TT Roadster เป็นรถเปิดประทุนที่มีคนชอบรุ่นหนึ่งในตลาดรถเปิดหลังคาสองที่นั่ง คำว่า TT นั้นไม่ได้หมายความว่าเป็นรถ Audi ราคาถูก เพราะ TT ยุคใหม่ที่ขายในไทยใช้การนำเข้ามาทั้งคันด้วยราคาค่าตัวที่ 3,599,000 บาท เป็น TT รุ่นที่มีกำลังน้อยสุดเนื่องจากวางเครื่องยนต์ 2 ลิตรเทอร์โบ 230 แรงม้า เมื่อรวมกับอุปกรณ์ตกแต่ง S Line จาก Audi Sport บวกกับกำแพงภาษีทำให้ Audi Thailand ต้องหั่นออฟชั่นบางจุดออกไปเพื่อทำราคาสู้กับรถคู่แข่งอย่าง BMW Z4 Roadster / Mercedes-Benz SLC Roadster รวมไปถึงรถเล็กขับสนุกอย่าง Mazda MX-5 Roadster แต่ถ้าคุณซื้อ TT Roadster จากตัวแทนจำหน่ายของ Audi คุณก็จะได้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ที่ทำให้ TT รุ่นเปิดประทุนกลายเป็นรถสปอร์ตที่มีประสิทธิภาพ ลูกค้าที่ซื้อรถแบบนี้ส่วนใหญ่ชอบรถขับเคลื่อนล้อหลัง และเลือกซื้อเพราะรูปลักษณ์หรือเหตุผลอื่น แต่ยังมีนักขับบางคนที่หลงใหลกับรถขับเคลื่อน 4 ล้อ ที่แปะตราสัญลักษณ์ 4 ห่วง ด้วยเงิน 3.59 ล้าน คุณจะได้รถเปิดหลังคาสองที่นั่งพร้อมระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ซึ่งมีขายในไทยแค่ยี่ห้อเดียวเท่านั้นนั่นก็คือ Audi TT Roadster 45 TFSi Quattro S Line

...
เมื่อลองเทียบราคา TT Roadster กับรถคู่แข่งก็จะพบว่า

Mazda MX-5 Roadster ราคา 2,890,000 บาท

BMW Z4 sDrive30i M Sport ราคา 3,999,000 บาท

Mercedes-Benz SLC 300 AMG Dynamic ราคา 3,990,000 บาท

Porsche 718 Boxster ราคา 6,800,000 บาท


...



...
Audi TT Roadster เจนเนอเรชั่นที่ 3 รุ่นปรับโฉม มีหน้าตาที่ดุดัน รูปลักษณ์อ้วนป้อมแต่สมส่วน ไฟหน้า LED พร้อมไฟหรี่ Daytime Running Light กระจังหน้าของรุ่นปรับโฉมมีรายละเอียดเพิ่มมากขึ้นด้วยการออกแบบชุดกระจังพลาสติกสีดำแบบรังผึ้ง ช่องรับอากาศทำจากพลาสติกสีเทาเดินเส้นเชื่อมต่อกันทั้งซ้ายและขวา กระจังหน้าทรง 6 เหลี่ยมดีไซน์ให้เข้ากับความเฉียบคมของชุดไฟหน้า TT Roadster ใช้ไฟหน้า LED พร้อมไฟส่องมุมด้านข้างที่มีความสว่างใช้ได้แต่ไม่มีระบบไฟอัตโนมัติมาให้ ไฟหน้าครอบคลุมการมองจนไม่มีความจำเป็นต้องติดตั้งไฟตัดหมอกให้รกรุงรัง ทรงด้านข้างตัวถังไหลลื่นมีเส้นข้างลากจากขอบของไฟหน้าไปจนถึงขอบไฟท้าย มือจับที่เปิดประตูสีเดียวกับตัวรถ กรอบกระจกมองข้างติดตั้งไฟเลี้ยว LED เพื่อเพิ่มความชัดเจนยามเปลี่ยนทิศทาง ล้ออะลูมิเนียมลาย 5 ก้าน ขอบ 17 นิ้ว ห่อรัดด้วยยาง Goodyear Efficientgrip ขนาด 225/50 R17 พร้อมยางอะไหล่ใต้ห้องเก็บสัมภาระท้าย ลูกค้า TT หลายคนไม่ชอบล้อลายนี้แต่เหมาะมากกับสภาพผิวถนนในประเทศไทย คุณจะเหินข้ามคอสะพานได้แบบไม่ต้องคอยหยอดๆย่องๆ กับล้อขอบ 19-20 นิ้ว ตกหลุมก็ไม่ต้องกังวนว่าแก้มยางจะแหกเนื่องจากยางติดรถไม่ใช่ยางแก้มเตี้ยระดับ 35 หรือ 40 ที่ขับยากเต็มกลืนและเสี่ยงกับการตกหลุมที่อาจทำให้แก้มบวมหรือล้อดุ้ง

...






Audi TT มีที่เปิดฝาถังเชื้อเพลิงอย่างเท่ทำจากอะลูมิเนียมสีเงิน คล้ายฝาถังของรถแข่ง คนของ Audi บอกว่า TT ได้รับแรงบันดาลใจในการออกแบบมาจากโรงเรียนสอนศิลปะ Bauhaus ของเยอรมัน การเน้นความสำคัญของเส้นสายบนตัวถังโดยออกแบบให้บางส่วนใช้เส้นที่ขนานกันผสมกับทรงกลมที่บริเวณซุ้มล้อ ทุกส่วนของบอดี้ภายนอกถูกปรับให้สอดคล้องกับระบบอากาศพลศาสตร์ รวมถึงหางหลังไฟฟ้าที่ยกตัวอัตโนมัตเพื่อสร้างแรงกดส่วนท้ายและพับเก็บอย่างมิดชิดเมื่อไม่ได้ใช้งาน ไฟท้ายมีดีไซน์ที่เชื่อมโยงกับความโค้งมนของบั้นท้าย สำหรับฝาท้ายเมื่อเปิดออกคุณจะพบกับพื้นที่เก็บสัมภาระขนาด 280 ลิตร และเมื่อพับหลังคาพื้นที่เก็บของก็ยังเหลือเท่าเดิมจากการออกแบบอันชาญฉลาด ไม่ให้ชุดหลังคาเบียดบังพื้นที่เก็บของซึ่งถือว่าทำออกมาได้ดี ชายล่างบริเวณขอบกันชนหลังติดตั้งแผ่นพลาสติกที่ออกแบบให้ใช้เป็นครีบจัดเรียงกระแสอากาศหรือ diffuser ท่อระบายไอเสียทรงกลมพร้อมกล้องมองหลังที่ซ่อนอยู่แถวๆ มือจับที่เปิดฝาท้าย








