันเปิดราคา ถ้าตั้งไม่เกิน 900,000 บาท น่าจะพอทำตลาดได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจของประเทศที่ยังคงซบเซาต่อเนื่องไม่มีวี่แววว่าจะดีขึ้นเมื่อไหร่ การเปิดตัวเปิดราคาที่เป็นไปตามแผนงานเดิม รออีกไม่ไหว เพราะรถก็ผลิตออกมาเป็นปีแล้ว จะยื้อต่อเพื่อยืดเวลาเปิดตัวออกไป อาจไปทับกับรถรุ่นใหม่ที่วางแผนไว้ว่าจะออกมาในปีนี้....
JAECOO 7 SHS (Super Hybrid System) จะเปิดตัวอย่างเป็นทางการในตลาดรถยนต์ไทยเร็วๆนี้ คาดว่า น่าจะโผล่ที่งานบางกอก อินเตอร์เนชั่นแนล มอเตอร์โชว์ ช่วงเดือนมีนาคมที่จะถึงนี้ละครับ.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/