Corolla Cross รถอเนกประสงค์ 5 ประตูยกสูง ขนาดกะทัดรัดคล้ายรถแฮตช์แบ็ก แต่ถูกยกความสูงเพื่อการลุยเล็กๆ น้อยๆ บนผิวทางที่ขรุขระหรือลุยน้ำท่วมขังไม่เกิน 30 เซนติเมตร ได้ดีกว่ารถเก๋งเล็กทั่วไป เปิดตัวครั้งแรกในประเทศไทยในเดือนกรกฎาคม 2563 หลังจากออกขายในช่วงที่โควิด-19 ระบาดอย่างรุนแรง ล่าสุดในช่วงต้นปี 2567 Toyota ใช้การออกแบบหน้าตาใหม่หมดเพื่อปรับความสดใสของ Corolla Cross รุ่นปรับโฉม ด้วยรูปลักษณ์ที่ย่อส่วนมาจาก Toyota Rav4 มีการเติมความทันสมัยด้วยกระจังหน้าลายหกเหลี่ยมที่คล้ายกับกระจังของรถ Lexus รุ่นใหม่ เปลี่ยนแปลงไปจากจากกระจังหน้าบึ้งที่ Toyota ยึดโยงกับทรงแบบนั้นมานาน กระจังหน้าใหม่ควบรวมอยู่กับชุดไฟหน้าแบบใหม่ที่มีรายละเอียดภายในกรอบไฟใหม่หมด ทำให้หน้าตาท่าทางของ Cross ดูหล่อมากกว่าเดิม ไฟหน้าของ Cross รุ่นปรับโฉมเครื่องไฮบริดคันทดสอบรุ่น Premium Luxury มีแถบพลาสติกสีฟ้าอยู่ด้านใน มีส่วนช่วยทำให้น่ามองมากกว่าไฟแบบเรียบๆ บั้นท้ายยังเหมือนเดิมแต่มีการเปลี่ยนกันชนหลังที่มีลวดลายเชื่อมโยงกับกระจังหน้า แพลตฟอร์มใหม่ที่ใช้ร่วมกับ Toyota Corolla Altis แต่ใช้ช่วงล่างหลังแบบคานแข็ง ทอร์ชั่นบีมทำให้ต้นทุนช่วงล่างของ Cross ลดลง แต่การปรับตั้งที่ลงตัวทำให้ Cross 1.8 HEV Premium Luxury ราคา 1,204,000 บาท มีการขับขี่ที่ดีเหมือนเดิม

...



Corolla Cross 2024 ครอสโอเวอร์แพลตฟอร์ม TNGA-C จากที่เคยใช้หน้ากระจังแบบบึ้งตึง มาถึงรุ่นปรับโฉม มีการนำรายละเอียดชุดกระจังหน้าของรถ Lexus มาปรับใช้ สอดรับกับไฟหน้า LED แบบใหม่ Crystalized ข้างละสี่ดวง ไฟเลี้ยว Sequential ไฟหรี่กลางวัน LED Daytime running light กระจังหน้าทรงหกเหลี่ยมเล็กๆ เรียงซ้อนกันด้วยรูปทรงเรขาคณิต ขอบด้านบนของชุดกระจังหน้าที่เชื่อมต่อกับไฟหน้าทั้งสองฝั่งเป็นชิ้นงานพลาสติกสีเงิน กันชนหน้าแบบใหม่ซ้อนทับอยู่กับชุดกระจัง ไฟตัดหมอก LED กับช่องรับอากาศใต้กระจังหน้าทำจากพลาสติกสีดำ


...