มิติตัวถัง Audi TT Roadster มีขนาดความกว้าง 1,832 มิลลิเมตร ยาว 4,191 มิลลิเมตร สูง 1,355 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อ 2,505 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หน้า 1,572 มิลลิเมตร ระยะห่างล้อคู่หลัง 1,552 มิลลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หน้า 852 มิลลิเมตร ระยะโอเวอร์แฮงค์หลัง 793 มิลลิเมตร น้ำหนัก 1,395 กิโลกรัม





ห้องโดยสารของสปอร์ตคาร์ยุคใหม่จากแบรนด์สี่ห่วง Audi ต้องไม่สร้างความจำเจและช่วยสร้างบรรยากาศแปลกใหม่ตลอดเวลาที่ขับขี่ แบรนด์ Audi ผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติเยอรมนีคือค่ายรถเจ้าแรกที่นำเทคโนโลยี Virtual Cockpit มาใช้งานในรถสปอร์ตรุ่น TT ช่วยให้ห้องโดยสารยุคใหม่มีปุ่มควบคุมที่ลดลงช่วยลดภารกรรมของคนขับในการปรับตั้งค่าต่างๆ ระบบรับคำสั่งแบบ Voice Command รับคำสั่งด้วยเสียงแบบง่ายๆ Virtual Cockpit จาก Audi พัฒนาโดย Andre Ebner โดยย่อหน่วยความจำในส่วนของสมองกลไฟฟ้าที่ใช้ควบคุมให้เล็กลงเพื่อใช้งานในรถยนต์รุ่นใหม่ การออกแบบภายในและจัดวางอุปกรณ์ที่เน้นความเท่ เคร่งขรึมด้วยโทนสีเทาดำตัดกับวัสดุอัลลอยสีเงิน คอนโซลแดชบอร์ดเดินเส้นสายโปร่งเบาพลิ้วไหว ช่วยสื่อความเป็นรถสปอร์ตเปิดหลังคาของ TT Roadster ได้เป็นอย่างดี










ดีไซน์ภายในห้องโดยสารใช้เส้นแนวนอนผสมกับวัสดุชั้นดีที่มีพื้นผิวหลากหลายห้องโดยสายส่วนหน้าเน้นความกว้างขวางเช่นเดียวกับการออกแบบภายนอก ส่วนของคอนโซลกลางที่เชื่อมโยงงานใช้งานอุปกรณ์โดยกำหนดให้ตำแหน่งคนขับเป็นจุดศูนย์กลางของการใช้งานอุปกรณ์ภายใน การออกแบบตำแหน่งของท่านั่งขับที่ดีช่วยรับน้ำหนักขาขณะขับเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง เบาะโดยสารแบบใหม่หุ้มด้วยหนัง Alcantara มี Rollover ป้องกันคนขับและผู้โดยสารบริเวณหลังเบาะหากเกิดการพลิกคว่ำ TT Roadster ไม่มีตำแหน่งเบาะหลังเหมือนรุ่น Coupe นั่นหมายถึงข้าวของทั้งหมดที่จะต้องระเห็ดไปเก็บไว้ในห้องเก็บสัมภาระใต้ฝาท้าย ห้องโดยสารของ TT รุ่นเปิดหลังคา Roadster เหมือนกับรุ่น Coupe มีขนาดเล็กกะทัดรัด ดีไซน์ภายในให้มุมมองลื่นไหลพลิ้วไหวต่อเนื่อง แผงหน้าปัดมาตรวัดใช้จินตนาการออกแบบให้มีรูปทรงที่มองดูคล้ายปีกของเครื่องบิน ขณะที่ช่องแอร์ทรงกลมซึ่งเป็นเอกลักษณ์คลาสสิกของรถสปอร์ตก็ยังถูกนำมาใช้ต่อในห้องโดยสารของ TT เวอร์ชั่นล่าสุด






มาตรวัดที่ควบรวมจอแสดงภาพมัลติมีเดีย อินเตอร์เฟส (MMI Screen) เป็นจอภาพเดี่ยวที่ให้ความคมชัดสูงแม้จะขับท่ามกลางแสงแดดจัดจ้า งานออกแบบที่ล้ำสมัยผสมผสานกันจนออกมาเป็นจอแสดงผลดิจิตอล ผลการตั้งค่าต่างๆ จะแสดงบนจอแสดงผลขนาด 12.3 นิ้ว หน้าปัดมาตรวัดแบบ Virtual Cockpit ของ New TT ถูกควบรวมอยู่ในจอภาพเดียวเพื่อลดภารกรรมในการมองของคนขับ มีลักษณะเหมือนกับแผงมาตรวัดในรถต้นแบบหรือรถอนาคตเพื่อสร้างบรรยากาศที่มีความทันสมัยน่าใช้งาน เป็นการผสมผสานหน้าปัดมาตรวัดที่แสดงผลความเร็ว รอบเครื่องยนต์ อุณหภูมิน้ำในหม้อน้ำ ผนวกรวมเข้าไว้กับระบบ Infotainment เช่น ระบบนำทางด้วยดาวเทียม ระบบให้ความบันเทิงเริงรมย์หรือมัลติมีเดีย โดยทำการแสดงผลผ่านหน้าจอ TFT ขนาด 12.3 นิ้วที่อยู่ตรงหน้าผู้ขับ






