ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับ Toyota Innova Zenix ด้วยเป้าหมายทำให้รถเอ็มพีวีรุ่นนี้มีประสิทธิภาพดีขึ้นกว่าเดิม และทำยอดขายได้ตามที่คาดหวัง หลักใหญ่ใจความของการพัฒนาใน Innova ใหม่ เกิดขึ้นจากแชสซี ที่มีการเปลี่ยนแปลง จากแชสซีออนเฟรมของรถกระบะไปเป็นแชสซีโมโนค็อกของรถเก๋ง การเปลี่ยนโครงสร้างหลักเพื่อปรับระบบส่งกำลังใหม่ เครื่องยนต์จากที่เคยใช้เครื่องดีเซล 2.8 ลิตร เปลี่ยมาเป็นเบนซิน 2.0 ลิตร พร้อมระบบไฮบริด วิศวกรของ Totyota อธิบายในวันทดสอบว่า เครื่องยนต์ไฮบริดเจเนอเรชันที่ 5 เป็นขุมกำลัง Dynamic Force 2.0 ลิตร (M20A-FXS) ไฮบริด 2.0 ลิตร วางในระดับต่ำเพื่อลดจุดศูนย์ถ่วง การเชื่อมต่อระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบส่งกำลังตอบสนองได้ดี ตำแหน่งของการติดตั้งท่อรับอากาศเข้าสู่ท่อร่วมไอดีและตำแหน่งการติดตั้งหม้อน้ำของเครื่องยนต์ไฮบริดรุ่นใหม่ มีการปรับเพื่อทำให้เครื่องยนต์ทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
...
...
...
แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮดราย แรงดันไฟฟ้า 201.6 โวลต์ 28 โมดูล 168 เซลล์ ความจุไฟฟ้า 6.5 แอมแปร์-ชั่วโมง ระบบระบายความร้อนของแบตเตอรี่ทำให้แบตฯ มีอุณหภูมิลดลง 4.2 องศาเซลเซียส ระบบเบรกสะสมพลังงาน regenerative braking ในระบบไฮบริดได้ไฟฟ้ากลับคืนสู่แบตเตอรี่เพิ่มขึ้น 4% เครื่องไฮบริดมีมอเตอร์ไฟฟ้าในระบบเกียร์สองตัว มอเตอร์ตัวที่หนึ่งหรือ MG1 ทำหน้าที่เป็นเจนเนอเรเตอร์คอยปั่นไฟไปเก็บในแบตเตอรี่ มอเตอร์ไฟฟ้าตัวที่สอง MG2 กำลัง 111 แรงม้า แรงบิด 206 นิวตันเมตร ทำหน้าที่เสริมแรงบิดร่วมกับเครื่องยนต์และทำหน้าที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหากแบตเตอรี่มีไฟมากพอ Toyota Innova Zenix 2.0HEV Premium จะวิ่งด้วยความเร็วต่ำไม่เกิน 30 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ไกล 2-3 กิโลเมตร ระบบไฮบริดเสริมแรงเจนเนอเรชันที่ 5 ยังผสมผสานการทำงานระหว่างการขับเคลื่อน เพื่อเพิ่มสมรรถนะในการเร่งแซง หรือช่วยทำให้เครื่องยนต์ประหยัดเชื้อเพลิงด้วยการสลับแรงขับเคลื่อนในช่วงความเร็วต่ำ โดยเฉพาะการขับใช้งานในเมือง ระบบเกียร์ e-CVT ทำหน้าที่ผ่องถ่ายอัตราทดได้อย่างเรียบเนียนปราศจากอาการกระตุกกระชาก จากที่เคยใช้เครื่องดีเซล 2.8 ลิตรพร้อมเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ขับเคลื่อนล้อหลังในรุ่นที่แล้ว ก็เปลี่ยนมาเป็นเกียร์อัตโนมัติ e-CVT อัตราทดแปรผันพร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift ติดมาให้หลังวงพวงมาลัย ส่วนระบบรองรับ ด้านหน้า ที่เคยใช้แบบดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกคู่ มาเป็นอิสระแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ด้านหลังเปลี่ยนจากมัลติลิ้งค์มาเป็นทอร์ชันบีม ล้อและยาง เปลี่ยนจากล้อ 17 นิ้ว ยาง 215/55R17 มาเป็น 225/50R18 95V เป็นยางติดรถจากโรงงานยี่ห้อ Dunlop SP sport maxx 050
...
