รถอีโคคาร์นั้นไม่จำเป็นจะต้องแย่เสมอไป Mazda 2 และ Yaris Ativ คือต้นแบบแห่งความสำเร็จของ รถเล็กที่ได้รับความนิยม การอัดอุปกรณ์และสีสันที่สดใส เพื่อยั่วยวนความอยากของลูกค้า ทำให้อดีตเจ้าตลาดอย่าง Honda City พยายามพัฒนารถรุ่นใหม่ให้ดีกว่าเดิม การทำทุกอย่างให้ดีขึ้นล้วนแล้วแต่มีต้นทุนสูง แต่คนของ Honda ก็ฉลาดมากพอที่จะตั้งราคารถเล็กไม่ให้แพงมากจนคนส่วนใหญ่ซื้อไม่ลง ลดต้นทุนในบางจุดเพื่อทำกำไร New City e:HEV SV และ SV 1.0 Turbo รุ่นปรับโฉมนั้นถูกปรับปรุงให้ดีขึ้น ความพยายามในการเอาชนะคู่แข่งของค่าย Honda ก่อกำเนิดรถเล็กเครื่องจิ๋วที่มีความเหมาะสมกับการใช้งาน รุ่นปรับโฉม 2023 ของโมเดล City โผล่ความสดใหม่ออกมาให้เห็นเมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม เป็นการเปลี่ยนแปลงเล็กๆน้อยๆ ไล่จากภายนอกสู่ภายใน แต่เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ชุดบังคับเลี้ยวและช่วงล่าง ทั้งไฮบริด 1.5 ลิตร และ 1.0 ลิตร เทอร์โบ ไม่มีการเปลี่ยนแปลงแต่อย่างใดทั้งสิ้น


...





Honda จัดทดสอบรถเล็กขายดี City รุ่นปรับโฉม 2023 ปรับปรุงรูปลักษณ์ภายนอกและอุปกรณ์ภายใน ฟังก์ชั่นการใช้งานครบครัน เครื่องยนต์สองทางเลือก ไฮบริด e:HEV มอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร 4 สูบ 16 วาล์ว แบตเตอรี่ลิเธียม-ไอออน และเครื่องยนต์ VTEC TURBO 1.0 ลิตร กำลังสูงสุด 122 แรงม้า เทคโนโลยีความปลอดภัย Honda SENSING ในทุกรุ่นย่อย
การปรับโฉมเพิ่มเติมความสดเพื่อกระตุ้นยอดขายของ Honda City เป็นไปตามแผนงานของ Honda หลังจากนี้ City รุ่น Hatchback จะตามออกมาในช่วงต้นปี 2567
...



...



...

กระจังหน้าพลาสติกสีเงินสลับดำ ในส่วนของพลาสติกโครเมี่ยมสีเงินด้านบนที่ยาวไปจนเชื่อมกับส่วนบนของไฟหน้า LED กันชนหน้า-หลัง ของ Honda City e:HEV SV ใหม่ ไฟหน้าพร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันและไฟท้ายแบบ LED ยังคล้ายกับของเดิม ไฟหน้าติดตั้งระบบปรับยกหรือลดไฟสูงอัตโนมัติ ไฟท้ายแบบ LED กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวถังในรุ่น SV e:HEV ปรับและพับไฟฟ้าพร้อมไฟเลี้ยวในตัว ล้ออัลลอยสีเงินสลับเทา ขนาด 16 นิ้ว ยาง Dunlop Enasave ec300 ไซส์ 185/60R16
Honda City e:HEV รุ่นปรับโฉม 2023
รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
รุ่น e:HEV SV ราคา 769,000 บาท (คันทดสอบ)
Honda City รุ่นปรับโฉม เครื่องยนต์ 1.0 ลิตร เทอร์โบ 3 รุ่น
รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
รุ่น V ราคา 629,000 บาท



City Minor change 2023 SV e:HEV 769,000 บาท
กำลัง 109 แรงม้าไม่ได้มากมายอะไรแค่เพียงพอต่อการใช้งาน แรงบิดจากเครื่องยนต์ไฮบริด 1.5 ลิตร ผสานกับมอเตอร์ขับเคลื่อนทำได้ 253 นิวตันเมตร ส่งผลให้ City e:HEV รุ่น SV ราคา 769,000 บาท เป็นรถซีดานไซส์เล็กที่มีความปราดเปรียวและประหยัดน้ำมัน Honda เคลมมา 28 กิโลเมตรต่อลิตร ขับจริงออกทางไกลไปจังหวัดสิงค์บุรีทำอัตราสิ้นเปลืองที่ 23.5 กิโลเมตรต่อลิตร เข็มวัดเชื้อเพลิง ขยับช้ามาก จะหาพื้นที่ยาวๆ เพื่อกดแช่ให้กินมากกว่านี้ แต่ถนนเอเชียไม่เปิดโอกาสให้ทำแบบนั้น



