Ford Ranger Stormtrak คือ Ranger ใหม่ รถกระบะที่ขายดีที่สุดในสหราชอาณาจักร และยุโรป สำหรับประเทศไทย Ranger ทำตัวเลขยอดขายในกลุ่มรถกระบะตามหลัง D-MAX ของ Isuzu และ Hilux REVO ของ Toyota อยู่พอสมควร แต่ก็ถือว่าเป็นรถปิกอัพใช้งานที่ได้รับความนิยมอยู่ในเกณฑ์ดี แน่นอนว่าระบบส่งกำลัง ช่วงล่าง และชุดบังคับเลี้ยวของ Ranger ทำให้มันเป็นรถยนต์กระบะเพื่อการพาณิชย์ที่ขับได้ดีกว่าคู่แข่ง แต่ความไม่แน่นอนของชิ้นส่วนบางอย่างในระบบส่งกำลัง ทำให้กระบะมะกันไม่สามารถแซงหน้ากระบะญี่ปุ่นเจ้าตลาดได้ 

...

Ford Ranger Stormtrak มีดีมากกว่าของแต่งเสริมความหล่อ ภายใต้ตัวถังใหม่คือแชสซีที่ได้รับการอัปเกรด ระยะฐานล้อยาวขึ้น 50 มิลลิเมตร และความกว้างของแทร็กกว้างขึ้น 50 มิลลิเมตร เมื่อเปรียบเทียบกับ Ranger รุ่นก่อน ซึ่งหมายถึงการขับขี่ การควบคุมรถ และพื้นที่ใช้สอยภายในดีขึ้น

Ranger Stormtrak วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร สำหรับการลากจูงของหนัก หรือเอาตัวรอดบนทางออฟโรดสุดขั้วนั้น เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร ดูเหมาะสม อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงทำได้เฉลี่ยที่ 10.9 กิโลเมตรต่อลิตร เครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบ 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด พร้อมระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ ทั้งหมดนี้มีไว้เพื่อต่อกรกับ Hilux REVO GR Sport โดยธรรมชาติแล้ว Stormtrak มีความสามารถอย่างมากบนถนน โหมดขับเคลื่อนสองและสี่ล้อที่สามารถเลือกได้ตามปกติ พร้อมโหมดขับเคลื่อนทั้งทางเรียบ ทางทราย ผิวถนนที่เสี่ยงต่อการลื่นไถล หรือการขับบนเส้นทางออฟโรด 

...

...

แม้จะเต็มไปด้วยของแต่ง แต่ Stormtrak ก็ยังคงรักษามาตรฐานของ Ford โดยเน้นความแข็งแกร่งสมบุกสมบัน ราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) ออกแบบให้ผู้ใช้งานปรับรูปแบบสปอร์ตบาร์ได้ 5 ตำแหน่งด้วยมือเดียว รองรับการติดตั้ง หรือขนย้ายอุปกรณ์เพื่อการผจญภัย และการทำงานได้หลากหลายรูปแบบ รองรับน้ำหนักสูงสุด 80 กิโลกรัม (ขณะขับ) และ 250 กิโลกรัม (ขณะจอด)

...

Ford Ranger Stormtrak มีดีไซน์ที่แตกต่างไปจาก Ranger WildTrak ดีไซน์ของกระจังหน้าแบบเฉพาะรุ่น สติกเกอร์สีดำด้านบนพื้นที่เก็บสัมภาระ ด้านข้างตัวถัง และประตู ล้ออัลลอยลายใหม่ ชุดแต่งรอบคันพวกสปอร์ตบาร์แบบปรับได้กับงานตกแต่งภายในที่แปลกแยกไปจาก Ford Ranger Wildtrak เครื่องยนต์ดีเซล 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ กำลังสูงสุด 210 แรงม้า แรงบิด 500 นิวตันเมตร ตัวเลือกระบบขับเคลื่อนทั้งสี่ล้อ 4x4 และสองล้อ 4x2 ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด แบบ E-Shifter ระบบช่วยจอดอัตโนมัติ 

ไฟหน้า LED ไฟหรี่กลางวัน ไฟหน้ามาพร้อมระบบอัตโนมัติในการยกหรือลดไฟสูง กระจังหน้าของ Stormtrak สีดำเงา ล้อมรอบด้วยกราฟิกรูปตัว H กันชนหน้าที่เน้นด้วยแถบสี Race Red ไฟ AUX Lamp ที่ด้านหน้าของแผงกระจังหน้า ราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับและพับได้ สปอร์ตบาร์แบบเลื่อนและแร็คหลังคาพับได้ที่ไม่เหมือนใครของรถ Ranger รุ่นพิเศษ บรรทุกสัมภาระได้เต็มความยาวของหลังคา และพื้นที่จัดเก็บสัมภาระ ทั้งหมดนี้เรียกรวมกันว่า ระบบแร็คแบบยืดหยุ่น สามารถปรับได้ด้วยคนเพียงคนเดียว ล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้ว Ranger Stormtrak มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 20 นิ้วสี Asphalt Black พื้นผิวด้าน คู่กับก้านสีแดงสดใสหนึ่งก้านและก้านสีดำเงาอีกห้าก้าน ยาง Goodyear Wrangler Territory HT ไซส์ 255/50R20 110V 

