Lotus เป็นแบรนด์รถสปอร์ตระดับตำนาน เปิดตัวในปี 1948 และมีชื่อเสียงจากรถยนต์สองที่นั่งที่เน้นเบา คล่องตัว และขับสนุก รถสปอร์ตสันดาปภายในที่ผลิตออกขาย คือ Elite, Elan, Esprit, Elise, Evora และล่าสุดคือ Emira การเปลี่ยนแปลงอำนาจการบริหารสูงสุด จากการครอบครองของ Geely ทำให้ Lotus ยุคใหม่ หันไปหาพลังงานที่จะเข้ามาเปลี่ยนแปลงโลกให้ดีขึ้น ด้วยระบบส่งกำลังไฟฟ้า 100%
...
Emeya ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบจาก DNA ของรถยนต์สมรรถนะสูงภายใต้แบรนด์ Lotus เป็นสัญลักษณ์ของความก้าวหน้าตลอด 75 ปีที่ผ่านมา ในขณะที่ยังถือเป็นอนาคตของแบรนด์ที่กำลังเปลี่ยนผ่านไปเป็นไฟฟ้าล้วนในทุกโมเดล เส้นสายภายนอกที่ทรงพลัง สร้างรูปทรงที่สวยงาม ไฟ LED พาดผ่านด้านท้ายเป็นส่วนหนึ่งของไฟท้ายอัจฉริยะ เป็นธีมที่ถ่ายทอดออกมาสู่ภายในรถ โดยมีไฟส่องสว่างที่อยู่ในบั้นท้ายของ Eletre hyper-SUV
Emeya มีจุดศูนย์ถ่วงต่ำ Lotus เรียกว่า "ไฮเปอร์สแทนซ์" การวางแบตเตอรี่ไว้ระหว่างล้อและใกล้กับพื้นรถสร้างรูปลักษณ์รถสปอร์ตที่เพรียวลม ฐานล้อยาว โอเวอร์แฮงค์สั้น ออกแบบเหมือนวางตำแหน่งของล้ออยู่ที่มุมของรถทั้งสี่ ซุ้มล้อใหญ่เป็นเอกลักษณ์ของ Lotus ที่ย้อนกลับไปถึงรถสำหรับวิ่งบนถนนและรถแข่งในช่วงทศวรรษ 1950 และ 1960 เป็นลักษณะการออกแบบที่เน้นย้ำถึงมรดกด้านสมรรถนะของ Emeya
...
...
Lotus Emeya hyper-GT ดีไซน์ไฟวิ่งกลางวัน (DRL) แนวแปลกตา เลย์เอาต์ DRL ที่เพรียวบางและเฉียบคม ไฟหน้าแทบจะซ่อนอยู่ในช่องรับแสงใต้ไฟ DRL เทคโนโลยีไฟท้ายและการออกแบบ โดยใช้แถบไฟท้าย LED แบบไดนามิก RGB ที่บางที่สุดเท่าที่เคยมีมาในรถยนต์ที่ผลิตออกมาในปัจจุบัน
...