ส่วนหน้าของรถมีการเสริมคานเพื่อเพิ่มความแข็งแรง ลดอาการบิดตัว โดยติดตั้งขายึดโลหะขนาดใหญ่ บริเวณผนังห้องโดยสารกับเบ้าโช้คอัพ ด้านหลังติดตั้งคานบริเวณซุ้มล้อหลัง ส่วนระบบบังคับเลี้ยว จากที่เคยเป็นชุดบังคับเลี้ยวเพาเวอร์ไฮดรอลิก พอเปลี่ยนโครงสร้างไปเป็น TNGA-C ระบบบังคับเลี้ยวเปลี่ยนไปใช้พวงมาลัยไฟฟ้า EPAS ปรับหน่วงน้ำหนักแปรผันไปตามความเร็วควบคุมการทำงานด้วย ECU แรคพวงมาลัยมีการย้ายตำแหน่งให้ใกล้กับมอเตอร์ผ่อนแรง ระบบความปลอดภัยแบบใหม่ TSS3 toyota safety sense-3 ดิสเบรกสี่ล้อ เบรกมือจากกลไกสายสลิงก็เปลี่ยนไปเป็นเบรกมือไฟฟ้าเพื่อความสะดวกในการใช้งาน
สัมผัสแรกใน Innova Zenix 2.0HEV Premium รถทดสอบสีดำ Attitude Black Mica เปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับเบาะทูโทนสีน้ำตาลเทา เบาะคนขับปรับไฟฟ้า ส่วนเบาะคนนั่งหน้ายังใช้การปรับด้วยมือ พวงมาลัยปรับสี่ทิศทางทำให้ไม่ต้องปรับเบาะกันให้มากเรื่อง กดปุ่มสตาร์ต เครื่องไฮบริดติดขึ้นมาอย่างเงียบเชียบด้วยการทำงานในโหมดไฟฟ้า คันเกียร์ที่ย้ายไปอยู่กลางคอนโซลติดกับแดชบอร์ดเหมือนกับรถตู้รุ่นพี่ พอเลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง D แล้วคลายเท้าออกจากแป้นเบรก Innova Zenix 2.0HEV Premium ออกตัวด้วยพลังงานไฟฟ้าที่ส่งไปให้มอเตอร์ MG2 รับหน้าที่ขับเคลื่อนในย่านความเร็วต่ำ เมื่อเร่งความเร็วเพื่อเข้าสู่ช่องทางบางนา-บางปะกง เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร ติดขึ้นมารับหน้าที่ขับเคลื่อนผสมผสานไปกับมอเตอร์ไฟฟ้า จุดที่ทำออกมาได้ดีก็คือ ความเงียบในย่านความเร็วต่ำเมื่อขับในเมือง (ไม่เกิน 80 กิโลเมตร) แรงสั่นสะเทือนที่ลดลงมาก จาก TNGA-C และการปรับช่วงล่างใหม่ Innova รุ่นท็อปสุดวิ่งได้อย่างนุ่มนวลจากกันสะเทือนที่เซ็ตค่ามาให้นั่งกันอย่างสบายตัว แอบคิดถึงการเป็นพาหนะครอบครัวของ Innova Zenix ที่พาคุณพ่อคุณแม่สูงวัย ออกเดินทางไกลเพื่อไปท่องเที่ยวต่างจังหวัดในช่วงวันหยุดยาว ยอมรับว่าการปรับปรุงในครั้งนี้ ทำให้ Innova ใหม่ วิ่งได้อย่างเนียนตา และนั่งสบายจนทำให้หลับคาเบาะแถวสองกันเลยทีเดียว เบาะแถวสองของรุ่นท็อปมีเบาะรองต้นขาปรับไฟฟ้ามาให้ใช้งานเพื่อความสบายเวลาเอนเบาะแถวกลางเพื่อพักผ่อน กระจกหน้าต่างรอบคันมีขนาดค่อนข้างใหญ่ ทำให้ทัศนวิสัยมุมมองรอบตัวโปร่งโล่งใช้ได้