มิติตัวถังของ Ranger Stormtrak สูง: 1,884 มิลลิเมตร กว้าง: 1,918 มิลลิเมตร ความยาว: 5,370 มิลลิเมตร แก้มข้างติดตราสัญลักษณ์ 2.0 Bi Turbo สัญลักษณ์ Stormtrak สีส้มดำที่ชายล่างของบานประตูหน้า กระจกมองข้างสีดำ กาบบันไดข้างสำหรับเหยียบเนื่องจากสัดส่วนความสูงเกือบ 2 เมตร สติกเกอร์ลายเส้นสีดำ ที่เหยียบขึ้นกระบะท้ายที่ใช้งานได้จริง ฝาท้ายพร้อมระบบผ่อนแรงเปิด กระบะท้ายหุ้มด้วยพลาสติกกันกระแทกสีดำประทับตรา Ford สัญลักษณ์ Stormtrak สีส้มดำที่มุมด้านขวาของฝาท้าย และตัวเลข 4x4 ที่ด้านซ้ายของฝาท้าย ไฟเบรกดวงที่สามดีไซน์อยู่เหนือกรอบที่เปิดฝาท้าย กันชนหลังพร้อมพลาสติกกันกระแทกสำหรับเหยียบขึ้นสู่กระบะท้าย จุดจ่ายกระแสไฟ 12V สำหรับแคมปิง ฝาท้ายประทับชื่อ Ranger แบบนูนแทนที่สติกเกอร์แบบเก่า ความสามารถในการลากจูง 3,500 กิโลกรัม น้ำหนักบรรทุกสูงสุด 1,200 กิโลกรัม ตัวถังดับเบิลแค็บมีพื้นที่กระบะท้ายสำหรับบรรทุกสัมภาระยาว 1,564 มิลลิเมตร การขยับล้อหน้าไปข้างหน้าอีก 50 มิลลิเมตร ช่วยให้การขับลุยออฟโรดดีขึ้น ให้พื้นที่ผู้โดยสารเพิ่มขึ้น และมีกระบะท้ายกว้างพร้อมจุดผูกเพิ่มเติมเพื่อยึดสัมภาระ 

ภายใน เบาะคู่หน้าปรับไฟฟ้า 8 ทิศทาง นั่นถือว่าให้มาเหนือกว่ารถคู่แข่งที่ชอบจัดเบาะคนนั่งหน้าปรับมือมาให้ เบาะสีดำเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดง ปักคำว่า Stormtrak ที่ด้านบนของพนักพิงหลัง เบาะหนังไมโครไฟเบอร์ที่คล้ายกับหนังกลับ Alcantara งานเย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีแดงยังลามไปถึงแดชบอร์ดคอนโซล หัวเกียร์และแผงประตู ช่องแอร์สี่เหลี่ยมผืนผ้าแนวตั้ง ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ที่คอพวงมาลัยตำแหน่งเดียวกับที่เคยใช้กุญแจเสียบแล้วบิดเพื่อติดเครื่อง พวงมาลัยทรงสามก้านหุ้มหนังแท้เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดง พวงมาลัยมีสวิตช์มัลติฟังก์ชันปรับตั้งระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ระบบสั่งงานด้วยเสียง ปุ่มควบคุมระดับเสียงของลำโพง ปุ่มรับ หรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ

Ranger Stormtrak มาพร้อมเบาะหนังปักโลโก้ ขลิบริมด้วยหนังกลับ Miko® และตะเข็บสี Race Red ตัดกัน เช่นเดียวกับบนแผงหน้าปัด ขอบคอนโซล พวงมาลัย และคันเกียร์ เกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter และเบรกมือไฟฟ้า ที่มาพร้อมเทคโนโลยีขั้นสูง และคุณลักษณะต่างๆ เช่น ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ ระบบนี้จะช่วยบรรเทาความตึงเครียดในการจอดรถ โดยการกดปุ่มเพียงครั้งเดียว

Ranger Stormtrak ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมคุณสมบัติ Stop-and-Go กำหนดความเร็วและรักษาระยะห่างจากรถยนต์คันหน้า ระบบ Lane Centering ช่วยให้รถไม่ออกนอกเลน