Emeya คือ Lotus ที่ก้าวเดินไปสู่ระบบขับเคลื่อนพลังงานไฟฟ้าตามหลังรถรุ่นพี่ หลังจากที่ Lotus เปิดตัวรถ Eletre เอสยูวีไฟฟ้าคันแรก ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของตระกูลรถยนต์ไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เน้นการใช้งานหลากหลาย ทั้งสองรุ่น ออกแบบที่ประเทศอังกฤษ และผลิตในโรงงานของ Lotus ที่เมืองหวู่ฮั่น ประเทศจีน Lotus Emeya ใช้พื้นฐานสถาปัตยกรรมโครงสร้าง Electric Premium เป็นแพลตฟอร์มไฟฟ้าที่ออกแบบเพื่อให้นำไปใช้ได้อย่างหลากหลาย ทั้งตัวถังเอสยูวีและคูเป้ซีดาน แพลตฟอร์ม Electric Premium เหมาะกับกลุ่มรถยนต์ที่ออกแบบให้มีขนาดแตกต่างกัน รวมถึงขนาดของแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้า โครงสร้างส่วนประกอบหลัก และเทคโนโลยีระบบความปลอดภัย
ประสิทธิภาพของมอเตอร์ขับเคลื่อนเป็นหัวใจสำคัญสำหรับอนาคตของ Lotus ด้วยเหตุนี้ Emeya ที่ถูกพัฒนาให้เป็นรถสี่ประตูที่เร็วที่สุดในตลาด Electric GT ได้ บรรจุจุดสูงสุดของระบบส่งกำลังมอเตอร์คู่ Emeya รุ่น R มีกำลังสูงสุด 905 แรงม้า และแรงบิด 985 นิวตันเมตร ส่งผ่านล้อทั้งสี่แบบ AWD อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 2.8 วินาที เท่ากับ Porsche Taycan Turbo ทำให้ Emeya เป็นหนึ่งในรถสี่ประตูที่เร็วที่สุดในตลาดรถ Premium Electric
Lotus Emeya S
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD มอเตอร์หลังแบบ Dual-Speed กำลังสูงสุด 603 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 710 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนพอลิเมอร์ ความจุ 102 kW ระบบไฟ 800 โวลต์ ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 355 kW อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.15 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จเต็มวิ่งไกล 610 กิโลเมตร ราคา 5,990,000 บาท
Lotus Emeya R
มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว ขับเคลื่อน 4 ล้อ AWD มอเตอร์หลังแบบ Dual-Speed กำลังสูงสุด 905 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 985 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ลิเทียมไอออนพอลิเมอร์ ความจุ 102 kW ระบบไฟ 800 โวลต์ ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสสลับ AC สูงสุด 22 kW ชาร์จด้วยไฟฟ้ากระแสตรง DC สูงสุด 355 kW อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 2.78 วินาที ความเร็วสูงสุด 256 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ชาร์จเต็มวิ่งไกล 485 กิโลเมตร ราคา 6,890,000 บาท
Emeya ติดตั้งแบตเตอรี่ขนาด 102kWh ชาร์จเต็มวิ่งได้ไกลถึง 600 กิโลเมตรระบบไฟ 800 โวลต์ ทำให้การชาร์จสามารถทำได้ที่อัตราสูงถึง 350kW ชาร์จไฟแค่ 5 นาที ไปต่อได้ไกล 140 กิโลเมตร ด้วยสเตชันชาร์จ 350 kw ตามข้อมูลของ Lotus ชาร์จไฟกระแสตรง DC 350 kW จาก 10-80% ใช้เวลาเพียง 18 นาที
