ใช่แล้วครับ Civic Type R FL5 คือรถแฮตช์แบคขับหน้าที่มาพร้อมรูปทรงกับของแต่งเน้นเอาใจวัยรุ่น เกียร์ธรรมดา 6 สปีด ทำให้เรามองไปข้างหน้า แล้วเห็นถึงแก่นแท้ของความว่องไวจากการเปลี่ยนเกียร์ในระบบส่งกำลังคลัตช์คู่ที่เหนือชั้นกว่ามาก Civic Type R อาจเป็นสายพันธุ์ที่กำลังจะตาย จากการมาถึงของยานยนต์พลังงานไฟฟ้ามอเตอร์คู่สุดบ้าพลัง แต่ Honda ก็ผลิตรถที่สร้างตำนานและประวัติศาสตร์ในสนามแข่งมากมายให้จดจำอย่างต่อเนื่อง ช่างชั้นหัวกะทิของ Honda สร้าง Civic Type R ออกมาขายมานานกว่า 25 ปีแล้ว แต่สิ่งที่น่าทึ่งที่สุดคือ การต่อต้านแฟชั่นเห่อรถไฟฟ้า Tesla และแนวโน้มที่เครื่องยนต์สันดาปภายในประสิทธิภาพสูงจะคงอยู่ต่อไป ด้วยเทมเพลตกลไกที่ไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคือความสนุกในการควบคุมและความภาคภูมิใจเมื่อได้เป็นเจ้าของ ทุกวันนี้ รถสปอร์ตส่วนใหญ่ เปลี่ยนไปใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อนสี่ล้อ AWD หรืออย่างน้อยก็ใช้กระปุกเกียร์คลัตช์คู่ควบคุมการทำงานด้วยสมองกลไฟฟ้าเพื่อความว่องไวในการตอบสนองด้านการปรับเปลี่ยนอัตราทดด้วยกลไกอัตโนมัติ รถอย่าง Honda Civic Type R ยังคงยึดติดอยู่กับเกียร์ธรรมดา แม้จะเปลี่ยนเกียร์ได้ช้ากว่าระบบส่งกำลังที่ใช้คลัตช์ถึงสองชุด แต่อารมณ์ความรู้สึกของคนขับขณะสับเกียร์ เป็นสิ่งที่ Honda ให้ความใส่ใจมากกว่าความรวดเร็วในการตอบสนองของชุดส่งกำลังอัตโนมัติ

...


ไม่มีรถ Type R คันไหนที่ดูดุดันมากไปกว่า Civic Type R FK8 แต่สไตล์และยุคสมัยที่เปลี่ยนไปคือเหตุผลหลักที่ทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลง Civic Type R รุ่นใหม่ รหัส FL5 นั้นสะอาดแบบเรียบๆ และดูเป็นรถผู้ใหญ่มากกว่ารถสปอร์ตของพวกวัยแรง มันไม่ได้สะดุดตาและน่าทึ่งเหมือนกับแอร์โรพาร์ทโหดๆ ใน FK8 แต่ FL5 ก็มีรูปแบบของตัวเองที่โดนใจลูกค้าเก่า ล้อมีขนาดเล็กลงเหลือ 19 นิ้ว แทนที่จะเป็น 20 เหมือน Type R รุ่นที่แล้ว โดยภาพรวม Type R ใหม่ มีรูปลักษณ์ที่ลงตัวและดูสูงวัยขึ้นเล็กน้อย แม้ว่า Honda จะไม่แจ้งถึงตัวเลขที่แน่นอน แต่ FL5 พัฒนาดาวน์ฟอร์ซให้มีประสิทธิภาพดีกว่าเดิม โดยปรับให้แอร์โรพาร์ทรอบคันสร้างแรงกดได้ประมาณ 100 กิโลกรัม ที่ความเร็ว 200 กิโลเมตรต่อชั่วโมง