กล้อง 360 องศา
ติดตั้งกล้อง 360 องศา เพื่อช่วยให้การจอดในพื้นที่แคบๆ ง่ายขึ้น หรือช่วยในการขับขี่บนพื้นที่ที่ยากลำบากเมื่อคุณออกผจญภัย ระบบช่วยให้ผู้ขับขี่มองเห็นสิ่งที่อยู่ข้างหน้า หรือข้างหลังรถ รวมถึงมุมมองด้านบนและด้านล่างของพื้นที่รอบๆ รถอีกด้วย

แดชบอร์ดคอนโซลขึ้นรูปด้วยพลาสติกสีเทาดำเย็บด้วยด้ายแดง แดชบอร์ดตรงหน้าเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ออกแบบให้มีช่องเก็บของอยู่ตรงกลาง ด้านบนและล่างเป็นช่องเก็บของแบบมีฝาปิด ช่วยปรับให้ฟังก์ชันการใช้งานในจุดนี้มีความเหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง แดชบอร์ดด้านบนหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายแดง พลาสติกตกแต่งคาดกลางแดชบอร์ดสีดำเงามีตราสัญลักษณ์ Stormtrak แดชบอร์ดคอนโซลขึ้นรูปด้วยพลาสติกสีเทาดำ แดชบอร์ดตรงหน้าเบาะผู้โดยสารตอนหน้า ออกแบบให้มีช่องเก็บของอยู่ตรงกลาง ด้านบนและล่างเป็นช่องเก็บของแบบมีฝาปิด ช่วยปรับให้ฟังก์ชันการใช้งานในจุดนี้มีความเหนือชั้นกว่ารถคู่แข่ง คันเกียร์หน้าตาคล้ายของเดิมเนื่องจากการใช้สวิตช์เปลี่ยนตำแหน่งเกียร์แบบ +/- อยู่ที่หัวเกียร์เหมือนกับรุ่นที่ผ่านมา คันเกียร์หุ้มหนังแท้เย็บด้วยด้ายแดง ตำแหน่งของเบรกมือไฟฟ้าและแป้นปรับโหมดการขับเคลื่อน ปุ่มควบคุมการขับขี่ออฟโรด และช่องวางแก้วสองตำแหน่ง แผงประตูออกแบบใหม่ให้มือจับที่เปิดประตูด้านในอยู่ใกล้กับมือมากยิ่งขึ้น ที่เปิดประตูแบบใหม่ใช้แนวคิดย้อนยุคแต่ใช้งานได้ดี แผงประตูหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์พร้อมวัสดุที่ให้ผิวสัมผัสนุ่มนวล 

หน้าจอสัมผัสตรงกลางแนวตั้งขนาด 12.1 นิ้ว ในรุ่นที่มีสเปกสูงอย่าง Stormtrak เชื่อมโยงการทำงานกับระบบอินโฟเทนเมนท์ ระบบปฏิบัติการ SYNC 4 ของ Ford เป็นชุดอุปกรณ์ที่ยอดเยี่ยม สบายตา ใช้งานง่าย และทำงานได้อย่างราบรื่น โดยเฉพาะกล้องมองรอบคัน การปรับตั้งระบบต่างๆ ด้านหน้าของคนขับขึ้นอยู่กับข้อมูลจำเพาะของแผงหน้าปัดดิจิตอลขนาด 10.1 นิ้ว สวิตช์เกียร์บนพวงมาลัยควบคุมผ่านหน้าจอภาพมาตรวัดสำหรับการปรับตั้งค่าต่างๆ (รวมถึงโหมดขับเคลื่อนที่สามารถตรวจสอบได้) ทั้งระบบขับเคลื่อน มุมบังคับเลี้ยว มุมเอียงและมุมโค้งตัวรถ และการควบคุมอื่นๆ Ford ยังใช้สามัญสำนึกการใช้งานอุปกรณ์แบบเก่าที่ง่ายและเสถียร ด้วยการวางตำแหน่งส่วนควบคุมปุ่มแอร์ หรือระบบปรับอากาศ ติดตั้งอยู่ด้านล่างจอภาพมอนิเตอร์กลาง ปุ่มควบคุมอุณหภูมิภายในห้องโดยสารที่แยกออกมาจากจอภาพทำให้ใช้งานได้ง่ายและสะดวก ห้องโดยสารนั้นให้ความรู้สึกถึงคุณภาพที่เหนือกว่า วัสดุที่นำมาตกแต่งอยู่ในเกณฑ์ดี พลาสติกเกรดสูง รวมถึงจุดสัมผัสที่บุวัสดุนุ่ม 