...
ด้านข้างแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง มีสัญลักษณ์ HEV ที่แก้มข้างใน Corolla Cross รุ่น HEV Premium Luxury กระจกมองข้างด้านบนสีเดียวกับตัวถัง มือจับที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวถัง พลาสติกกันกระแทกตกแต่งบริเวณชายล่างของบานประตู รุ่น Premium Luxury มีแรคหลังคาสีดำเงา พลาสติกกันกระแทกบริเวณชายล่างของบานประตูที่เปลี่ยนรูปทรงเพื่อความแตกต่าง บั้นท้ายเปลี่ยนไฟท้าย กันชนหลัง สัญลักษณ์ HEV ที่ฝาท้าย กันชนหลังยังสื่อให้เห็นถึงความเชื่อมโยงกับกันชนหน้าด้วยรายละเอียดรูปทรงหกเหลี่ยมเล็กๆ 13 ตำแหน่งที่จัดเรียงอย่างลงตัว ไฟท้าย LED แบบใหม่ยังใช้ทรงไฟท้ายเดิมแต่ปรับรายละเอียดภายใน ไฟเบรกดวงที่สามหลอด LED ที่ปัดน้ำฝนกระจกบานหลัง เสาอากาศครีบฉลาม ฝาท้ายไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์เปิด-ปิด ฝาท้ายไฟฟ้าแบบ Kick activated กล้องมองภาพรอบทิศทาง พร้อมมุมมองแบบ 3 มิติ ที่ปรับปรุงใหม่ (Panoramic view monitor) มิติตัวถังของ Toyota Corolla Cross Minorchange 2024 มีขนาดความยาว 4,460 มิลลิเมตร กว้าง 1,825 มิลลิเมตร สูง 1,620 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,640 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,559 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,571 มิลลิเมตร ความจุถังเชื้อเพลิง (รุ่น HEV Premium Luxury) 36 ลิตร ล้ออัลลอยขอบ 18 นิ้ว ยาง michelin primacy 4 ไซล์ 225/50R18

...


HEV Premium Luxury น้ำหนักตัวรถทั้งคันอยู่ที่ 1,470 กิโลกรัม มีรัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.2 เมตร ช่วงล่างในแพลตฟอร์ม TNGA ด้านหน้าเป็นแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง การเปลี่ยนแปลงมุมของสตรัทแบร์ริ่ง เพื่อทำให้มีค่าที่สอดคล้องกับประสิทธิภาพของการยึดเกาะ ส่วนด้านหลังมีการปรับปรุงรูปแบบของระบบรองรับให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ช่วงล่างหลังของ Corolla Cross เป็นแบบทอร์ชั่นบีม ใช้โช้คอัพที่มีโครงสร้างใหม่ทั้งหมดแต่รุ่นปรับโฉมไม่ได้มีการปรับตั้งช่วงล่างใหม่ ยังคงใช้ค่าเดิมซึ่งมีความลงตัวอยู่แล้ว ชุดบังคับเลี้ยวไฟฟ้าใน Toyota Corolla Cross แบบ EPS electronic power steering คอยควบคุมน้ำหนักโดยแปรผันน้ำหนักของพวงมาลัยไปตามความเร็ว โหมดขับเคลื่อนสามรูปแบบ Sport / Normal / Eco
Toyota Corolla Cross รุ่นปรับโฉม 2024 รุ่นและราคา
Corolla Cross HEV GR Sport 1,254,000 บาท
Corolla Cross HEV Premium Luxury 1,204,000 บาท (คันทดสอบรีวิว)
Corolla Cross HEV Premium 1,094,000 บาท
Corolla Cross 1.8 Sport + 999,000 บาท



สนใจร่วมสนุกกับกิจกรรมทดลองขับ “COMPLETE YOUR LIFE... DRIVE WITH LOVE” ที่ โชว์รูม Toyota ทั่วประเทศ ระหว่างวันที่ 16-18 กุมภาพันธ์ พบกิจกรรมทดลองขับพร้อมรับของที่ระลึกกระเป๋าอเนกประสงค์ (จำนวนจำกัด)



ห้องโดยสารของ Cross HEV Premium Luxury แม้ขนาดตัวถังจะไม่ใหญ่ แต่ภายในก็ถือว่ามีพื้นที่ใช้สอยมากพอ เข้าไปนั่งแล้วไม่รู้สึกอึดอัด แดชบอร์ดคอนโซลเรียบๆ แดชบอร์ดขึ้นรูปด้วยพลาสติกหุ้มด้วยไวนิล มีการเดินเส้นกรอบมาตรวัด รุ่น HEV Premium Luxury เปลี่ยนมาตรวัดใหม่เป็นแบบจอภาพ TFT LCD กรอบของช่องแอร์ลากยาวคาดกึ่งกลางของแดชบอร์ดไปจนถึงช่องแอร์ด้านซ้าย พลาสติเกรดกลางๆ ที่คุ้นเคยประดับประดาอยู่ทั่วไปหมด จุดที่ออกแบบได้ดีก็คือแผงควบคุมอุณหภูมิกับจอภาพมอนิเตอร์แบบใหม่ที่ตั้งชัน