บนมอเตอร์เวย์มุ่งหน้าบ้านบึง ความนุ่มของ Innova Zenix ทำให้ผู้โดยสารร่วมเดินทางมีความผ่อนคลายนั่งสบายจนหลับคาเบาะ TNGA-C สำแดงฤทธิ์เดชในด้านการผ่อนสั้นผ่อนยาวบนผิวทางลาดยาง เป็นเอ็มพีวีที่ขับได้ง่าย แม้จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ เมื่อเทียบกับ CR-V เจ้า Innova รุ่นใหม่นั้นใหญ่กว่านิดหน่อยแถมยังเตี้ยกว่า ทำให้การทรงตัวในย่านความเร็วสูงไม่เป็นรองครอสโอเวอร์รุ่นขายดีของ Honda แต่ภายในของ Innova นั้นไม่หรูหราเท่ากับห้องโดยสารของ CR-V สไตล์ที่เรียบง่าย ออกมาในแนวรถบ้านที่เน้นการใช้งานและมีอุปกรณ์ให้มาเพียงพอต่อการใช้งาน จุดที่เหนือกว่า CR-V ก็คือ ความกว้างของห้องโดยสาร เบาะแถวกลางและราคาที่ถูกกว่าพอสมควร ขับไปได้สักพัก คุณจะชอบความรู้สึกของพวงมาลัยที่พยายามสื่อสารออกมาเป็นความแม่นยำ พวงมาลัยไฟฟ้าเข้ามาแทนที่พวงมาลัยเพาเวอร์สายพาน ผ่องถ่ายน้ำหนักไปตามความเร็ว ระยะฟรีตรงกลางที่ปรับมาอย่างเหมาะสมทำให้พวงมาลัยของ Innova ไม่ไวเกินไปและตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็นเมื่อเข้าโค้งหรือขับถอยเข้าออกจากพื้นที่คับแคบ
โครงสร้าง TNGA-C ขับเคลื่อนล้อหน้า ช่วยเพิ่มพื้นที่ใช้สอยภายในให้มากกว่าเดิม เกียร์ที่ติดตั้งบนแดชบอร์ด ระบบอินโฟเทนเมนต์สไตล์แท็บเล็ตขนาด 10 นิ้ว พอร์ต USB Type C และที่ชาร์จอุปกรณ์ไร้สายมิติตัวถังของ Innova Zenix 2023 ยาวขึ้นเล็กน้อย โดยมีขนาดความยาว 4,760 มิลลิเมตร กว้าง 1,850 มิลลิเมตร ขนาดความกว้างของตัวถังมากกว่า Innova โฉมที่แล้ว 20 มิลลิเมตร มีสัดส่วนความสูงเท่าเดิมที่ 1,795 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,850 มิลลิเมตร ยาวขึ้นถึง 100 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,550 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,571 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 160 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยวแคบสุด 5.7 เมตร ความจุถังเชื้อเพลิง 52 ลิตร ล้ออัลลอย ขอบ 18 นิ้ว น้ำหนัก 1,595 กิโลกรัม ถือว่าเบาเมื่อเทียบกับขนาดตัวถังที่ใหญ่โต ด้วยน้ำหนักที่เบาทำให้เครื่องยนต์ไฮบริดไม่ต้องรับภารกรรมแบกน้ำหนักมากจนเกินไป