รถปิกอัพ หรือรถกระบะ กลายเป็นตัวเลือกสำคัญเมื่อคิดจะซื้อยานพาหนะคันใหม่ จากความหลากหลายและประสิทธิภาพของการใช้งาน ต้องเป็นรถที่แข็งแกร่งทนทาน รองรับการขับแบบสมบุกสมบัน มีความเหมาะสมกับชนบทที่ห่างไกลของประเทศไทย จากความต้องการรถกระบะที่มีสมรรถนะดีของผู้ใช้รถยนต์ในไทย ก่อกำเนิดรถปิกอัพรุ่นท็อปที่มีราคาทะลุล้านไปพอสมควร สำหรับการเลือกซื้อรถกระบะอย่าง Hilux หมายถึงการเลือกความเหนียวแน่นทนทาน บวกงานบริการหลังการขายและความสามารถในการลุย เมื่อคุณตกลงปลงใจที่จะเลือก Isuzu D-MAX หมายถึงคุณกำลังมองไปที่ความประหยัด การดูแลลูกค้าที่โดดเด่นและความแข็งแกร่งของระบบขับเคลื่อน สำหรับการเป็นเจ้าของ Nissan Navara มันหมายความถึงการครอบครองรถที่มีช่วงล่างดี รองรับงานหนักได้อย่างสบายๆ โดยไม่ก่อปัญหาขณะลุยฝ่าทางโหดๆ และเมื่อมองไปที่ Ford Ranger การเป็นเจ้าของกระบะอเมริกัน นอกจากความสามารถในด้านการควบคุมที่อยู่ในอันดับต้นๆ ของวงการกระบะในไทย Ranger ยังเป็นรถที่ใช้ขับบนเส้นทางหลากหลายได้ดี แต่ยังคงมีปัญหาจุกจิกกวนใจหลังการใช้งานอยู่บ้าง ซึ่งเรื่องดังกล่าว Ford ก็พยายามที่จะแก้ใขให้เครื่องยนต์และเกียร์มีความเสถียรมากกว่าเดิม เมื่อคุณเลือกเป็นเจ้าของ Mazda new BT-50 นั่นหมายความว่าคุณกำลังขับรถกระบะร่างทรงที่ถูกครอบด้วยโครงตัวถังของ Mazda แต่ไส้ในและฟิลลิ่งการขับทั้งหมดนั้นคือ D-Max และถ้าคุณอาจหาญซื้อกระบะตำรวจอวกาศเกียบัน MG รุ่น Extender นั่นหมายถึงความต้องการส่วนตัวของคุณที่จะต้องไม่ซ้ำกับใครบนถนน รูปลักษณ์ด้านหน้าที่แหวกแนวของกระบะ Extender ทำให้หลายคนรู้สึกชอบ หรือไม่ก็เกลียดกันไปเลย Extender แม้จะมีเรี่ยวแรงน้อยที่สุดในทริปทดสอบเปรียบเทียบ กล่องสุม กระบะสยาม ตามการเรียกของหมียักษ์ แพน จาก Day Dream Drive แต่ก็มีความสามารถมากพอในการเอาตัวรอดบนเส้นทางภูเขาที่สวยงามของจังหวัดน่าน

...

ไล่เรียงราคาค่าตัวของกระบะสยามตัวท็อปที่มาครบทั้งอุปกรณ์และระดับของการลุยที่เข้มข้น ด้วยชุดขับเคลื่อนสี่ล้อ 

Toyota Hilux Revo GR Sport
ชื่อชั้นของกระบะพี่โตนั้นยืนยงคงกระพันมานานแล้ว สำหรับ Hilux Revo รุ่นท็อปสุด Gr Sport 2.8 6A/T 4WD วางเครื่องยนต์ดีเซล 2.8 ลิตร GD Super Power 1GD-FTV (High) เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแบบ 4 สูบ แถวเรียง 4 วาล์วต่อสูบ DOHC VN Turbo ชุดลดอุณหภูมิไอดี Intercooler กำลังสูงสุด 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตัน-เมตร แรงพอที่จะไปแบบปลิวบนภูเขาแม้จะมีสัมภาระที่จะต้องนำไปให้กับเด็กๆบนยอดดอยสูง เครื่องยนต์ GD Super Power 1GD-FTV (High) ถูกปรับให้มีกำลังสูงขึ้นจาก 177 แรงม้า เป็น 204 แรงม้า แรงบิดสูงสุดจากของเดิม 450 นิวตันเมตร เพิ่มเป็น 500 นิวตันเมตร อันนี้ดีเลย การอัปเกรดเครื่องยนต์ในปี 2563 มีประจำการอยู่ใน REVO Rocco 2.8 และ Fortuner Legender 2.8 ระบบอัดอากาศเทอร์โบชาร์จเจอร์มีการเปลี่ยนเทอร์โบให้ใหญ่ขึ้น  หัวฉีดเชื้อเพลิงคอมมอลเรลไดเรคอินเจ็คชั่น i-ART เพิ่มประสิทธิภาพในการฉีดจ่ายน้ำมันซึ่งตอนนี้ก็ไม่อยากให้ฉีดแรงเพราะแพงเหลือกำลังลาก ทั้งหมดทั้งปวงเป็นที่มาของแรงบิดอันน่าประทับใจของ Hilux GR รุ่นล่าสุด ราคา 1,299,000 บาท แพงกว่าใครเค้าทั้งหมดในกลุ่มกระบะรุ่นสูงสุด

...

Ford FX 4MAX
เครื่องยนต์ดีเซล Bi-Turbo (เทอร์โบคู่) ขนาด 2.0 ลิตร และเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ใน Ranger FX 4 Max เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ แรงบิดดีแต่ใช้รอบสูงกว่า Hilux GR เนื่องจากเครื่องมีขนาดเล็กกว่า ความจุน้อยกว่า 800 ซีซี. มีน้ำหนักเบา ปล่อยมลพิษไม่มาก แรงบิดและแรงม้าจัดเต็ม ด้วยการบูสต์อากาศเข้าสู่ห้องเผาไหม้ด้วยเทอร์โบ 2 ลูก และอัตราทดเกียร์ที่แคบลง เครื่องยนต์ดีเซล EcoBlue TDCi 4 สูบแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร 1,996 ซีซี อัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ High-Pressure (HP Turbo) เทอร์โบแรงดันสูง และ Low-Pressure (LP Turbo) เทอร์โบแรงดันต่ำ ควบคุมด้วยวาล์ว Bypass) ลูกสูบอะลูมิเนียม มีการหล่อซ้ำที่ขอบแอ่งหัวลูกสูบ Bowl Edge Re-Melt ระบบกรองน้ำมันเกียร์ Sump Filtration and ULV ปั๊มน้ำมันเกียร์ชนิดใบพัดแปรผันแบบเยื้องศูนย์ Off-Axis Variable-Displacement Vane Pump คลัตช์แบบ Rollover One-way Clutch (OWC) เครื่องยนต์ของ Ranger Raptor ให้กำลังสูงสุด 213 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 500 นิวตันเมตร ส่งกำลังด้วยเกียร์อัตโนมัติ 10 สปีด ไม่มีแป้นเปลี่ยนเกียร์หลังพวงมาลัย แต่ใช้การกดสวิตช์ +/- ที่หัวคันเกียร์แทน กล้องมองหลังก็ไม่มีมาให้ แต่ความดีงามของ FX4 MAX ก็คือ ระบบบังคับเลี้ยว และช่วงล่างแสนสบาย ใช่ครับ ช่วงล่างของรถกระบะรุ่นนี้เหนือกว่ากระบะคู่แข่งราคา 1 ล้านบาททุกรุ่นทุกแบรนด์ ชุดแต่งอย่าง ระบบกันสะเทือนตราหมาจิ้งจอก FOX ล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง AT ออลเทอร์เรนประสิทธิภาพสูง รุ่น KO2 จาก BF Goodrich ขนาด 265/70 R17 ภายในตกแต่งด้วยวัสดุ และการออกแบบในสไตล์ของ Ford พร้อมช่องต่อพ่วงอุปกรณ์ออฟโรด Upfitter Switch ที่มีช่องต่อ AUX ถึง 6 ตำแหน่ง การแปลงร่าง FX4 MAX เป็น Baby Raptor แม้จะมีอุปกรณ์และฟังก์ชันการใช้งานที่ด้อยกว่า Ranger Raptor ของแท้ แต่การลุยและการขับบนไฮเวย์นั้น FX4 MAX ทำได้ใกล้เคียง สิ่งที่แตกต่างก็คือราคา เนื่องจาก Raptor นั้นแพงกว่าเกือบๆ 6 แสนบาทเลยทีเดียว เมื่อมองที่การขับอันดีงามของ FX4 MAX จุดเด่นก็คือความนิ่มนวลที่มากกว่ากระบะยกสูงขับสี่ทั่วไป เปิดราคามาที่ 1,189,000 บาท 

