Mercedes-AMG SL R232 เรือธงเปิดประทุนของแบรนด์ตราดาว เป็นรถสปอร์ตที่เข้ามาสานต่อความนิยมอันยาวนานของโมเดล SL ซึ่งประสบความสำเร็จมานานกว่าเจ็ดทศวรรษ SL นั้น ย่อมาจากคำว่า 'Sport Light' โดยมีต้นกำเนิดในปี 1950 จากรถแข่งของ Mercedes-Benz ที่ถูกนำมาปรับแต่งเพื่อใช้งานบนถนนสาธารณะได้อย่างถูกกฏหมาย ในช่วงหลายปีที่ผ่านมาคำว่า Sport Light หรือ SL มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยวางตำแหน่งของโมเดลให้อยู่ในกลุ่ม สปอร์ตแกรนด์ทัวร์ริ่ง โดยพื้นฐานแล้วนั่นหมายความว่า SL ไม่ใช่รถสปอร์ตเปิดหลังคาแนวฮาร์ดคอร์อย่าง AMG GTC และไม่ใช่รถหรูหรานิ่มนวลอย่าง Mercedes-Benz S-Class Carbiolet แต่ SL วางตัวเองโดยมีเป้าหมายที่จะอยู่ตรงกลางระหว่าง AMG GTC และ S-Class Carbiolet เป็น Luxury Sport Car ที่มีสไตล์และให้ความเพลิดเพลินไปกับการเปิดหลังคาขับกินลมชมวิว SL ใหม่ที่อยู่ภายใต้การปรับแต่งของ AMG จะไม่ทำให้คุณผิดหวังหากต้องผจญกับเส้นทางที่คดเคี้ยวในการเดินทาง เหมือนอย่างเส้นทางขึ้น-ลงดอยสุเทพที่ถูกใช้สำหรับการทดสอบครั้งแรกในไทย
...
AMG SL 43 โมเดลใหม่นี้เปลี่ยนแปลงสิ่งต่างๆ ไปอย่างสิ้นเชิงเมื่อเทียบกับ SL รุ่นที่ผ่านมา Mercedes-AMG พัฒนา R232 เพื่อยกระดับประสิทธิภาพของรถเปิดหลังคาที่เป็นตำนานของแบรนด์ การเปลี่ยนจากหลังคาโลหะพับเก็บได้ที่หนักแต่ลดเสียงรบกวน การนำหลังคาผ้าความหนาสองชั้นที่เบากว่าเข้ามาแทนทำให้น้ำหนักของหลังคาเบากว่ารุ่นที่ผ่านมา ในขณะที่แพลตฟอร์มพื้นฐานที่สร้างขึ้นใหม่ จะใช้ร่วมกันกับซุปเปอร์คาร์ Mercedes-AMG GT รุ่นต่อไปในอนาคต เรียกได้ว่า AMG SL คือรถสปอร์ตโมเดลแรกสุดที่กำหนดแพลตฟอร์มใหม่ที่จะถูกนำไปใช้กับ AMG GT GTC GTR รุ่นใหม่ที่จะมาถึงในอนาคตข้างหน้านั่นเอง มันหมายถึงการนำเอาความสะดวกสบายในการเคลื่อนมาใส่ไว้ใน SL แต่ยังคงคาแรกเตอร์ สปอตไลต์ น้ำหนักเบา เพื่อสร้างรถสปอร์ตที่จะต้องแข่งกับ Porsche 911 Cabriolet และ Aston Martin Vantage รวมถึงรถเปิดประทุนหรูสี่ที่นั่งที่ได้รับการยอมรับอย่าง Lexus LC500 และ BMW 8 Series ใช่ครับ AMG SL รุ่นใหม่ เป็นรถโรสเตอร์แบบ 4 ที่นั่ง ถือเป็น Mercedes-Benz SL คันแรกที่มีเบาะนั่งด้านหลังให้มาเป็นอุปกรณ์มาตรฐาน ในขณะที่ระบบขับเคลื่อน 4Matic ในรุ่นที่สูงกว่าอย่าง AMG SL63 ก็ถือเป็น SL โมเดลแรกที่ใส่ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อเป็นครั้งแรก
แพ็กเกจเสริม AMG Dynamic Plus
ตัวยึดแท่นเครื่องยนต์แบบไดนามิก
เฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิป
ความสูงต่ำลง 10 มิลลิเมตร
คาลิเปอร์เบรก AMG แบบ 6 พอต สีเหลือง
ล้อ AMG ขอบ 21 นิ้ว
Mercedes-AMG SL43 เครื่องยนต์ 4 สูบ 2.0 ลิตรเทอร์โบชาร์จ ความจุ 1,991 ซีซี. ซึ่งน่าจะกลายเป็นข้อโต้แย้งในวงการรถสปอร์ตราคาเฉียด 12 ล้านบาท กับเครื่องยนต์ที่ไม่ได้ใหญ่โตอะไร ถ้าคุณคิดว่า SL 43 นั้นมีขุมกำลังที่เล็กเกินไป ก็ยังมีเครื่อง V8 เทอร์โบคู่ขนาด 4.0 ลิตร 585 แรงม้าในรุ่น 63 รวมถึงเครื่องยนต์เบนซิน 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ ใน SL55 กำลัง 476 แรงม้า ทั้งสองเครื่องยนต์จะมาพร้อมกับระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ 4Matic + แต่ SL 43 น้องเล็กสุดท้องยังคงยึดโยงกับการขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังเหมือนบรรพบุรุษที่เคยโด่งดังในอดีต
...