แรงม้า 109 ตัว ไม่ได้มาก แต่แรงบิดนั้นเหนือกว่าคู่แข่งชัดเจน City e:HEV รุ่นรองอย่าง SV มีความคล่องแคล่วในเมือง และขับได้อย่างผ่อนคลายเมื่อออกทางไกล คันเร่งไฟฟ้าตอบสนองอย่างที่ควรจะเป็น กดคันเร่งไปเท่าไรก็ตอบสนองให้มาเท่านั้นแบบไม่มีขาดหรือเกิน เป็นรถที่ขับช้าในเมืองก็ดี ใช้ความเร็วสูงบนไฮเวย์ข้ามจังหวัดก็ทำได้เหมือนกับรุ่น 1.0 Turbo การทำงานร่วมกันระหว่างเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าทั้งการตัดต่อหรือผสมผสานนั้นปราศจากรอยต่อ หรืออาการกระตุกกระชาก เมื่อขับที่ความเร็วต่ำและมีไฟเหลือในแบตเตอรี่มากพอ e:HEV จะวิ่งด้วยมอเตอร์เพียวๆ ในระยะทางสั้นๆ เมื่อไฟใกล้หมด เครื่องยนต์ก็จะติดขึ้นมาเนียนๆ รับหน้าที่ขับเคลื่อนต่อจากมอเตอร์ที่วิ่งด้วยไฟฟ้าในระยะสั้น
เมื่อยกคันเร่ง ระบบชาร์จกลับพลังงานไฟฟ้าก็จะเริ่มต้นการทำงาน การใช้เกียร์ B จะช่วยทำให้ชาร์จได้เร็วขึ้น แต่รถก็จะถูกหน่วงความเร็วมากกว่าการใช้เกียร์ขับเคลื่อนในตำแหน่ง D ชอบระบบไฮบริด แต่ชุดส่งกำลัง CVT ตอนลงคันเร่งจนสุด น่าเบื่อเหมือนเดิม เป็นสันดานของเกียร์ชุดหน้าคลัตช์ตัดต่อกำลังด้วยเฟืองทดตัวเดียว ซุ้มล้อหลังไม่มีวัสดุซับเสียง การเก็บเสียงก็เลยไม่ดีเท่าที่ควร แต่ไดนามิกที่ใช้ได้ของรถทำให้พอจะลืมๆ เรื่องเก็บเสียงไปได้บ้าง ห้องโดยสารมีความสบายพอตัว เบาะปรับมือสูงไปนิด แต่พวงมาลัยปรับสี่ทิศทางเข้ามาช่วยเอาไว้ได้ จอกลางมีฟังก์ชั่นใช้งานไม่มากแต่ครบ อุปกรณ์ภายในให้มาสมกับราคาค่าตัว แต่บางจุดที่ Honda ลดต้นทุน เช่น ไม่มีวัสดุซับเสียงที่ซุ้มล้อหลัง ทำให้การเก็บเสียงไม่ดีเท่าที่ควร ราคาของ City e:HEV SV ถูกกว่า City e:HEV RS 70,000 บาท












อุปกรณ์ภายนอก Honda City e:HEV SV
กันชนหน้าและกันชนหลังใหม่
กระจังหน้าโครเมียม
ไฟหน้าแบบโปรเจกเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED และไฟท้ายแบบ LED
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้าอัตโนมัติ
มือจับประตูด้านนอกโครเมียม (รุ่น SV และ e:HEV SV)
กระจกมองข้างปรับและพับไฟฟ้า พร้อมไฟเลี้ยวในตัว
ฝาครอบกระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ
เสาอากาศแบบครีบฉลามสีเดียวกับตัวรถ
ล้ออัลลอยแบบทูโทนขนาด 16 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV)








ภายใน
วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีเงิน (เฉพาะรุ่น V) และสีดำ Piano Black (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)
วัสดุหุ้มเบาะผ้า (เฉพาะรุ่น V) และวัสดุหุ้มเบาะหนังแท้และหนังสังเคราะห์สีดำ (เฉพาะรุ่น SV และ e:HEV SV)
มือจับเปิดประตูด้านในตกแต่งโครเมียม
รุ่น RS และรุ่น e:HEV RS
วัสดุตกแต่งคอนโซลหน้าสีแดงเมทัลลิก
วัสดุหุ้มเบาะหนังสังเคราะห์สีดำตกแต่งด้วยด้ายสีขาว