ภายในของ Corolla Cross รุ่น HEV Premium Luxury เปลี่ยนโทนสีเบาะใหม่ จากสีแดง Terra Rossa เป็นสีแดง Dark Rose หรือจากสีดำ เป็นสีดำตกแต่งด้วยทริมสีน้ำตาล หลังคาพาโนรามิกรูฟไฟฟ้า ให้มุมมองกว้างแบบไม่มีคานกลาง พร้อมม่านบังแดดปรับไฟฟ้า จอแสดงผลข้อมูลการขับขี่ แบบจอสี Full Digital ขนาด 12.3 นิ้ว แท่นชาร์จโทรศัพท์แบบไร้สาย ขนาด 15 วัตต์ ในรุ่น HEV GR Sport และ HEV Premium Luxury มาพร้อมสิ่งที่หลายคนเรียกร้อง นั่นก็คือ เบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold หน้าจอมอนิเตอร์กลางระบบสัมผัส ขนาด 10.1 นิ้ว แบบ HD ช่องเสียบ USB Type C ที่ตำแหน่งผู้โดยสารตอนหลังสองช่อง ไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสารเปลี่ยนหลอดเป็นแบบ LED เพิ่มไฟส่องสว่างบริเวณสวิตช์กระจกไฟฟ้าในตำแหน่งคนขับ








เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะคนนั่งหน้ายังใช้การปรับด้วยมือ เบาะสีแดงมีการสอดแทรกฟองน้ำบริเวณปีกของตัวเบาะ พนักพิงศีรษะไม่สร้างปัญหาให้กับท่านั่งแบบปกติ เกิดจากการออกแบบที่ดี เบาะหลังแบบสามที่นั่งพับได้ (60:40) พร้อมที่วางแขนและวางแก้วน้ำ ถ้านั่งสองคนจะสบายตัวมากกว่าเมื่อเดินทางไกล พื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่วางเท้ามีมาพอที่จะทำให้ท่านั่งบริเวณเบาะหลังผ่อนคลาย ช่องแอร์สำหรับผู้โดยสารตอนหลัง ซึ่งเหมาะมากกับการใช้งานในเมืองร้อนอย่างประเทศไทย ไม่ต้องเร่งแอร์กันจนสุด








จอภาพมาตรวัด 12.3 นิ้ว ปรับเปลี่ยนการแสดงผลได้อย่างหลากหลาย ส่วนจอภาพมอนิเตอร์สั่งงานด้วยระบบสัมผัสแบบใหม่ มีขนาด 10.1 นิ้ว (ของเดิม 9.0 นิ้ว) เป็นจอภาพที่มีความคมชัด ไม่มีระบบนำทางด้วยดาวเทียม แต่มีกล้องมองรอบคันที่ปรับปรุงใหม่ ทำงานพร้อมสัญญาณเสียงจากเซนเซอร์หลังที่คอยตรวจสอบการถอยหลังเข้าไปใกล้กับสิ่งกีดขวาง จอภาพมอนิเตอร์ควบรวมระบบปรับตั้งค่าต่างๆ ของรถ และการเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ในระบบ Bluetooth ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์เล่นเพลงจากภายนอกผ่าน USB พร้อม Apple CarPlay ลำโพง 6 ตำแหน่ง เมื่อลองเปิดเพลงดูก็พบว่าเครื่องเสียงของ Toyota New Corolla Cross นั้นแค่พอใช้ได้ จอภาพ 10.1 นิ้ว ยังรับหน้าที่เป็นจอมอนิเตอร์คอยแจ้งข้อมูลของอัตราสิ้นเปลือง การคำนวณระยะทางและระยะเวลาของการใช้งานตั้งแต่ติดเครื่องยนต์ไปจนถึงการดับเครื่อง


พวงมาลัยของ Corolla Cross หุ้มหนังแท้แบบสามก้านยกมาทั้งวงจาก new Corolla Altis มีสวิตช์ปรับตั้งระบบเครื่องเสียง สวิตช์เรียกดูข้อมูลที่จอภาพ MID multi information display ที่อยู่ด้านขวาของหน้าปัดมาตรวัด สวิตช์สั่งงานด้วยเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ ก้านวงด้านขวา มีสวิตช์สั่งงานระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ หรือ Cruise Control มาให้