...
การปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง เกิดจากความหลงใหลในระดับสากล Honda ได้ทุ่มเทให้กับรายละเอียดต่างๆ ของ Type R รุ่นใหม่ เช่น อัตราการไหลของไอเสียเพิ่มขึ้น 13 เปอร์เซ็นต์ มู่เล่เบาลง 18 เปอร์เซ็นต์ ลดแรงเฉื่อยลง 25 เปอร์เซ็นต์ ทอร์ชั่นบาร์ที่ใหญ่ขึ้น ลดการโก่งตัว 60 เปอร์เซ็นต์ ช่วงล่างที่ปรับปรุงใหม่ ปรับมุมแคมเบอร์ใหม่ ความแข็งแกร่งของแชสซีเพิ่มขึ้น 16 เปอร์เซ็นต์ ความแข็งแกร่งของตัวรถด้านหลังเพิ่มขึ้น 15 เปอร์เซ็นต์ และการเปลี่ยนจากเหล็กเป็นอะลูมิเนียม สำหรับฝากระโปรงหน้า ลดน้ำหนักได้ 43 เปอร์เซ็นต์ แต่ Type R รุ่นใหม่ก็ไม่มีการเปลี่ยนแปลงขั้นพื้นฐาน แชสซียังใช้ของเดิม เครื่องยนต์ตัวเดิมจาก FK8 กระปุกเกียร์ 6 สปีด แมนนวลแบบเดิม ระบบกันสะเทือนแบบปรับได้เหมือนเดิม พร้อมสตรัทแกนคู่เพื่อลดแรงบิดตัวในการบังคับเลี้ยว เป้าหมายของ Type R FL5 คือ 'การอัปเกรดที่เน้นประสิทธิภาพ' อย่าไปคาดหวังว่ามันจะมีเบาะนวดไฟฟ้าและลำโพงไฮไฟคุณภาพสูงราคาแพง!


...



...



Type R FL5 มีความยาว 4,593 มิลลิเมตร กว้าง 1,890 มิลลิเมตร สูง 1,407 มิลลิเมตร ตัวถังมีขนาดใหญ่กว่าเดิม เตี้ยลงกว่าเดิมด้วยขนาดของล้อและยางใหม่ ยาวขึ้นกว่า 300 มิลลิเมตร และกว้างกว่า GR Corolla 26 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,735 มิลลิเมตร ถังเชื้อเพลิงความจุ 47 ลิตร น้ำหนัก 1,428 กิโลกรัม จริงๆ แล้ว Type R ใหม่ มีขนาดพอๆ กับ BMW M3 G80 เป็นรถแฮตช์แบคขับเคลื่อนล้อหน้า และเป็นต้นแบบของรถยนต์สมรรถนะสูงที่ยังใช้กระปุกเกียร์ธรรมดาเหมือนกับ Subaru WRX STi สิ่งเดียวที่ Honda ยอมก้มหัวให้กับเทคโนโลยีระบบอัดอากาศก็คือ การนำเทอร์โบชาร์จเจอร์มาใช้ในเครื่องยนต์ของ Type R รุ่น FK2 ในปี 2015 แล้วใช้ต่อเนื่องมาจนถึงทุกวันนี้


เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบ รหัส K20 C1 เป็นเครื่องยนต์ของ Type R SK8 พัฒนาเพื่อเพิ่มกำลังขึ้นมาอีก 9 แรงม้า กำลังสูงสุด 320 แรงม้า ที่ 6500 รอบต่อนาที เทอร์โบมีประสิทธิภาพมากขึ้นสามเปอร์เซ็นต์ ด้วยการลดจำนวนใบพัดเทอร์ไบน์ ปรับรูปร่างส่วนที่เหลือใหม่หมด แรงบิดอยู่ที่ 420 นิวตันเมตร ในย่าน 2,600-4,000 รอบต่อนาที ไม่ใช่เครื่องยนต์จอมปั่นรอบที่หมุนได้อย่างเร็วจี๋ หรือได้รับการปรับแต่งมาดีที่สุด แต่ความสามารถในการขับ แรงดึงกระชากลากถู การพุ่งทะยาน และแรงยึดเกาะของ Type R ใหม่นั้นก้าวหน้าขึ้นเรื่อยๆ ในทุกช่วงรอบเครื่องยนต์ เป็นขุมพลังที่ยอดเยี่ยมสำหรับการใช้งาน ผ่านหนึ่งในกระปุกเกียร์แมนนวลธรรมดาสามัญที่ยอดเยี่ยมตลอดกาล