เครื่องยนต์ฟูลไฮบริด e:HEV ผสานการทำงานมอเตอร์ไฟฟ้า 2 ตัว กับเครื่องยนต์ขนาด 1.5 ลิตร Atkinson Cycle DOHC i-VTEC 4 สูบ 16 วาล์ว ระบบเกียร์อัตโนมัติอัตราทดแปรผันต่อเนื่องไฟฟ้า (E-CVT) แบตเตอรี่ลิเทียม-ไอออน บแรงบิดมอเตอร์สูงสุด 253 นิวตัน-เมตร ที่ 0 – 3,000 รอบต่อนาที อัตราการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 83 กรัม/กิโลเมตร รองรับพลังงานทางเลือก E20 ระบบขับเคลื่อนฟูลไฮบริด e:HEV จะปรับเปลี่ยนโหมดการขับขี่ให้โดยอัตโนมัติตามความเหมาะสม ประกอบด้วย 3 โหมด ได้แก่ โหมดการขับขี่ด้วยมอเตอร์ไฟฟ้า (EV Drive Mode) โหมดการขับขี่ด้วยระบบไฮบริด (Hybrid Drive Mode) และโหมดการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์ (Engine Drive Mode) (ไม่สามารถปรับด้วยตัวเอง เป็นการปรับด้วยชุดควบคุมแบบอัตโนมัติ)




มาที่ Honda City รุ่นปรับโฉม SV เครื่องยนต์เบนซิน 3 สูบ 1.0 ลิตร เทอร์โบ เป็นการปรับโฉมที่มาพร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเล็กๆ น้อยๆ ภายใต้สัญลักษณ์รูปตัว H กระจังหน้าและส่วนหน้าเกือบทั้งหมดของรุ่น SV Turbo เหมือนกับ SV e:HEV กันชนหน้าและกระจังหน้าสื่อให้เห็นถึงภาพลักษณ์แบบสปอร์ต ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ พร้อมไฟส่องสว่างสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน LED Daytime Running Lights กระจังหน้าและชุดไฟหน้าของ New City คล้ายกับ Civic โฉมที่แล้ว ดีไซเนอร์ของ Honda ออกแบบกันชนหน้าใหม่ที่ลงตัวมาก ชิ้นส่วนพลาสติกที่ตกแต่งในกันชนสีดำ ช่องรับอากาศเข้าไประบายความร้อนในห้องเครื่องยนต์มีรูปแบบเป็นชั้นๆ ทำจากพลาสติกสีดำ กึ่งกลางกระจังหน้าติดตราสัญลักษณ์รูปตัว H เป็น City รุ่น 1.0 เทอร์โบ ที่มีราคาค่าตัว 679,000 บาท ถูกกว่ารุ่นท็อปอย่าง City e:HEV RS ถึง 160,000 บาท



ไฟท้ายทรงยาวที่คุ้นตาเพราะออกมานานกว่า 4 ปีแล้ว ล้ออัลลอยลายใหม่สีดำสลับสีเทา ขอบ 16 นิ้ว ยางหน้าแคบสำหรับลดแรงต้าน และช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง City RS ยัดยาง Maxxis MP3 ไซส์ 185/60R16 มิติตัวถัง ยาว 4,553 มิลลิเมตร กว้าง 1,748 มิลลิเมตร สูง 1,467 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,589 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหน้า 1,497 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อหลัง 1,483 มิลลิเมตร ความสูงจากพื้นถึงใต้ท้องรถ 135 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,150 กิโลกรัม











ห้องโดยสารของ City SV 1.0 Turbo ตกแต่งด้วยไวนิลและพลาสติกเกรดกลาง ยังคงตามหลังภายในของ Mazda 2 และรถจีนบางยี่ห้อในด้านรูปแบบและสีสันของวัสดุ แดชบอร์ดทำจากพลาสติกฉีดขึ้นรูปเชื่อมต่อกับคอนโซลกลาง ช่องแอร์ทรง 5 เหลี่ยมล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีดำ เบาะนั่งปรับด้วยมือหุ้มด้วยหนังสังเคราะห์ เบาะคู่หน้าปรับด้วยมือ ส่วนเบาะหลังก็ยังมีพื้นที่กว้างมากพอสำหรับผู้ใหญ่ตัวโตๆ สองคน หรือคนที่มีรูปร่างไม่อวบอ้วนก็ยังนั่งได้ถึง 3 คน จุดเด่นของ City ก็คือช่องเก็บของ ที่วางแก้ว ทั้งบริเวณแผงประตูทั้งสี่บานและที่คอนโซลกลาง พนักเท้าแขนกึ่งกลางระหว่างเบาะคู่หน้าแม้จะทำให้รู้สึกสบายแต่ถ้าผู้โดยสารด้านข้างคนขับวางแขนลงไปบางทีก็จะโดนแขนคนขับแบบไม่ตั้งใจ! ตำแหน่งที่สบายก็คือเบาะหลังสำหรับคนที่มีรูปร่างปกติ พื้นที่วางขาและพื้นที่เหนือศีรษะ