แม้จะออกขายมานานหลายปีแล้วจนมาถึงรุ่นปรับโฉมในเจนเนอเรชั่นที่ 3 แต่ห้องโดยสารของ Audi TT ก็ยังทันสมัยและง่ายต่อการใช้งาน แนวคิดการออกแบบภายในของรถรุ่น TT ได้รับการปรับปรุงเพื่อให้เข้ากับภาพลักษณ์ความเป็นรถสปอร์ต ทุกองค์ประกอบของอุปกรณ์ภายใน โดยเฉพาะปุ่มควบคุมการทำงานมีให้เลือก 2 ส่วน คือปุ่มควบคุมและเลือกเปิดใช้งานได้เกือบทุกฟังก์ชั่นจากพวงมาลัย โดยที่ไม่ต้องละสายตาจากถนน หน้าจอแสดงผลแบบ TFT ขนาด 12.3 นิ้ว มีความละเอียดสูงที่ 1,440 x 540 pixels ให้ภาพคมชัด ตรงขอบล่างของจอแสดงผลแบบดิจิตอล Audi virtual cockpit จะมีแถบแสดงผลถาวรสำหรับอุณหภูมิภายนอก เวลาและระยะทางนับ คำเตือนหรือสัญลักษณ์ข้อมูลต่างๆ ก็อาจปรากฏขึ้นด้วยยูนิตการควบคุม ส่วนที่สองคือระบบ MMI ที่ได้รับการพัฒนาใหม่และจัดวางไว้ตรงคอนโซลช่องกลางโดยจะมีท็อกเกิ้ลสวิตช์ 2 ตัวเพื่อเปิดระบบโทรศัพท์ วิทยุ และแถบเมนูมัลติมีเดียต่างๆ ในขณะที่ปุ่มกดสวิตช์กลางจะมีปุ่มด้านข้าง 2 อันเพื่อเข้าสู่เมนูหลักและย้อนหลัง ผู้ขับสามารถเข้าใช้งานโดยแตะแผ่นสัมผัส (touch pad) บนปุ่มกดสวิตช์ โครงสร้างของเมนู MMI คล้ายคลึงกับสมาร์ทโฟน สามารถเข้าถึงฟังก์ชั่นสำคัญทั้งหมดได้โดยตรง New TT ยังมีจอแสดงผลแบบดิจิตอล Audi virtual cockpit ที่แสดงข้อมูลการขับขี่และระบบเครื่องมือต่างๆ เป็นกลุ่ม และยังสร้างมาตรฐานใหม่ด้วยกราฟิกที่ชัดเจน ผู้ขับสามารถเลือกรูปแบบการแสดงข้อมูลได้ 2 แบบ คือ Classic ซึ่งจะดึงหน้าปัดแสดงความเร็ว (Speedometer) กับหน้าปัดวัดรอบ (Rev counter) หรือ Infotainment (ข้อมูล & บันเทิง)



มาตรวัดความเร็วและวัดรอบแบบจอภาพล้ำอนาคตสามารถปรับรูปแบบของมาตรวัดได้ทั้งเล็กและใหญ่ การแสดงภาพที่คมชัดของจอภาพ TFT LCD มีการนำระบบนำทางด้วยดาวเทียมที่มีความละเอียดสูงมาใส่ไว้ตรงกลางมาตรวัดทั้งสอง เพื่อความสะดวกในการตรวจสอบเส้นทาง หรือเลื่อนเปลี่ยนเป็นการแสดงผลของระบบต่างๆได้อย่างรวดเร็ว การปรับตั้งขนาดของมาตรวัดในจอภาพให้เป็นไปตามที่ต้องการ หรือแสดงผลจอภาพทั้งหมดด้วยระบบนำทางและกำหนดพิกัดผ่านดาวเทียม จอภาพขนาด 12.3 นิ้ว ในหน้าปัดมาตรวัดแบบใหม่ของ TT ยังมีลูกเล่นอื่นๆ อีกเพียบ การใช้งานท่ามกลางเทคโนโลยีที่แปรเปลี่ยน ทำให้ค่ายผู้ผลิตรถยนต์ต้องคิดค้นหาวิธีผูกมัดใจคนซื้อให้อยู่หมัดด้วยของเล่นแปลกๆ ที่ทันสมัย มาตรวัดแบบ TFT หรือ thin film transistor ถูกใช้งานอย่างกว้างขวางในรถระดับสูง เช่น Lamborghini / Mercedes Benz / BMW / Ferrari รวมถึง Honda / Mazda / Nissan / Mitsubishi / Lexus และ Volvo ซึ่งต่างฝ่ายต่างก็พยายามสร้างสรรค์งานศิลปะที่น่าใช้งานโดยนำมาประดับประดาในรถรุ่นใหม่ด้วยการทำงานราวกับนักมายากล Virtual Cockpit ของ TT Roadster ยังสามารถแสดงค่าต่างๆ ของตัวรถ รวมถึงการโชว์ระบบ Infotainment ด้วยความคมชัดสูงสุด หน้าปัดและแดชบอร์ดต่างๆ ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างความรู้สึกถึงการควบคุมจักรกลพลังสูงที่ทันสมัยน่าใช้งาน




ฟังก์ชั่นอื่นๆ ใน Virtual Cockpit ของ Audi TT Roadster ประกอบด้วยการกดคำสั่งสั่งงานผ่านปุ่มควบคุมบนพวงมาลัย ยุคสมัยที่เปลี่ยนไปทำให้ปุ่มควบคุมถูกย้ายมาอยู่ในตำแหน่งที่ช่วยทำให้การควบคุมขับขี่รถในปัจจุบันมีความปลอดภัย นอกจากปุ่มควบคุมบนพวงมาลัยแล้ว New TT ยังใช้แป้นระบบสัมผัสที่กลายเป็นของจำเป็นในรถอย่าง BMW iDRIVE และ Mercedes Benz comand control แป้นควบคุม MMI ใน Audi TT วางอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้กับคันเกียร์เพื่อความสะดวกสบายของคนขับ สวิตช์ควบคุมแบบหมุนคล้าย iDRIVE ของ BMW ทั้งการเข้าสู่เมนูต่างๆ ด้วยความรวดเร็ว หรือใช้ในการหมุนตามเข็มนาฬิกาเพื่อขยายจอภาพที่กำลังแสดงผลของระบบนำทาง วิศวกรของ Audi ออกแบบสวิตช์ควบคุมให้หมุนใช้งานได้ง่าย ลดฟังก์ชั่นที่ไม่จำเป็นให้น้อยลง ผู้ขับสามารถกดเลือกหรือสั่งคำสั่งด้วยความรวดเร็วมากกว่าสวิตช์ควบคุมของ TT ในรุ่นที่ผ่านมา