...

Nissan Navara Pro 4X
เครื่องยนต์ดีเซล 4 สูบอัดอากาศด้วยเทอร์โบคู่ รุ่นล่าสุด รหัส YS23DDTT ความจุ 2.3 ลิตร 4 วาว์ลต่อสูบ เครื่องยนต์รุ่นใหม่ตัวนี้มีการปรับสมรรถนะเพื่อความประหยัดและทำให้มีแรงบิดรอบต่ำเพียงพอต่อความต้องการในการเอาตัวรอดบนทางวิบาก เรหัส YD25 DDTi ประกอบด้วยพาราเรลพอร์ตฝาสูบ ที่ถูกปรับให้ดีขึ้น วาล์ว EGR มีขนาดใหญ่ขึ้น พร้อมด้วยบายพาสอินเจคเตอร์แรงดัน 200 MPa ระบบอัดอากาศหรือเทอร์โบชาร์จเจอร์แบบทวินเทอร์โบ ระบบเชื้อเพลิง ใช้หัวฉีดไฟฟ้าคอมมอลเรล-ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมอัตราการบีบอัดต่ำ ให้กำลัง 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร มากพอที่จะส่งแรงบิดลงไปตะกุยทั้งสี่ล้อเพื่อเอาตัวรอดในเส้นทางออฟโรด ความจุถังเชื้อเพลิงดีเซล 80 ลิตร มีค่ามาตรฐานมลพิษค่อนข้างต่ำอยู่ที่ EURO-4 ระบบส่งกำลัง ใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 7 สปีด พร้อมโหมดแมนนวล เกียร์บนเส้นทางภูเขายังตอบสนองได้ช้ากว่ารถคู่แข่ง แต่พวงมาลัยและช่วงล่างที่ดีของ Navara Pro 4X เข้ามาช่วยกู้หน้าในเรื่องความไม่ทันอกทันใจกับการตอบสนองของเกียร์บนทางลาดชันที่ช้ากว่าชาวบ้านอยู่นิดๆ ราคา 1,149,000 บาท ไม่ถูกไม่แพง กำลังพอดี ที่จะได้ก็คือ ช่วงล่างที่รับงานหนักได้ดี อาการกระด้างน้อยลง และพวงมาลัยที่แม่นยำ 

...

Isuzu D-MAX V-Cross 3.0 M 6AT 4×4
หน้าตาท่าทางบ่งบอกถึงพลานุภาพในด้านยอดขาย นี่คือกระบะที่ขายดีติดอันดับของไทย เครื่องยนต์ดีเซล รหัส 4JJ3-TCX ขนาด 3.0 ลิตร 2,999 ซีซี. 4 สูบแถวเรียง 16 วาล์ว DOHC Commonrail Direct Injection พร้อม Turbocharger VGS แบบครีบแปรผัน และ Intercooler กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 450 นิวตันเมตร ดูจากตัวเลขสูสีกับ Navara Pro 4X  เกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ทำงานได้ดีบนเส้นทางภูเขา แต่ท้ายจะเบาๆไปนิด เข้าแรงๆ ก็มีอาการอยู่เหมือนกันแต่ไม่ได้มากจนทำให้รู้สึกแย่ แค่ลดความเร็ว เจ้า D-MAX  ตัวท็อปก็จะกลับมาอยู่ในร่องในรอยเหมือนเดิม ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อก็ทำงานคล้ายกับรถคู่แข่ง สามารถเอาตัวรอดได้ในสภาพเส้นทางที่ยากลำบาก แรงบิด 450 นิวตันเมตร เบ่งขึ้นดอยได้ไม่น้อยหน้า Ford Ranger และ Hilux REVO แต่ต้องกดคันเร่งไล่กันลึกหน่อยเพราะแรงบิดเป็นรองถึง 50 นิวตันเมตร ราคา 1,172,000 บาท สมเหตุผล จ่ายเพื่อความมั่นใจในบริการหลังการขายที่ถือว่าทำได้ดีมาก ลูกค้าใช้แล้วไม่อยากเปลี่ยนยี่ห้อ ว่ากันยังงั้น ส่วนอานุภาพ หรือพลานุภาพของ D-MAX V-Cross 3.0 4x4 นั้น ยังเป็นรองพี่โตที่มีแรงบิดมากกว่าชนิดกดเป็นพุ่ง ทางโค้งบนเขาทรงตัวได้ดี แต่ด้วยความที่ไม่ได้แต่งโช้คอัพหรือช่วงล่างมาเหมือนรถคู่แข่ง พี่ D-MAX V-Cross กับน้ำหนักบรรทุก 300 กิโลกรัม พอที่จะเอาตัวรอดบนเส้นทางน่านใต้ได้แบบไม่เหนื่อยมากนัก 

Mazda BT-50 DBL 3.0 SP 6 AT 4WD
ถ้าเป็นคนที่ชอบเดินทางพร้อมครอบครัวและรับกับความรู้สึกของช่วงล่างในรถปิคอัพได้ ก็ขอให้เลือกรุ่น 3.0 ลิตรไปเลย จะหมดปัญหาในเรื่องของแรงบิด ความคล่องแคล่วและการบรรทุกสัมภาระที่ให้กำลังเหนือกว่ารุ่น 1.9 สำหรับเจ้า BT-50 คันทดสอบซึ่งเป็นรถรุ่นสูงสุด DBL 4×4 3.0 SP 6 AT ค่าตัว 1,153,000 บาท วางเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ 3.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบพร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ ปริมาตรความจุ 2,999 ซีซี กำลังสูงสุด 190 แรงม้า แรงบิด 450 นิวตันเมตร เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ 3.2 ของ Ford ที่ประจำการอยู่ใน BT-50 รุ่นท็อปสุดโฉมที่แล้วก็พบว่าเครื่องยนต์ 3.2 ลิตรของ Ford ที่อยู่ใน BT-50 ตัวสุดท้ายมีกำลัง 200 แรงม้า และมีแรงบิดมากกว่าที่ 470 นิวตันเมตร แต่ความแข็งแกร่งทนทานและความเสถียรของเครื่องยนต์นั้น เครื่องดีเซล 3.0 ลิตร ของ D-MAX ที่วางอยู่ใน New BT-50 เหนือกว่าในด้านความเหนียว ระบบส่งกำลังก็ยังยกชุดเกียร์ของ new D-MAX มาให้ใช้ เป็นเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด รถทดสอบรุ่นท็อปเครื่อง 3.0 ลิตร ติดตั้งระบบเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด ซึ่งเป็นชุดเกียร์ขับเคลื่อนสี่ล้อที่มีขนาดกะทัดรัด ทอร์คคอนเวอร์เตอร์มีน้ำหนักเบาพร้อมระบบล็อกอัพที่ได้รับการปรับปรุงใหม่ มีการตอบสนองพอใช้ได้ เมื่อลองโยกคันเกียร์เพื่อเปลี่ยนอัตราทดด้วยตัวเอง เกียร์ไหลลื่นพอใช้และเปลี่ยนเกียร์ได้ไม่ถึงกับเร็วมากนัก ฟิลลิ่งหลังพวงมาลัยเหมือน D-MAX V Cross ทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นสัมผัสของการยึดเกาะ ความแม่นของพวงมาลัยและอาการเมื่อวิ่งผ่านผิวทางที่ไม่เรียบ 