Toyota เป็นค่ายรถที่มีความเชี่ยวชาญด้านระบบไฮบริดมานานกว่า 30 ปีแล้ว รถไฮบริดของ Toyota แพร่หลายไปทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็น Prius /Camry / Corolla / Yaris Cross โดยมีรถ Toyota อีกหลายโมเดลที่จำหน่ายทั้งในประเทศไทยและทั่วโลกที่ใช้ระบบขับเคลื่อนแบบพลังงานผสม การวิจัยและพัฒนาระบบไฮบริดอย่างต่อเนื่องของ Toyota ทำให้ระบบเสริมพลังงานแบบ SERIES-PARALLEL HYBRID หรือระบบไฮบริดแบบอนุกรมบวกคู่ขนานมีประสิทธิภาพมากกว่าเดิม เป็นระบบขับเคลื่อนที่ควบรวมข้อดีของ Series และ Parallel เข้าไว้ด้วยกัน เพื่อใช้ประโยชน์ให้ได้มากที่สุดและเป็นระบบที่รถ Toyota Corolla Cross เลือกใช้ การทำงานของระบบไฮบริดในเจเนอเรชันที่ 4 ขึ้นตรงกับสภาวะของการขับขี่ ไม่ว่าจะใช้มอเตอร์ขับเคลื่อนแต่เพียงอย่างเดียวในช่วงสั้นๆ หรือใช้กำลังทั้งจากมอเตอร์และเครื่องยนต์ผสมผสานกันในการขับเคลื่อน ระบบนี้มอเตอร์ยังสามารถส่งกำลังไปที่เพลาขับเคลื่อนล้อหน้าแม้จะกำลังชาร์จไฟอยู่ก็ตาม หลายคนบ่นเรื่องแรงบิดขณะขับขึ้นภูเขาด้วยสัมภาระและคนโดยสารเต็มคัน แม้จะบรรรทุกมาเต็มคันก็พอที่จะดันขึ้นเขาสูงชันได้

เครื่องยนต์รุ่นไฮบริด 2ZR-FXE แบบเบนซินแถวเรียง 4 สูบ DOHC 16 วาล์ว VVTi ปริมาตรความจุ 1,798 ซีซี กระบอกสูบ 80.5 มิลลิเมตร ช่วงชัก 88.3 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 13.0:1 กำลังสูงสุด 72 กิโลวัตต์ 98 แรงม้า ที่ 5,200 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 142 นิวตันเมตร ที่ 3,600 รอบต่อนาที ระบบจ่ายเชื้อเพลิงหัวฉีด EFI รองรับเชื้อเพลิง E20 มอเตอร์ไฟฟ้าซิงโครนัสแม่เหล็กถาวร แรงดันไฟฟ้าสูงสุด 600 โวลต์ กำลังสูงสุด 53 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 163 นิวตันเมตร แบตเตอรี่ไฮบริดนิเกิลเมทัลไฮดราย แรงดันไฟฟ้า 201 โวลต์ ความจุไฟฟ้า 6.3 แอมป์/ชั่วโมง เครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 122 แรงม้า เกียร์อัตโนมัติ E-CVT


ชุดแปลงกระแสไฟฟ้าแบบใหม่ที่ใช่ร่วมกับ Corolla Altis Hybrid ซึ่งเรียกว่า Inverter with converter assembly ระบบไฮบริดเจน 4 ของ Toyota ออกแบบให้ inverter with converter assembly มีขนาดเล็กและมีน้ำหนักเบา สามารถบูสไฟฟ้าแรงสูงอย่างรวดเร็วโดยติดตั้งอยู่ด้านบนของชุดเกียร์

แบตเตอรี่ไฮบริดเป็นแบบ ni-mh battery DC 201.6 V168 Cell 6 cell x 28 modules แบตเตอรี่ติดตั้งอยู่ใต้เบาะหลังพร้อมชุดกรองฝุ่นและพัดลมไฟฟ้าระบายความร้อน โดยมี auxiliary battery ติดตั้งอยู่ในห้องเครื่องยนต์ เป็นแบบ EN Type LN1 auxiliary battery





ชุดมอเตอร์ 2 ตัวที่ฝังอยู่ในเกียร์เป็นแบบ P610 hybrid transaxle ใช้มอเตอร์ไฟฟ้าสองตัว MG1 / MG2 ขนาด 600 โวลต์ ระบายความร้อนด้วยน้ำ มอเตอร์ไฟฟ้า MG 1 มีแรงดันไฟฟ้าสูงสุด AC600 V กำลังสูงสุด 53 กิโลวัตต์ ส่วนมอเตอร์ไฟฟ้า MG 2 มีแรงบิดสูงสุด 163 นิวตัน-เมตร มีแรงดันไฟสูงสุด AC600 V มอเตอร์ใช้ขดลวดทองแดง Stator ความต้านทานต่ำ ปรับจูนซอฟต์แวร์ควบคุมการทำงานใหม่




Corolla Cross อยู่ในกลุ่มเดียวกับ Honda HR-V / Nissan Juke / Ford Eco Sport / Mazda CX-3 และ CX-30 MG ZS รวมถึงญาติที่ใกล้ชิดอย่าง Toyota C-HR โดยภาพรวมหลังจากผ่านไป 4 ปี Corolla Cross ทำตัวเลขยอดขายขึ้นนำในอันดับที่ 1 จากเรือนร่างและประสิทธิภาพของการควบคุมหลังพวงมาลัย ทำให้สาวกสามห่วงในไทยชื่นชอบกันพอสมควร การเสริมตลาดรถอเนกประสงค์คันเล็กด้วยรถยนต์รุ่นปรับโฉมที่พัฒนาในไทย ด้วยการเพิ่มอุปกรณ์ที่ลูกค้าต้องการ ทำให้ Corolla Cross มีความน่าใช้งานอยู่เหมือนกัน โดยเฉพาะรุ่นไฮบริด จุดเด่นของการปรับปรุงในรุ่นปี 2024 ก็คือ การปรับดีไซน์ภายนอกและภายในใหม่ เพิ่มอุปกรณ์อำนวยความสะดวก ปรับปรุงเทคโนโลยีความปลอดภัย รักษาจุดเด่นด้านประสิทธิภาพการใช้งาน Toyota เคลมประหยัดเชื้อเพลิง 23 กิโลเมตรต่อลิตร




มอเตอร์ไฟฟ้า MG-1 และ MG-2 พร้อมแบตฯ รุ่นใหม่ เดินทางมาถึงระบบไฮบริดในเจเนอเรชันที่ 4 ของแบรนด์สามห่วงท่ีได้รับการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องเพื่อความสมบูรณ์แบบ พัดลมระบายความร้อนชุดแบตเตอรี่กับระบบชาร์จเก็บประจุกระแสไฟพร้อมขดลวดทองแดงในมอเตอร์ที่ปรับปรุงใหม่ ตำแหน่งของการติดตั้งแบตเตอรี่อยู่ใต้เบาะผู้โดยสารตอนหลังเหมือนเดิม Toyota เคลมว่าแบตเตอรี่ไฮบริดมีความทนทาน ระบบขับเคลื่อนพลังงานผสมเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง มีการเคลมตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองของ Corolls รุ่นไฮบริดที่ 23 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงทำได้ 18.5-21.4 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นการขับทดสอบบนทางราบจากสำนักงานใหญ่ Toyota ย่านบางนามุ่งหน้าไปยังอำเภอสามร้อยยอดในจังหวัดประจวบฯ รวมระยะทางไป-กลับ ไกล 520 กิโลเมตร