Emeya เกี่ยวข้องโดยตรงกับพลังงานไฟฟ้าที่แปรเปลี่ยนไปเป็นแรงบิดมหาศาล ตัวเลขอัตราเร่งและความสะดวกสบายสไตล์ Hyper GT ระบบกันสะเทือนถุงลม Air Suspension ควบคุมการทำงานผ่านเซนเซอร์และซอฟต์แวร์ ระบบจะสแกนถนนข้างหน้าในระดับ 1,000 ครั้งต่อวินาที เพื่อปรับความแข็งอ่อนอย่างต่อเนื่อง เพื่อตอบสนองต่อผิวถนนที่แตกต่างกัน การวางโช้คอัพถุงลมไว้ที่แต่ละมุมของรถอย่างเหมาะสมคือศักยภาพด้านวิศวกรรมยานยนต์ของ Lotus ซึ่งรักษามาตรฐานนี้มานานกว่า 70 ปี แม้จะตกไปอยู่ในมือของแบรนด์ Geery แต่ผู้บริหารระดับสูงของจีนก็ทำเหมือนกับ Volvo นั่นก็คือ อัดเงินสนับสนุนให้สร้างรถออกมาเพื่อทำให้สามารถแข่งขันได้ในตลาด Premium Electric
Lotus Emeya มีองค์ประกอบแอโรไดนามิกแบบแอคทีฟรอบคัน ไล่จากกระจังหน้าแบบปิดทึบ ช่องทางอากาศไหลผ่าน เพื่อเหนี่ยวนำเอาอากาศมาระบายความร้อนให้กับระบบเบรกและสร้างแรงกด ดิฟฟิวเซอร์ด้านหลังแบบแอคทีฟ ช่วยจัดเรียงกระแสอากาศส่วนท้ายเพื่อลดความปั่นป่วน สปอยเลอร์หลังหรือวิงหลังไฟฟ้าแบบสองชั้น ขนาด 296 มิลลิเมตร ทำงานด้วยระบบอัตโนมัติ มีขนาดที่กว้างกว่า Eletre ถึง 100 มิลลิเมตร วิงหลังไฟฟ้าสองชั้น จะยกตัวขึ้นทันทีเพื่อสร้างแรงกดส่วนท้ายและเพิ่มเสถียรภาพการทรงตัวในย่านความเร็วสูง สร้างแรงกดได้มากถึง 215 กิโลกรัม การใช้ active aero ถือเป็น โอกาสที่จะทำให้ Lotus สามารถผลิตรถยนต์สมรรถนะสูงที่ดูหรูหราดุดันไปพร้อมๆ กัน
ภายใน เบาะนั่งด้านหน้าแบบคาร์บอน พวงมาลัยฐานตัดแบบรถแข่งหุ้มด้วยหนังกลับ Alcantara ผ้าหลังคาก็หุ้มด้วย Alcantara เช่นเดียวกัน ผสมผสานกับองค์ประกอบงานตกแต่งภายในสไตล์ยุโรปที่หรูหรา เบาะหลังแบบแยกส่วนแบบบักเก็ตซีส กระจกมองข้างใช้กล้องล้อมกรอบด้วยชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์ (ออปชันเสริม) หน้าจอกระจกมองหลังแบบดิจิทัล และวัสดุที่มีคุณภาพสูงปรากฏอยู่ทั่วทั้งห้องโดยสาร โดยเฉพาะเบาะหลังที่ปรับเอนนอนได้พร้อมฟังก์ชันนวด
ความสามารถด้านเทคโนโลยีของ Lotus Technology ระบบประมวลผล NVIDIA รองรับระบบขับอัตโนมัติ Level 4 ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ด้วยโปรเซสเซอร์ Snapdragon 8155 ล่าสุดจาก Qualcomm ซอฟต์แวร์ Unreal Engine 6 ยกระดับความปลอดภัยด้วยเซนเซอร์รอบคัน 36 ตัว สูงสุด 30 ครั้งต่อวินาที เพื่อการรับรู้แบบ 360 องศาได้อย่างครอบคลุม สแกนหาสิ่งกีดขวางที่ระยะ 200 เมตร ระบบส่องสว่าง Matrix LED ปรับระดับการส่องสว่างอัตโนมัติแบบ Active ข้อมูลการขับเคลื่อนที่สำคัญจะปรากฏบนจอแสดงผลยิงสะท้อนบนกระจกหน้าคนขับ แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น เส้นทางและคำเตือนของระบบช่วยเหลือผู้ขับตลอดความกว้างของกระจกหน้ารถ หน้าจอสัมผัสส่วนกลางขนาดใหญ่พร้อมการเชื่อมต่อ 5G และความสามารถในการอัปเดตแบบ over-the-air ขนาบข้างด้วยจอแสดงผลดิจิทัลที่บางกว่า 2 จอ หนึ่งจอสำหรับคนขับ และอีกจอหนึ่งเล็กๆ สำหรับผู้โดยสาร แดชบอร์ดออกแบบในรูปแบบที่สะท้อนขนาดความกว้างของ Hyper GT