MG Extender DC 2.0 GRAND 4WD X
กระบะหน้าตำรวจอวกาศเกียบันคันนี้ วางเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 2.0 ลิตร อัดอากาศด้วยเทอร์โบ ระบบจ่ายเชื้อเพลิงคอมมอนเรลไดเรคอินเจคชั่น ระบบหัวฉีดแรงดันสูงของ Bosch มีแรงดันสูง 2000 บาร์ ผ่านมาตรฐานมลพิษระดับ EURO 4 ระบบควบคุมไอดีแบบแปรผัน ชุดระบายความร้อนของเครื่องยนต์แบบแยกส่วน แยกส่วนของฝาสูบและเสื้อสูบออกจากกันเพื่อการระบายความร้อนที่รวดเร็ว เหมาะสมกับทุกสภาวะของการใช้งาน ออกแบบเพลาข้อเหวี่ยงแบบเยื้องศูนย์ ลดแรงสั่นสะเทือนจากการหมุนและลดเสียงการทำงานของเครื่องยนต์ รหัสเครื่อง 20D4N เป็นเครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียง 4 สูบ ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮดแคมชาร์ป DOHC 16 วาล์ว ปริมาตรความจุ 1,996 ซีซี. ความกว้างกระบอกสูบ 83.0 มิลลิเมตร ช่วงชัก 92.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 15.9:1 กำลังสูงสุด 161 แรงม้า ที่ 4,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 375 นิวตันเมตร ที่ 1,500 – 2,400 รอบต่อนาที ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติขับเคลื่อน 4 ล้อแบบ 6 สปีด พร้อมโหมดแมนวล รวมถึงโหมดการขับมาตรฐาน 3 รูปแบบ เช่น Normal /Eco / Power หน้าตาอย่างที่บอกว่า ถ้าไม่ชอบก็เกลียดกันไปเลยกับชุดกระจังเว่อร์วังอลังการ ช่วงล่าง พวงมาลัย พอจะรับมือกับทางที่น่านใต้ได้ แต่ กำลังนั้นเป็นรองกระบะตัวท็อปของคู่แข่งทั้งหมด เรียกได้ว่าไล่กันเหนื่อยลิ้นห้อยถ้าพวก 500 นิวตันเมตรไปเต็มนี่ 375 ของ Extender นี่ต้องจุ่มคันเร่งกันจนมิดด้าม ทางตรงยาวเจอพี่ GR กับ FX 4 MAX ทิ้งเป็นทุ่ง ช่วงล่างกับพวงมาลัยก็ช่วยอะไรไม่ได้เมื่ อGazoo Racing ระเบิดพลังงานออกมา ไล่หูตาแตกยังไงก็ไม่ทัน โดยเฉพาะเส้นทางภูเขาที่มีโค้งหน้าตาแปลกๆ ดักอยู่เต็มไปหมด ไล่หนักๆ เข้าไม่ไหวก็ต้องยก ราคา 1,039,000 บาท

Autolifethailand การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และยาง Goodyear ร่วมกับสื่อสายรถยนต์ โดยเฉพาะสายยูทูปอย่าง Coke P /Day Dream Drive / Bangkok Autosalon / Manager ช่วยกันนำสิ่งของที่จำเป็นออกเดินทางจากกรุงเทพฯขึ้นไปยังโรงเรียนบนดอยสูงในจังหวัดน่าน เพื่อนำของอุปโภค บริโภคที่มีการร่วมบริจาก จากบริษัทห้างร้านต่างๆ ทำการมอบให้กับเด็กนักเรียนในเขตที่ห่างไกลและมีความยากลำบากในการหาซื้อของกินของใช้ที่จำเป็น ต้นเรื่องก็อยู่ที่ นิธิ ท้วมประถม หรือบังเต้ย หัวเรือใหญ่ที่มีแนวคิดรวบรวมเพื่อนสื่อกับรถกระบะที่สามารถใช้งานได้อย่างสมบุกสมบัน แล้วออกเดินทางไปทำความดี เพื่อมอบสิ่งของจำเป็นให้กับหลานๆบนพื้นท่ีที่ค่อนข้างยากต่อการเข้าถึง พร้อมๆ ไปกับการทดสอบสมรรถนะของรถกระบะรุ่นท็อปที่กำลังต่อสู้กันในตลาดรถปิกอัพของไทย 

เช้าวันแรกของการเดินทาง ผมเปลี่ยนจาก BT-50 มาเป็น Hilux REVO GR Sport พร้อมๆ กับความพยายามในการถ่ายน้ำหนักอย่างเร่งด่วน เนื่องจากกระบะท้ายมีข้าวรัชมงคลของ Toyota กว่า 500  กิโลกรัมบรรทุกมาเต็มเพื่อนำไปบริจากให้กับวัดและโรงเรียนในจังหวัดน่าน ทำให้ท้ายของเจ้ากระบะ GR ถึงกับห้อยเลยทีเดียว หลังจากแบ่งกระสอบข้าวสารไปใส่รถ BT-50 ทำให้เหลือน้ำหนักกดท้าย 300 กิโลกรัม เป็นข้าวสารกระสอบใหญ่ที่ไม่ค่อยเคลื่อนที่แม้จะเทโค้งแรงๆ นั่นถือเป็นเรื่องที่ดี เพราะข้าวสารรัชมงคลที่บรรทุกมาเกือบเต็มกระบะหลัง ช่วยทำให้ท้ายรถนิ่งขึ้นมาก โดยเฉพาะตอนที่เข้าโค้งเร็วๆ

ขบวนกล่องสุ่มกระบะสยามออกเดินทางกันแต่เช้าจากจุดแรกแถบถนนเอเซียก่อนถึงอยุธยา โดยมีจุดหมายที่ ชนินทร์การยาง (1995) จังหวัดนครสวรรค์ ชนินทร์การยางเป็นศูนย์บริการตรวจเช็ก ซ่อมบำรุงและดูแลยาง ซึ่งเป็นตัวแทนจำหน่ายยางรถยนต์ยี่ห้อ Goodyear หนึ่งในผู้สนับสนุนของงานในครั้งนี้ หลังจากขับเข้ามาถึงก็มีการนำรถทดสอบเข้าไปตรวจเช็คเพื่อความมั่นใจในการขับทางไกล เจ้า MG Extender ที่ขับโดยตี้เดย์ดรีมไดรฟ์ มีอาการสั่นที่พวงมาลัย เลยโดนจับตั้งศูนย์ถ่วงล้อใหม่ ทำให้อาการดังกล่าวหายเป็นปลิดทิ้ง เจ้าของชนินทร์การยางที่นครสวรรค์ยังมอบขนมสำหรับเด็กๆบนดอยสูงอีกเป็นร้อยกล่องเพื่อร่วมสมทบการทำความดีในครั้งนี้ 