งานตกแต่งภายในทำออกมาได้ดี มีความหรูหราน่าใช้ พลาสติกภายในไม่ได้ใช้ของแพง แต่รูปแบบของชิ้นงานและโทนสีสื่อให้เห็นถึงความตั้งใจของ Ford ในการที่จะเอาชนะรถคู่แข่งอย่าง Hilux REVO GE Sport สำหรับ Ranger Stormtrak มีฟังก์ชันใช้งานที่เหนือกว่ารถกระบะคู่แข่ง วิศวกรของ Ford พยายามปรับความสามารถในด้านการใช้งานที่หลากหลาย โดยเฉพาะการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ทั้งโทรศัพท์ไร้สาย และเครื่องเล่นเพลงแบบพกพา หรือช่องเชื่อมต่อ USB-C ห้องโดยสารภายในของ New Ranger มีการออกแบบให้รองรับการใช้งานที่ครอบคลุมผู้คนยุคใหม่ ด้วยเทคโนโลยีเชื่อมต่อสื่อสาร ซึ่ง Ford แจ้งว่าเป็นระบบฉลาดที่สุดเท่าที่บริษัทฯ เคยผลิต และใส่ในรถกระบะตระกูล Ranger ระบบเชื่อมต่อสั่งงานผ่านจอภาพขนาด 12 นิ้ว วางในแนวตั้งบริเวณคอนโซลกลาง ออกแบบให้เชื่อมต่อการสื่อสารจากที่บ้าน หรือที่ทำงาน เพื่อความสะดวกสบายในการใช้งาน

ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A หัวใจสำคัญของเทคโนโลยีที่ติดตั้งใน New Ranger Stormtrak โดย SYNC® 4A เป็นระบบสื่อสาร และความบันเทิงในรถ Ford ที่รองรับการเชื่อมต่อบน Apple CarPlay™ และ Android Auto™ มาพร้อมฟีเจอร์ใหม่ เช่น การแสดงผลฟีเจอร์ที่ใช้งานล่าสุดก่อนเพื่อการใช้งานที่ง่ายขึ้น หน้าจอสัมผัส ขนาด 12 นิ้ว เป็นจอที่ใหญ่ที่สุดในเซ็กเมนต์ เลือกการตั้งค่าหน้าจอแบบแยกส่วน ผ่านแป้นสั่งการที่อยู่ด้านล่างของหน้าจอ แสดงข้อมูลสำคัญ เช่น ระบบแผนที่นำทาง การเชื่อมต่อกับโทรศัพท์ และอุปกรณ์อื่นๆ การเลือกใช้หน้าจอแบบแท็บเล็ตขนาดใหญ่ เพื่อแสดงระบบแผนที่นำทางได้อย่างชัดเจน และยังเหลือพื้นที่ด้านล่างของจอสำหรับแสดงผลอื่นๆ เช่น ระบบปรับอากาศ และระบบควบคุมความบันเทิงอื่นๆ โมเด็มที่ติดตั้งมาจากโรงงาน ให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับรถได้อย่างต่อเนื่องผ่านแอปพลิเคชันฟอร์ดพาส อัปเดตข้อมูลและการทำงานหลายอย่างบนรถได้ ผ่านการเชื่อมต่อไร้สาย เช่น การอัปเดตซอฟต์แวร์ SYNC® 4A การอัปเดตเพื่อยกระดับคุณภาพ ความสามารถในการขับขี่ และความสะดวกสบายบางรายการ โดยไม่จำเป็นต้องนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการที่ศูนย์บริการ ระบบการควบคุมการขับขี่ของ Ranger Stormtrak ถูกย้ายจากแผงหน้าปัดและคอนโซลกลางไปอยู่บนหน้าจอ SYNC แทน ทำให้ใช้งานง่ายขึ้น โดยเข้าสู่หน้าจอโหมดออฟโรดก็มองเห็นเส้นทางการขับขี่ มุมเลี้ยว เนินชัน พื้นลาดเอียง และการควบคุมอื่นๆ ได้เพียงกดปุ่มเดียว การควบคุมอุณหภูมิและระบบความบันเทิงภายในรถ สั่งการผ่านหน้าจอ SYNC ได้ จอทัชสกรีนเชื่อมต่อกับกล้อง 360 องศา เพื่อให้จอดรถได้สะดวกขึ้นในพื้นที่แคบ หรือช่วยเหลือผู้ขับในการเดินทางบนสภาพเส้นทางที่มีความสมบุกสมบันเป็นพิเศษ ระบบจะทำให้ผู้ขับขี่มองเห็นสิ่งที่อยู่ด้านหน้ารถ หลังรถ ภาพรอบรถจากมุมสูง รวมถึงจุดบอดต่างๆ