กลายเป็นความคล่องตัว อัตราเร่ง 0-100 ใน 9.8 วินาที ถือว่าทำได้ดี ส่วนความเร็วสูงสุด ไม่มีถนนโล่งพอที่จะลองขับไปให้ถึงความเร็วในย่านนั้น การเร่งแซงรถช้ามีความกระฉับกระเฉงพอตัว นั่งมาสี่คนพร้อมสัมภาระเจ้า Innova ก็ไม่ได้แสดงอาการอืดอาดชักช้าแต่อย่างใดทั้งสิ้น
2.0 HEV Premium รุ่นสูงสุด ให้เบาะนั่งสไตล์โซฟาขนาดใหญ่ 6 ที่นั่ง เบาะคนขับปรับด้วยไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับด้วยมือ สำหรับเบาะแถวที่สองแบบ Captain Seat คือตำแหน่งที่ให้ความสบายสูงสุด มีพื้นที่ว่างตรงกลางระหว่างเบาะทั้งสองฝั่ง เบาะแถวกลางสองที่นั่งปรับระดับพร้อมที่รองต้นขาด้วยไฟฟ้า เป็นที่พักเท้าแบบขยายได้ Innova 2.0 HEV Premium ติดตั้งระบบความบันเทิงด้านหลังมาให้ ระบบไฟ LED สร้างอารมณ์ในตอนกลางคืน ระบบควบคุมสภาพอากาศแบบ 2 โซน ระบบแอร์อัตโนมัติเย็นฉ่ำทั้งคันด้วยการแยกแอร์หน้า-หลัง ซันรูฟแบบพาโนรามาสำหรับคนที่ชอบมองดูดาวหรือเปิดกินลมชมวิวในวันที่มีอากาศดี ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า พร้อมเซนเซอร์แบบแหย่เท้าไปที่ใต้กันชนหลัง ระบบความปลอดภัย Toyota Safety Sense 3.0 เทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับขี่ขั้นสูง เช่น ระบบเบรกอัตโนมัติก่อนการชน ระบบควบคุมความเร็วคงที่แบบปรับได้ ระบบช่วยรักษาช่องทางเดินรถ ไฟสูงอัตโนมัติ ถุงลมนิรภัยสองถึงหกใบ, ABS พร้อม EBD, กล้อง 360 องศา และไฟแสดงจุดบอด ให้มาเยอะในราคา 1.47 ล้าน ถือว่าดีกว่า Fortuner Leader เนื่องจากแรงสั่นสะเทือนมีไม่มากเท่า เพราะใช้เครื่องยนต์เบนซิน การเก็บเสียงก็เหนือกว่า รวมถึงอัตราสิ้นเปลืองของเครื่องยนต์เบนซินไฮบริดเจน 5 ที่ทำได้เฉลี่ย 14.2 กิโลเมตรต่อลิตร จากกรุงเทพมหานคร ไปจนถึงปากน้ำประแสร์ในเขตจังหวัดระยอง
Innova Zenix 2.0HEV Premium มีงานตกแต่งสไตล์ Toyota เน้นความหรูหรา เบาะทูโทนสีน้ำตาลสลับสีเทา เบาะคนขับปรับไฟฟ้า 6 ทิศทาง เบาะผู้โดยสารตอนหน้าปรับมือ แดชบอร์ดคอนโซลพลาสติกแบบทูโทนสีน้ำตาลตัดด้วยสีดำ เบาะแถวกลางสองตำแหน่งปรับไฟฟ้า มาพร้อมที่รองต้นขาซึ่งทำให้สบายขึ้นเมื่อนั่งโดยสารทางไกล หลังคากระจก Panoramic Roof เปิด-ปิดด้วยไฟฟ้าก็มีมาให้ เบาะแถวสามสองตำแหน่งปรับด้วยมือ สามารถพับราบไปกับพื้นเพื่อเปิดพื้นที่เก็บของให้กว้างขึ้น แต่ถ้าไปกันเต็มรถ 6 ตำแหน่ง พื้นที่เก็บของใต้ฝาท้ายจะลดลงไปมาก ใส่กระเป๋าเดินทางขนาดกลางได้ แต่ถ้าเป็นกระเป๋าใบใหญ่ต้องพับเบาะแถวสามเพื่อเปิดพื้นที่ ความสบายในการนั่งเบาะแถวกลางถือว่าทำออกมาได้ดี พื้นที่ของเบาะแถวสามลงไปนั่งได้ถ้าตัวไม่สูงใหญ่มากนัก
พวงมาลัยหุ้มหนังแบบสามก้าน ก้านวงมีสวิตช์ปรับระบบรักษาความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control ปุ่มควบคุมเครื่องเสียง ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์บลูทูธ ปุ่มเลือกโหมดในระบบอินโฟรเทนเมนต์ ปุ่มสั่งงานด้วยเสียง ซุ้มเกียร์อยู่บนคอนโซลกลาง ล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงิน คันเกียร์ออกแบบให้จับได้อย่างถนัดมือ เมื่อผลักคันเกียร์มาทางด้านขวาในตำแหน่ง +/- จะเข้าสู่โหมดเกียร์แมนนวล ข้างคันเกียร์ด้านขวามีสวิตช์เบรกมือไฟฟ้า สวิตช์สั่งงาน Auto Brake Hold ปุ่ม Drive Mode ปุ่ม EV Mode และปุ่มปิดการทำงานของระบบควบคุมการทรงตัว VSC ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบแยกโซนช่องแอร์แบบเหลี่ยมล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงิน ต่ำลงมาจากซุ้มเกียร์ เป็นที่อยู่ของช่องใส่แก้วน้ำสองตำแหน่ง โดยภาพรวม วัสดุของ Innova Zenix 2.0HEV Premium อยู่ในระดับกลางๆ ไม่หรูหรามากนักแต่มีความเรียบง่าย จุดที่ทำได้ดีก็คือความสบายของเบาะนั่งคู่หน้าและเบาะแถวกลางกับพื้นที่ตรงกลางเพื่อสร้างความปลอดโปร่ง
เครื่องยนต์เบนซินไฮบริด Dynamic Force 2.0 ลิตร (M20A-FXS) ระบบเชื้อเพลิงแบบพอร์ตและไดเรคอินเจคชั่น ความจุ 1,987 ซีซี เครื่องยนต์ให้กำลัง 152 แรงม้าที่ 6,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุดจากเครื่องยนต์ 188 นิวตันเมตร ในย่าน 4,400 ถึง 5,200 รอบต่อนาที ระบบไฮบริด มอเตอร์เสริมแรงบิดให้กำลังสูงสุด 113 แรงม้า แรงบิดอยู่ที่ 206 นิวตันเมตร กำลังรวมสูงสุด 186 แรงม้า ระบบส่งกำลังเกียร์อัตโนมัติ e-CVT ระยะการใช้เชื้อเพลิงและการปล่อย CO2 ดีขึ้นถึง 50 เปอร์เซ็นต์ เมื่อเทียบกับโฉมที่แล้วซึ่งใช้เครื่องดีเซล แบตเตอรี่นิกเกิลเมทัลไฮไดรด์ (Ni-MH) ในระบบไฮบริด ติดตั้งอยู่ใต้ที่นั่งด้านหน้า อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของเครื่องยนต์ไฮบริด 2.0 ลิตร Dynamic Force บนระบบส่งกำลังแบบ e-CVT ทำได้ 9.87 วินาที เร็วกว่าเครื่องยนต์ดีเซลของ Innova รุ่นที่แล้วซึ่งทำได้ 11.58 วินาที อัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิงของ Innova ใหม่ เครื่องเบนซิน 2.0 HEV Toyota เคลมว่า ทำได้ 18.5 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดกว่าเครื่องดีเซล 1GD FTV 2.8 ลิตร ใน Innova รุ่นที่แล้ว ซึ่งทำได้ 14.8 กิโลเมตรต่อลิตร ประหยัดขึ้น 21.5%
ระบบกันสะเทือนของ Innova รุ่นล่าสุดคือจุดเด่นที่มาพร้อมกับความนุ่มนวล ด้านหน้า กันสะเทือน อิสระ MacPherson ระบบกันสะเทือนหลังที่ไม่มีเพลาขับเปลี่ยนเป็นแบบทอร์ชั่นบีม ระบบเบรกเปลี่ยนเป็นดิสก์เบรกทั้งสี่ล้อ เบรกอยู่ในเกณฑ์มาตรฐานทั่วไป ระบบเบรกมือไฟฟ้าในทุกรุ่นย่อยช่วยอำนวยความสะดวก ระบบความปลอดภัยของตัวรถถือว่าครบ เพราะมีระบบถังลมนิรภัย 6 จุด, ระบบเซนเซอร์ช่วยจอด, ระบบ VSC+HSA, ระบบกล้องมองหลัง, ระบบกล้องรอบคัน, ระบบตรวจจับเบาะหลัง, ระบบ DVR, ระบบตรวจจับรถในจุดอับสายตา และที่โดดเด่นที่สุดคือระบบ Toyota Safety Sense 3.0 สามารถตรวจจับรถยนต์ มอเตอร์ไซค์ และคนเดินเท้าได้ กล้องมองรอบคัน Panoramic View Monitor
การเปลี่ยนแปลงหลายจุด ทำให้ Innova Zenix 2.0HEV Premium ขับดีเลยทีเดียว สื่อบางคนให้ฉายาว่าเป็นอัลพาร์ตน้อยเลยทีเดียว จากความนวลเนียนของช่วงล่าง เหมาะกับคนที่ชอบพาคุณพ่อคุณแม่สูงวัยเดินทางท่องเที่ยว รุ่น 2.0HEV Premium เบาะแถวกลางปรับไฟฟ้า มีที่รองน่องมาให้นั่งหรือเอนนอนเมื่อเดินทางไกล เครื่องยนต์ไฮบริดเจน 5 ทำอัตราสิ้นเปลือง 12.5-14.2 กิโลเมตรต่อลิตร แล้วแต่ว่าจะใช้ความเร็วต่อเนื่องหรือขับแบบไหลไปเรื่อยๆ ก็จะได้ตัวเลขที่ดีกว่านี้ แรงสั่นสะเทือนน้อยลงไปมาก การเก็บเสียงอยู่ในเกณฑ์พอใช้ได้ วิ่ง 80 กิโลเมตรต่อชั่วโมงนี่เงียบดีเลย แต่พอความเร็วไปที่ 110 กิโลเมตรต่อชั่วโมงก็จะเริ่มได้ยินเสียงลมและเสียงยางดังเข้ามาเบาๆ โดยภาพรวม Innova Zenix เป็นยานแม่ที่น่าใช้ ถ้าชอบความจุห้องโดยสารมากกว่า 4 ที่นั่ง ทั้งหมดของมัน เหลือแค่พลาสติกภายใน รวมถึงสีสันของงานตกแต่งห้องโดยสารที่ Toyota ต้องต่อสู้กับแบรนด์จีนต่อไป.