Toyota GR Corolla นั้นดูดุดันและมีเสน่ห์มากกว่า แต่เทคโนโลยีระบบขับเคลื่อนก็มีความซับซ้อนมากกว่าเช่นกัน สำหรับ Civic Type R วิศวกรของ Honda ซึ่งเคยมีประวัติยอดเยี่ยมในการสร้างเครื่องยนต์ F1 สื่อสารกับลูกค้าอย่างตรงไปตรงมา ผ่านสัมผัสของพวงมาลัย อัตราทดเฟืองท้าย และระบบกันสะเทือนที่จัดการกับส่วนของเพลาขับหน้าได้อย่างเด็ดขาด หลายคนที่ชอบแต่ไม่เคยขับถามว่า มันเร็วแค่ไหน? บนผิวถนนที่แห้ง มันเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.4 วินาที ช้ากว่า BMW M340i xDrive ถึง 1 วินาที แม้จะมีราคาที่สูสีกัน เจ้า Type R FL5 ทำสถิติต่อรอบในสนาม Suzuka ได้อย่างโดดเด่น และเป็น Hot Hatch ที่เร็วที่สุดใน The 'Ring (แบบชั่วขณะ) โดยทำเวลาต่อรอบในสนามนรกเขียวได้ 7 นาที 43.8 วินาที คนขับนี่ต้องมีทั้งลูกบ้าบวกฝีมือสุดติ่ง ถึงได้อัด FL5 ใน The Ring ได้เร็วจี๋ขนาดนั้น











เบาะนั่งสีแดง หุ้มด้วยวัสดุบุนุ่มพร้อมทรงของเบาะแบบรถแข่งซึ่งมีความพิเศษอยู่ในตัว ลองลงไปนั่งแล้วคุณจะรู้ว่ามันนุ่มกว่าที่คาดเอาไว้แต่แรก มีความสบายพอสมควรเมื่อขับออกทางไกล แตกต่างจากเบาะรถแข่งที่บีบรัดจนทำให้รู้สึกอึดอัด ภายในตกแต่งอย่างเรียบง่าย เน้นสีดำสลับแดงซึ่งเป็นสไตล์ดั้งเดิมของ Type R แทบจะไม่ได้แตกต่างไปจาก Civic รุ่นมาตรฐาน แต่มีการตัดแต่งด้วยวัสดุใหม่ที่สวยงาม การไม่มีเข็มขัดนิรภัยเส้นที่ 5 ที่เบาะหลัง สร้างความไม่พอใจให้กับบางคน แต่พื้นที่วางขายังดีอยู่และช่องเก็บสัมภาระก็มีขนาดใหญ่ มันจะเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะฟู่ฟ่าเมื่อพิจารณาจากขนาดภายนอกของรถ ราคา 3,990,000 บาท การปรับขึ้นราคา สอดคล้องกับรูปลักษณ์ที่ใหญ่ขึ้น Type R ดึงดูดนักขับสายสนามแข่งและดูเป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ใครก็ตามที่เลือกใช้รถแฮตช์แบคขับหน้าเกียร์ธรรมดาในยุคนี้ นับได้ว่าตัวเองเป็นแฟนตัวยงของ Honda Type R ชัวร์