GR สังเวยใบสั่งไปหนึ่งครั้งด้วยความเร็ว 132 กิโลเมตรต่อชั่วโมง (พยายามเบาแล้ว แต่ไม่ทัน) คุณตำรวจแสนน่ารักยังเดินมาชมว่า Hilux รุ่นใหม่นั้นสวยจริงๆ โดยเฉพาะชุดแต่ง GR Gazoo Racing ผมยิ้มแห้งๆ แล้วควักกระเป๋าจ่ายเงินค่าปรับ 500 บาทสำหรับความผิดพลาดในการใช้ความเร็วที่เกินกว่ากฏหมายกำหนด ออกจากนครสวรรค์เป็นทางตรงยาวแสนน่าเบื่อเพื่อมุ่งหน้าไปยังอุตรดิตถ์ มีแอบทำความเร็วไล่ตามรถตำรวจอวกาศเกียบันที่ขับโดยแชมป์รถคลาสสิกในสนามแก่งกระจานอย่างน้องตี้ หรือที่แพนเรียกว่าไอ้ตี้ Extender ที่ไม่ได้แรงอะไรทั้งนั้น แต่ดันไปอยู่ในมือของนักขับระดับแชมป์แบบตี้ แถมยังมีลูกบ้าที่มาเป็นช่วงๆ เล่นเอารอบเครื่องของ Hilux GR ตวัดสูงอย่างต่อเนื่อง ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 117 สายนครสวรรค์ – จุดผ่านแดนภูดู่ เป็นทางหลวงแผ่นดินสายหลักที่เชื่อมการขนส่งจราจรระหว่างจังหวัดนครสวรรค์ พิจิตร และพิษณุโลก และเป็นทางหลวงสายรองในช่วงจังหวัดพิษณุโลกถึงจังหวัดอุตรดิตถ์ รวมระยะทางตลอดทั้งสาย 396 กิโลเมตร

นับเป็นช่วงปลดปล่อยพลังงานของเครื่องยนต์ 2.8 ลิตร ด้วยการขับแบบไล่ล่ารถตำรวจอวกาศเกียบันแบบกัดไม่ปล่อย ส่วนรถนำข้างหน้าก็กลัวว่าจะถึงจุดหมายมืดค่ำ กดกระหน่ำกันอย่างเร็วบนเส้นทางภูเขา ทางหลวงชนบทหมายเลข 1339 ค่อยๆเพิ่มความลาดชันขึ้นไปเรื่อย จนไปสิ้นสุดที่หน่วยพิทักษ์ อช ลำน้ำน่าน เนินเขาที่สงบเงียบเหมาะกับการนั่งเล่นและกินกับข้าวอร่อยๆที่แพลุงตี้ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวข้องอะไรกับน้องตี้เดย์ดรีมไดรฟ์ ผมแนะนำปลาส้มทอดไข่ ทอดมันปลายี่สกและผัดเผ็ดปลาคัง นั่นนับว่าเป็นอาหารสามจานที่มีรสชาติขั้นเทพแม้จะตั้งอยู่กลางป่ากลางเขาแต่ทำออกมาได้อร่อยกว่าร้านดีๆในเมือง จากนั้น ก็นั่งแพขนานยนต์ลงแม่น้ำน่านเพื่อข้ามไปยังท่าเรือหมู่บ้านประมงปากนาย ใช้เวลาข้ามแพขนานยนต์แค่ 20 นาที ก็ถึงท่าเรือที่เชื่อมต่อด้วยทางหลวงชนบทหมายเลข 1026 เส้นทางในช่วงเย็นสวยงามมากๆ จากทางลาดยางขึ้นลงเนินสูงชันพร้อมๆกับทัศนียภาพสองข้างทางของผืนป่าที่เปลี่ยนจากสีเขียวเป็นสีน้ำตาลและสีแดง ความสงบเงียบของเส้นทาง นานๆจะมีรถกระบะของชาวบ้านขับผ่านทำให้สามารถขับแบบเปิดกระจกเพื่อดื่มด่ำกับธรรมชาติรอบๆ ตัวระหว่างการเดินทาง 

596 กิโลเมตร จากกรุงเทพฯมายังอำเภอนาหมื่นในจังหวัดน่าน Toyota Hilux GR สำแดงฤทธิ์เดชของการวิ่งทางไกลได้อย่างเด็ดขาด แรงบิด 500 นิวตันเมตร คือพลังของวการเบ่งบานความเร็วทางตรง Monotupe โช้คอัพแบบวาว์ลพิเศษที่ดีกว่าโช้คเดิม มาดมั่นในโค้งและยึดให้อยู่รถวิ่งอยู่กับร่องกับรอยได้ดีเอาเรื่อง พวงมาลัยค่อยข้างหนัก และชัดเจนว่ามันหนักกว่า FX 4MAX กระสอบข้าวช่วยถ่วงให้ท้ายรถนิ่งดีมากในโค้งแคบๆ ลองขยับพวงมาลัยแล้วเติมคันเร่งในโค้งเพื่อสร้างอาการท้ายกวาดแต่ข้าวสารสามร้อยกิโลกรัมกดท้ายเอาไว้อย่างนิ่ง น้ำหนักดังกล่าวไม่เป็นอุปสรรค์ในการตะกายเนินสูง เรียกว่าขึ้นแบบพรวดพราดได้เลยไม่ต้องไปกลัวว่าจะคาอยู่กลางเนินแบบขึ้นไม่ไหวหรือขึ้นช้าเกินไป ช่วงเย็นก่อนค่ำเดินทางไปจนถึงวัดบ่อแก้ว เพื่อนำข้าวสารไปถวายพระครูพิพิธนันทสาร ท่านเจ้าอาวาส วัดบ่อแก้วที่ออกมาต้อนรับคณะเดินทางไกลจากกรุงเทพฯ ด้วยส้มตำและข้าวซอยรสเด็ด จบวันแรกด้วยความประทับใจใน Toyota Hilux REVO GR Sport ซึ่งครบเครื่องทุกอย่าง 