Audi TT Roadster ติดตั้งอุปกรณ์มาตรฐานมาให้ครบ เช่น ระบบวิทยุ MMI ของ Audi และเบรกมือไฟฟ้า (Electromechnical Parking Brake) พร้อมระบบปลดเบรกมือแบบอัตโนมัติ กุญแจรีโมต, ระบบช่วยปรับไฟสูง (high-beam assist), ระบบข้อมูล-ความบันเทิง USB / AUX การใช้งานสื่อสารไร้สายบลูทูธอินเตอร์เฟส (Bluetooth Interface) และระบบสั่งงานด้วยเสียง วิทยุเครื่องเล่น CD เล่นไฟล์ MP, AAC และ WMA พร้อมช่องจอแสดงผล Audi virtual cockpit ชุดเครื่องเสียงประกอบด้วยเครื่องขยายเสียง 155 วัตต์ และลำโพง 9 ตัว ระบบช่วยเหลือต่างๆ จะช่วยให้การใช้งานมีความสะดวกสบาย เพื่อสร้างความรู้สึกถึงการควบคุมจักรกลจากแบรนด์สี่ห่วง



Cockpit ที่เรียบง่ายแต่ทันสมัยของ TT Roadster มีดีไซน์ที่เกี่ยวเนื่องกับการใช้งานอุปกรณ์ต่างๆ เชื่อมโยงกับคนขับเกือบทั้งหมด พวงมาลัยสามก้านแบบฐานตัดทรงรถแข่งที่มีก้านวงสามก้านอย่างเท่ทำจากอัลลอย หนังแท้และพลาสติกเกรดสูง คอนโซลโฟมฉีดขึ้นรูปหุ้มด้วยวัสดุพวกหนังสังเคราะห์ ภายในกรุด้วยแผ่นป้องกันเสียงแปลกปลอมจากภายนอก ช่องแอร์ทรงกลมสามช่องที่เรียบง่ายแต่ดูดีด้วยพลาสติกและงานกรุขอบสีเงิน ดีไซน์ของ Virtual Cockpit ใน TT เป็นงานออกแบบที่เข้ามาช่วยลดปัญหาในเรื่องความสับสนของปุ่มและสวิตช์ต่างๆ การนำเอาคุณลักษณะของ Cockpit อากาศยานมาปรับใช้บริเวณกึ่งกลางแดชบอร์ดที่ทำให้มองคล้ายกับปีกของเครื่องบิน พวงมาลัยมีการออกแบบที่สอดคล้องไปกับหน้าปัดมาตรวัด ช่วยทำให้ทัศนวิสัยโปร่งโล่ง วิศวกรของ Audi พัฒนาถุงลมนิรภัยให้มีขนาดเล็กลงกว่าเดิม 40% ทำให้แป้นทรงกลมตรงกลางวงพวงมาลัยที่ใช้บรรจุถุงแอร์แบ็กมีขนาดเล็กและสมส่วนมากยิ่งขึ้น แป้นเปลี่ยนเกียร์หลังวงพวงมาลัย Paddle Shift ให้สัมผัสในการใช้งานที่เน้นความแน่นและมั่นคง รวมถึงยังมีระยะของการกดกระชับมากขึ้นอีกด้วย





ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติแบบ deluxe ที่มีแผงควบคุมวางตัวในแนวนอนนั้นถูกติดตั้งใต้ช่องแอร์ตรงกลางพร้อมระบบควบคุมการขับขี่ Audi Drive Select และระบบฟังก์ชั่นช่วยเหลือต่างๆ เบาะนั่งสไตล์สปอร์ตของ Audi TT ใช้พนักพิงศีรษะแบบรวม (integrated head restraints) และอยู่ในตำแหน่งค่อนต่ำลงกว่ารถรุ่นก่อน น้ำหนักของเบาะเบาลงมากกว่าของรถ TT รุ่นก่อนถึง 5 กิโลกรัม พวงมาลัยพร้อมสวิตช์ควบคุมแบบใหม่ที่มาพร้อมระบบปุ่มควบคุมการทำงานต่างๆ เดินเส้นขอบตัดและหุ้มหนังแบบสปอร์ต 3 ก้าน มีการใช้งานโลหะพวกอะลูมิเนียมมาประดับประดาเพื่อยกระดับของความหรูหราน่าใช้งาน




Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro วางเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง ขนาด 2.0 ลิตร ให้กำลัง 230 แรงม้าที่ 4,500-6,200 รอบต่อนาที ระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงยิงตรง TFSi ไดเรคอินเจคชั่น พร้อมระบบวาล์วแปรผัน AVS (AUDI Valve lift System) ปรับองศาของวาล์วไอเสีย เครื่องยนต์อัดอากาศด้วยเทอร์โบ ให้แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600-4,300 รอบต่อนาที ระบบขับเคลื่อน ส่งกำลังผ่านเกียร์อัตโนมัติ S-Tronic 6 สปีด พร้อมกลไกคลัตช์คู่ ระบบเกียร์แบบคลัตช์คู่หรือใช้คลัตช์ 2 ชุดช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์ออโต้ 6 สปีดมีความว่องไวและไหลลื่น สามารถปรับโหมดการควบคุมจากระบบออโต้ไปเป็นแบบเกียร์ธรรมดาได้ด้วยการผลักคันเกียร์ไปทางซ้ายแล้วชิฟเกียร์ด้วยตำแหน่ง +/- หรือชิฟผ่านแป้น Paddle Shift ที่หลังวงพวงมาลัย สมรรถนะของเครื่องยนต์ 2 ลิตรเทอร์โบกับเกียร์ 6 สปีดและระบบขับเคลื่อนทุกล้อทำให้ Audi TT 45TFSI มีอัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.6 วินาที ช้ากว่ารุ่น Coupe เล็กน้อย (5.3 วินาที) โดยมีความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง



รถสปอร์ต Audi TT ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ช่วยเสริมเสถียรภาพและกระจายแรงบิด ระบบขับเคลื่อนทุกล้อจาก Audi ฝากผลงานไว้มากมายในวงการมอเตอร์สปอร์ต โดยได้รับการพัฒนาให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น การปรับปรุงชุดขับ 4 ล้ออย่างต่อเนื่องโดยเฉพาะระบบคลัตช์แบบหลายแผ่นที่ควบคุมด้วยไฮดรอลิกไฟฟ้า ติดตั้งบนเพลาท้าย ช่วยลดน้ำหนักลงราว 1.5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อน นอกจากนี้ การกระจายแรงบิดระหว่างเพลาล้อคู่หน้าและคู่หลังนั้นก็ถูกควบคุมโดยระบบไฟฟ้าที่รวดเร็วเพียงเสี้ยววินาที อัจฉริยภาพของระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro คือซอฟต์แวร์ที่เข้ามาจัดการกระจายแรงบิดระหว่างล้อคู่หน้าและคู่หลังอย่างแม่นยำและเหมาะสม