จุดสัมผัสต่างๆ เช่น เบาะนั่ง พวงมาลัย และคันเกียร์ ทำงานร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์มอเตอร์สปอร์ตเข้มข้น พวงมาลัย Alcantara ให้ความรู้สึกและสัมผัสที่ดีในการจับ เช่นเดียวกับคันเกียร์และแป้นเหยียบโลหะคันเร่ง เบรก คลัตช์ ตำแหน่งการขับต่ำเตี้ย เสริมให้โดดเด่นยิ่งขึ้นด้วยบัคเก็ตซีตแบบสปอร์ตชิ้นเดียว เบาะนั่งโอบกระชับสัดส่วนมีความสะดวกสบายอย่างน่าประหลาดใจ เบาะหลังของ Civic Type R รองรับผู้ใหญ่ได้สองคน ที่วางแก้วเบาะหลังในตำแหน่งกลางเบาะ ออกแบบอย่างหยาบๆ แทนที่คนนั่งตรงกลาง ไม่มีช่องใส่แผนที่ด้านหลังหรือที่วางแขนแบบพลิกลง เมื่อคุณจ่ายเงิน 3,990,000 บาท Honda น่าจะทำผลงานได้ดีกว่านี้ โชคดีที่พื้นที่เก็บสัมภาระกว้างพอและยังพับเบาะหลังได้แบบ 60/40 เหมือนแฮตช์แบคมาตรฐาน


















มาตรวัดจอภาพขนาด 10.2 นิ้ว หลังพวงมาลัย พร้อมโหมดการแสดงผล 2 โหมด มีไฟเปลี่ยนเกียร์อยู่แถวหนึ่งด้านบน ซึ่งจะสว่างขึ้นเมื่อความเร็วรอบอยู่ในจุดสมดุลที่จะเปลี่ยนอัตราทด ช่วยให้คนขับมีคาบเวลาเปลี่ยนเกียร์ได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณยังได้ยินเสียงบี๊บเพื่อเตือนเมื่อยุ่งเกินกว่าจะจับตาดูแสงไฟ ฟังก์ชันทั้งสองนี้สามารถปิดได้ผ่านเมนูการตั้งค่ารถบนระบบ ทัศนวิสัยมองเห็นรอบคันอย่างชัดเจนแม้ตัวจะเตี้ย ขอขอบคุณ Honda ที่รถทดสอบคันนี้ ไม่ติดฟิลม์หน้า มันมีสปอยเลอร์หลัง หรือวิงขนาดใหญ่ติดอยู่กับฝากระโปรงหลัง อุปกรณ์สร้างแรงกดส่วนท้ายดังกล่าวไม่เข้ามาบดบังการมองเห็นจากด้านหลัง กล้องมองหลังช่วยให้คุณขับถอยหลังเข้าไปในจุดจอดรถที่คับแคบได้ Honda Sensing มาพร้อมกับอุปกรณ์มาตรฐานเช่นกัน แต่ LaneWatch นั้นถูกตัดทิ้งไปซึ่งก็ควรจะเป็นแบบนั้นมาตั้งนานแล้ว




25 ปีของ Civic Type R ย้อนกลับไปที่ EK9 รุ่นดั้งเดิมในปี 1997 วาล์วไทม์มิ่งระบบ VTEC ที่ทำให้ผู้คนทั่วโลกรู้สึกตื่นเต้น รูปร่างของรถ Type R รุ่นแรกสุดก็ยังคงความโดดเด่นเอาไว้ได้ คันเกียร์โด่เด่ติดกับกับแผงหน้าปัดที่ปรับเปลี่ยนได้นั้นแม้จะไม่หลากหลายเท่ากับรถเยอรมัน แต่เครื่องยนต์ น้ำหนักรถ แชสซี และฟีลลิ่งหลังพวงมาลัยแทบจะไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในปี 2550 ความแปลกประหลาดของยานอวกาศก็เดินทางมาถึงยังโลกมนุษย์ของเรา เมื่อ Type R FN2 เดินทางมาถึง ระบบกันสะเทือนหลังแบบปีกนกคู่ เปลี่ยนมาใช้แบบทอร์ชันบีม ทำให้รถสูญเสียความสนุกสนานลงไปพอสมควร เครื่องยนต์ NA ไม่มีเทอร์โบที่มีระบบดูดอากาศตามธรรมชาติก็เริ่มรู้สึกว่าหายใจไม่ออก Honda ลงมือแก้ไขในปี 2558 ด้วย Type R เครื่องยนต์เทอร์โบชาร์จรุ่นแรก รหัส FK2 เป็นรถที่มีประสิทธิภาพสูง หลังจากนั้น Type R FK8 ก็คลอดตามออกมา นำงานวิศวกรรมทั้งหมดของรถรุ่นเก่ามาปรับปรุงให้ดีขึ้น แม้ว่ารูปลักษณ์ภายนอกจะดิบโหดเว่อร์วังด้วยแอร์โรพาร์ทที่รุงรัง แต่ FK8 ก็ได้รับเสียงตอบรับที่ดีเหมือนเดิม หลังจากนั้นในช่วงปลายปี 2565 (2022) ประสิทธิภาพของรถ Type R ก็ได้รับการยกระดับอีกครั้งใน Civic Type R FL5