พลังงานผสม Hybrid เครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า ทำงานตัดต่อไหลลื่น การถ่ายเทพลังงานทั้งเครื่องยนต์ + เกียร์ eCVT และมอเตอร์ หรือทั้งสองอย่างผสมกันเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เมื่อใช้ความเร็วต่ำในเมืองมอเตอร์จะเข้ามารับหน้าที่ขับเคลื่อน และเมื่อใช้ความเร็วเพิ่มขึ้นเครื่องยนต์จะติดขึ้นมาประสานการทำงานกับมอเตอร์ในการขับเคลื่อน การเร่งความเร็วผ่านระบบส่งกำลัง CVT อาจไม่ค่อยทันอกทันใจ เนื่องจากอัตราทดเฟืองท้ายถูกปรับให้โอนอ่อนผ่อนคลายลงไป มันเป็นรถที่เร่งความเร็วได้แบบเรื่อยๆมาเรียงๆ ไม่ขึ้นไวเท่า Camry Hybrid ที่ใช้เครื่องใหญ่กว่า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 11.8 วินาที บ่งบอกถึงการทำตัวเป็นรถจ่ายกับข้าวหรือรับส่งลูกๆ ไปโรงเรียนมากกว่าจะเป็นรถครอสโอเวอร์ที่เร่งได้อย่างจิ้ดจ้าด การทรงตัวดีในย่านความเร็วสูง แต่สัมผัสของแป้นเบรกยังไม่ได้ให้ความมั่นใจเท่าที่ควร และต้องปรับความรู้สึกกันพอสมควรกว่าจะเกิดความคุ้นชินในน้ำหนักของการลงเท้าเพื่อชะลอความเร็ว




ความเร็วสูงสุดปลายคันเร่งแตะระดับ 175 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ส่วนอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงในวันทดสอบ เมื่อขับเร็วในโหมด Sport ทำได้เฉลี่ย 18.5 กิโลเมตรต่อลิตร เป็นการขับที่ใช้คันเร่งแบบปกติบนทางราบ ไม่มีการระมัดระวังในการใช้ความเร็วเพื่อทำให้อัตราสิ้นเปลืองดูดี โหมด Sport ปลดปล่อยความซ้ำซากจำเจของรถไฮบริดด้วยการตอบสนองที่ดีขึ้น พอเปลี่ยนมาขับเรื่อยๆ ย้วยๆ ที่ 90-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง กินแค่ 21.4 กิโลเมตรต่อลิตร ถือว่าประหยัดเอาเรื่อง ยางติดรถ michelin primacy 4 เป็นยางนุ่มเงียบที่มีการยึดเกาะอยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ยางรุ่นนี้มีดีที่เนื้อยางและดอกยางแบบใหม่ที่ช่วยเสริมการทำงานของช่วงล่างและการเก็บเสียงขณะบดลงไปบนผิวถนนที่จะเงียบกว่ายางแบบสปอร์ต




ช่วงล่างคือความสบายเหมือนเดิม การเซตให้เน้นความนิ่มนวลเมื่อขับฝ่าทางขรุขระคือจุดประสงค์ของรถรุ่นนี้ ช่วงล่างหน้าแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ด้านหลังแบบทอร์ชั่นบีมเหมาะสมสำหรับทางเรียบและทางลูกรัง อาการโคลงตัวมีบ้างแต่ไม่ได้มากจนน่าเวียนหัว เมื่อวิ่งผ่านผิวถนนที่ไม่เรียบหรือรอยต่อของคอสะพาน Cross ก็มีอาการที่พอรับได้และไม่ได้แย่ Toyota พยายามเน้นเรื่องความสบายในการขับ สำหรับปัญหาของรถไฮบริดก็คือ แบตฯ ลูกกระจิริดนั้นทำระยะทางได้ไม่ไกลแถมยังต้องวิ่งด้วยความเร็วต่ำระบบไฮบริดถึงจะสั่งให้มอเตอร์ทำงานเพียวๆ โดยยังไม่สั่งให้เครื่องยนต์ร่วมทำงานผสานแรงบิด และเมื่อจะแก้ปัญหานี้ด้วยการเพิ่มขนาดของแบตฯ ก็จะส่งผลไปถึงน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้นจนทำให้บริโภคไฟฟ้ามากจนเกินไป แบตเตอรี่ที่มีขนาดไม่ใหญ่และมีน้ำหนักเบา เหมาะสมกับระบบไฮบริดเจเนอเรชันที่ 4 ของ Toyota การตอบสนองต่อการกดคันเร่งในโหมด ECO ออกมาในแบบคงที่ ความเร็วไหลขึ้นไปเรื่อยๆ ส่วนโหมด Normal คันเร่งตอบสนองในระดับกลางๆ ไม่มากไม่น้อย แต่ก็ดีกว่า ECO ที่ย้วยเพราะเน้นอัตราสิ้นเปลือง ส่วน Sport Mode ตอบสนองได้ดี เหมาะกับความต้องการในการเร่งความเร็ว แต่ตัวเลขอัตราสิ้นเปลืองก็จะแย่ลง เมื่อขับเร็วเกินกว่ากฎหมายกำหนด