Ranger Stormtrak ขับเคลื่อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ห้องโดยสารดูหรูหรา มีพื้นที่สำหรับผู้โดยสารและน้ำหนักบรรทุกมากขึ้น แน่นอนว่ารถกระบะมักถูกมองว่าเป็นเครื่องมือของคนทำงานมากกว่ารถสำหรับครอบครัว แต่การลองขับทางไกลกับ Ranger Stormtrak พบว่ามันเป็นรถใช้งานที่ครอบคลุม โดยเฉพาะการขับท่องเที่ยวในเส้นทางทุรกันดาร หรือแม้แต่การขับรับส่งลูกๆ ไปโรงเรียน จะยากขึ้นเมื่อพาเจ้ากระบะมะกันความยาว 5 เมตรเข้าห้าง หรือโรงแรมดังๆ ย่านสุขุมวิทที่คุณจะต้องหาที่จอดบนอาคารจอดรถที่คับแคบ

เครื่องยนต์เทอร์โบคู่ 2.0 ลิตร เกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด มีตัวเลือกทั้งแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ และขับเคลื่อนสองล้อ กำลัง 210 PS ที่ 3,750 รอบต่อนาที แรงบิด 500 นิวตันเมตร ที่ 1,750-2,000 รอบต่อนาที เร่งจาก 0 ถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 10.5 วินาที แรงบิดที่มาในรอบต่ำทำให้ขับง่าย ออกตัวเร็ว และมีความคล่องแคล่วบนไฮเวย์ ช่วงล่างที่ขึ้นชื่อของ Ranger รับมือกับผิวถนนทุกรูปแบบในประเทศไทยได้อย่างมั่นใจ การบังคับเลี้ยวนั้นเบา ช่วยปกปิดน้ำหนักตัว 2 ตันได้ดี  แรงบิด 500 นิวตันเมตร เหลือเฟือในการทำความเร็ว แม้ตัวจะหนักถึง 2.2 ตัน แต่ช่วงล่างนั้นเซตมาแน่นตึ๊บ ไม่ได้ใช้ของแพงอย่าง Raptor แต่เกาะถนนได้ดีเลยทีเดียว หวดหนักๆ ที่ความเร็วสูงก็ยังทรงตัวได้ดี บนทางออฟโรดช่วงล่างของ Ranger Stormtrak ผ่อนสั้นผ่อนยาวได้ดีมาก ทำให้นั่งสบายไม่ค่อยมีอาการกระด้าง แต่อาการโคลงตัวบนทางที่ไม่สม่ำเสมอยังโผล่ออกมาให้สัมผัส 

ผมลองขับแบบกดคันเร่งต่อเนื่อง เครื่องยนต์เทอร์โบคู่และเกียร์ 10 สปีด ทำหน้าที่ได้ดี ทั้งเสียงการทำงานที่ลดลงของเครื่องยนต์และการไหลขึ้นๆ-ลงๆ ของเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด การเก็บเสียงก็ดีขึ้นมาก วิ่ง 80-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มีเสียงลมและเสียงยางดังเข้ามาน้อยมาก เมื่อความเร็วขึ้นไปถึง 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง เสียงลมและเสียงบดลงไปบนผิวถนนของยางจะดังอย่างชัดเจน พวงมาลัยไฟฟ้าให้ความรู้สึกเบาสบายมือเมื่อใช้ความเร็วต่ำ และจะหนักขึ้นอีกนิดเมื่อเข็มวัดความเร็วผ่าน 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พวงมาลัยไฟฟ้าของ Ranger Stormtrak แม่นยำและตอบสนองต่อการเลี้ยวในโค้งได้ดี ขนาดที่ใหญ่ทำให้ต้องปรับความรู้สึกกันใหม่หมดในการวางตำแหน่งรถบนไฮเวย์ที่คับคั่ง การควบคุมกระบะคันโตหนักสองตัน เมื่อไปเร็วก็ควรจะเผื่อระยะเบรกเอาไว้บาง และขนาดที่ใหญ่ทำให้ต้องใช้ความระวังเมื่อความเร็วเพิ่มขึ้น 

Ford ปรับจูนให้แรงม้าลดลงเพื่อลดตัวเลขการปล่อยมลพิษ แต่แรงบิดของเครื่องยนต์รุ่นนี้ยังคงเหมือนเดิมที่ 500 นิวตันเมตร การเร่งออกตัวจากจุดหยุดนิ่งไปจนถึง 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใช้เวลาไป 10.5 วินาที ในรถกระบะคันโตที่มีน้ำหนักตัวมากถึง 2.2 ตัน ถือว่าเครื่องยนต์มีประสิทธิภาพที่ใช้ได้ เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ ยังประจำการอยู่ใน Everest เจเนอเรชันใหม่ และ Raptor รุ่นประหยัด! ขุมกำลังรุ่นดังกล่าว ออกแบบระบบบายพาสโดยปรับการทำงานของเครื่องยนต์เพื่อมอบประสิทธิภาพในการใช้งาน กล่าวคือ เทอร์โบชาร์จ 2 ตัว จะทำงานร่วมกันที่รอบต่ำเพื่อเพิ่มกำลังแรงบิดและการตอบสนอง หรือปรับทำงานโดยไม่ผ่านเทอร์โบขนาดเล็ก เพื่อให้เทอร์โบขนาดใหญ่ส่งกำลังได้เต็มที่เมื่อใช้รอบสูงต่อเนื่อง