นี่คือรถที่ใช้รูปแบบฮอทแฮทช์ดั้งเดิม แต่ยังคงแรงดูดทางอารมณ์ กับความสามารถในการสร้างความบันเทิงเอาไว้ Type R FL5 เป็นรถซีดานญี่ปุ่นหน้าตาบ้านๆ ที่ทำให้ประหลาดใจ ทุกวันนี้ นักเลงรถสปอร์ตต่างมองหากล่องเกียร์คลัตช์คู่ขับเคลื่อนสี่ล้อ แต่เกียร์ธรรมดาของ Type R FL5 ไม่ได้ทำให้รถสูญเสียแรงดึงดูดดังกล่าวหรือแม้แต่ความสามารถในการให้ความบันเทิงหลังพวงมาลัย มันเป็นรถที่ยอดเยี่ยม ให้รางวัลกับคนขับที่มีฝีมือและล่อตาล่อใจมากกว่าอย่างไร้ขีดจำกัด การเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่สุดเป็นเรื่องของสไตล์ การจัดการรถในสภาวะที่เร่งความเร็วอย่างเต็มที่เป็นเรื่องสนุก เพราะมีการสื่อสารมากมายผ่านพวงมาลัยและกระปุกเกียร์ คันเร่งมีความแม่นยำมากสำหรับรถเครื่องเทอร์โบ แชสซีก็มีความสมดุลอย่างลงตัว อาการอันเดอร์สเตียร์เกิดขึ้นเมื่อใส่มาหนักๆ จนความเร็วในโค้งเกินต่อค่าของความสมดุล จริงๆ แล้ว Civic ใหม่มีระบบกันสะเทือนหลังที่ทำหน้าที่ได้ดี




เริ่มจากตำแหน่งการขับขี่และคันเกียร์อะลูมิเนียมทรงหยดน้ำ เมื่อหย่อนตัวนั่งลงต่ำที่ตำแหน่งกึ่งกลางของรถ คุณจะเป็นจุดศูนย์กลางในการควบคุม จมลึกลงไปในเบาะนั่งบัคเก็ตหนังกลับสีแดงเลือดนกที่รองรับสรีระได้ดี การทำงานของคลัตช์ตรงไปตรงมา มีน้ำหนักที่พอดี และไม่ต้องออกแรงเหมือนคลัตช์ของ WRX STi เช่นเดียวกับการโยนคันเกียร์ที่ง่ายดาย ทำให้นึกถึงคันเกียร์และความง่ายในการยัดขึ้น-ลงของเกียร์ธรรมดา 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหน้าที่ประจำการอยู่ใน MINI Paddy Hopkirk Edition การเปลี่ยนเกียร์ใน Type R นับเป็นหนึ่งในเกียร์ที่สะอาดและแม่นยำที่สุดที่วางจำหน่ายในขณะนี้ ถ้าจะเอาเกียร์ธรรมดาที่ดุร้ายกว่านี้ คุณต้องเปลี่ยนไปขับ Porsche 911 Sport Classic หรือ 911 ST เพื่อความพึงพอใจแบบเดียวกันดังกล่าว แต่เกียร์ธรรมดาในรถ Porsche 911/992 รุ่นพิเศษที่มีราคา 33 ล้านบาทนั้นแพงเกินไปสำหรับเศรษฐีบางคน....