วันที่สองผมจับกล่องสุ่มเพื่อเลือกรถ ถ้าจับได้คันเดิมก็ต้องจับใหม่ แต่ไม่ต้องแล้วเพราะได้ขับ Mazda BT-50 รุ่นท็อป DBL 3.0 SP 6 AT 4WD กระบะ Zoom Zoom ที่มีอาการทุกอย่างคล้าย Isuzu D-MAX V Cross ไม่ว่าจะเป็นความแม่นยำของพวงมาลัย อาการโคลงตัวเมื่อเจอกับผิวถนนที่ไม่เรียบและความมาดมั่นที่อาจไม่เท่ากับ FX4 MAX  และ Hilux GR ซึ่งเป็นรถที่มีจุดเด่นด้านระบบรองรับและพลังงานในรูปของแรงฉุดลาก BT-50 วิ่งเร็วใช้ได้บนไฮเวย์ มีไล่ตามและขึ้นไปนำในบางจังหวะจะโคน ขับไม่ไกลในเช้าวันที่สอง คณะก็โดนต้อนลงไปล่องแก่งแม่น้ำว้า ในระยะทางที่ไม่ไกลและความยากในระดับเด็กอนุบาลยังอมยิ้ม แก่งน้ำว้า ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติขุนน่าน อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน เกิดจากธรรมชาติของน้ำ ไหลจากที่สูงลงไปยังที่ต่ำ ที่ตั้งแก่งอยู่บนทิวเขาหลวงพระบาง ไหลลงมาตามหุบเขาจนเกิดเป็นแก่งหินและวังน้ำวน สองฝั่งเป็นป่าเต็งรังและป่าเบญจพรรณ หาดทรายเล็กๆ ที่ชาวบ้านนำฝูงวัวและควายมาเลี้ยงอยู่ริมน้ำในฤดูน้ำน้อย แก่งน้ำว้าตอนล่าง จุดเริ่มต้นจะอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแม่จริม ระยะทางรวม 15 กิโลเมตร มีจุดเล่นน้ำบนหาดทราย ใช้เวลาล่องไม่นานนักประมาณ 2.5 ชั่วโมงก็ถึงจุดหมาย ขึ้นไปเปลี่ยนรถเพื่อขับไปเลี้ยงช้างที่ปางช้างน่าน 

Mazda BT-50 รุ่นท็อป DBL 3.0 SP 6 AT 4WD ขับได้ดีเหมือน D MAX V Cross เครื่องยนต์ DDi 3.0 ลิตร แรงบิด 450 นิวตันเมตร รับมือกับความลาดชันของเส้นทางได้ดี ทำความเร็วทางตรงก็ไล่ตามรถที่แรงกว่าอย่าง GR และ FX 4MAX ได้ไม่ถึงกับเหนื่อยมาก แต่ถ้าวิ่งเรื่อยๆ เป็นกระบะที่เน้นความสบายคล้ายรถเก๋ง กำลัง 190 แรงม้า พอเพียงต่อการใช้งานแม้จะมีกระสอบข้าวและสิ่งของที่จะไปมอบให้กับเด็กนักเรียนบรรทุกอยู่กว่า 400 กิโลกรัมก็ไม่ใช่ปัญหาในการดันตัวขึ้นภูสูง ที่ขายไม่ดีเพราะคาแลคเตอร์ Mazda เฉพาะแค่หน้าตายังไม่โดนใจลูกค้าเท่าที่ควร มันขายดีในออสเตรเลียไม่ได้หมายความว่าจะไปได้สวยในไทย Mazda Sales Thailand ต้องหาทางสร้างจุดต่างให้ได้ ไม่ว่าจะเป็นการดึงความสามารถของระบบรองรับสไตล์ Mazda ออกมาด้วยการปรับใหม่ หรือทำอะไรก็ได้ดีกว่าปล่อยให้ขายไม่ออก 

ช่วงบ่ายมีเวลาสั้นๆ กับ Pro 4X กระบะที่ผมเคยประทับใจบนเส้นทางบ้านใต้-แก่นมะกรูด อุทัยธานี มาวันนี้กับเส้นทางสั้นๆ มุ่งไปยังปางช้างน่าน Pro 4X มีพวงมาลัยและช่วงล่างดีโดยไม่มีความจำเป็นที่จะต้องดันราคาให้ไปถึง 1.2 ล้าน เครื่องยนต์ 2.3 ลิตร ทวินเทอร์โบ ทำหน้าที่ได้ดีบนทางภูเขา  เกียร์ 7 สปีดเปลี่ยนอัตราทดตอบสนองช้าไปหน่อย เมื่อต้องใช้เกียร์ช่วย มันเป็นชุดส่งกำลังที่ตอบสนองไม่เร็วเท่าใจอยากได้ แต่พวงมาลัยที่แม่นยำและช่วงล่างที่ปรับมาใหม่ เข้ามาช่วยเรื่องเกียร์ช้าไม่ทันใจได้พอสมควร คุณจะชอบการยึดเกาะของส่วนหน้าขณะเลี้ยวเป็นวงซ้ายสลับขวาบนทางภูเขา ขับลงเนินเร็วๆก็เกาะถนนใช้ได้ เบรกดีเอาเรื่อง ตอนที่อยู่ใน BT-50 โดนน้องหมูที่อยู่ใน Pro 4X ตามกดจนก้นแทบไหม้ แสดงให้เห็นถึงช่วงล่างที่รับมือกับโค้งได้ดีกว่า BT-50 แต่ยังดีไม่เท่ากับ FX 4MAX อันนั้นเหมาะสมมากกับเส้นทางที่ต้องใช้กำลังดันตัวเองขึ้นไปบนยอดเนินแบบเร่งรีบ  Pro 4X สีเทากับชุดแต่งนั้นดูดีมาก ความสามารถอยู่ในระดับกลางๆ เป็นรองไม่มากเมื่อเทียบกับ GR และ FX4 MAX นี่ถ้าแรงบิด 500 นิวตันเมตรเท่ากันและได้เกียร์ไวกว่านี้จะดีที่สุดเลยละครับ 

มาที่ Ford Ranger FX4 MAX เครื่อง Bi Turbo 215 แรงม้า 500 นิวตันเมตร กับเกียร์ 10 สปีด และโช้คหมาป่าที่เจ๋งจริง ทำให้กระบะตัวก่อนเต็มของ Ford มีประสิทธิภาพสูงมากพอที่จะโลดแล่นได้อย่างเพลิดเพลินเจริญใจบนทางภูเขา มันทำคะแนนการวิ่งได้สูสีกับ Hilux GR ที่มีราคาแพงกว่าแบบเบียดกันกระดูกแตก จุดที่เหนือกว่าก็คือ ระบบรองรับที่ใช้โช้ค FOX และพวงมาลัยไฟฟ้าที่เล็งไปตรงไหนก็ทำตามอย่างว่าง่าย เมื่อคุณต้องใช้พวงมาลัยเยอะบนเส้นทางที่สูงชัน การหน่วงน้ำหนักพวงมาลัยใน FX 4MAX ทำให้ควบคุมทิศทางได้ง่ายขึ้น โช้คอัพราคาแพงทำให้นั่งสบายบนผิวทางที่ขรุขระ จุดที่ไม่ค่อยชอบก็คือ มันไม่มีกล้องมองหลังและที่เหยียบหรือบันไดข้างที่ชอบโดนหน้าแข้ง นอกนั้นถือว่าทำคะแนนเกือบจะสูสีกับ Hilux GR Sport  

ปางช้างน่าน มีช้างอยู่ 6 เชือก เป็นตัวเมียทั้งหมดและอยู่ในสภาพที่สมบูรณ์อ้วนท้วนทุกตัว ก่อนหน้านี้ในช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช้างอ้วนทั้งหมด รับงานต้องรับนักท่องเที่ยวอยู่ที่ปางช้างแม่แตง จ.เชียงใหม่ เนื่องจากสถานการณ์โควิด ไม่มีนักท่องเที่ยว เลยทำให้ช้างตกงาน ปางช้างน่าน ได้พาช้างกลับมาอยู่บ้าน ซึ่งขณะนี้ได้นำกลับมา 6 เลี้ยงไว้ที่สวนริมน้ำน่าน ระหว่างทางเข้าบ้านบุญเรืองต.ไหล่น่าน อ.เวียงสา จ.น่าน เป็นการชั่วคราว และได้จัดลานกิจกรรมไว้สำหรับเด็กๆเพื่อให้ได้มาเล่นพร้อมกับมานั่งดู ถ่ายรูป ให้อาหารช้างได้ ปางช้าง น่าน เปิดให้เข้าชมทุกวัน เสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-17.00 น. 