มาตรวัดทรงกลม ออกแบบให้อ่านค่าได้ง่าย วัดรอบและวัดความเร็วมีขนาดเท่ากัน กึ่งกลางมาตรวัดคือจอแสดงข้อมูล MID multi information display ใช้การสั่งงานด้วยปุ่มกดข้างๆ มาตรวัดด้านซ้าย เลือกดูการแสดงผลของอัตราสิ้นเปลือง ระดับเชื้อเพลิงในถังต่อระยะทางที่สามารถวิ่งไปถึง เวลาแบบตัวเลข อุณหภูมิภายนอกห้องโดยสาร ทริปมิเตอร์ A-B ตำแหน่งเกียร์ ส่วนจอแสดงผลกลางสั่งงานด้วยระบบสัมผัส ขนาด 8 นิ้ว ใช้งานระบบเครื่องเสียงผ่านจอภาพ รวมถึงการเชื่อมต่อต่างๆ เช่น Apple CarPlay Google Maps เชื่อมต่อกับโทรศัพท์มือถือด้วยระบบบลูทูธ เล่นเพลงผ่าน USB วิทยุ AM/FM เป็นหน้าจอมอนิเตอร์ระบบสัมผัสที่ใช้งานง่าย กล้องมองหลังและด้านข้างที่คมชัดติดมาให้ กล้องมองหลังทำงานร่วมกับตำแหน่งเกียร์ถอยหลัง เมื่อขับในตอนกลางคืนตัวเลนส์ก็ยังให้ภาพที่ค่อนข้างคมชัดแม้จะถอยหลังในที่มืดแต่สามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน เป็นอีกจุดที่ช่วยเพิ่มความปลอดภัยเวลาขับถอยหลังเพื่อจอดในพื้นที่คับแคบ



พวงมาลัยสามก้านหุ้มหนังแท้เกรดดี จับพวงมาลัยก็จะรู้สึกได้ถึงหนังที่ใช้หุ้ม ความนุ่มกระชับด้วยการออกแบบรอบวงที่พอดีไม่ใหญ่หรือเล็กเกินไปจนจับถือไม่ถนัดมือ พวงมาลัยทรงสปอร์ตของ Honda City SV 1.0 Turbo มีการติดตั้งสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นคอยสั่งงานระบบต่างๆ เช่น ปรับแต่ระบบเสียงหรือเลือกเล่นเพลงผ่านอุปกรณ์ต่างๆ ปุ่มรับหรือวางสายโทรศัพท์ระบบบลูทูธ ปุ่มปรับตั้งความเร็วอัตโนมัติ Cruise Control แป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ Paddle Shift มีขนาดเล็กแต่อยู่ในตำแหน่งที่ใช้นิ้วแตะเพื่อเปลี่ยนเกียร์ได้ง่าย

เครื่องยนต์ใหม่ เบนซิน 3 สูบ ฝาสูบแบบทวินแคมดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 4 วาล์วต่อสูบ = 12 วาล์ว 998 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 73.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 78.7 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 10.0:1 ระบบแปรผันวาล์ว ทั้งแบบ VTEC และ Dual VTC ระบบอัดอากาศเทอร์โบ Single Scroll ให้กำลังสูงสุด 122 แรงม้า ที่ 5,500 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 173 นิวตันเมตร ที่ 2,000–4,500 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติ CVT พร้อมแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift โดย Honda แจ้งว่า เครื่องยนต์ตัวเล็กรุ่นนี้มีอัตราสิ้นเปลืองเชื้อเพลิง 23.8 กิโลเมตรต่อลิตร (ขับจริง ในเมืองทำได้ 13.8 กิโลเมตรต่อลิตร นอกเมือง 16.5 กิโลเมตรต่อลิตร) ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ 99 กรัม/กิโลเมตร รองรับน้ำมัน E20 ระบบรองรับ ด้านหน้าแบบแมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลง ด้านหลังใช้แบบทอร์ชั่นบีม ระบบเบรก ด้านหน้า ดิสเบรกด้านหลังยังคงใช้ดรัมเบรกเหมือนเดิม (ควรจะเปลี่ยนเป็นดิสก์เบรกได้แล้ว) สำหรับระบบความปลอดภัยของ Honda City ติดตั้งโครงสร้างตัวถังนิรภัย G-Force Control หรือ G-CON ถุงลม 4 ตำแหน่ง ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS)