วิธีการปรับแต่งระบบกันสะเทือนของ Honda จะให้ความรู้สึกนุ่มนวลในช่วงแรกของการเดินทาง จากนั้น เมื่อวิ่งเร็วขึ้น ช่วงล่างของมันจะเพิ่มแรงต้านทานขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงกระแทกที่เกิดจากผิวถนนไม่เรียบ ซึ่งเป็นสิ่งที่ทำให้ไม่ค่อยจะสบายตัวเท่าใดนัก บนไฮเวย์ ช่วงล่างให้ความรู้สึกเรียบและดูดซับแรงสั่นสะเทือนได้ดี แม้จะใช้ยางแก้มเตี้ยแค่ Series-30 การควบคุมตัวรถผ่านโช้คอัพแบบปรับได้ช่วยได้อย่างชัดเจนในส่วนนี้ ความคล่องแคล่วอย่างแท้จริงของ Civic กลายเป็นศักยภาพที่น่าประทับใจ โหมดขับเคลื่อนสามรูปแบบที่ปรับการตอบสนองของระบบส่งกำลัง ชุดบังคับเลี้ยวและไดนามิกของรถ คุณ สามารถปรับแต่งเครื่องยนต์และพวงมาลัยในการตั้งค่าแบบสปอร์ตเพื่อไปให้เร็วขึ้นอีกในสนามแข่ง โดยมีเฟืองท้าย การบังคับเลี้ยว แชสซี และระบบกันสะเทือนแบบแกนคู่ด้านหน้าเพื่อให้สื่อสารได้อย่างชัดเจนและสอดคล้องกันอย่างน่าทึ่ง





ความแตกต่างระหว่าง Type R ใหม่ กับ GR Corolla จะบรรเทาลงเมื่อคุณเริ่มผลักดันมัน Type R จะรู้สึกพยศเมื่อขับเข้าใกล้กับขีดข้อจำกัด แทร็กหน้าที่กว้างขึ้นและล้อที่กว้างขึ้นสร้างความแตกต่าง และทำให้มีความมั่นใจมากขึ้นกว่าเดิมด้วยขนาดตัวถังที่ใหญ่ราวกับ Accord มีรถยนต์ไม่กี่คันในราคาเฉียดๆ สี่ล้าน ที่จะสนับสนุนอย่างแข็งแกร่งเท่ากับ Type R ใหม่ มันเลี้ยวได้อย่างเฉียบคมและเบรกได้ดีมาก แตกต่างจากสปอร์ตรุ่นอื่นในระดับเดียวกัน ไม่เหมือนกับรถขับเคลื่อนล้อหน้าอย่าง MINI JCW หรือแม้แต่ MINI GP ขีดจำกัดเพียงอย่างเดียวก็คือ มันขึ้นอยู่กับฝีมือของคุณที่จะใช้ความกล้าในการโยน Type R ใหม่เข้าโค้งได้เร็วขนาดไหน การเข้าโค้งไม่ว่าจะด้วยสปีดความเร็วเท่าใดก็ตาม การยึดเกาะของรถจะตรงไปตรงมาไม่มีการพลิกแพลง เฟืองท้ายแบบลิมิเต็ดสลิปอันชาญฉลาดของ Honda ช่วยลากส่วนหน้าของรถออกจากโค้งโดยไม่ต้องลดการหมุนของล้อด้านในโค้ง แต่ของแรงอย่าง Type R ยังมีบางสิ่งที่เกินความสามารถในการควบคุมของพวกมือสมัครเล่น และรถที่เร็วก็ไม่ใช่ประสบการณ์ที่น่าดึงดูดเสมอไป