เทคโนโลยีระบบส่งกำลังขนาดกะทัดรัดมาจากรถแข่ง Formula 1 ระบบขับเคลื่อนใน SL 43 เป็นผลสืบเนื่องโดยตรงจากการพัฒนาด้านมอเตอร์สปอร์ตอย่างรุดหน้าผ่านการวิจัยและพัฒนาของทีมแข่ง Mercedes-AMG Petronas F1 รูปแบบใหม่ของเทอร์โบพ่วงมอเตอร์ไฟฟ้าตัวจิ๋ว เพื่อลดอาการเทอร์โบแลค ให้การตอบสนองของคันเร่งฉับไวขึ้น อาการรอรอบลดลง โดยเฉพาะการส่งถ่ายแรงบิดตลอดช่วงความเร็วรอบ การปรับเซตช่วงล่างที่เน้นไดนามิกมากยิ่งขึ้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพด้านการยึดเกาะ
เทอร์โบชาร์จเจอร์ของ AMG SL 43 ทำงานผ่านระบบไฟฟ้า Mild Hybrid 48 โวลต์ ซึ่งป้อนไฟให้กับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าสตาร์ตเตอร์เจนเนอเรเตอร์ (RSG) เครื่องยนต์ M139 ของ Mercedes-AMG SL 43 มีกำลังสูงสุด 280 กิโลวัตต์ (381 แรงม้า) ที่ 6,750 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 480 นิวตันเมตร ระหว่าง 3,250 รอบต่อนาทีถึง 5,000 รอบต่อนาที เพิ่มกำลังในระยะสั้นอีก 10 กิโลวัตต์ (14 แรงม้า) จาก RSG ในบางสถานการณ์ โดยเฉพาะการเร่งแซงหรือขับด้วยความเร็วสูงในสนามแข่ง
ประวัติศาสตร์อันยาวนาน SL สร้างเหตุการณ์สำคัญทางเทคโนโลยีซ้ำแล้วซ้ำเล่า ยกตัวอย่างเช่น Mercedes-Benz 300 SL Gullwing ตำนานรถสปอร์ตประตูทรงปีกนกนางนวลในปี 1954 เป็นรถยนต์นั่งส่วนบุคคลรุ่นแรกของโลกที่ใช้ระบบฉีดน้ำมันเบนซินโดยตรงหรือไดเรกอินเจคชัน Mercedes-AMG SL 43 ใหม่ก็เป็นรถสปอร์ตเปิดประทุนที่ผลิตในซีรีส์แรกโดยติดตั้งเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าเป็นครั้งแรก ด้วยเทคโนโลยีนี้ ทำให้ SL 43 มีช่วงประสิทธิภาพด้านแรงบิดที่โดดเด่นแม้ในรุ่นเริ่มต้น ซึ่งหมายความว่า SL ที่ดูเหมือนเล็กที่สุด ผสมผสานประสิทธิภาพระบบส่งกำลังและระบบรองรับของ AMG เข้ากับความหรูหราและความสะดวกสบาย Mercedes-Benz คาดว่า ด้วยรถสปอร์ตที่เป็นนวัตกรรมใหม่นี้ SL จะดึงดูดลูกค้าในวงกว้างได้อย่างไม่ต้องสงสัย
...
เทอร์โบไฟฟ้าเป็นระบบอัดอากาศที่มีการถ่ายโอนระหว่างเทคโนโลยี Formula 1 และการพัฒนาระบบส่งกำลังในรถยนต์ที่ใช้งานจริงบนถนน เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบ รหัส M139 อันทรงพลังมาจากแนวคิด Mercedes-AMG High Performance Powertrains เทคโนโลยีนี้ช่วยเพิ่มความคล่องตัวและทำให้การขับขี่สนุกขึ้น ในขณะเดียวกันก็ปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบขับเคลื่อน เพื่อ ไล่ตามเป้าหมายที่ทะเยอทะยานในการลดมลพิษ โดยใช้ส่วนประกอบที่เป็นนวัตกรรมใหม่ เช่น เทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าและระบบ Mild Hybrid 48V
...
หลักการทำงานของเทอร์โบชาร์จเจอร์ไฟฟ้าใช้เทคโนโลยีเดียวกับที่ใช้โดยทีม Mercedes-AMG Petronas F1 มอเตอร์ไฟฟ้าที่เล็กจิ๋วประมาณ 4 เซนติเมตร ติดตั้งโดยตรงบนแกนเทอร์โบชาร์จเจอร์ระหว่างเทอร์ไบน์ที่ด้านไอเสียและคอมเพรสเซอร์ที่ด้านไอดี ทำงานผ่านการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งจะขับเคลื่อนแกนเทอร์ไบน์ของเทอร์โบชาร์จเจอร์โดยตรง เร่งความเร็วด้วยการหมุนอย่างจิ้ด ก่อนที่กระแสไอเสียจะเริ่มขับเคลื่อนครีบเทอร์ไบน์ ช่วยปรับปรุงการตอบสนองอย่างฉับพลันทันที จากความเร็วรอบเดินเบาและตลอดช่วงความเร็วของเครื่องยนต์ ตอบสนองต่อการเหยียบคันเร่งอย่างเป็นธรรมชาติมากยิ่งขึ้น การใช้พลังงานไฟฟ้าของเทอร์โบชาร์จเจอร์ ช่วยให้แรงบิดสูงขึ้นที่รอบต่ำ เพิ่มความคล่องตัวและเพิ่มประสิทธิภาพการเร่งความเร็วจากจุดหยุดนิ่ง แม้ว่าผู้ขับจะยกเท้าออกจากคันเร่งหรือเหยียบเบรก เทคโนโลยีเทอร์โบไฟฟ้าสามารถรักษาแรงดันบูสต์ไว้ได้อย่างต่อเนื่องและตลอดเวลา
เทอร์โบชาร์จเจอร์ทำงานที่ความเร็วรอบสูงถึง 170,000 รอบต่อนาที ให้อัตราการไหลของอากาศที่สูงมาก เทอร์โบที่พ่วงด้วยมอเตอร์ไฟฟ้าจิ๋ว และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ เชื่อมต่อกับวงจรระบายความร้อนของเครื่องยนต์สันดาป เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่มีอุณหภูมิงานทำงานเหมาะสมตลอดเวลา
RSG เจเนอเรชันที่สอง ทำหน้าที่เป็นระบบไฮบริด ในระบบไฟฟ้าออนบอร์ด 48 โวลต์ (Mild Hybrid 48V) นอกเหนือจากการเพิ่มพลังงานในช่วงสั้นๆ RSG ยังช่วยให้ระบบต่างๆ ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพ โหมด gliding mode และการกู้คืนพลังงาน หรือ regenerative braking เพื่อประสิทธิภาพสูงสุด ในขณะเดียวกัน เทคโนโลยี ไฮบริด 48 โวลต์ ทำให้การดับหรือติดเครื่องยนต์ ระหว่างฟังก์ชันสตาร์ต-สตอปและฟังก์ชันโหมด gliding mode ทำงานได้ไหลลื่นขึ้น
เครื่องยนต์ M139 ที่ประจำการอยู่ใน Mercedes-AMG A45/CLA45 GLA45 วางตามขวาง ขับเคลื่อนสี่ล้อ ส่วนตำแหน่งการวางเครื่องยนต์ของ SL 43 เป็นแบบวางตามยาว ขับเคลื่อนล้อหลัง ระบบส่งกำลังอัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT MCT 9G (MCT = Multi-Clutch Transmission) ใช้คลัตช์สตาร์ตแบบเปียก แทนที่ทอร์กคอนเวอร์เตอร์ ช่วยลดน้ำหนักและมีแรงเฉื่อยที่ต่ำลง ปรับการตอบสนองต่ออินพุตของแป้นคันเร่งอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ระหว่างการเปลี่ยนอัตราทด ขึ้น-ลง ของระบบเกียร์ ซอฟต์แวร์ที่ปรับเทียบอย่างประณีต ทำให้ระยะเวลาเปลี่ยนเกียร์สั้นมาก รวมทั้งการปรับลดอัตราทดแบบก้าวกระโดด (ข้ามเกียร์) ได้อย่างรวดเร็วหากจำเป็น อัตราเร่งจากจุดหยุดนิ่งของ SL 43 จาก 0 ถึงความเร็ว 100 กม./ชม. ในเวลา 4.9 วินาที หากจำเป็น ความเร็วสูงสุดทะยานไปถึง 275 กม./ชม.