เครื่อง 1.0 Turbo ของ City SV มีจุดเด่นในเรื่องของการตอบสนอง City เคยสร้างปรากฏการณ์ ด้วยการออกแบบที่เชื่อมโยงกับรถรุ่นพี่ภายในค่าย ช่างและวิศวกรของ Honda ให้ความสนใจกับเครื่องยนต์ขนาดเล็กที่เข้ามาเป็นขุมกำลังใหม่ แทนที่เครื่องยนต์ 1.5 ลิตรรุ่นเก่า นอกจากนั้นยังลงมือปรับจูนระบบบังคับเลี้ยวและช่วงล่างให้ทำหน้าที่ได้ดีขึ้น มีประสิทธิภาพด้านการทรงตัวมากขึ้นกว่ารุ่นเดิม เมื่อใช้ความเร็ว City วิ่งนิ่งใช้ได้ จากแพลตฟอร์มที่พัฒนาให้มีน้ำหนักเบาแต่แข็งแกร่ง มีช่วงล่างและยางที่เหมาะสมกับขนาดและน้ำหนักรวมถึงแรงบิด เนื่องจากใช้เครื่องยนต์ที่ใหญ่กว่ารถตัดหญ้าแค่หน่อยเดียว รวมไปถึงการปรับปรุงห้องโดยสารให้มีความน่าใช้งาน กำลัง 122 แรงม้า กับแรงบิด 173 นิวตัน-เมตร ไม่ได้มากมายอะไร แต่เครื่อง 1 ลิตร เทอร์โบ เป็นจุดเด่นของ City SV มันมีแรงบิดมากพอที่จะกระทืบคันเร่งออกตัวด้วยความเร็วพร้อมกับแรงต้านหรือแรงดึงขืนเบาๆ ที่พวงมาลัย คืออาการทอร์คสเตียร์บางๆ ในขณะคนขับกดคันเร่งลงจนสุดพร้อมกับแรงบิดถูกเทลงล้อคู่หน้าอย่างฉับพลันทันที อาการเทอร์โบแลคยังอยู่เหมือนเดิม ไม่ได้มากมายอะไรแต่พอจะรู้สึกได้



City SV 1.0 Turbo ให้ความรู้สึกเบาและคล่องตัวเมื่อขับในเมือง ทุกอย่างในกลไกของไดนามิกไม่ว่าจะเป็น พวงมาลัย ช่วงล่าง แป้นคันเร่ง และการถ่ายเทน้ำหนักต่างตอบสนองได้ชัดเจน ความเบานั้นทำให้เครื่องตัวเล็กที่มีสูบแค่ 3 ตำแหน่งไม่ต้องรับภารกรรมมากมายอะไร ส่วนช่วงล่างก็ถูกปรับให้เกาะกับถนนแม้จะใช้ยางหน้ากว้างแค่ 185 แต่ก็ถือว่าทำออกมาได้ดี พวงมาลัยไฟฟ้ามีน้ำหนักที่เหมาะสม ผมปิดระบบช่วยดึงกลับหรือสั่นเพื่อแจ้งเตือนของพวงมาลัยทั้งหมด สำหรับคนที่ชอบขับเร็ว พวงมาลัยที่ปราศจากการแทรกแซงของตัวช่วย ทำให้มอเตอร์ไฟฟ้าหน่วงให้มีน้ำหนักที่เหมาะสม นี่แหละใช่เลย เมื่อวิ่งด้วยความเร็วสูงน้ำหนักที่เคยเบาจะหน่วงขึ้นจนกลายเป็นพอดีทำให้การควบคุมทิศทางในย่านความเร็วสูงนั้นไม่สร้างความสับสนหรือความเครียด ผมปิดตัวช่วยพวงมาลัยพวกดึงกลับหรือสั่นเตือนเมื่อวิ่งทับเส้นแบ่งช่องทาง พอปิดไปแล้วพวงมาลัยจะกลับมาปกติไม่มีการแทรกแซงที่ทำให้เสียอารมณ์เวลาจะมุดไปมา



แมคเฟอร์สัน สตรัท สปริง โช้คอัพและเหล็กกันโคลงที่ด้านหน้า ด้านหลังใช้แบบคานแข็งทอร์ชั่นบีม การยืดและยุบของโช้คกับสปริงอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม วิ่งเร็วก็ยังทรงตัวได้ดี อาจมีอาการโคลงตัวบ้างเมื่อวิ่งผ่านทางโค้งที่มีผิวถนนไม่เรียบ ยางติดรถมาในรุ่นนี้ Maxxis MP3 แค่พอใช้ได้ไม่ได้ดีเด่อะไร โดยภาพรวมถือว่าระบบรองรับที่ปรับตั้งมาใน City นั้นเหมาะสมกับคนขับที่เคยมี City รุ่นเก่าและเริ่มเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่สามารถควบคุมรถได้ดีขึ้น พูดง่ายๆก็คือ พอโตและคุ้นชินกับการขับรถแล้วก็เริ่มขับเร็วขึ้น ถือเป็นเรื่องปกติธรรมดาของนักขับมือใหม่ที่ค่อยๆ ก้าวขึ้นไปสู่ความเป็นผู้ใหญ่ การเก็บเสียงยังย่ำแย่ น่าจะทำให้ดีกว่านี้โดยที่ไม่เน้นการลดต้นทุนมากเกินไป เสียงลมเสียงยางมาตั้งแต่ 70-80 กิโลเมตรต่อชั่วโมง และจะดังหนักขึ้นเมื่อเจอกับทางปูน