ทางรอบๆ เขื่อนปราณบุรีที่มีทั้งทางออฟโรด ทางตรงสลับโค้งวกไปวนมา ทางขึ้นลงเนินเขาที่มีความลาดชันไม่มากนัก การขับบนเส้นทางเรียบๆ ลาดยางมะตอย Ford Ranger Stormtrak 2.0 Bi Turbo 4x4 ให้ความสบายภายในห้องโดยสารนุ่มนวลเหมือนรถเก๋ง เสถียรภาพการทรงตัวที่เพิ่มขึ้น จากฐานล้อที่กว้างและยาวขึ้น ส่วนการทดสอบเทคโนโลยีช่วยในการขับขี่ ด้วยระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมฟังก์ชัน Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering) ฟีเจอร์ใหม่ที่ช่วยลดความเมื่อยล้า และที่โดดเด่นก็คือฟิลลิ่งการควบคุมในย่านความเร็วสูงที่ให้ความมั่นใจไปพร้อมๆ กับความบันเทิงเริงรมย์ 

ความอเนกประสงค์ของ Ranger Stormtrak ในการเป็นกระบะสำหรับการทำงานกลางแจ้ง และการเป็นรถยนต์สำหรับครอบครัวในวันหยุด กระบะท้ายออกแบบให้รองรับการจัดเรียงสิ่งของอย่างเป็นระเบียบในหลากหลายรูปแบบ (Cargo management system) บันไดเหยียบข้างกระบะท้ายที่ทำให้การขึ้นท้ายกระบะง่ายขึ้น แต่ก็ต้องตะกายปีนป่ายอยู่ดี การใช้งานเครื่องใช้ไฟฟ้าโดยเชื่อมระบบไฟจากช่องจ่ายไฟในกระบะท้ายเพื่อทำงานช่าง หรือจ่ายไฟให้กับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ การออกแบบพื้นที่เก็บของใต้ที่นั่งใหม่เพิ่มพื้นที่เก็บของใต้เบาะหลังเพื่อความเป็นระเบียบ สามารถเก็บสัมภาระของทุกคนในครอบครัวได้โดยที่นั่งยังคงกว้างขวาง ห่วงยึดสัมภาระบนขอบกระบะท้าย ออกแบบมาเพื่อให้บรรทุกอุปกรณ์สันทนาการ เช่น เซิร์ฟบอร์ด จักรยาน เรือคายัคลำเล็ก หรือแม้แต่บรรทุกอุปกรณ์ต่างๆ ที่มีน้ำหนักมาก ชุดแต่ง Stormtrak ทั้งสีตัวถัง สติกเกอร์ สัญลักษณ์ต่างๆ ล้อและสปอร์ตบาร์ สร้างความแตกต่างไปจาก Ranger 4x4 รุ่นมาตรฐาน มันเป็นปิกอัพที่ขับสนุก เหมาะสมกับผิวถนนที่หลากหลายในประเทศไทย ฝนตกน้ำท่วมก็ใช้งานได้อย่างมั่นใจมากกว่ารถเก๋ง กินน้ำมันเฉลี่ย 10.8 กิโลเมตรต่อลิตร ทั้งในและนอกเมือง เมื่อฝนตกก็ปรับมาที่โหมด 4x4 ใช้ความเร็วไม่เกิน 100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Stormtrak เกาะถนนใช้ได้บนผิวถนนที่เปียกชื้น ลุยน้ำได้ถึง 80 เซนติเมตร ซึ่งรถทั่วไปคงจอดตายกันหมด ราคา 1,264,000 บาท สมรรถนะโดยรวมสูสีกับ Hilux REVO GR Sport แต่ขับมันกว่านิดๆ ละครับ! 

สีตัวถังภายนอก

Arctic White
Meteor Grey
Absolute Black Blue
Sedona Orange เพิ่มเงิน 10,000 บาท

ระบบส่งกำลัง และช่วงล่าง

เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบคู่ และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ให้กำลังสูงสุด 210 แรงม้า และแรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร
ดิสก์เบรกหน้าและหลัง พร้อมครีบระบายความร้อน
ล้ออัลลอย 20 นิ้ว พร้อมยางขนาด 255/55 R20
โช้คอัพคู่หน้าและหลังแบบโมโนทิวบ์