ในสนามแข่งรถปทุมธานีสปีดเวย์ โดยทางกายภาพแล้ว Emeya ไม่มีเครื่องยนต์ แเร่ง 0-100 ได้ในเวลาเพียง 2.8 วินาที ด้วยมอเตอร์ขับเคลื่อนพลังสูงสองตัวหน้า-หลัง ผสานรูปทรงที่โฉบเฉี่ยวตามหลักอากาศพลศาสตร์ Emeya ยังมีความคล้ายคลึงอย่างมากกับ Eletre ถือเป็นความตั้งใจของ Lotus จากการปรับโครงสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ โดยหันมาออกแบบและพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าที่ใช้งานได้จริงและใช้ได้ทุกวัน ทั้ง Emeya และ Eletre มีพื้นฐานมาจากมรดกตกทอดของการสร้างรถสปอร์ตอังกฤษ เป็น "จุดเริ่มต้น" สำหรับการเปลี่ยนแปลงระบบขับเคลื่อนจากเครื่องยนต์สันดาปภายในไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า รวมถึงสิ่งที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้อีกห้าปีข้างหน้า เมื่อกดคันเร่งออกตัวในรถรุ่น R กำลัง 905 แรงม้า ที่เกินเลยจากผังสนามไปไกลทำให้ต้องระวังในเรื่องของระยะเบรกและสปีดความเร็วในบางจุด
Lotus Emeya ทำให้แบรนด์รถสปอร์ตเก่าแก่ของอังกฤษ มีกลุ่มผลิตภัณฑ์ที่ทำหน้าที่เป็นคู่แข่งกับ Porsche Taycan โดยตรง ปัจจุบัน รสนิยมของลูกค้าที่ร่ำรวยนั้นเปลี่ยนไป ยานพาหนะใหม่ๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้าและเทคโนโลยีใหม่ เข้ามามีบทบาทในการตัดสินใจ ซึ่งหมายความว่า Lotus ในร่มเงาของ Geery พร้อมด้วยเงินทุนสำหรับการพัฒนาจำนวนมหาศาล ทำให้สามารถสร้างรถยนต์สมรรถนะสูงในลักษณะที่แตกต่างออกไปจากอดีตได้อย่างง่ายดาย Emeya ใช้ระบบกันสะเทือนถุงลม Adaptive Air Suspension ที่ควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เซ็นเซอร์ออนบอร์ดขั้นสูงจะจับสัมผัสระหว่างยางกับพื้นผิวถนน ด้วยความถี่สูงถึง 1,000 ครั้งต่อวินาที และปรับการทำงานของแอร์สปริงโดยอัตโนมัติ เพื่อทำให้รถนุ่มนวลและยึดเกาะได้ดีอย่างที่ควรจะเป็น
ระบบกันสะเทือนยกมาจาก Eletre ซึ่งเป็นรถเอสยูวีคันใหญ่ที่ควบคุมได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ การ ปรับซอฟแวร์ควบคุมการทำงานใหม่ของแอร์สปริง ทำให้ดูดซับแรงกระแทกได้อย่างง่ายดาย ถ่ายทอดความนุ่มนวลได้ดี ระบบป้องกันการพลิกคว่ำที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา (ซึ่งสามารถเปลี่ยนสมดุลความแข็งของแอร์สปริงจากด้านหน้าถ่ายไปยังด้านหลังอย่างรวดเร็วเพื่อเหนี่ยวนำความเสถียร) รักษาอาการเสียหลักจากอันเดอร์สเตียร์ การส่งแรงบิดผ่านระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ พร้อมระบบบังคับเลี้ยวล้อหลังที่ทำงานอยู่ตลอดเวลา ทั้งหมดนี้ทำงานเป็นหนึ่งเดียวเพื่อไม่ให้รถเกิดอาการหน้าดื้อหรือท้ายปัด