เซนเซอร์ของสมองกลไฟฟ้าที่ใช้ในการควบคุมการทำงาน จะทำหน้าที่ตรวจสอบถึงสภาพแวดล้อม สถานะของรถขณะขับขี่ ความต้องการของผู้ขับผ่านการเชื่อมโยงกับโหมดของการขับเคลื่อน ซึ่งระบบควบคุมจะมีการคำนวณเพื่อการกระจายแรงบิดที่ดี การตอบสนองที่มีความรวดเร็ว ทำให้ผู้ขับสามารถแก้ไขควบคุมได้ในทุกสถานการณ์ เมื่อเชื่อมต่อระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro เข้ากับระบบควบคุมการขับขี่ Audi Drive Select จะทำให้ผู้ขี่สามารถปรับคุณสมบัติของการขับเคลื่อนแบบสี่ล้อตลอดเวลาให้เข้ากับความต้องการตามโหมดต่างๆ คือ "auto" รถจะกระจายแรงขับในระดับที่สมดุลลงตัว โหมด "dynamic" จะกระจายแรงบิดไปที่ล้อคู่หลังก่อนและในปริมาณมากกว่า โหมด "efficiency" การกระจายแรงบิดจะถูกปรับเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพอัตราสิ้นเปลืองขึ้นไปอีกระดับด้วยการเทแรงบิดลงไปที่ล้อหน้ามากเป็นพิเศษ

ระบบรองรับน้ำหนักของ Audi TT สะท้อนให้เห็นถึงความเชี่ยวชาญทางวิศวกรรมยานยนต์ของเยอรมัน ระบบกันสะเทือนหน้าแบบ MacPherson โครงสร้างชิ้นส่วนของจุดยึดโยงต่างๆ ทำจากอะลูมิเนียม เข้ามาช่วยลดน้ำหนักใต้สปริง (Unsprung Weight) ทั้งนี้ ระบบกันสะเทือนหลังของ TT ยังเป็นแบบโฟล์ลิงก์ (4-Link) รองรับแรงกดแนวนอน (longitudinal force) และแรงบิดแนวขวาง (transverse force) อย่างเป็นอิสระแยกจากกัน สำหรับชุดบังคับเลี้ยวหรือแรคพวงมาลัย ใช้แบบแรคแอนพีเนียนพร้อมพาวเวอร์ไฟฟ้า ผนวกระบบแปรผันน้ำหนักพวงมาลัย Progressive steering แบบมาตรฐานที่ช่วยเพิ่มการตอบสนองตามสภาพการขับขี่ ตัวแรคพวงมาลัยถูกออกแบบมาเพื่อการตอบสนองโดยตรงต่อระยะของการหมุน ทำให้การควบคุมเกิดความเฉียบคมแม่นยำ




ระบบควบคุมการขับขี่ หรือ Audi Drive Select ควบคุมการทำงานของเครื่องยนต์ โดยจะมีรูปแบบการขับขี่ให้เลือกระหว่างโหมด comfort, auto, dynamic, efficiency หรือ individual นอกจากนี้โหมดขับเคลื่อนยังมีอิทธิพลต่อโมดูลต่างๆ ได้แก่ เครื่องยนต์ ระบบเกียร์ S tronic, ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ทั้งนี้ ในโหมด efficiency นั้น Audi Drive Select จะควบคุมการทำงานของระบบปรับอากาศและ Auto Start-Stop เพื่อดับเครื่องยนต์ขณะจอดหยุดนิ่งอยู่กับที่เพื่อลดการสิ้นเปลืองน้ำมันและลดการปล่อยไอเสีย (Start-Stop System) Audi TT Roadster 45 TFSI Quattro S Line คันทดสอบ มาพร้อมกับล้ออัลลอยขนาด 17 นิ้ว และยาง Goodyear ไซล์ 225/50 R17 ระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ESC (Electronic Stabilisation Control) สามารถปิดการทำงานบางส่วนหรือปิดยกเลิกการทำงานทั้งหมดได้ ช่วยเสริมการควบคุมรถในสไตล์สปอร์ตแบบสุดขั้ว เมื่อขับเข้าโค้งพร้อมกับเปิดระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมเสถียรภาพจะจัดการกับแรงบิดขณะเข้าโค้ง โดยถูกใช้งานในการผกผันแรงบิดให้สามารถกระจายจากล้อหน้าด้านโค้งในไปสู่ล้อหน้าด้านนอกโค้งเพื่อการยึดเกาะที่สมดุล ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ยังเฉลี่ยแรงบิดไปที่ล้อคู่หลังทำให้รถสามารถขับเข้าโค้งในลักษณะต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงยังทำหน้าที่ควบคุมรถแบบไถลปัดท้าย (Drifting)