ความสบายและผ่อนคลายจากช่วงล่างที่เซตมาให้นั่งยาวๆ ได้โดยไม่เมื่อยเนื้อตัว พวงมาลัยขณะควงเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมีอาการต้านมือเล็กน้อย และพยายามสื่อสารกับยางติดรถถ่ายตรงสู่มือคนขับ ถ้าคุณเริ่มได้ยินเสียงยางดังเข้ามาในห้องโดยสารแสดงว่ามันกำลังงัดข้ออยู่กับโค้งมุมแคบที่ทำให้เกิดอาการหน้าดื้อ ถ้าขับเร็ว City จะเปิดโอกาสให้คุณได้ซิ่งอย่างมันมือแต่ไม่เท่า Mazda 2 ที่มุทะลุดุดันมากกว่า แรงบิด 173 นิวตัน-เมตร ดูเหมือนจะสูสีสมน้ำสมเนื้อกับ Mazda 2 รุ่น 1.3 ลิตร Honda ควรปรับปรุงในเรื่องของพลาสติกภายในให้มีคุณภาพที่สูสี หรือแม้แต่ทำให้ดีกว่า Mazda ส่วนล้อ 16 นิ้ว กับยาง 185/60 หากเปลี่ยนเป็นล้อใหญ่อัตราสิ้นเปลืองก็จะเปลี่ยนตาม เนื่องจากยาง 185 มีหน้ายางไม่กว้างเท่ากับยาง 195 หรือ 205 ต้องแลกเอาเองระหว่างความประหยัด ความสวยงามและประสิทธิภาพของการยึดเกาะ โดยภาพรวม ยาง 185 ขับเร็วๆ ก็ยังมีสมรรถนะในการเกาะถนนที่พอรับได้แต่ก็น่าจะใส่ยางที่สร้างความมั่นใจได้ดีกว่านี้ หน้ายางไม่กว้างมากนักทำให้ไม่กินเชื้อเพลิง แก้มยางที่สูงยังช่วยทำให้การลุยทางขุรขระมีประสิทธิภาพมากกว่ายางแก้มเตี้ย แต่ประสิทธิภาพของยางยังคงต้องมีการปรับปรุงแบรนด์ยางที่มีมาตรฐานที่สูงกว่า