เกือบหกทศวรรษหลังจาก SL สี่สูบสุดท้ายออกจากสายการผลิตในปี 1963 และ Mercedes กำลังแนะนำรถสี่สูบอีกครั้งในกลุ่มผลิตภัณฑ์โรดสเตอร์ เปิดประตูเข้าไปในห้องโดยสาร คุณจะพบกับความรู้สึกพิเศษ ตำแหน่งการขับที่ต่ำเตี้ย ตอบสนองต่อพื้นฐานของรถสปอร์ตและให้ความรู้สึกที่เชื่อมโยงกับ SL ในอดีต การมองข้ามฝากระโปรงที่ยาวเหยียด ด้วยท่านั่งที่เตี้ยเหมือนรถแข่ง คือสไตล์ที่แท้จริงของ SL มันดูเหมาะสมกับความเป็น Luxury Sport Car ด้วยการตกแต่งที่หรูหรา แสงไฟ LED ที่สวยงาม เชื่อมโยงเทคโนโลยีแฟนซี การจัดเก็บของกระจุกกระจิกก็ค่อนข้างดี มีองค์ประกอบหลายอย่างที่ทำให้รถดูทันสมัย คุณจะพบพลาสติกโทนสีน้ำตาลที่เลอะง่ายและต้องคอยเช็ดอยู่ตลอดเวลา หน้าจอสัมผัสที่แปลกตา (คล้าย S-Class และ New C-Class แต่สามารถปรับยกหรือลดมุมของหน้าจอด้วยระบบไฟฟ้าเพื่อหลีกเลี่ยงแสงแดด) จุดที่ทำให้รู้สึกไม่ชอบก็คือ มือจับประตูที่ดึงกลับด้วยไฟฟ้าซึ่งต้องแตะตรงกลางมือจับมันถึงจะยื่นออกมา เป็นการออกแบบยุคใหม่ที่ใช้งานไม่ค่อยสะดวกเท่าที่ควร
จุดที่ใช้งานยากทั้งๆ ที่เป็นหัวใจของรถก็คือ ปุ่มสั่งเปิดหลังคาที่หายไป ถือเป็นการตัดสินใจที่แปลกประหลาดของวิศวกร ในการออกแบบให้คุณเปิดหรือปิดหลังคาผ่านฟังก์ชันของหน้าจอสัมผัสเท่านั้น ผมพยายามดูไอคอนหน้าจอ แล้วกดค้างไว้เป็นเวลาหลายวินาที ซึ่งเป็นอะไรที่ยุ่งยากกว่าการใช้สวิชต์ควบคุมกลไกของหลังคาแบบเดิม แต่ระบบ 'Airscarf' ของ Mercedes ช่วยกลบเกลื่อนจุดที่ยังไม่ลงตัวด้วยพัดลมระบายอากาศ ที่จะเป่าลมอุ่นๆ รอบคอของคุณจากพนักพิงศีรษะ เหมาะอย่างยิ่งสำหรับการเปิดหลังคาขับในฤดูหนาว แต่ในไทยคงแทบจะไม่ได้ใช้ การเปิดหลังคาขับนั้นช่วยให้คุณได้ยินเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ M139 มากขึ้น เสียงเครื่องยนต์ดังพอประมาณ ไม่มีเสียงก้องกังวานหรือเสียงคำรามเหมือน V8 4.0 ลิตร ใน SL 63 มันเป็นเสียงเครื่องสี่สูบที่ยอดเยี่ยม ทำให้รู้สึกถึงพลังขณะเร่งความเร็ว ระบบถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์และเทอร์โบแบบ AMG Real Performance Sound โดยระบบจะแสดงเสียงภายในห้องโดยสารบริเวณคอนโซลกลาง ถ่ายทอดเสียงเครื่องยนต์ได้อย่างเร้าใจตามแบบฉบับของ AMG ผู้ขับสามารถควบคุมเสียงของเครื่องยนต์ได้หลากหลายรูปแบบ เช่น Sporty, Discreet (BALANCED) หรือ Motorsporty และ Emotive (POWERFUL) สามารถเลือกโหมดผ่านระบบปรับรูปแบบการขับ AMG DYNAMIC SELECT ใน
โหมด S และ S+ ถ่ายทอดพลังเสียงได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
AMG SPEEDSHIFT MCT 9G (MCT = Multi-Clutch Transmission) เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วและไหลลื่น คนขับสามารถใช้ประโยชน์จากพลังแรงบิดที่อยู่ในอัตราทดเกียร์ การเปลี่ยนเกียร์อย่างรวดเร็ว ในขณะที่ยังคงความนุ่มนวลตามรูปแบบอารยธรรมของ SL ในอดีต ช่วงล่างรับมือกับผิวถนนที่ไม่เรียบได้ค่อนข้างดี เมื่อใช้ความเร็วบนทางขึ้นเขาอย่างดอยสุเทพที่อุดมไปด้วยโค้งหน้าตาแปลกๆ SL ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในบ้าน มันเป็นรถสปอร์ตที่ขับง่าย ไม่ได้แม่นยำเท่า Porsche 911 /992 Cabriolet แต่เครื่องสี่สูบก็มีกำลังมากพอที่จะผลักดันรถให้ไปได้เร็วขึ้น มีเสียงลมรบกวนเล็กน้อย รวมถึงเสียงบดลงไปบนผิวถนนของยางเส้นเขื่อง เนื่องจากยัดล้อขนาด 21 นิ้ว กับยางสปอร์ตแก้มเตี้ย michelin pilot sport 4 S ด้านหน้า 275/35ZR21 ด้านหลัง 305/30ZR21 เป็นยางสมรรถนะสูงที่ใช้กับรถสปอร์ตเปิดประทุนหลายรุ่น และใช้งานได้ดี บนถนนที่คดเคี้ยวอย่างทางขึ้นดอยสุเทพไปจนถึงดอยปุย pilot sport 4 S ไม่ทำให้ผิดหวัง