รถทดสอบ TT Roadster 45 TFSi Quattro S Line สีฟ้ากระจ่างตา Turbo blue solid (N6PA) เป็นรถเปิดหลังคาผลิตในเยอรมันที่มีค่าตัวถูกที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง SLC300 Z4 sDRIVE30i รวมถึง Porsche 718 Boxster ช่วงล่างและพวงมาลัยที่เชื่อมต่อกับระบบขับเคลื่อน 4 ล้อทำให้คุมรถได้ง่าย เกียร์ทำงานราบเรียบ เปลี่ยนอัตราทดเร็วและมีความกระชับ ตัวถังหนักกว่ารุ่น Coupe นิดเดียวทำให้เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร เทอร์โบให้ความแรงและอัตราเร่งที่เพียงพอต่อความต้องการ ช่วงล่างเซ็ตมาดีมาก ช่วยลดอาการโคลงโดยไม่เพิ่มความกระด้างเมื่อวิ่งผ่านผิวทางที่ไม่เรียบ ตัวถังขนาดกะทัดรัดของ TT Roadster สัมพันธ์กับห้องโดยสารที่เล็กและแคบแต่ไม่ได้สร้างความรู้สึกอึดอัดเมื่อขับแบบปิดหลังคา ส่วนหลังคาผ้าใบความหนา 2 ชั้นทำงานด้วยไฟฟ้ามีการเปิด-ปิดที่รวดเร็วมากแค่ 10 วินาที ในการพับเก็บหรือกางออก คุณสามารถวิ่งที่ความเร็ว 40 กิโลเมตรแล้วกดปุ่มเพื่อเปิดหลังคา มอเตอร์ไฟฟ้าพร้อมจุดยึดของโครงหลังคาออกแบบได้ดี ทำให้การพับหรือยกหลังคาขึ้นปิดคลุมห้องโดยสารปราศจากเสียงรบกวน เมื่อหลังคาลงมาจนสุดตัวล็อกอัตโนมัติจะล็อกชุดหลังคาเข้ากับขอบด้านบนของเสาหน้า เป็นชุดหลังคาผ้าไฟฟ้าที่ได้รับการปรับปรุงมาเป็นอย่างดีเพื่อทำให้การใช้งานมีความสะดวกรวดเร็ว




230 แรงม้าของ TT Roadster ทำให้มันเป็นรถที่ขับสนุกสูสีกับรุ่นหลังคาแข็ง คันเร่งตอบสนองไวและมีน้ำหนักที่พอดีไม่เบาเกินไป อัตราทดเกียร์ 6 สปีดจัดจ้านน่าดูชม ความเบาของตัวรถช่วยทำให้มันมีแรงเร่งส่งจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน 5.6 วินาที สูสีกับคู่แข่งอย่าง Z4 30i และ SLC300 AMG Dynamic ช่วงทางตรงเครื่อง 2.0 ลิตรเทอร์โบมีพลังสำรองมากพอที่จะเร่งความเร็วขึ้นไปเรื่อยๆ จนบางครั้งดูเหมือนจะมากเกินไปด้วยซ้ำถ้าขับบนไฮเวย์ที่มีรถเยอะคุณจะรู้สึกว่ารถคันอื่นๆ นั้นขับช้ามาก! และเมื่ออัดจนมาถึงทางโค้งคุณก็จะพบว่า TT Roadster เริ่มสำแดงฤทธิ์เดชของการยึดเกาะออกมาให้สัมผัสโดยเฉพาะโค้งยาวๆ ที่แทบจะไม่ได้ยกเท้าออกจากคันเร่ง





พวงมาลัยไฟฟ้าของ TT ไม่ได้เบาจนขาดสัมผัสที่ดี เมื่อความเร็วสูงขึ้นน้ำหนักของพวงมาลัยจะค่อยๆ เพิ่มตามความเร็วแบบรู้สึกได้ การปรับโหมดก็มีส่วนทำให้การหน่วงน้ำหนักของพวงมาลัยพอดิบพอดีกับความเร็วที่ใช้ พวงมาลัยทรงฐานตัดนั้นจับได้อย่างกระชับมือและมีขนาดกำลังดี เป็นพวงมาลัยที่ใช้มานาน 5 ปีแล้วแต่ยังดูดีจากรูปทรงและวัสดุที่เลือกใช้ไม่ว่าจะเป็นหนังที่ใช้หุ้มหรือปุ่มสั่งงาน แป้น Paddle Shift เล็กมากจนมองแทบไม่เห็นแต่วางอยู่ในตำแหน่งที่ใช้นิ้วสัมผัสได้ง่าย พวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าของมันเมื่อรวมกับช่วงล่างก็คุมอาการได้ดี ทำให้รู้สึกเหมือนกำลังขับรถสปอร์ตที่มีแรงยึดเกาะสูง เป็นความรู้สึกคล้ายกำลังควบคุมรถสปอร์ตคลาสสิกเปิดหลังคาที่มาในรูปลักษณ์ของโลกยุคใหม่ ไม่ต้องแปลกใจว่าทำไมท้ายมันถึงกวาดได้ยากเย็นกว่า Z4 SLC หรือ MX-5 นั่นเป็นเพราะระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro จะไม่ยอมให้คุณทำแบบนั้น!




TT ไม่ได้มีนิสัยชอบกวาดท้ายซึ่งเป็นเหมือนดาบสองคมที่อาจทำให้คุณรู้สึกสนุกหรือพลาดพลั้งจนไปฟาดกับเสาไฟฟ้า ถ้าชอบรถที่นั่งแล้วรู้สึกเตี้ยแบบสปอร์ตพันธ์แท้คุณควรเลือก TT เพราะเบาะไฟฟ้าของมันสามารถกดต่ำจนเหมือนการนั่งขับอยู่ใกล้กับพื้นถนน เมื่อปิดหลังคาวิ่งก็ยังมีการเก็บเสียงที่ดีพอใช้ แต่จะให้ดีเท่ากับรุ่น Coupe คงเป็นไปไม่ได้ การปรับทุกอย่างในโหมด Dynamic ของ TT Roadster ช่วยสร้างความแตกต่างและขับสนุกมากกว่าโหมดอื่น โช้คอัพแบบปกติพร้อมค่าตายตัวปรับตั้งอะไรไม่ได้นั้นเซ็ตมาดีเยี่ยม ล้อ 17 นิ้วกับยาง 225/50 แม้จะไม่สวยแต่ใช้งานได้จริงและช่วยลดอาการแก้มยางแหกหรือแมกคด คุณควรเก็บล้อชุดนี้เอาไว้เมื่อตั้งใจจะขับออกทางไกล โดยใส่ล้อ 19 หรือ 20 นิ้วเฉพาะการขับในกรุงเทพฯ ถ้ายางเกิดไปมีปัญหาเมื่อขับออกต่างจังหวัดไกลๆด้วยล้อไซล์โตก็ต้องวิ่งด้วยความเร็วต่ำเพราะล้อและยางอะไหล่นั้นมีขนาดที่เล็กมาก ช่วงล่างของมันซับแรงกระแทกได้ดีกว่ารถคู่แข่ง เกาะถนนดีมากจนทำให้คุณรู้สึกหลงรักระบบ Quattro ยิ่งขับเร็วมันก็จะยิ่งตอบกลับด้วยการยึดเกาะที่มั่นคง มีอาการพยศน้อยมากในโค้ง นับเป็นโรสเตอร์ที่มีประสิทธิภาพรอบด้าน