โดยภาพรวม ทั้ง e:HEV SV และ 1.0 Turbo SV เป็นรถรุ่นรองที่เพียงพอต่อการใช้งาน อุปกรณ์ต่างๆ ไม่ได้เน้นความหรูหราหรือสปอร์ต เหมือนกับรุ่น RS ความที่เป็นรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ไม่ต้องรอชาร์จไฟ เติมน้ำมันแค่ 2-3 นาที ก็ออกไปแรดต่อได้ แต่สิ่งที่ Honda ยังตามหลังรถยนต์ไฟฟ้าของจีนก็คือ งานตกแต่งภายในของห้องโดยสาร ทั้งรูปแบบและวัสดุ ราคาและความสามารถในการควบคุม ถ้าความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอุตสาหกรรมยานยนต์ไม่ได้กระตุ้นเตือนให้บริษัทรถยนต์ของญี่ปุ่นต้องเร่งพัฒนารถยนต์และระบบส่งกำลังไฟฟ้ากับงานตกแต่งภายในที่สวยงามออกมาสู้ สุดท้าย การก้าวเดินที่เชื่องช้าจะทำให้ Honda ที่เคยเป็นผู้นำจะกลายเป็นผู้ตามไปในที่สุด.
เทคโนโลยีความปลอดภัย
ทุกรุ่นย่อยมาพร้อม Honda SENSING ทำงานผ่านกล้องมุมมองกว้างด้านหน้า ช่วยตรวจจับรถยนต์ คนเดินถนน จักรยาน และจักรยานยนต์ ประกอบ ไปด้วย 6 ฟังก์ชันการทำงานหลักๆ ดังนี้
ระบบเตือนการชนพร้อมระบบช่วยเบรก (Collision Mitigation Braking System: CMBS)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในช่องทางเดินรถ (Lane Keeping Assist System: LKAS)
ระบบเตือนและช่วยควบคุมเมื่อรถออกนอกช่องทางเดินรถ (Road Departure Mitigation System with Lane Departure Warning: RDM with LDW)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Auto High-Beam: AHB)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (Adaptive Cruise Control: ACC) (รุ่น V, SV และ RS) พร้อมระบบปรับความเร็วตามรถยนต์คันหน้าที่ความเร็วต่ำ (with Low-Speed Follow: with LSF) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ใหม่ ระบบเตือนเมื่อรถคันหน้าเคลื่อนที่ (Lead Car Departure Notification System: LCDN)
เทคโนโลยีและความปลอดภัย
ระบบแสดงภาพมุมอับสายตาขณะเปลี่ยนเลน (Honda LaneWatch) (รุ่น e:HEV RS)
กล้องส่องภาพด้านหลังปรับมุมมอง 3 ระดับ (Multi-Angle Rearview Camera) (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
ระบบเบรกมือไฟฟ้า (Electric Parking Brake) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ระบบ Auto Brake Hold (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ถุงลมคู่หน้า
ถุงลมด้านข้างคู่หน้า
ม่านถุงลมด้านข้าง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
ระบบล็อกประตูรถอัตโนมัติ (Auto Door Lock by Speed)
ระบบล็อกรถอัตโนมัติเมื่อกุญแจรีโมตอยู่ห่างจากตัวรถ (Walk Away Auto Lock)
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์พร้อมเครื่องปรับอากาศด้วยกุญแจรีโมต (Remote Engine Start)
ระบบเตือนคาดเข็มขัดนิรภัยผู้โดยสารด้านหน้า
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก (ABS) พร้อมระบบกระจายแรงเบรก (EBD)
เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงกลับอัตโนมัติ
เข็มขัดนิรภัยด้านหน้าและหลังแบบ 3 จุด 2 ตำแหน่ง
ระบบกุญแจนิรภัย Immobilizer พร้อมระบบสัญญาณกันขโมย
ไฟเตือนเบาะนั่งด้านหลัง (Rear Seat Reminder)
จุดยึดเบาะนั่งสำหรับเด็ก (ISOFIX & Child Anchor)
ระบบช่วยควบคุมการทรงตัวขณะเข้าโค้ง (VSA)
ระบบช่วยการออกตัวขณะอยู่บนทางลาดชัน (HSA)
สัญญาณไฟฉุกเฉินอัตโนมัติขณะเบรกกะทันหัน (ESS)
อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
มาตรวัดพร้อมหน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ TFT ขนาด 7 นิ้ว (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ระบบเครื่องเสียงหน้าจอสัมผัสขนาด 8 นิ้ว แบบ Advanced Touch รองรับการเชื่อมต่อ Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สาย (รุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
ระบบเชื่อมต่อโทรศัพท์แบบไร้สาย Bluetooth
พวงมาลัยแบบมัลติฟังก์ชัน พร้อมปุ่มควบคุมระบบเครื่องเสียงและปุ่มรับ-วางสายโทรศัพท์
พวงมาลัยปรับระดับ 4 ทิศทาง
ระบบควบคุมการเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัย (Paddle Shift) (รุ่น RS และ e:HEV RS)