เช้าวันที่สาม ผมเปลี่ยนมาขับ Isuzu D-MAX V Cross 4x4 จากอำเภอเวียงสา ขึ้นไปยังโรงเรียนที่ตั้งอยู่บนเทือกเขาสูงของน่านใต้ โรงเรียนตํารวจตระเวนชายแดน พีระยานุเคราะห์ 3 ตำบลหนองแดง อำเภอแม่จริม ใช้ทางหลวงชนบทหมายเลข 1168 มุ่งหน้าจากเวียงสาไปยังตำบลบ้านสว่างซึ่งอยู่ใกล้กับพรมแดนของลาว ทางจากเวียงสา ระยะทางประมาณ 127 กิโลเมตร ใช้เวลาเกือบๆ สามชั่วโมง จากเส้นทางที่มีทางราบไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นทางภูเขาที่ค่อนข้างแคบและสูงชัน วิวสองข้างทางสวยงามเหมาะกับการขับรถเล่น แต่ก็ต้องใช้พวงมาลัยเยอะมากเพราะเส้นทางอุดมไปด้วยโค้งขึ้นลงเนินเกือบจะตลอดเส้น บางช่วงก็ต้องวิ่งอยู่บนสันเนินที่สูงชัน สองข้างทางเป็นหุบลึกที่ต้องใช้ความระมัดระวังให้ดีๆ D-MAX ไล่ตามหลังรถนำอย่าง Pro 4X อย่างไม่ลดละ แต่เนินชันที่หักพับลงอย่างหน้ากลัวทำให้ต้องใช้เบรกหนักๆไปตลอดทาง เปิดกระจกทีไรกลิ่นผ้าเบรกเริ่มจะไหม้โชยมาเข้าจมูกทันที แต่เบรกของ V-Cross ก็ไม่มีอาการเฟดหรือเบรกไม่อยู่ ยังสามารถใช้งานได้อย่างปกติ ผมใช้เกียร์ช่วยลดความเร็ว ด้วยการผลักคันเกียร์มาด้านขวาในตำแหน่ง +/- เพื่อซิฟเกียร์เองเพื่อช่วยหน่วงความเร็วขณะที่พุ่งลงเนิน ช่วยลดอุณหภูมิเบรกได้บ้าง โชคดีท่ีช่วงเช้า อากาศบนดอยแค่ 19 องศาฯ ทำให้อุณหภูมิของจานเบรกไม่สูงมากจนเบรกไม่อยู่ 

นับตั้งแต่ปี พ.ศ.2506 เป็นต้นมา การดำเนินการของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนได้รับพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์แก่ตำรวจตระเวนชายแดน สำหรับจัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนขึ้นในพื้นที่ภาคเหนือ คือ โรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์และโรงเรียนเจ้าแม่หลวงอุปถัมภ์ อีกทั้งในปี พ.ศ.2507 สมเด็จพระราชชนนีศรีสังวาล พร้อมด้วยสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอเจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา ได้พระราชทานการสนับสนุนและทรงอุปถัมภ์การดำเนินงานของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอย่างกว้างขวาง โดยได้พระราชทานพระราชทรัพย์ส่วนพระองค์และเงินที่มีผู้บริจาคถวายโดยเสด็จพระราชกุศล นำไปจัดตั้งโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดน และจะเสด็จฯ ไปทรงเปิดโรงเรียนด้วยพระองค์เองทุกแห่ง อีกทั้งได้รับการสนับสนุนจากหน่วยงานราชการ องค์กรภาคเอกชน ตลอดจนคณะบุคคลต่างๆ ที่ได้ให้ความช่วยเหลืออีกส่วนหนึ่งด้วย กิจการโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนได้เจริญก้าวหน้ามาเป็นลำดับ

จากการที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้โดยเสด็จพระราชดำเนินพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ เยี่ยมเยียนราษฎร ได้ทรงทราบว่าเยาวชนในชนบทส่วนใหญ่ประสบกับปัญหาทุพโภชนาการ ปัญหาด้านสุขภาพอนามัย ซึ่งจะมีผลเชื่อมโยงไปสู่ปัญหาด้านการศึกษาเพราะเมื่อเด็กเยาวชนมีสุขภาพไม่ดี ก็ไม่สามารถจะเข้ารับการศึกษาได้ดี จึงมีพระราชดำริให้จัดทำโครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน โดยให้เริ่มดำเนินการครั้งแรกในปี พ.ศ.2523 ต่อมาทรงมีพระราชดำริว่าเด็กนักเรียนที่จบการศึกษาชั้นสูงสุดจากโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนแล้วแทบไม่มีโอกาสที่จะได้รับการศึกษาต่อในระดับที่สูงต่อไปได้ เนื่องจากครอบครัวมีฐานะยากจนและขาดทุนทรัพย์ที่จะสนับสนุนได้ กอปรกับมีภูมิลำเนาอยู่ในพื้นที่ห่างไกล หากต้องการที่จะศึกษาต่อก็ต้องเดินทางเข้ามาศึกษาในสถานศึกษาของอำเภอหรือจังหวัด ซึ่งก็จะประสบกับปัญหาในเรื่องที่พักอาศัยจึงมีพระราชประสงค์ที่จะช่วยเด็กนักเรียนเหล่านี้โดยได้พระราชทานทุนการศึกษาแก่นักเรียนที่เรียนดี มีสติปัญญาที่จะศึกษาต่อไปได้ ให้ได้รับการศึกษาต่อจนถึงขั้นสูงสุดตามระดับสติปัญญาความสามารถและความเหมาะสม ส่วนผู้ที่ไม่สามารถเข้ารับการศึกษาต่อไปได้ รวมทั้งพวกที่ไม่มีสัญชาติก็มีพระราชประสงค์ให้ฝึกอาชีพที่สามารถใช้ได้ในท้องถิ่นนั้น จากจุดเริ่มต้นดังกล่าวจนถึงปัจจุบัน จึงได้มีโครงการตามพระราชดำริสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เกิดขึ้นทั้งสิ้น 8 โครงการ ได้แก่
1) โครงการเกษตรเพื่ออาหารกลางวัน
2) โครงการส่งเสริมสุขภาพการศึกษา
3) โครงการฝึกอาชีพ
4) โครงการนักเรียนในพระราชานุเคราะห์สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
5) โครงการควบคุมโรคขาดสารไอโอดีน
6) โครงการส่งเสริมสหกรณ์
7) โครงการส่งเสริมโภชนาการและสุขภาพอนามัยแม่และเด็ก
8) โครงการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม

เพื่อให้เด็กเยาวชนและประชาชนที่อยู่ในพื้นที่ห่างไกลทุรกันดาร และด้อยโอกาสทางการศึกษาได้รับโอกาสเช่นเดียวกับเด็กนักเรียนในเขตเมืองหรือเขตชนบท กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนได้พัฒนาขั้นตอนการปฏิบัติงานใหม่สำหรับการให้การศึกษาเด็กและเยาวชนตามแนวชายแดนและถิ่นทุรกันดาร โดยกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน คือ เพื่อแก้ไขปัญหาการขาดโอกาสของเด็กและเยาวชนที่อยู่ในพื้นที่ทุรกันดาร ไกลคมนาคมหรือเป็นพื้นที่ที่มีปัญหาด้านความมั่นคงให้ได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง เสมอภาค และมีคุณภาพตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2545 และหลักสูตรแกนกลางการศึกษาขั้นพื้นฐาน พ.ศ.2551 โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และในช่วงเวลานั้นเอง สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้พระราชทานคำแนะนำว่า โรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนควรกำหนดปรัชญาให้ชัดเจนเพื่อให้ผู้ที่เกี่ยวข้องมีความเข้าใจโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนอย่างแท้จริง กองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดนจึงได้กำหนดปรัชญาของโรงเรียนขึ้นว่า “สร้างภูมิปัญญา พัฒนาคุณภาพชีวิต สัมฤทธิผลความมั่นคง” ซึ่งสะท้อนบทบาทของโรงเรียนตำรวจตระเวนชายแดนที่สำคัญ 3 ประการ คือ บทบาทเป็นสถานศึกษา บทบาทเป็นศูนย์กลางในการพัฒนาคุณภาพชีวิต และบทบาทเป็นหน่วยรักษาความมั่นคงปลอดภัยและรักษาความสงบเรียบร้อยของชุมชน

สำหรับโรงเรียนบ้านน้ำตวง ซึ่งเป็นโรงเรียนที่สองในการขนสิ่งของไปให้กับเด็กนักเรียนในเขตทุรกันดาน โรงเรียนบ้านน้ำตวง ตั้งอยู่บ้านน้ำตวง หมู่ที่ 9 ตำบลน้ำพาง อำเภอแม่จริม จังหวัดน่าน ตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 17 มกราคม 2532 เดิม เป็นโรงเรียนสาขาของโรงเรียนบ้านกิ่วน้ำ เป็นโรงเรียนในโครงการพัฒนาเพื่อความมั่นคงลุ่มน้ำน่าน( อันเนื่องมาจากพระราชดำริ ) บ้านกิ่วน้ำ และบ้านน้ำตวง กลุ่มที่ 1 ต่อมาได้แยกตั้งเป็นโรงเรียนเอกเทศเมือวันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2554 ชื่อว่าโรงเรียนบ้านน้ำตวง โรงเรียนอยู่ห่างจากอำเภอแม่จริมระยะทาง 49 กิโลเมตร และสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาน่าน เขต 1 ระยะทาง 89 กิโลเมตร จัดการศึกษา 3 ระดับ ได้แก่ ระดับก่อนประถมศึกษา ระดับประถมศึกษา และระดับมัธยมศึกษาตอนต้น สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน มีเด็กนักเรียนประมาณ 300 คน 

วันสุดท้ายในการขับมุ่งหน้าเข้าตัวจังหวัดน่าน ความเร็วที่ใช้ในช่วงเย็นก่อนถึงร้านกาแฟในตัวเมืองน่านยังคงเร็วจี๋อยู่เหมือนเดิม Isuzu D-MAX แสดงออกถึงความสามารถในการไล่ตามรถที่มีแรงบิดมากกว่าอย่าง FX 4MAX และ Hilux GR Sport แม้จะเข้าโค้งได้ไม่เนียนเท่าแต่ก็เอาตัวรอดมาได้ เป็นรถที่มีไดนามิกในระดับกลางๆ แรงบิดที่ถูกรีดจนถึงรอบสูงสุดทำให้มีความกระฉับกระเฉงเมื่อเอาขึ้นไปไต่ยอดภูสูง ถือว่าทำได้ดีพอประมาณ ไม่ได้เจ๋งเท่ากับคู่แข่งที่กล่าวมาทั้งสองคัน แต่ก็ใช้งานได้ดีเลยทีเดียว 

MG Extender X กระบะอวกาศไม่ได้มาแค่หน้าตาที่แปลกประหลาด ช่วงล่างและพวงมาลัยที่ใช้ได้ ทำให้การควบคุมบนเส้นทางภูเขามีความสนุกแอบแฝงอยู่ แต่แรงบิดที่ไม่ถึง 400 นิวตันเมตร ถ้าขับเร็วๆไล่ตามรถที่มี 500 นิวตันเมตรนั้นเหนื่อยแน่นอน ระบบส่งกำลังทำงานเต็มประสิทธิภาพตลอดการทดสอบทั้งไปและกลับ ไม่เกิดปัญหาแม้จะถูกเข่นอย่างโหดในช่วงเส้นทางภูเขา MG ต้องปรับเรื่องของแรงบิดให้มากกว่านี้หากคิดจะทำตลาดในไทย ซึ่งถือเป็นประเทศที่ผลิตรถกระบะดีๆ ป้อนสู่ตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง 

เช้าวันสุดท้ายที่หน้าโรงแรมเวียงแก้ว โรงแรมที่พักแนวคลาสสิกที่ทำให้คิดถึงโรงแรมสวยๆในหลวงพระบาง เวียงแก้วเป็นโรงแรมที่สงบไม่พลุกพล่าน เหมาะกับการพักผ่อนสำหรับคนที่มาเที่ยวในจังหวัดน่านแล้วอยากพักในตัวเมือง ผมเดินไปขับ Fortuner GR Sport แยกกลับกรุงเทพมาก่อนเนื่องจากติดภารกิจรับคุณภรรยา ส่วนทีมทดสอบกล่องสุ่มกระบะสยาม ทำการรวมทีมประชุมกันแต่เช้าเพื่อทำการทดสอบครั้งสุดท้ายในวันสุดท้ายก่อนเดินทางกลับด้วยสถานีออฟโรดบนเส้นทางเขาสวนยาหลวง ยอดเขาสูงชันที่มีเส้นทางวิบากขึ้นไปบนสันเนินที่งดงาม ทำให้มองเห็นภูมิประเทศของเขตน่านใต้ได้กว้างไกลมาก 

ตามความคิดเห็นส่วนตัว Toyota Hilux REVO GR Sport ทำคะแนนนำในเกือบจะทุกแง่มุมของการขับ น้ำหนักเกือบๆสามร้อยห้าสิบกิโลกรัมที่บรรทุกอยู่ในกระบะท้ายไม่ส่งผลกระทบต่อการสปีดตัวเองขึ้นเนินสูงชัน ระบบขับเคลื่อนมีกำลังเหลือเฟือ ช่วงล่างโช้ค Monotube ทำหน้าที่ได้ดี บวกกับน้ำหนักที่ค่อนข้างมากของพวงมาลัย ขับสนุกสุดๆ และทำให้รู้สึกอยากได้อยู่เหมือนกัน 

Ford FX 4MAX ทำได้เกือบจะเท่ากับ GR Sport และบางจุดทำได้ดีกว่า เช่น การซับแรงสั่นสะเทือนของโช้ค FOX ที่ช่วยทำให้สบายตัวขณะลุยทางวิบากและการใช้ความเร็วบนเส้นทางภูเขา แรงบิด 500 นิวตันเมตร เท่ากับ Hilux GR แต่ความจุน้อยกว่า ทำให้ต้องใช้คันเร่งลึกกว่าเล็กน้อยในการไล่ล่ากระบะ GR น่าเสียดายที่ไม่มีกล้องมองหลัง ราคาขนาดนี้ควรจะใส่มาให้ได้แล้วละครับ 

Pro 4X ของ Nissan เป็นรถที่ทำคะแนนได้เหนือกว่า BT-50 และ D-MAX V-Cross รวมถึง MG Extender แต่เกียร์ 7 สปีดที่ตอบสนองค่อนข้างช้าบนเส้นทางภูเขาทำให้มันตกเป็นรอง FX 4MAX และ Hilux GR Sport นิดหน่อย ช่วงล่างและพวงมาลัย ตลอดจนความโหดของรูปลักษณ์ด้านหน้า สีตัวถังและชุดแต่ง ทำให้รู้สึกดีทุกครั้งที่ได้ลองขับรถกระบะของ Nissan 