ถ้า Type R รุ่นเก่าเป็นรถแรงที่คุณต้องใช้เวลาเรียนรู้ที่จะขับ แต่ FL5 นั้น คุณสามารถสัมผัสได้อย่างลึกซึ้งโดยสัญชาตญาณ กำลังแรงบิดยังมาในรอบสูง แต่แรงบิดสูงสุดอยู่ระหว่าง 2,600 ถึง 4,000 รอบต่อนาที แทนที่จะเร่งรอบเครื่องยนต์อย่างต่อเนื่อง ขับไปไม่นานผมก็พบว่าตัวเองมีความสุขในการเปลี่ยนเกียร์ในช่วงกลางเพื่อตามล่าแรงบิดทั้งหมดของมัน การบังคับเลี้ยวนั้นเร็วปานสายฟ้าแลบ แต่จัดการได้อยู่หมัด โดยไม่รู้สึกว่ามันไวเกินไป จากน้ำหนักที่แปรผันอย่างแม่นยำซึ่งขึ้นตรงกับสปีดความเร็ว แร็คพวงมาลัยที่ Honda ใช้มานานกว่าหนึ่งรุ่น หมายความว่าแรงต้านของพวงมาลัยยังคงถูกปรับให้มีความสัมพันธ์กับสปีดความเร็วได้อย่างน่าประหลาดใจ แม้ว่า Type R จะยังคงขับเคลื่อนล้อหน้าด้วยความเฉียบคม กระปุกเกียร์เป็นสิ่งมหัศจรรย์ ไม่ได้ถูกขัดเกลาอย่างสมบูรณ์แบบจนทำให้คนขับไม่รู้สึกถึงการมีส่วนร่วม ระยะโยนที่สั้นและหัวเกียร์อัลลอยที่สวยงาม คุณจะรู้สึกเพลิดเพลินเมื่อเปลี่ยนเกียร์ลงต่ำเพื่อหยุดรอที่สัญญาณไฟ โหมดแถม +R อาจให้ความรู้สึกถึงตายได้ การตั้งค่าของ Type R ใหม่ ที่คมอยู่แล้วจะทำให้มันกลายเป็นเครื่องจักรโหดร้าย มันวิ่งได้อย่างสมบูรณ์แบบสำหรับผิวถนนลาดยางแอสฟัลต์เรียบๆ สามารถโหนจากโค้งหนึ่งไปยังอีกโค้งหนึ่งได้ แต่บนถนนขรุขระที่เป็นหลุมเป็นบ่อ การเคลื่อนตัวจะให้ความรู้สึกเหมือนทะเลอันดามันในฤดูมรสุม หมายความว่ารถให้ความมั่นใจอย่างมากในการเข้าโค้งแต่ก็กระเด้งกระดอนบนผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ





เพลาข้อเหวี่ยงประสิทธิภาพสูง กับระบบอัดอากาศที่มีครีบเทอร์ไบน์แบบใหม่ล่าสุด ทำให้เครื่องยนต์ K20 C1 สามารถดึงไปจนถึงขีดแดง ที่ 7,000 รอบต่อนาทีได้อย่างง่ายดาย เบรก brembo คาลิปเปอร์แดงสี่พอต ให้คุณกัดเต็มที่ลงไปที่แป้นเหยียบ ระบบเสริมแรงเบรกจะไม่มีวันผ่อนแรงเบรกลงเมื่อคนขับกดแป้นลึกเข้าไปอีก ทุกอย่างเกี่ยวกับ Type R ใหม่นั้น เป็นการปรับแต่งที่สงวนไว้สำหรับเครื่องจักรราคาแพง มีความสัมพันธ์ระหว่างคันเร่ง เบรก พวงมาลัย คลัตช์ และคันเกียร์ นั่นคือความแตกต่างระหว่าง FK8 และ FL5 ไม่ว่าจะเป็นพื้นที่ใช้สอยภายใน หรือความสามารถโดยรวม (รถเก่ายังแจ่มอยู่นะ) แต่ความแตกต่างประการหนึ่ง คือ ความสมบูรณ์ของรถใหม่ เมื่อถึงเวลาต้องตัดสินใจไปให้เร็วขึ้น ทุกอย่างตั้งแต่แป้นคันเร่ง ไปจนถึงการเปลี่ยนเกียร์ที่ปรับปรุงใหม่ รวมถึงการยึดเกาะแบบกลไกพิเศษนั้นดีกว่ารถรุ่นเก่า 10% หรือ 15% หาก FK8 เป็นเด็กฝึกหัดที่มีพรสวรรค์ FL5 คือปรมาจารย์ด้านงานฝีมือ หลังจากการปรับแต่ง และเผาผลาญน้ำมันในช่วงดึกที่วิศวกรทำในขั้นตอนของการพัฒนา FL5 ก็ยังคงสภาพเหมือนรุ่นก่อนอย่างแน่นอน มันทำได้มากกว่าเดิมหลังจากถูกลับให้คมยิ่งขึ้น รีดสิ่งที่เกินออกไป ขจัดความไม่สมบูรณ์แบบทั้งหมด เพื่อสร้างรถแฮตช์แบคที่ร้อนแรงที่สุดรุ่นหนึ่งที่เคยวางขาย Civic Type R FL5 เป็นรถที่ได้รับการใฝ่ฝันถึงอย่างมาก นั่นคือสิ่งที่ Honda สร้างขึ้นมาประดับวงการยนตรกรรม