การเปลี่ยนโหมดการขับขี่ Tour ทำให้กำลังขับเคลื่อนไปทางด้านหลังมากขึ้น โหมดบางโหมดอย่าง Sport mode ระบบรักษาเสถียรภาพของรถเปิดโอกาสให้เกิดอาการลื่นไถลบางๆ แต่ทำให้คุณควบคุมรถได้ถูกต้องด้วยอาการที่สามารถคาดเดาได้ ไม่ใช่กดแวบเดียวก็หลุดออกนอกแทรค โหมด Sport ช่วยให้ออกตัวได้เร็วขึ้น แต่ควรเผื่อระยะเบรกให้พร้อมเข้าไว้ ส่วนโหมด Track คือโหมดที่ระบบอิเล็กทรอนิกส์ยกเลิกการแทรกแซง ปล่อยให้การควบคุมขึ้นตรงกับทักษะของผู้ขับ แค่เร่งคันเร่งมากเกินไปเพียงหนึ่งมิลลิเมตรดูเหมือนแรงบิดจะล้นจนควบคุมได้ยาก แรงบิดมหาศาลของมอเตอร์คู่ในรุ่น R ทำให้การปลดปล่อยพลังงานทั้งหมดต้องใช้ความระวังและความรับผิดชอบอย่างมาก รุ่น S นั้น ควบคุมได้ง่ายกว่าในโค้งมุมแคบ แต่เร่งออกจากปลายโค้งแล้วไม่ดึงหนักเท่ากับรุ่น R
ส่วนผสมที่ค่อนข้างสมบูรณ์แบบของ Lotus Emeya ทำให้มันเป็นรถไฟฟ้าไฮเปอร์อีวีที่ควบคุมได้ง่ายถ้าไม่เฮ้าส์เลี่ยนมากจนเกินไป เบรกเอาอยู่ แต่เบรกคาร์บอนเซรามิกส์ของรุ่น R ต้องมีอุณหภูมิสูงขึ้นมาจากปกติถึงจะเบรกได้ดี และยิ่งใช้เบรกจนอุณหภูมิสูงขึ้นเรื่อยๆ เบรกเซรามิกส์จะตอบโจทย์การขับในสนามแข่งมากกว่าที่จะเอาไปใช้งานบนถนน การมุดด้วยพลัง 905 แรงม้า บวกแรงบิด 985 นิวตันเมตร ต้องใช้ความระวังมากกว่าปกติสองเท่า ระยะเบรกก็เป็นสิ่งที่ต้องคิดคำนึงเป็นอันดับแรก ด้วยระบบเบรกแบบเดียวกัน มวล 2.4 ตันที่พุ่งจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงโดยใช้เวลาเพียง 2.89 วินาที ต้องใช้ระยะทางในการเบรกมากกว่ารถที่เบากว่า 2 ตัน นั่นคือกลศาสตร์ของวัตถุหรือมวลที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูง การหยุดด้วยระบบเบรกที่มีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในการใช้งาน
แน่นอนว่าการเปลี่ยนมาใช้มอเตอร์ขับเคลื่อน นั่นกลายเป็นจุดสุดโต่งของเทรนด์ที่กำลังมาแรง โลกสมัยใหม่ต้องการรถยนต์พลังงานสะอาดที่จะเข้ามาช่วยหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ยุคใหม่บนโลกที่เด็กวัยรุ่นและคนรุ่นใหม่หันไปหายานพาหนะที่ไม่ปล่อยมลพิษ ทำให้แทบจะไม่มีที่ว่างสำหรับรถสปอร์ตขนาดเล็กเครื่องวางกลางสุดคลาสสิกที่ใช้เครื่องยนต์สันดาปภายในอีกต่อไป Lotus ยุคใหม่ จึงจำเป็นต้องทำในสิ่งที่กำลังกลายเป็นโอกาส เพื่อความก้าวหน้ารวมถึงความอยู่รอดของบริษัท การสร้างรถยนต์พลังงานไฟฟ้าที่มีลูกค้าจำนวนมากอย่าง SUV, hyper-GT หรืออะไรก็ตามที่ไม่แพงจนเกินไป เป็นเป้าหมายสำคัญมากกว่าการสร้างรถแข่ง F1 ที่คว้าชัยชนะในบ่ายวันอาทิตย์ ซึ่งต้องแลกมาด้วยเงินทุนมหาศาลสำหรับการพัฒนารถแข่งและเลี้ยงดูทีมแข่งนับร้อยชีวิต
Lotus เป็นแบรนด์ที่มักจะได้รับการคาดหวังจากลูกค้าสูงมาก รูปทรงต้องมีเอกลักษณ์และดึงดูดสายตา พร้อมไดนามิกส์สไตล์รถแข่ง ทั้งหมดที่เขียนถึง มีอยู่ในรถ Elite, Elans, Sevens, Elises รวมถึงรถสปอร์ตกับรถแข่งในยุคแรกๆ สิ่งที่ลูกค้าหวังว่าจะได้รับใน Lotus ยุคใหม่ก็คือ รถที่สามารถใช้งานได้อย่างหลากหลาย ทำให้รู้สึกอยากขับมากขึ้น Emeya คือ Lotus สมัยใหม่ที่ไม่ได้สมบูรณ์แบบไปซะทุกอย่าง แต่ก็มีทุกอย่างที่คุณต้องการ ในราคาที่พอจะจับต้องได้ก็แล้วกัน.