TT ใช้แพลตฟอร์ม MQB ของ Volkswagen รุ่น Roadster มีแชสซีที่ทนต่อแรงบิดได้ดีพอๆ กับรุ่น Coupe กลไกขับเคลื่อน 4 ล้อ Quattro ปรับแรงบิดแบบแปรผันผ่านปุ่มปรับโหมด Drive Select ถ้าใช้โหมด Dynamic ซึ่งเป็นโหมดที่รถจะตอบสนองในระดับสูงสุด ตัว multiplate clutch ที่ควบคุมด้วย electro-hydraulic จะถ่ายแรงบิดไปยังเพลาหลังก่อนและการกระจายแรงบิดสามารถส่งถ่ายไปทุกมุมของล้อเพื่อทำให้รถยึดเกาะกับถนนโดยเฉพาะการขับเข้าโค้งที่มีอาการอันเดอร์สเตียร์ลดลง ระบบบังคับเลี้ยวแบบ Progressive ปรับอัตราทดของพวงมาลัยไฟฟ้าใกล้เคียงกับระดับ 1:1 เมื่อหักพวงมาลัยจนเกือบจะสุด ระบบควบคุมเสถียรภาพด้วยอีเล็กทรอนิกส์สามารถปิดการทำงานได้บางส่วนแต่ไม่ทั้งหมด เมื่อรวมทุกอย่างเข้าด้วยกันก็ทำให้ TT Roadster เป็นสปอร์ตเปิดหลังคาที่ขับได้อย่างเร้าใจ




ท่อไอเสียแบบสปอร์ตทำให้มันมีเสียงดังพรึบเมื่อเกียร์เปลี่ยน เป็นเสียงการทำงานในรอบสูงเมื่อเครื่องยนต์ถ่ายเทแรงอัดปลดปล่อยลงไปที่ท่อระบายท้าย เสียงการทำงานของเครื่องยนต์ 2 ลิตร เทอร์โบไม่ได้ดังจนแสบแก้วหู ให้ความเร้าใจใช้ได้และเบากว่า TTS เป็นเสียงเครื่องยนต์จริงๆ ที่ไม่ได้ผ่านการปรุงแต่งด้วยคอมพิวเตอร์ ขนาดที่เล็กกับแรงบิด 370 นิวตัน-เมตร ทำให้มันเป็นรถที่เร็วและคล่องตัวมาก ความคล่องตัวของมันจะยิ่งกระตุ้นให้คุณขับเร็วขึ้นเรื่อยๆ ชนิดไม่รู้ตัว และถึงแม้ว่าจะใช้ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อที่สามารถกระจายแรงบิดได้เร็วกว่าเดิมแต่ถ้าเข้าโค้งด้วยความเร็วสูงมากจนเกินไปคุณจะพบกับอาการอันเดอร์สเตียร์หรืออาการหน้าดื้อโค้ง วิธีที่เหมาะสมก็คือการยกเท้าออกจากคันเร่งหรือแตะเบรกก่อนพุ่งเข้าหัวโค้งเพื่อลดความเร็ว หลังจากความเร็วลดลง หน้ารถจะกลับมาเลี้ยวเข้าโค้งได้อย่างแม่นยำ การรู้จักผ่อนสั้นผ่อนยาวเมื่อขับ Audi TT จะช่วยทำให้คุณไปได้เร็วขึ้นและสนุกกว่ามาก




ถึงแม้ว่า TT จะเป็นรถเครื่องวางหน้าที่มีโครงสร้างเกี่ยวดองกับ Audi A3 และ Golf แต่การกระจายน้ำหนักนั้นทำได้ดีกว่า (54:46) ระยะโอเวอร์แฮงค์ที่สั้นกุดช่วยทำให้การบังคับควบคุมดีมากไม่ว่าจะเป็นจังหวะของการกดคันเร่งเพื่อออกตัวเร็วๆ เลี้ยวในโค้งมุมแคบหรือเบรกแบบเต็มกำลัง ยางติดรถยี่ห้อ Goodyear รุ่น Efficientgrip ไซส์ 225/50 R17 ทำหน้าที่ได้ดี กริ้บหรือลายดอกยางแบบสปอร์ตส่งถ่ายแรงยึดเกาะในระดับที่พอดิบพอดี ในวันที่ผิวถนนมีอุณหภูมิสูงแบบนี้ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการทำความเร็วรวมถึงการหักเลี้ยวที่ทำได้ตามสั่ง ถ้าเข้าโค้งแรงเกินไป ระบบรักษาเสถียรภาพจะเริ่มเข้ามาแทรกแทรงแต่มันจะยังไม่ทำงานจนกว่าสถานการณ์จะเริ่มย่ำแย่จริงๆ เพราะก่อนที่ ESC จะสั่งงาน ชุด Torque Vectoring จะช่วยปรับแรงบิดไปยังล้อที่เหมาะสมไม่ว่าจะเป็นซ้าย ขวา หน้า หรือหลัง Quattro ช่วยสร้างแรงยึดเกาะได้ดีในทุกสถานการณ์




แม้จะฟังดูยุ่งเหยิงจนอาจทำให้การขับไม่สนุกแต่ในความเป็นจริงคุณจะไม่รู้สึกเลยว่าชุดขับ 4 Quattro กำลังทำงาน และต้องตั้งใจจับความรู้สึกกันจริงๆจังๆถึงจะรู้ว่า Quattro นั้นเป็นระบบขับเคลื่อนที่มีศักยภาพสูง ส่วนระบบรักษาเสถียรภาพการทรงตัว ESC (Electronic Stabilisation Control) สามารถปิดการทำงานบางส่วน ช่วยเสริมการควบคุมรถในสไตล์สปอร์ตแบบสุดขั้ว เมื่อขับเข้าโค้งพร้อมกับเปิดระบบควบคุมการทรงตัว ระบบควบคุมเสถียรภาพจะจัดการกับแรงบิดขณะเข้าโค้ง โดยทำงานในลักษณะผกผันแรงบิดให้สามารถกระจายแรงจากล้อหน้าด้านโค้งในไปสู่ล้อหน้าด้านนอกโค้ง เพื่อการยึดเกาะที่สมดุล ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ Quattro ยังเฉลี่ยแรงบิดไปที่ล้อคู่หลัง ทำให้รถสามารถขับเข้าโค้งในลักษณะต่างๆ ได้อย่างแม่นยำ รวมถึงยังทำหน้าที่ควบคุมรถแบบไถลปัดท้ายที่อาจก่อให้เกิดอันตราย