Honda มีความขยันหมั่นเพียรและความคิดสร้างสรรค์ในเชิงวิศวกรรมอย่างแท้จริง ในอนาคตที่รถยนต์ไฟฟ้ากำลังรุกคืบเข้ามาอย่างรวดเร็ว นักขับและแฟนคลับส่วนใหญ่คาดหวังให้ Honda ไปต่อกับ Civic Type R ที่ประจำการด้วยเครื่องสันดาปภายใน แทนที่จะพยายามนำตำนานเข้าไปสู่ยุคไฟฟ้า สักวันหนึ่ง Type R จะเป็นไฟฟ้าอย่างแน่นอน นี่อาจเป็น Type R ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมันล้วนๆ รุ่นสุดท้ายก็ได้นะ ใครจะไปรู้...
2023 Honda Civic Type R (FL5)
Year Introduced 2023
The Basics
Body Type Sports Hatchback
Seating 4
Engine / Drive F/F
Under the Hood
Displacement (liters) 2.0
Aspiration Turbocharged
Fuel Delivery Direct Injection
Layout / # of Cylinders Inline-4
Maximum Output (PS @ rpm) 320 @ 6,500
Maximum Torque (Nm @ rpm) 420 @ 2,600-4,000
Fuel / Min. Octane Gasoline / ~95
Transmission 6 MT
Cruise Control Yes, Adaptive
Fuel Economy (km/L) @ Ave. Speed (km/h) 6.94 km/L @ 16 km/h,
10.63 km/L @ 28 km/h
Fuel Tank Size (L) 47
Dimensions and Weights
Length (mm) 4,593
Width (mm) 1,890
Height (mm) 1,407
Wheelbase (mm) 2,735
Curb Weight (kg) 1,428
Suspension and Tires
Front Suspension Independent, MacPherson Strut
Rear Suspension Independent, Multi-Link
Front Brakes Vented Disc, Brem
Rear Brakes Disc
Parking Brake Electronic, w/ Auto Hold
Tires Michelin Pilot 4S 265/30 R 19 Y (f & r)
Recommended Tire Pressure (PSI) 35 front, 33 rear
Wheels Alloy
Safety Features
Airbags 7
Anti-Lock Brakes (ABS) Yes, with EBD
Traction / Stability Control Yes
Parking Sensors None
Parking Camera Yes, Rear
Front Seatbelts 3-pt ELR w/ pre-tensioners x 2
Rear Seatbelts 3-pt ELR x 2
ISOFIX Child Seat Anchor Yes
Other Safety Features Collision Mitigation Braking
Forward Collision Warning
Lane Keeping Assist
Lane Departure Warning
Road Departure Mitigation
Exterior Features
Headlights LED
Fog Lamps None
Light Operation Auto, w/ Auto High Beam
Wiper Operation Rain-Sensing
Tailgate Manual
Interior Features
Steering Wheel Adjust Tilt/Telescopic
Steering Wheel Material Suede
Seating Adjustment (driver) Manual, 6-way
Seating Adjustment (front passenger) Manual, 4-way
Seating Surface Suede
2nd Row 60/40 Split-Fold
3rd Row None
Sunroof None
Multi-Information Display Yes
Convenience Features
Power Steering Yes
Power Door Locks Yes
Power Windows Yes
Power Mirrors Yes, w/ Fold
Rear View Mirror Auto-dimming
Proximity Key Yes
Climate Control Dual Zone
Audio System Stereo
USB
Bluetooth
Smartphone Connectivity Apple CarPlay
Android Auto of Speakers 12,
Steering Controls