อุปกรณ์ภายนอก
ไฟหน้าแบบเมทริกซ์ แอลอีดี พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟอัตโนมัติ ระบบป้องกันไฟแยงตา และระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
ไฟวิ่งกลางวัน ไฟตัดหมอก และไฟท้ายแบบแอลอีดี
ระบบปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
ไฟส่องสว่างข้างตัวรถ
บันไดข้างและบันไดเหยียบข้างกระบะท้าย
ราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับได้ (Flexible Rack System) (First-in-class)
พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12V และ 230V (400W)
ฝาท้ายแบบผ่อนแรง

อุปกรณ์ภายในและความสะดวกสบาย
เบาะนั่งคนขับและผู้โดยสารตอนหน้า สามารถปรับไฟฟ้าได้ถึง 8 ทิศทาง
เกียร์อัตโนมัติแบบ E-Shifter (First-in-class)
แท่นชาร์จไร้สาย
กุญแจรีโมตอัจฉริยะพร้อมปุ่มสตาร์ตรถอัตโนมัติ
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแยกอิสระซ้าย-ขวา และระบบปรับอากาศสำหรับผู้โดยสารตอนหลัง
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงอัตโนมัติ พร้อมช่องต่อ USB
ไฟตกแต่งภายในห้องโดยสาร

การเชื่อมต่อและความบันเทิงภายในรถ
Ranger Stormtrak อุปกรณ์เพื่อความบันเทิง ได้แก่
หน้าจอแสดงผลจอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว
หน้าจอแสดงผลบนหน้าปัดแบบสีขนาด 12.4 นิ้ว
ระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android Auto™
ที่ได้รับการพัฒนาให้สะดวกรวดเร็วไปอีกขั้น ช่วยให้ผู้ขับขี่ใช้งานอุปกรณ์เคลื่อนที่ส่วนตัวได้อย่างราบรื่น โดยไม่ต้องปล่อยมือจากพวงมาลัย และไม่ต้องละสายตาจากถนน
ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ
ระบบ FordPass Connect
ช่องต่อ USB 4 จุด
ลำโพง 6 ทิศทาง
ช่องต่อไฟ 12V พร้อมช่องต่อไฟ 230V (400W)

อุปกรณ์ความปลอดภัย
ถุงลมนิรภัย 7 จุด ได้แก่ คู่หน้า ด้านข้าง ม่านถุงลมนิรภัย และถุงลมบริเวณหัวเข่า
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้าและหลัง
กล้องมองรอบคัน 360 องศา
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS และระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP และระบบป้องกันล้อหมุนฟรี (Traction Control System)
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน (Hill Launch Assist) และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ (Roll-Over Mitigation)
เบรกมือไฟฟ้าพร้อมระบบ auto hold (First-in-class)

เทคโนโลยีช่วยขับ

ดิฟล็อกหลังแบบไฟฟ้า (เฉพาะรุ่น 4x4)
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ 6 โหมด แบบหมุน (เฉพาะรุ่น 4x4)
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา (Hill Descent Control)
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Fully Automated Park Assist) (First in Class)
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop&Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (First in Class)
ระบบเปิด-ปิดไฟสูงอัจฉริยะ
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (AEB)
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning System)
ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (Lane Departure Alert)
ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด (Blind Spot Information System - BLIS® with cross-traffic alert)
กล้องมองรอบคัน 360 องศา
ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง
ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ

Ford Ranger Stormtrak สีภายนอก 4 สี
สีขาว Arctic White
สีเทา Meteor Grey
สีดำ Absolute Black
สีส้ม Sedona Orange (สีพิเศษ เพิ่มเงิน 10,000 บาท)

อุปกรณ์ภายนอก

ไฟหน้า Matrix LED พร้อมระบบปรับมุมลำแสงไฟ อัตโนมัติ และระบบป้องกันไฟแยงตา
พร้อมไฟ AUX Lamp ที่กระจังหน้า (Matrix LED with Adaptive Front Lighting
System / Adaptive Glare-Free and AUX Lamp)
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ (Auto High-Beam Headlamps)         
ไฟวิ่งกลางวันแบบ LED รูป C-Clamp (C-Clamp LED Daytime Running Lights) - ไฟท้ายแบบ LED (LED Taillamps)     
ระบบปัดน้ำฝน พร้อมที่ฉีดน้ำ (Wipers with Washer) แบบหน่วงเวลา (Intermitten Variable Speed) 
ไล่ฝ้ากระจกหลัง (Rear Window Defroster)       
ไฟตัดหมอกหน้า (Fog Lamps) - แบบ LED 
กระจังหน้า สีดำเงาพิเศษแบบ Stormtrak (Stormtrak Unique with AUX Lamp)
ตะขอลากจูง (Tow Hook) ตะขอลากจูงคู่หน้า (Front Tow Hook) 
คิ้วล้อ (Fender Flares)         
กระจกมองข้างพร้อมไฟเลี้ยว (Side Mirrors with Turning Indicators) แบบปรับพับไฟฟ้า (Power Adjustable)
บันไดข้าง (Side Steps) สีดำ (Black) พร้อมขอบตกแต่งสีเงิน (Black with Silver Matte Insert )
บันไดเหยียบข้างกระบะท้าย (Rear Box Steps)         
สปอร์ตบาร์ และราวหลังคา (Sports Bar and Roof Rails) ราวหลังคาและสปอร์ตบาร์แบบปรับและพับได้ (Flexible Rack System)
กันชนหลัง สีดำเงา (Glossy Black)
ไฟเบรกดวงที่ 3 (High Mounted Stop Lamp)         
พื้นปูกระบะท้าย พร้อมช่องต่อไฟ 12 โวลต์ และ 230 โวลต์ (400W) (Bedliner with 12V and 230V (400W) Sockets)    
ฝาท้ายแบบผ่อนแรง 