Toyota Innova Zenix ราคา
Toyota Innova Zenix 2.0HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท (คันทดสอบ)
Toyota Innova Zenix 2.0HEV Smart ราคา 1,379,000 บาท
Toyota Innova Zenix 2.0HEV Premium ราคา 1,479,000 บาท
เครื่องยนต์ M20A-FXS 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i
ปริมาตรความจุกระบอกสูบ 1,987 ซีซี
กระบอกสูบ 80.5 มิลลิเมตร
ช่วงชัก 97.6 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด 14.0:1
กำลังสูงสุด 112 กิโลวัตต์ 152 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 188 นิวตันเมตร 19.2 กิโลกรัม/เมตร ที่ 4,400-5,200 รอบต่อนาที
น้ำมันเชื้อเพลิง เบนซิน E10
มอเตอร์ไฟฟ้ากำลังสูงสุด 83 กิโลวัตต์
แรงบิดสูงสุดของมอเตอร์ไฟฟ้า 206 นิวตันเมตร
แบตเตอรี่ นิกเกิลไฮดราย
เครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า แรงม้าสูงสุด 137 กิโลวัตต์ 186 แรงม้า
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ e-CVT
ระบบกันสะเทือนหน้า แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง
ระบบกันสะเทือนหลัง ทอร์ชันบีม
ระบบเบรก
ด้านหน้า ดิสเบรก
ด้านหลัง ดิสเบรก
ล้อ อัลลอย 18 นิ้ว
ยาง Dunlop SP Sport MAXX 050 ไซส์ 225/50R18 99Y
อุปกรณ์ภายนอก
ไฟหน้า ไฟส่องสว่างในเวลากลางวัน ไฟตัดหมอก ไฟท้าย LED
ระบบควบคุมการเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ พร้อมระบบ Follow me Home
กระจกมองข้าง ปรับพับด้วยไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยว LED และไฟส่องสว่าง Welcome Lamp
หลังคา พาโนรามิก รูฟ
อุปกรณ์ภายใน
โทนสีภายใน น้ำตาลสลับสีเทา-ดำ
เบาะนั่งผู้โดยสารตอนหน้า ปรับมือ
พวงมาลัยปรับสี่ทิศทาง สูงต่ำ ไกลใกล้
บานกระจกหน้าต่างปรับไฟฟ้าพร้อมระบบป้องกันการหนีบ
ไฟสร้างบรรยากาศในห้องโดยสาร
เบาะนั่งผู้โดยสารแถวที่สอง Captain Seat ปรับไฟฟ้าสองที่นั่ง (แถวกลาง) พร้อมเบาะรองน่องปรับไฟฟ้า
เบาะนั่งผู้โดยสารแถวสาม ปรับพับราบแบบ 50:50
มาตรวัดคนขับ จอภาพแสดงข้อมูล แบบจอสี TFT ขนาด 7 นิ้ว
เบรกมือไฟฟ้า
ระบบหน่วงเบรกอัตโนมัติโหมดการขับขี่ ECO / Power
เครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 10.1 นิ้ว
การเชื่อมต่อ Apple Carplay แบบไร้สาย Android Auto
ช่องเชื่อมต่อ USB Type A/C
ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า USB ด้านหลัง 2 ตำแหน่ง Type C
ช่องเชื่อมต่ออุปกรณ์ไฟฟ้า 12V
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง
กระจกมองหลังแบบปรับลดแสงสะท้อน
ฝาท้ายเปิด-ปิดด้วยไฟฟ้า
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย M Paddle Shift
ระบบความปลอดภัย
สัญญาณเตือนกะระยะ ด้านหน้า 4 ตำแหน่ง ด้านหลัง 4 ตำแหน่ง
ไฟเบรกดวงที่ 3 LED
สัญญาณไฟกะพริบเมื่อใช้เบรกฉุกเฉิน
ระบบเบรก ABS พร้อมระบบเสริมแรงเบรก BA และระบบกระจายแรงเบรก EBD
ระบบควบคุมการทรงตัว VSC
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TRC
ระบบช่วยออกตัวบนทางลาดชัน HAC
ระบบช่วยเตือนมุมอับสายตาที่กระจกมองข้าง BSM
ระบบช่วยเตือนขณะขับถอยหลัง RCTA
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control
ระบบความปลอดภัยก่อนการชน PCS
ระบบเตือนเมื่อออกนอกเลนพร้อมหน่วงพวงมาลัยอัตโนมัติ LDA
ระบบช่วยควบคุมและรักษาช่องทาง LTA
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ AHB
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้า
เข็มขัดนิรภัยที่เบาะหลัง
ถุงลม คู่หน้า ด้านข้าง ม่านนิรภัยด้านข้าง
จุดยึดเบาะสำหรับเด็กเล็ก
ระบบแจ้งเตือนแรงดันลมยาง
กล้องมองรอบคัน
เซนเซอร์เปิด-ปิดฝาท้าย Kick Activated
ระบบเชื่อมต่อ T Connect