Isuzu D-MAX V-Cross เป็นรถแนวผสมผสาน ออกมากลางๆ ทำคะแนนได้ดีในด้านความสบายหลังพวงมาลัยและความสามาถในการไล่ตามรถที่มีแรงบิดเยอะกว่า ช่วงล่างดูเหมือนจะธรรมดา แต่ขับแล้วมั่นใจพอใช้ได้ สนุกในเวลาที่ต้องการและซัดหนักๆ ได้โดยมีอาการไม่มากนัก (มีน้ำหนักบรรทุกจากกระบะท้ายสามร้อยกิโลกรัม) ขับทางราบไปตรงๆ หรือใช้แรงบิดอย่างเต็มเหนี่ยวเพื่อตะกายขึ้นเนินสูงอยู่ในเกณฑ์ที่พอใช้ได้ เครื่อง 3.0 ลิตร ความจุเยอะสุดในกลุ่ม ทำแรงบิดได้ 450 นิวตันเมตร 

Mazda BT-50 ทุกอย่างของรถนั้นโอเคเลย เป็นรถปิกอัพยกสูง 4 ประตู ขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่ทำออกมาดีพอสมควร ยกเว้นช่วงล่าง กับสัมผัสของพวงมาลัย ซึ่งเคยเป็นจุดแข็งของกระบะ Mazda แต่พอมาใช้ชิ้นส่วนร่วมกับ Isuzu new D-MAX ช่วงล่างที่โดดเด่น กับพวงมาลัยอย่างคม และมีความแม่นยำในรถรุ่นที่แล้ว หายไปอย่างสิ้นเชิง ถ้าคุณเป็นคนที่ขับไม่เร็ว อาการดังกล่าวแทบจะไม่รู้สึก แต่ถ้าเป็นพวกเท้าหนักสายโหด ชอบใช้ความเร็วสูงต่อเนื่อง ลงคันเร่งลึกบ่อยๆ และเคยครอบครอง Mazda BT-50 โฉมที่แล้ว คุณจะรู้สึกได้ถึงความย้วยเมื่อลองขับ อาการย้วยและกระเด้งกระดอนเมื่อวิ่งตัวเปล่าไม่ได้บรรทุกสัมภาระ ยังคงเกิดกับ D-MAX และ BT-50 แต่แลกกลับด้วยความทนทาน ไม่จุกจิกกวนใจ โดยเฉพาะเครื่องยนต์ เกียร์ และช่วงล่างนั้นไม่ได้สลับซับซ้อนหรือใช้เทคโนโลยีที่ก้าวล้ำอะไร ออกแนวถึกทนอยู่รับใช้กันนานปี เหมือนมี Isuzu อยู่ในบ้าน ซึ่งมีหน้าตาเป็นรถ Mazda ทั้งสองคันขับแล้วเหมือนกันยังกับฝาแฝด 

MG Extender X กระบะตำรวจอวกาศเกียบัน ตะบันกันทุกโค้งแบบใส่มาเกือบจะเต็มข้อ เรี่ยวแรงน้อยที่สุด หน้าตาประหลาดสุดๆ น้ำหนักตัว 2 ตันกับการใช้เครื่องยนต์ดีเซลความจุแค่ 2.0 ลิตร คงไม่ต้องสืบในเรื่องของสมรรถนะด้านอัตราเร่ง เจ้า Extender DC 2.0 GRAND 4WD สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลา 13 วินาที ค่อนข้างจะอืดไปนิดเมื่อต้องการเร่งความเร็วเพื่อแซงรถช้า อย่างที่บอกว่า กำลังแรงบิด 375 นิวตันเมตร ถ้าไม่ได้บรรทุกมาเต็มพิกัด ก็พอจะได้อยู่บ้างสำหรับการขับแซงรถช้าที่ต้องกะระยะกันให้ดีๆ แต่ถ้าบรรทุกกันแบบเต็มเหนี่ยว วิ่งไปเรื่อยๆ โล่งจริงๆแล้วค่อยแซงจะเป็นการขับที่ปลอดภัยและเหมาะสมกับสมรรถนะของเครื่องยนต์มากกว่า พวงมาลัยของ MG Extender เป็นแบบเพาเวอร์สายพานไม่ใช่พวงมาลัยไฟฟ้าเหมือนของ Ford Ranger FX4 MAX ให้สัมผัสที่พอใช้ได้ ไม่เบาหรือหนักจนเกินไป เมื่อขับเร็วก็มีการหน่วงให้น้ำหนักของพวงมาลัยตอบสนองได้อย่างที่ควรจะเป็น การเปลี่ยนทิศทางหรือการเลี้ยวกลับลำทำได้ตามาตรฐาน แรงสั่นสะเทือนจากการทำงานของเครื่องยนต์มีน้อยกว่ารถปิกอัพคู่แข่งเนื่องจากใช้เครื่องเล็กแค่ 2.0 ลิตร เสียงเครื่องยนต์เวลาจอดเดินเบาอยู่กับที่ก็ไม่ได้ดังมากมายอะไร ถ้ากล้าพอที่จะเอาเครื่อง 2.5 ลิตรมาลงก็จะดีกว่านี้มาก MG คงไม่คาดหวังกับยอดขายของรถกระบะรุ่นนี้มากนักเนื่องจากตั้งราคามาสูสีซึ่งก็ควรจะยั่วใจคนที่อยากได้มากกว่านี้ด้วยการกดราคาให้ถูกลง MG Extender DC Grand 4WD X 6AT ราคา 1,039,000 บาท และเห็นบนถนนน้อยมากจริงๆ 

ขาดแค่ Mitsubishi Triton เท่านั้นที่บริษัทฯ ไม่มีรถทดสอบให้เอาไปเปรียบเทียบ ไม่งั้นจะครบเครื่องมากกว่านี้ เส้นทางภูเขาในจังหวัดน่าน โดยเฉพาะฝั่งใต้ยังคงสงบและสวยงาม เต็มไปด้วยธรรมชาติที่บริสุทธิ์ โดยเฉพาะช่วงปลายฤดูหนาวเข้าสู่ฤดูร้อนที่ยังพอมีไอเย็นตอนเช้าให้ได้สัมผัส ไม่ว่าจะเป็นสายบุญที่ชอบไหว้พระตามวัดต่างจังหวัดพร้อมทำบุญเพื่อความสบายใจ วัดโบราณสวยๆ อายุหลายร้อยปีในจังหวัดน่านมีให้เข้าไปกราบสักการะเยอะมาก ในเมืองมีร้านอาหารอร่อยๆ มากมาย รวมถึงร้านกาแฟสไตล์คลาสสิกที่น่านั่ง ออกไปเที่ยวพักผ่อนนอกเมืองคุณจะพบกับความงดงามของเทือกเขาสลับซับซ้อนสุดลูกหูลูกตา ถ้าลงมาจากฝั่งแพลุงตี้ ต้องโทรจองกันให้เรียบร้อย เพราะแพขนานยนต์ ถ้าไม่มีคนใช้บริการ พี่เค้าก็จะจอดไม่วิ่งไปมาในยุคน้ำมันแพง ขอจบทริปกล่องสุ่ม กระบะสยามแต่เพียงเท่านี้ พบกันในทริปโอเคเบตง ปลายปีครับ. 

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/