(Audio)
หน้าจอแสดงผล (Multi-Function Display)
จอสีแบบสัมผัส Multi-Touch ขนาด 12 นิ้ว (12" Multi-Touch Screen)
รองรับ Wireless Apple CarPlay® และ Android AutoTM (Wireless Apple CarPlay® and Android AutoTM Support)         
ระบบเชื่อมต่อบลูทูธ และระบบสั่งงานด้วยเสียง SYNC® 4A (Bluetooth with SYNC® 4A) ระบบ FordPass Connect (FordPass Connect)         
ช่องต่อ USB (USB Ports) 4
ลำโพง (Speakers) 6

(Safety)
ถุงลมนิรภัย (Airbags)
ถุงลมนิรภัย 7 จุด คู่หน้า/ด้านข้าง/ม่านถุงลมนิรภัย/และถุงลมบริเวณหัวเข่า (7 Airbags: Front Dual Airbags / Front Side
Airbags / Side Curtain Airbags / and Knee Airbag)
ระบบช่วยโทรฉุกเฉิน (Emergency Assistance)         
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหน้า (Front Parking Sensors)  
สัญญาณเตือนระยะจอดด้านหลัง (Rear Parking Sensors)   
กล้องมองหลังขณะถอยจอด (Rear View Camera) พร้อมกล้องมองรอบคัน 360 องศา (360 Degree Camera)
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (ABS and EBD)         
เบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) 
ระบบควบคุมเสถียรภาพการทรงตัว ESP
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี Traction Control (ESP with Traction Control System) พร้อม Electric Brake Booster
ระบบช่วยการออกตัวขณะจอดบนทางลาดชัน HLA และระบบลดความเสี่ยงจากการพลิกคว่ำ ROM
(Hill Launch Assist & Roll Over Mitigation)         
ระบบควบคุมความเร็วขณะลงเขา HDC (Hill Descent Control)  
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบ 3 จุด พร้อมระบบดึงกลับและผ่อนแรงอัตโนมัติ (3-point Front Seatbelt Pretensioner with Load Limiter)         
เข็มขัดนิรภัยด้านหลังทั้งสามที่นั่งแบบ 3 จุด (3-Points Rear Seatbelts)         
จุดยึดสำหรับเบาะนั่งเด็ก ISOFIX (ISOFIX)         
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer (Immobilizer)         
สัญญาณกันขโมย (Security Alarm System แบบ Volumetric

(Advanced Driver Assist Technology)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control (Cruise Control)
ระบบควบคุมความเร็วแบบรักษาระยะห่างอัตโนมัติ พร้อมระบบ Stop & Go และระบบควบคุมรถให้อยู่ในช่องทาง (Adaptive Cruise Control with Stop-and-Go and Lane Centering)
ระบบเปิด-ปิดไฟสูง อัตโนมัติ (Auto High-Beam Headlamps) 
ระบบช่วยเบรกอัตโนมัติพร้อมระบบตรวจจับคนเดินถนน (Automatic Emergency Braking with Pedestrian Detection) 
ระบบเตือนการชนด้านหน้า (Forward Collision Warning with Brake Support)
ระบบช่วยควบคุมรถหลังจากชน (Post-Impact Braking) 
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกช่องทาง (Lane Departure Warning) 
ระบบตรวจจับรถในจุดบอด และระบบตรวจจับขณะออกจากช่องจอด
กล้องมองรอบคัน 360 องศา (360-Degree Camera) 
ระบบป้องกันการชนเมื่อถอยหลัง (Reverse Brake Assist) 
ระบบช่วยการหักพวงมาลัยเพื่อเลี่ยงการปะทะ (Evasive Steer Assist) 
ระบบช่วยจอดอัจฉริยะ (Active Park Assist) 
(Option Pack)
ฝาปิดกระบะท้ายควบคุมด้วยไฟฟ้า (Power Roller Shutter)


อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/