SL รุ่นที่ผ่านมาตอกย้ำคุณภาพด้านความสะดวกสบาย ด้วยค่าใช้จ่ายในการควบคุมที่ให้ความรู้สึกสูงวัย มีความเป็นรถผู้ใหญ่ที่ซุกซนและตัวหนัก แต่ SL 43 รุ่นใหม่นั้นดีกว่า เมื่อพุ่งเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง ตัวถังที่แบนราบกับช่วงล่าง AMG ให้การยึดเกาะที่ดีในทุกย่านความเร็ว การตอบสนองที่คมกริบแบบรถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลัง ทำให้ต้องระวังส่วนท้ายให้ดีๆ การบังคับเลี้ยวที่แม่นยำทำให้สามารถเล็งในจุดที่จะไปแล้วพุ่งเข้าหาได้เลย ความสงบจะเริ่มต้นขึ้นเมื่อคุณขับ AMG SL 43 ในย่านความเร็วต่ำแล้วพับหลังคาเก็บ มันเป็นรถที่หนัก และแม้แต่รถเปิดประทุนที่มีช่วงล่างดีขนาดนี้ก็ยังต้องทนทุกข์ทรมานจากอาการกระเด้งกระดอนเมื่อเจอกับผิวถนนที่ไม่มีความสม่ำเสมอ
โดยภาพรวม ถ้าชอบขับรถเปิดประทุนลูกค้าทุกคนจะมีความสุขกับ Mercedes-AMG SL มันมีรูปลักษณ์ที่งดงามสะดุดตา ชัดเจนว่าฟิลลิ่งหลังพวงมาลัยให้ความรู้สึกของไดนามิกมากกว่า SL รุ่นเก่า หมายความว่ามันช่วยสลัดภาพรถสปอร์ตคนแก่ออกไปได้บ้าง SL รุ่นล่าสุดยังพยายามทำตัวให้ใกล้เคียงกับ Porsche 911/992 Cabriolet ด้วยที่นั่งด้านหลังที่เป็นมิตรต่อเด็กเล็ก แต่ไม่เหมาะกับคนตัวโต แม้ว่าจะมีราคาเฉียดๆ 12 ล้านบาท ท่ามกลางการแข่งขันที่รุนแรงในกลุ่ม Luxury Sport Car คุณก็ยังได้รับอุปกรณ์มากกว่ารถคู่แข่งอยู่ดี แถมยังมีราคาถูกกว่าอีกด้วย
ผมชอบแนวคิดการใช้เครื่องเล็กของ AMG SL 43 แม้ว่าในท้ายที่สุดมันจะไม่เร็วเท่ากับรถ Roadster ที่คล้ายกันอย่าง AMG GTC เจ้า R232 เป็น SL ที่พัฒนาโดย AMG พร้อมสีตัวถัง AMG Monza Grey Magno หากอยากได้สีที่แปลกตาแบบนี้ คุณต้องควักเพิ่มอีก 800,000 บาท สีน้ำตาลโอวันติน AMG Monza Grey Magno สวยงามเมื่อแสงแดดตกกระทบตัวถังในมุมและคาบเวลาที่แตกต่างกันไป ตั้งแต่เช้าจดเย็น เป็นสีตัวถังที่เข้ากับรูปลักษณ์ใหม่ของ R232 ได้เป็นอย่างดี เมื่อมองแวบเดียว อาจถูกเข้าใจผิดว่าเป็น AMG GT Roadster ด้วยซ้ำ การออกแบบดูเหมือนจะเน้นย้ำถึงความสปอร์ตและความดุร้ายที่หาได้ยากใน SL รุ่นเก่า ส่วนผืนหลังคา แทนที่จะเป็นหลังคาโลหะพับเก็บได้ก็กลายเป็นหลังคาผ้าน้ำหนักเบาความหนาสองชั้น ทำงานเร็วแค่ 15 วินาที ในการกางออกเพื่อปิดคลุม หรือพับเก็บเพื่อเปลี่ยนแปลงรูปแบบให้กลายเป็นรถเปิดประทุน
เครื่องยนต์ 4 สูบ 2 ลิตรติดตั้งเทอร์โบไฟฟ้าคล้ายกับกลไกระบบอัดอากาศในเครื่องยนต์ F1 เครื่องยนต์ M139 ถูกเปิดตัวด้วยการประโคมข่าวให้เห็นถึงเทคโนโลยีใหม่ซึ่งพัฒนาโดยวิศวกรของ AMG ระบบเกียร์ AMG Speedshift MCT ซึ่งเป็นเกียร์อัตโนมัติ 9 สปีดนั้น ในย่านความเร็วต่ำ เมื่อเหยียบเบรกจนรถใกล้หยุดนิ่ง ระบบ Auto Start/Stop เริ่มต้นการทำงาน ตามมาด้วยอาการกระตุกเล็กๆ จนผมต้องเอื้อมมือไปปิดสวิชต์ Auto Start/Stop เพื่อไม่ให้มันติดๆ ดับๆ ไปตลอดทาง แรงสั่นสะเทือนจากการเปลี่ยนเกียร์ จากเกียร์หนึ่งไปยังเกียร์สองนั้นรุนแรงมากจนน่าตกใจ ราวกับว่า "AMG Speedshift MCT" ได้รับการเปิดตัวเป็นครั้งแรกใน SL ไม่ว่าจะเหยียบคันเร่งอย่างระมัดระวังเพียงใด ผมก็รู้สึกได้ถึงแรงกระชากจากเกียร์หนึ่งไปยังเกียร์สอง หลังจากนั้น เกียร์จะขึ้นๆ ลงๆ ไปตามความเร็วได้อย่างไหลลื่น แต่การออกตัวจากเกียร์ 1 ไป 2 ให้ความรู้สึกคล้าย AMG GTC หวังว่าโปรแกรมควบคุมการเปลี่ยนเกียร์จะได้รับการปรับปรุงให้ทำงานได้นวลกว่านี้โดยเร็วที่สุด!