ระบบช่วยชะลอความเร็วรถที่พวงมาลัย (Deceleration Paddle Selectors) (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ระบบปรับอากาศอัตโนมัติ พร้อมช่องปรับอากาศตอนหลัง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ปุ่ม ECON
ช่องเชื่อมต่อ USB ด้านหน้า 2 ตำแหน่ง ด้านหลังแบบ Type-C 2 ตำแหน่ง (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ลำโพง 8 ตำแหน่ง (รุ่น RS และ e:HEV RS)
กระจกมองหลังแบบตัดแสง
แผงบังแดดคู่หน้าพร้อมกระจกแต่งหน้าแบบมีฝาปิดด้านคนขับและผู้โดยสารด้านหน้า (รุ่น RS และ e:HEV RS)
ไฟอ่านแผนที่และไฟส่องสว่างภายในห้องโดยสาร
ไฟส่องสว่างห้องสัมภาระท้าย
พนักเท้าแขนด้านหน้า
ช่องเก็บของหลังเบาะนั่งคนขับและหลังเบาะนั่งผู้โดยสารด้านหน้า พร้อมช่องเก็บของขนาดเล็ก (รุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
ระบบสตาร์ตเครื่องยนต์แบบอัจฉริยะ (One Push Ignition System)
ระบบควบคุมประตูแบบอัจฉริยะ (Honda Smart Key System)
Honda CONNECT เชื่อมต่อเพื่อการสื่อสารระหว่างผู้ขับขี่และรถยนต์ (รุ่น RS และ e:HEV RS) ทำงานผ่านแอปพลิเคชันบนมือถือ ประกอบด้วย 8 ฟังก์ชั่น รองรับทุกการใช้งาน
1. My Service ตรวจสอบประวัติการเข้ารับบริการ รวมทั้งการประเมินรายการอะไหล่ และค่าใช้จ่ายเบื้องต้น โดยจะมีการแจ้งเตือนกำหนดการเข้ารับบริการครั้งต่อไป
2. Car Log ข้อมูลการขับขี่จะประกอบด้วยพฤติกรรมการขับขี่ ที่สามารถแสดงผลเป็นรายวัน รายเดือน หรือรายปี และบันทึกการเดินทางที่สามารถเลือกทริปโปรดและแชร์ผ่านโซเชียลมีเดีย เช่น ไลน์ อินสตาแกรม เฟซบุ๊ก และทวิตเตอร์ เป็นต้น
3. WiFi สามารถเชื่อมต่อสัญญาณอินเทอร์เน็ตไร้สายจากรถยนต์ โดยจะใช้งานได้พร้อมกันสูงสุดถึง 5 อุปกรณ์ มีระยะการส่งสัญญาณห่างจากตัวรถยนต์อยู่ที่ 40 เมตร โดยต้องไม่มีสิ่งกีดขวาง
สมัครแพ็กเกจอินเทอร์เน็ตจากผู้ให้บริการเครือข่าย (เอไอเอส) โดยลูกค้าจะเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่าย
4. Airbag Deployment เมื่อเกิดอุบัติเหตุและถุงลมทำงาน กล่องอุปกรณ์ TCU จะส่งสัญญาณเตือนให้ทราบทันทีผ่านทางแอปพลิเคชัน พร้อมทั้งส่งข้อมูลไปยังศูนย์บริการข้อมูลฮอนด้าเพื่อทำการติดต่อไปยังเบอร์โทรศัพท์ที่ลงทะเบียนไว้ หรือเบอร์โทรฉุกเฉินที่ลูกค้าผู้ใช้งานระบุไว้ในระบบ เพื่อทำการประสานงาน ให้ความช่วยเหลือขั้นต้น
5. Car Status แจ้งเตือนสถานะรถยนต์ เมื่อเกิดความผิดปกติจากระบบของรถยนต์ และแจ้งเตือนสัญญาณกันขโมย เมื่อเกิดความผิดปกติกับรถยนต์จากภายนอก เช่น การเปิดประตู กระโปรงหน้า และฝากระโปรงท้ายของรถยนต์อย่างผิดปกติ
6. Remote Vehicle Control สามารถสั่งการล็อกและปลดล็อกประตูทั้งหมด อีกทั้งยังสามารถสั่งสตาร์ตเครื่องยนต์ พร้อมทั้งตั้งค่าระดับอุณหภูมิของระบบปรับอากาศในรถยนต์ และการสั่งดับเครื่องยนต์ ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสั่งเปิดสัญญาณไฟ ทั้งไฟหน้าและไฟท้าย โดยผู้ใช้งานจะต้องกำหนดรหัสส่วนตัวเป็นตัวเลข 4 หลัก (PIN) และจะต้องป้อนรหัสส่วนตัวทุกครั้งก่อนการใช้งาน
7. Geo Fence & Speed Alert สามารถกำหนดขอบเขตการขับขี่รถยนต์ทั้งเข้าและออกตามพื้นที่ที่กำหนดไว้ และยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนความเร็วตามกำหนดได้อีกด้วย
8. Find My Car สามารถตรวจสอบพิกัดรถยนต์ โดยระบบจะส่งพิกัดรถยนต์บนแผนที่ล่าสุด แสดงผลบน แอปพลิเคชัน ซึ่งผู้ใช้งานจะต้องใส่รหัสส่วนตัว 4 หลัก (PIN) ก่อนการใช้งาน
สีและรุ่น
Honda City 2023 สีภายนอกมีให้เลือกทั้งหมด 7 สี ได้แก่
สีน้ำเงินออบซิเดียน (มุก) (เฉพาะรุ่น e:HEV SV และ e:HEV RS)
สีแดงอิกไนต์ (เมทัลลิก) (เฉพาะรุ่น RS และ e:HEV RS)
สีขาวแพลทินัม (มุก) (เฉพาะรุ่น SV, RS, e:HEV SV และ e:HEV RS)
สีดำคริสตัล (มุก)
สีเงินลูนาร์ (เมทัลลิก)
สีเทาเมทิเออรอยด์ (เมทัลลิก)
สีขาวทาฟเฟต้า (เฉพาะรุ่น V)
Honda City e:HEV
รุ่น e:HEV RS ราคา 839,000 บาท
รุ่น e:HEV SV ราคา 769,000 บาท
Honda City Turbo 3 รุ่นย่อย
รุ่น RS ราคา 749,000 บาท
รุ่น SV ราคา 679,000 บาท
รุ่น V ราคา 629,000 บาท.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/