เกียร์ CVT สายพานพูเลย์ต่อเชื่อมกับมอเตอร์ การขับด้วยไฟฟ้าในระยะทางสั้นๆ ที่ความเร็วต่ำ เหมาะกับการขับในเมือง เมื่อออกทางไกลทั้งสองระบบจะทำงานไปพร้อมๆ กันอย่างต่อเนื่องและนุ่มนวล ไม่มีรอยต่อของมอเตอร์และเครื่องยนต์ที่สลับกันทำหน้าที่ขับเคลื่อนซึ่งเป็นจุดเด่นของ Corolla Cross การออกตัวเงียบๆ แต่พลังงานไฟฟ้าในแบตตัวน้อยก็ไม่ได้มีให้ใช้งานกันไกลๆ แค่แวบเดียวเครื่องยนต์ก็ติดขึ้นมาเพื่อเสริมแรงบิด เบาะนุ่มนั่งสบายและมีรูปแบบที่สวยงามปรับได้หลายทิศทางแต่เบาะคนนั่ง ซึ่งหมายถึงเบาะคุณภรรยาก็ยังเป็นแบบปรับมืออันนี้ควรให้มาเป็นเบาะไฟฟ้าคู่หน้าได้แล้ว มีหลายส่วนของ Corolla Cross ที่ถูกทำออกมาดี แต่ก็มีบางจุดบางตำแหน่งที่ต้องแก้ใขปรับปรุง เช่น เสียงเครื่อง เสียงลมและเสียงยางบดลงไปบนถนนที่ความเร็ว 120 กิโลเมตรต่อชั่วโมง การจัดวางอุปกรณ์ภายในทำออกมาใช้ได้ยกเว้นจอภาพที่ตั้งโด่เด่ ซึ่งมีขนาดใหญ่ขึ้นมาอีก 1 นิ้ว




ในขณะที่ Toyota พยายามเตรียมความพร้อมสำหรับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าที่จะเข้ามาเสริมทัพรถไฮบริดในอนาคต แต่รถไฮบริดของ Toyota ก็ยังสร้างกำไรให้กับแบรนด์สามห่วงอย่างต่อเนื่อง ทั้ง Prius CH-R Camry และ Yaris Cross เครื่องไฮบริดที่ขายดี ทำให้การพัฒนายานยนต์พลังงานไฟฟ้ามีความล่าช้า เมื่อเทียบกับแบรนด์คู่แข่งจากจีน ซึ่งมีรถไฟฟ้าออกมาขายอย่างต่อเนื่อง แต่การผลิตรถยนต์ประหยัดพลังงานและปล่อยมลพิษต่ำก็ยังได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย สังเกตได้ง่ายๆ นั่นก็คือ รถไฮบริดส่วนใหญ่ที่วิ่งอยู่บนโลกใบนี้ เกิน 80% ที่เป็นรถของ Toyota ส่วน Corolla Cross นั้นก็มีความน่าใช้งานตรงที่ความประหยัดและพื้นที่ใช้สอย แค่ปรับปรุงเรื่องการเก็บเสียงและการออกแบบอุปกรณ์ภายในพวกจอกลางให้ทันสมัยกว่าเดิม การยึดครองและรักษาตำแหน่งเบอร์ 1 ยอดขายรถอเนกประสงค์ไซส์เล็กคงไม่ใช่เรื่องที่ยากเย็นอะไร HEV Premium Luxury ขับดีใช้ได้ เดินทางไกลเบาะหลังนั่งแล้วไม่เมื่อย พื้นที่เก็บสัมภาระส่วนท้ายมีความจุมากพอสำหรับกระเป๋าเดินทางใบโตๆ จุดเด่นด้านประสิทธิภาพการทรงตัว ความสบาย ประหยัดและทนทาน ไม่ต้องรอชาร์จไฟสำหรับคนที่ต้องรักษาเวลายามเดินทาง ซึ่งจะคุ้มกับเงิน 1,204,000 บาท หรือไม่ก็ให้ดูจากยอดขายของรถรุ่นนี้ละครับ.