หลังจากเพื่อนๆ สื่อมวลชนขับทดสอบเจ้า SL จากเชียงรายจนมาถึงเชียงใหม่ ในช่วงเย็น ผมมุ่งหน้าไปยังทางขึ้นดอยสุเทพ เพื่อทดสอบการควบคุมบนทางโค้งท่ามกลางหุบเขาที่สูงชัน การบังคับควบคุมนั้นยอดเยี่ยมอย่างที่คาดหวัง ยางให้สัมผัสที่ดีของการยึดเกาะ เป็นรถสปอร์ตรุ่นเครื่องเล็กของ AMG ที่ดีพอ กระบอกสูบทั้งสี่ที่รวมความจุได้ 2 ลิตร เครื่องตัวไม่ใหญ่มากนักและมีน้ำหนักเบา ทำให้เลี้ยวได้ง่ายและคล่องตัว แทนที่จะเป็น SL แท้ๆของคนสูงวัย แต่ SL ใหม่ ทำคะแนนด้านการควบคุมรถได้ค่อนข้างสูงเนื่องจากเป็นรถสปอร์ตที่พัฒนาโดย AMG
บนทางขึ้นภูเขาในช่วงเย็น ผมตั้งค่าเป็นโหมด Sport Plus และเหยียบคันเร่งลึกต่อเนื่อง เทอร์โบไฟฟ้าเข้ามาช่วยบูสต์เพื่อการตอบสนองด้านแรงบิดที่เพียงพอตามที่คาดไว้ พลังแรงบิดที่ถ่ายเทลงล้อหลัง ให้ความรู้สึกเหมือนเครื่องยนต์ 6 สูบ มากกว่าจะเป็นเครื่องยนต์ 4 สูบ M139 มีกำลังและการตอบสนองของเครื่องยนต์ 6 สูบแถวเรียงสมรรถนะสูงแอบแฝงอยู่ กำลัง 381 แรงม้า ทำให้ SL 43 เร็วพอใช้ ถ้าคุณไม่ได้มี AMG 63 หรือรถรุ่นใกล้เคียงที่มีกำลัง 580-600 แรงม้า คุณจะไม่มีข้อติติงใดๆ เกี่ยวกับการทำความเร็วของมัน แต่ 911/992 Carrera Cabriolet ที่มีกำลัง 385 แรงม้า นั้นให้ความรู้สึกที่เร็วและเฉียบคมกว่าอย่างชัดเจน ความแตกต่างดังกล่าว เกิดจากน้ำหนักของ SL ใหม่ แต่ที่มากกว่านั้นก็คือ ความหนาแน่นของแรงบิดและการขยายกำลังนั้นมีความแตกต่างกัน เครื่องยนต์ 4 สูบ ของ SL 43 นั้นยอดเยี่ยม แต่ดูเหมือนว่าจะขาดการขยายความเร็วที่โดดเด่นของเครื่องยนต์ 6 สูบเรียง โดยเฉพาะเครื่องยนต์ B58/B30 ใน Z4 M40i
เสถียรภาพการยึดเกาะนั้นมากเกินพอ หลังคาผ้าแม้จะเบา แต่เสียงลมและเสียงยางบดลงไปบนผิวถนนก็ดังเข้ามาไม่น้อย ระดับเสียงภายในรถเทียบได้กับ 992 Carrera Cabriolet เป็นอีกจุดหนึ่งที่ SL ใหม่ มุ่งเน้นไปที่การทำตัวเป็นรถสปอร์ตอย่างสมบูรณ์ ซึ่งแตกต่างจากรถป๋าขาซิ่งในยุคที่ผ่านมา ผมลองเข้าโค้งเร็วๆ ในช่วงขาขึ้น ลองเปลี่ยนเลนเพื่อดูการตอบสนองของพวงมาลัยไฟฟ้า ไม่มีสัญญาณของความสับสนในระบบบังคับเลี้ยว พวงมาลัยไฟฟ้ามีน้ำหนักที่ปรับแปรผันไปตามความเร็วหรือโหมดของการขับเคลื่อนสำหรับโหมดการขับขี่ที่หลากหลาย แพ็กเกจ AMG Dynamic Plus และการตกแต่งภายในที่มีระดับ ด้วยหน้าจอดิจิทัลและระบบ MBUX ล่าสุด โหมดการขับขี่ 6 โหมดใน AMG DYNAMIC SELECT เช่น “Slippery”, “Comfort”, “Sport”, “Sport +” และ “Individual” พร้อมโหมดสูงสุด “RACE” โหมดการควบคุม AMG DYNAMIC SELECT ทำให้ AMG SL 43 มีคุณสมบัติทั้งหมดของ AMG DYNAMICS การควบคุมไดนามิกของยานพาหนะแบบบูรณาการ ขยายฟังก์ชันการรักษาเสถียรภาพของระบบช่วยทรงตัว ESP® ด้วยการแทรกแซงที่จำเป็น ปรับปรุงความคล่องตัวในลักษณะของการบังคับเลี้ยว เป็นฟังก์ชันเพิ่มเติมของ ESP® เมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง แทรกแซงการเบรกอัตโนมัติในระยะสั้นที่ล้อหลังขณะเลี้ยว เพื่อให้เข้าโค้งได้แม่นยำและตอบสนองการควบคุมทิศทางได้ง่ายกว่าเดิม
คอยล์สปริงน้ำหนักเบา ช่วยลดน้ำหนักโดยไม่สูญเสียการยึดเกาะและให้ความสบายที่ดีพอ การเชื่อมต่อกับจุดยึดด้านบนใกล้บังโคลนล้ออย่างแน่นหนา เพื่อป้องกันการสึกหรอที่เกิดจากสิ่งสกปรก เช่น ทรายหรือโคลน ตลอดอายุการใช้งานของช่วงล่าง สปริงจะไม่สึกหรอถ้าคุณไม่ได้เอามันไปตัดเพื่อทำให้รถเตี้ยลง!! ดังนั้นจึงสามารถเพิ่มน้ำหนักของส่วนประกอบบางชิ้นส่วนของระบบรองรับได้สูงสุด ด้วยน้ำหนักที่น้อยลง สปริงแบบใหม่ ลดน้ำหนักลง 0.2 กก. ต่อหนึ่งข้าง โครงสร้างน้ำหนักเบาของเหล็กกันโคลงทอร์ชั่นบาร์ ทั้งด้านหน้าและด้านหลัง SL 43 มีน้ำหนักที่ลดลง โช้คอัพแบบปรับได้ล่าสุดของ AMG เป็นชุดควบคุมระบบกันสะเทือน ที่ทำงานโดยใช้การวิเคราะห์ข้อมูล รวมถึงเซนเซอร์วัดอัตราเร่งและการเคลื่อนที่ของล้อ เพื่อปรับแรงหน่วงสำหรับล้อแต่ละข้าง ในเวลาไม่กี่มิลลิวินาที เพื่อให้เหมาะกับสถานการณ์ของการขับขี่ ผู้ขับสามารถเลือกค่าที่ตั้งไว้ล่วงหน้าผ่านโหมดการขับขี่ AMG DYNAMIC SELECT เมื่อกดปุ่มหรือบิดสวิชต์ปรับโหมดที่พวงมาลัย ลักษณะการควบคุมของรถจะเปลี่ยนไปตามค่าที่ตั้งเอาไว้ เช่น จากไดนามิกเต็มรูปแบบในโหมด “Sport+” ไปสู่การขับขี่ที่นุ่มนวลในโหมด “Comfort” สามารถปรับได้ถึงสามระดับ เป็นอิสระจากโหมดการขับขี่ด้วยปุ่มพิเศษเท่ๆ บริเวณพวงมาลัย
Mercedes-AMG SL 43 ติดตั้งระบบกันสะเทือน AMG RIDE CONTROL ที่พัฒนาขึ้นใหม่ ด้วยโช้คอัพอะลูมิเนียมทรงพลังพิเศษและคอยล์สปริงน้ำหนักเบา SL ใหม่เป็นรถยนต์ที่ผลิตโดย Mercedes-AMG คันแรกที่มีเพลาหน้าแบบมัลติลิงก์ ด้วยข้อต่อห้าอันที่จัดเรียงภายในขอบล้อทั้งหมด ช่วยเพิ่มจลนพลศาสตร์ของการยึดเกาะได้ดีมาก ระบบกันสะเทือนหลังแบบ 5-Link ควบคุมมุมของล้ออย่างตรงไปตรงมา เพื่อลดมวลใต้สปริง เพลาบังคับเลี้ยว Suspension Joint สเปเซอร์ล้อที่เพลาหน้าและหลังของ New SL ทำจากอะลูมิเนียมหล่อขึ้นรูป แนวคิดระบบกันสะเทือนหลังแบบมัลติลิงก์ ควบคุมแต่ละล้อด้วยการเคลื่อนไหวที่ปรับความยืดหยุ่นให้น้อยที่สุด ความเสถียรของการยึดเกาะไม่เพียงแต่ช่วยให้เข้าโค้งได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังช่วยให้ผู้ขับรู้สึกถึงสภาพผิวถนนได้อย่างเหมาะสมเมื่อเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง สะท้อนให้เห็นถึงไดนามิกที่ยอดเยี่ยมและเสถียรภาพในการขับขี่ด้วยความเร็วสูง รถมีปฏิกิริยาที่ไวต่ออิทธิพลภายนอกซึ่งส่งผลต่อการควบคุม เช่น ลมพัดแรงด้านข้างตัวถังหรือผิวถนนที่ไม่เรียบ
พลังในการหยุดยั้งของรถ SL คือจานเบรกแบบเจาะรูระบายความร้อน ขนาด 390 มิลลิเมตร ที่ด้านหน้า พร้อมคาลิปเปอร์หกลูกสูบ (6 พอต) และดิสก์เบรกแบบเจาะรูขนาด 360 มิลลิเมตร ที่ด้านหลังพร้อมคาลิปเปอร์แบบลูกสูบเดี่ยว
การออกแบบภายนอกของ SL 43 นั้นแตกต่างกันในแง่มุมของรายละเอียดเฉพาะตัว กันชนหน้าและหลังที่แตกต่างกันกับรุ่น V8 กระจังหน้าที่โค้งไปตามเส้นขอบส่วนหน้า สื่อให้เห็นถึงชัยชนะของรถแข่งในอดีตจาก Mercedes-Benz ไฟหน้า LED คล้ายกับ CLS พร้อมระบบไฟอัตโนมัติที่ทันสมัย ท่อระบายไอเสียแบบกลม ฝั่งละสองท่อ คุณลักษณะที่โดดเด่นของการออกแบบตัวถัง SL ได้แก่ ระยะฐานล้อที่ยาว โอเวอร์แฮงก์หน้า-หลังสั้น ฝากระโปรงหน้ายาว ห้องโดยสารที่อยู่ตรงกึ่งกลาง แนวองศาของกระจกบังลมที่ลาดเอียง ส่วนท้ายที่โค้งมน สมส่วนและทรงพลัง ส่งผลให้ได้สัดส่วนของ SL มีความสง่างามน่ารักน่าขับ นักออกแบบของ Mercedea-AMG ดีไซน์ให้รถโรดสเตอร์มีรูปลักษณ์ที่ทรงพลังและสื่อให้เห็นถึงไดนามิกจากความต่ำเตี้ย ซุ้มล้อขนาดใหญ่และล้ออัลลอยน้ำหนักเบาสีดำ ผิวด้านนอกของตัวถังถูกพ่นด้วยสีพิเศษ AMG Monza Grey Magno SL 43 ยัดล้ออัลลอยขนาด 21 นิ้ว ซึ่งเป็นออปชันเสริมราคาแพงในต่างประเทศ เป็น ล้ออัลลอยน้ำหนักเบาที่ปรับปรุงตามหลักแอโรไดนามิก ช่วยลดแรงต้านของอากาศผ่านความปั่นป่วน ความซับซ้อนพิเศษคือ ล้ออัลลอยชื่อยาวเหยียด RWG 21" AMG alloy
wheels-multi-spoke design, painted matt black with a high-sheen finish rim flange มีลวดลายคล้ายกับล้อ BBS LM ที่ได้รับความนิยมมาช้านานแล้ว
เทคนิคสำหรับการปรับปรุงแอโรไดนามิก คือ ระบบควบคุมอากาศแบบแอ็กทีฟ AIRPANEL ช่องระบายอากาศแนวนอน ด้านหลังช่องลมเข้าด้านบน ทำงานผ่านการควบคุมด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เปิดและปิดได้ด้วยมอเตอร์แอคทูเอเตอร์ ด้วยแนวคิดดังกล่าวทำให้การไหลเวียนของอากาศจะถูกส่งตรงตามความต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับปรุงประสิทธิภาพของระบบอากาศพลศาสตร์ของรถ ปกติ บานเกล็ดจะปิด ในขณะที่ใช้ความเร็วสูงสุด การปิดช่องรับอากาศในขณะที่กำลังพุ่งทะยานอย่างเร็ว ช่วยลดแรงต้านของกระแสอากาศ เมื่อเครื่องยนต์ถึงอุณหภูมิที่กำหนดและมีความต้องการลมเย็นมาระบายความร้อน บานเกล็ดจะเปิดออก เพื่อปล่อยให้ลมเย็นไหลไปยังตัวแลกเปลี่ยนความร้อนในปริมาณสูงสุด การทำงานของระบบระบายความร้อนแบบ Active ต้องการการควบคุมที่ชาญฉลาดและรวดเร็ว ซึ่งถือเป็นความเชี่ยวชาญพิเศษของวิศวกรจาก AMG
เช่นเดียวกันกับองค์ประกอบด้านแอโรไดนามิกที่มีความสำคัญอีกชิ้นหนึ่ง นั่นก็คือ : สปอยเลอร์หลังแบบ Active Rear Wing ที่สามารถกางออก หรือพับเก็บได้ วิงหลังไฟฟ้า ผสานรวมเข้ากับรูปลักษณ์ของรถอย่างแนบเนียน ทำงานปรับเปลี่ยนตำแหน่งขึ้น-ลง เชื่อมโยงกับสถานะการขับ ซอฟต์แวร์ควบคุมจะตรวจจับพารามิเตอร์ต่างๆ โดยคำนึงถึงความเร็วในการขับ การเร่งความเร็วทางตรงหรือในโค้ง และความเร็วในการบังคับเลี้ยว ในการคำนวณของระบบ Active Rear Wing สปอยเลอร์หลังจะตั้งค่ามุมที่แตกต่างกันห้าระดับ ทำงานตั้งแต่ 80 กม./ชม. ขึ้นไป เพื่อเพิ่มเสถียรภาพในการควบคุม สร้างแรงกดส่วนท้ายหรือหดกลับเพื่อลดแรงต้านของกระแสอากาศในย่านความเร็วต่ำที่ไม่มีความจำเป็นต้องเพิ่มเติมแรงกดส่วนท้าย แพ็กเกจแอโรไดนามิกส์ที่เป็นอุปกรณ์เสริมสำหรับ Mercedes-AMG SL 43 ประกอบด้วย flics ที่ใหญ่ขึ้นที่กันชนหน้าและหลัง และดิฟฟิวเซอร์หลังที่ใหญ่ขึ้น อุปกรณ์ดังกล่าว ช่วยปรับปรุงด้านแรงกดส่วนท้ายและแรงลากตามหลักอากาศพลศาสตร์ให้ดีขึ้น เกณฑ์ความเร็วที่ปรับเปลี่ยนของสปอยเลอร์หลังและมุมปะทะที่ชันขึ้น ที่ 26.5 องศา (แทนที่จะเป็น 22 องศา) ในตำแหน่งไดนามิก มีส่วนช่วยในเรื่องนี้เช่นกัน
การวางตำแหน่งที่ดูสปอร์ตยิ่งขึ้นของ SL ใหม่ ทำให้ผู้บริหารของแบรนด์ตราดาว ตัดสินใจกลับไปใช้หลังคาอ่อนแบบพับเก็บด้วยกลไกไฟฟ้า แทนที่หลังคาโลหะของ SL รุ่นที่ผ่านมา หลังคาผ้าไฟฟ้า ทำให้น้ำหนักลดลงถึง 21 กิโลกรัม พร้อมจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลง ส่งผลดีต่อไดนามิกในการขับขี่ควบคุมรถ Z-fold ช่วยประหยัดพื้นที่และน้ำหนัก วิศวกรที่ออกแบบกลไกของหลังคา ต้องเผชิญกับงานที่ยากลำบาก เพื่อรักษาความสมดุลของการใช้งานในชีวิตประจำวัน ด้วยการออกแบบกลไกพับเก็บซึ่งทำงานได้อย่างเงียบกริบ ไม่มีเสียงกระแทกเมื่อหลังคาถูกกางออกเพื่อปิดคลุมห้องโดยสารเหมือนหลังคาแข็งในอดีต การออกแบบผืนหลังคาผ้าความหนาสามชั้น ประกอบด้วยเปลือกนอกที่ยืดออกอย่างแน่นหนา ซับหลังคาที่ทำขึ้นอย่างประณีต และแผ่นอะคูสติกที่ทำจากขนแกะ PES คุณภาพสูง 450 กรัม/ตร.ม. ที่แทรกอยู่ระหว่างกลาง การเปิดและปิดหลังคาผ้า ใช้เวลาประมาณ 15 วินาที คุณสามารถพับเก็บ หรือกางออก ที่ความเร็ว 60 กม./ชม. หลังคาซอฟต์ท็อปของ New AMG SL สั่งงานผ่านหน้าจอสัมผัสมัลติมีเดีย ซึ่งมีภาพเคลื่อนไหวแสดงการทำงานตั้งแต่เริ่มต้นจนเสร็จสิ้น
SL R232 มีระยะฐานล้อที่ยาวขึ้น ทำให้มีที่ว่างมากพอสำหรับเบาะหลังขนาดเล็กอีก 2 ที่นั่ง (คล้ายกับ SL รุ่นปี 1989 แบบ 4 ที่นั่ง) ทำให้ SL ใหม่ มีความหลากหลายของการใช้งานมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตาม Super Light คือจุดศูนย์กลางของแนวคิด Mercedes-AMG SL 43 มีโครงสร้างที่ถูกสร้างขึ้นโดยใช้ส่วนผสมของวัสดุที่ทำให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ด้วยน้ำหนักที่เบา ตัวอย่างเช่น ขอบกระจกบังลมทำจากอะลูมิเนียม แมกนีเซียม วัสดุผสมไฟเบอร์ และเหล็ก แชสซีทำจากอะลูมิเนียมและวัสดุคอมโพสิตน้ำหนักเบา ประกอบด้วยสเปซเฟรมอะลูมิเนียมออกแบบใหม่เพื่อทำให้เกิดโครงสร้างที่แข็งแรง หลังคาผ้าช่วยลดน้ำหนักและลดจุดศูนย์ถ่วง เนื่องจากไม่มีหลังคา แพลตฟอร์มใหม่จึงเข้ามาช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งในการต้านทานแรงบิดตัวที่เพิ่มขึ้น 18% จาก SL รุ่นก่อนหน้า เช่นเดียวกับความแข็งแกร่งในแนวขวางที่เพิ่มขึ้น 50% และความแข็งแกร่งในแนวยาวเพิ่มขึ้น 40% เมื่อเทียบกับ AMG GT Roadster ความแข็งโดยรวมที่เพิ่มขึ้นเป็นรากฐานที่เหนือกว่าสำหรับการควบคุมและความคล่องตัวที่แม่นยำ
การตกแต่งภายในของ Mercedes-AMG SL 43 ผสมผสานรูปแบบอะนาล็อกเข้ากับโลกดิจิทัลแบบใหม่ที่เรียกว่า “ไฮเปอร์-อะนาล็อก” ผสมผสานกับการออกแบบสามมิติของระบบอินโฟเทนเมนต์ MBUX มีการนำเสนอรูปแบบการแสดงผลเฉพาะที่มีความคมชัดสูงสุด ปรับแต่งกราฟิกชนิดเว่อร์วังและเรียกดูข้อมูลที่แตกต่างกันได้หลายร้อยรายการ แดชบอร์ดมีขนาดที่สมมาตร ออกแบบเป็นปีกที่ทรงพลัง จุดเด่นคือ ช่องแอร์ทรงเทอร์ไบน์ของอากาศยาน พื้นผิวผสานเข้ากับแดชบอร์ดในรูปแบบของพาวเวอร์โดม ส่วนล่างของแผงหน้าปัดมาตรวัดจอภาพ TFT LCD วางตำแหน่งตัวเองถัดจากคอนโซลกลางอย่างราบรื่น เชื่อมต่อองค์ประกอบทั้งสองด้านอย่างไร้รอยต่อ
มาตรวัดแบบจอภาพ TFT LCD ความละเอียดสูงขนาด 12.3 นิ้วในแผงหน้าปัด ไม่ได้ออกแบบให้ตั้งอย่างอิสระ แต่รวมอยู่ในมาตรวัดไฮเทคที่ป้องกันการสะท้อนที่เกิดจากแสงแดด ช่วยหลีกเลี่ยงแสงสะท้อนรบกวนการมอง ที่เกิดจากตำแหน่งดวงอาทิตย์ที่แตกต่างกันเมื่อเปิดหลังคาขับ หน้าจอสัมผัสบนคอนโซลกลางสามารถปรับเอียงได้ตั้งแต่ 12 องศา ถึง 32 องศา ระบบปฏิบัติการ MBUX (Mercedes-Benz User Experience) เวอร์ชันล่าสุด ออกแบบมาให้ใช้งานง่ายและเรียนรู้ได้เร็ว นำเสนอเนื้อหาการใช้งานและโครงสร้างของระบบ MBUX รุ่นที่สอง ซึ่งเปิดตัวใน Mercedes-Benz S-Class (V223) ใน SL 43 มีการเพิ่มเนื้อหาเฉพาะฟังก์ชัน AMG ในรูปแบบการแสดงผลที่แตกต่างกันถึงห้ารูปแบบ เมนูพิเศษ “AMG Performance” หรือ “AMG TRACK PACE” เน้นกราฟิกที่สวยงามในการจัดองค์ประกอบภาพเพื่อเพิ่มความเร้าใจด้วยสไตล์ที่เน้นความไฮเทค
เบาะนั่งปรับไฟฟ้า ผสมผสานระหว่างหนังและผ้า ARTICO เบาะนั่งหุ้มหนัง NAPPA และหนัง NAPPA AMG สามารถเลือกได้ เช่นเดียวกับเบาะนั่งแบบสปอร์ต AMG และเบาะนั่ง AMG Performance ที่มีดีไซน์คล้ายเบาะของรถซุปเปอร์คาร์หรือรถแข่ง เบาะนั่ง AMG Performance ราคากว่า 4-5 แสนบาท หุ้มด้วยหนัง nappa หรือหนังราคาแพงอย่าง DINAMICA พร้อมเย็บตกแต่ง ท็อปด้วยสีเหลืองหรือแดง แผงตกแต่งและคอนโซลกลางให้สัมผัสของผิวอะลูมิเนียม หรือคาร์บอนดำโครเมียม MANUFAKTUR, พวงมาลัย AMG Performance, หุ้มหนัง MICROCUT เครื่องเสียงมาพร้อม ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® 3D surround sound system สามารถเลือกการ
แสดงผลแบบ 3 มิติ เพื่อคุณภาพของเสียงทั้งห้องโดยสารด้านหน้า และด้านหลัง
ผู้บริหารของแบรนด์ตราดาว ต้องการให้ SL ใหม่ กลับไปสู่จุดกำเนิดของมัน ดังนั้น AMG จึงรับหน้าที่ในการพัฒนาองคาพยพทั้งหมด มันมีห้องโดยสารที่สะดวกสบาย ด้วยส่วนผสมที่เหมาะสม ช่างของ AMG ปรับแต่งไดนามิกของรถให้สมดุลสูงสุด เพื่อการใช้งานได้อย่างสมบูรณ์แบบทุกวัน อินเตอร์คูลเลอร์ที่ปรับตำแหน่งใหม่ การระบายอากาศในห้องข้อเหวี่ยง ระบบไอดีและไอเสียที่ทำขึ้นมาใหม่ทั้งหมด ระบบระบายความร้อนของ SL มีสามระดับในการจัดการเครื่องยนต์ เทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์ ระบบส่งกำลัง และน้ำมันเครื่อง กระปุกเกียร์ MCT เก้าสปีดของ AMG มีคลัตช์แบบเปียกแทนทอร์กคอนเวอร์เตอร์ ซึ่งช่วยลดน้ำหนักและมีความเฉื่อยต่ำลงเพื่อให้เปลี่ยนเกียร์ได้เร็วขึ้น
แผนก Formula 1 ของแบรนด์ตราดาว ลงมือในส่วนของระบบส่งกำลัง เพื่อปรับปรุงความเสถียร ลดแรงต้านทาน และเพิ่มประสิทธิภาพการระบายความร้อน กันชนหน้ามีปีกและสปริตเตอร์เพื่อลดการยกตัวและการไหลเวียนของอากาศ ท่อลมเบรกที่ถูกปรับให้เหมาะกับอากาศ ขณะที่แผงแอโรแอร์แบบแอ็กทีฟสองชิ้น ใช้บานเกล็ดที่สั่งงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ เพื่อเร่งความเร็วขณะนำอากาศเข้าไประบายความร้อน สปอยเลอร์หลังแบบแอ็กทีฟ สามารถปรับตำแหน่งได้ห้าตำแหน่ง แชสซีผสมวัสดุคอมโพสิตอะลูมิเนียม เหล็ก แมกนีเซียม และคาร์บอนไฟเบอร์ เพื่อเพิ่มความแข็งแกร่ง ในขณะที่ยังคงน้ำหนักเบาตามทฤษฎี เหล็กท่อขึ้นรูปที่มีความแข็งแรงสูงเพื่อป้องกันศีรษะเมื่อเกิดการพลิกคว่ำ ความแข็งแกร่งในแนวขวางของ SL นั้นสูงกว่า AMG GT ถึง 50 เปอร์เซ็นต์ ถือเป็นจักรกลสปอร์ตเปิดหลังคาที่เพรียบพร้อมและน่าซื้อไปขับเล่น เมื่อมองจากระดับของราคา เปรียบเทียบกับค่าตัวของรถคู่แข่งที่แพงกว่าอย่างเห็นได้ชัด.
Mercedes-AMG SL 43 (aut. 9 speed)
as offered for the year 2022 since May 2022 in Europe
Production/sales period of cars with this particular specs:May 2022 -
Country of origin: D Germany
Mercedes-AMG Model SL-Class R232
Engine manufacturer: Daimler-Benz M139
Engine type: spark-ignition 4-stroke
Fuel type: gasoline (petrol)
Fuel system: MHEV Mild Hybrid Electric Vehicle, direct injection engine + electric starter/generator
Charge system: turbocharger
Valves per cylinder:4
Valves timing:
Additional features: additional EQ Boost electric starter-generator motor, 48 volt installation, direct and indirect fuel injection combined, electric turbo
DOHC MHEV Start-Stop system
Emission control: GPF, 3-way catalyst, Lambda-Sensor
Emission standard: Euro 6d-ISC-FCM
Cylinders alignment:Line 4
Displacement: 1991 cm3 / 121.6 cui
Horsepower net: 280 kW / 381 PS / 375 hp (ECE) / 6750
Torque net: 480 Nm / 354 ft-lb / 3250 - 5000
Car power to weight ratio net: 161.4 watt/kg / 73.2 watt/lb
Car weight to power ratio net: 6.2 kg/kW / 4.6 kg/PS / 10.2 lbs/hp
Gearbox: AMG SPEEDSHIFT MCT9 automatic transmission with wet multiple-disc start-off clutch
Transmission type: automatic with manual shift mode
Number of gears: 9
Chassis
Front axle
AMG RIDE CONTROL suspension with aluminium double wishbones, anti-squat and anti-dive geometry, lightweight coil springs and stabiliser bar
Rear axle
AMG RIDE CONTROL suspension with aluminium double wishbones, anti-squat and anti-dive geometry, lightweight coil springs and stabiliser bar
Brake system
Hydraulic dual-circuit brake system; 390 mm composite brake discs at front, vented and perforated, 6-piston aluminium fixed calliper; 360 mm composite brake discs at rear, vented and perforated, 1-piston aluminium floating calliper; electric parking brake, ABS, Brake Assist, 3-stage ESP®
Steering
Electromechanical speed-sensitive power steering with rack and pinion, variable steering ratio (12.8:1 at dead centre) and variable power assistance
Accelerations
0-80 km/h (sec):3.4
0-100 km/h (sec): 4.7
0-160 km/h (sec): 10.6
0-200 km/h (sec): 17.6
0-300 km/h (sec): -
0-50 mph (sec): 3.4
0-60 mph (sec): 4.5
0-100 mph (sec): 10.7
0-150 mph (sec): 31.1
Drag times:
0- 1/4mile (sec): 12.9
0- 1km (sec): 23.4
Top speed: 275 km/h / 171 mph
Length: 4,700 mm / 185 in
Width: 1,915 mm / 75.4 in
Height: 1,359 mm / 53.5 in
Wheelbase: 2,700 mm / 106.3 in
Fuel capacity: 70 liter / 18.5 U.S. gal / 15.4 imp. galDrag coefficient (Cw-Wert):Cd claimed: 0.325