ชุดเกียร์ S-Tronic ทำหน้าที่เปลี่ยนเกียร์ได้อย่างว่องไวรวดเร็วและเนียน ไม่มีอาการกระตุกกระชากเมื่อเปลี่ยนเกียร์ รอบเครื่องตวัดขึ้นอย่างเร็วเมื่อผมลดเกียร์ลงสองตำแหน่งเพื่อเข้าโค้งมุมแคบ ไม่ว่าจะสับเกียร์ผ่าน Paddle หรือโยกคันเกียร์ในตำแหน่ง +/- ก็จะพบกับการทำงานที่เร็วมาก เกียร์อัตโนมัติขับสี่ของ TT แม้จะมีอัตราทดน้อยที่สุดเมื่อเทียบกับคู่แข่งอย่าง Z4 หรือ SLC แต่ไม่ได้บั่นทอนประสิทธิภาพของการทดกำลัง เมื่อกดคันเร่งเบาๆ ในเกียร์ 6 ก็ยังแซงรถช้าได้อย่างสบายๆ โดยไม่ต้องชิฟเกียร์ลงต่ำด้วยซ้ำ




ช่วงล่างแบบมาตรฐานค่าตายตัวปรับตั้งอะไรไม่ได้ กับพวงมาลัยไฟฟ้า Progressive Steering เป็นอุปกรณ์มาตรฐานของ TT Roadster 45 TFSi Quattro ช่วยทำให้เจ้าของรถสนุกได้อย่างเต็มที่ โดยเฉพาะการหวดเร็วจี๋เข้าโค้ง สอดคล้องกับบุคลิกแบบสปอร์ตของ TT เป็นที่สุดแห่งรถเล็กที่วิ่งได้เร็ว แถมยังเข้าโค้งได้เนียนและไวจนทำให้คนที่นั่งไปด้วยถึงกับขนหัวลุก นี่คือรถสปอร์ตเปิดประทุนอีกคันที่มอบความประทับใจในด้านของสมรรถนะและมีราคาไม่แพง เป็นจักรกลเปิดหลังคาที่ขับได้สนุก มอบทุกสิ่งทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับการขับ เท่าที่รถสปอร์ตคันเล็กจะสามารถให้กับคุณได้ทุกเวลาตามต้องการ แรงยึดเกาะในโค้งและความโปร่งโล่งเมื่อเปิดหลังคาจะทำให้คุณหลงรักมันมากกว่ารถสปอร์ตขับเคลื่อนล้อหลังทุกคันที่คุณเคยมีก็แล้วกัน!
สีตัวถัง
Glacier white,metallic (2YPA)
Mythos black, metallic (0EPA)
Nano grey, metallic (G3PA)
Tango red, metallic (Y1PA)
Turbo blue, solid (N6PA) (คันทดสอบ)
Vegas yellow, solid (L1PA)
Audi TT Roadster 45 TFSI quattro S-Line (นำเข้า CBU) 3,599,000 บาท
รับประกัน 5 ปี หรือ 150,000 km. 24hr Road-side Assistant บริการช่วยเหลือฉุกเฉิน 24 ชั่วโมง 5 ปี

Audi TT Roadster 45 TFSi Quattro S Line Technical data
แบบเครื่องยนต์ เครื่องยนต์เบนซินดับเบิลโอเวอร์เฮดแคมชาฟท์ (DOHC) 4 สูบแถวเรียง พร้อมระบบจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแบบฉีดตรง (direct injection) และ
Turbocharge พร้อมระบบหล่อเย็นด้วยอากาศ
จำนวนวาล์ว 4 วาล์วต่อสูบ = 16 วาล์ว
ปริมาตรกระบอกสูบ 1,984 ซีซี.
แรงม้าสูงสุด 169 กิโลวัตต์ 230 แรงม้า ที่ 4,500 - 6,200 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 370 นิวตันเมตร ที่ 1,600 - 4,300 รอบต่อนาที
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติ S tronic 6 จังหวะ
ระบบขับเคลื่อน ขับเคลื่อนสี่ล้อ (quattro)
อัตราเร่ง 0-100 กม./ชม. 5.6 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 250 กม./ชม.
ระบบตัดการทำงานเครื่องยนต์อัตโนมัติ (Start/stop system)
พวงมาลัย พวงมาลัยไฟฟ้า
เบรกหน้า ดิสก์เบรก
เบรกหลัง ดิสก์เบรก
พื้นที่เก็บสัมภาระ 280 ลิตร
ความจุถังน้ำมัน 55 ลิตร
ล้อ 17 นิ้ว ขนาด 8J x 17 พร้อมยางขนาด 225/50 R17
ยางอะไหล่
ระบบความปลอดภัย TT Roadster 45 TFSI quattro S line
ถุงลมนิรภัยคู่หน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง o
โครงคุ้มกันสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารเคลือบด้วยอลูมิเนียม
ระบบเตือนการคาดเข็มขัดนิรภัย
ระบบเบรกมือไฟฟ้า
ระบบล็อกเบรกขณะหยุดนิ่ง (Audi hold assist)
ระบบเบรกป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบกระจายแรงเบรก EBD (Electronic brake distribution)
ระบบป้องกันล้อหมุนฟรี TCS (Traction control system)
ระบบควบคุมการทรงตัว ESC (Electronic control system with
stabilization function)
เซนเซอร์หน้า-หลังช่วยในการนำรถเข้าจอด
กล้องแสดงภาพด้านหลังขณะถอยจอด
ชุดปฐมพยาบาล
อุปกรณ์มาตรฐาน
ช่วงล่างแบบ Sports (Sports suspension) o
ระบบเลือกโหมดการขับขี่ (Audi drive select) o
ชุดตกแต่งภายนอกแบบ S line o
หลังคาผ้าสีดำ พร้อมฟังก์ชั่นเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า
ไฟหน้า LED
ไฟ daytime สำหรับการขับขี่ในเวลากลางวันแบบ LED
อุปกรณ์มาตรฐาน TT Roadster 45 TFSI quattro S line
ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (Cornering light)
กระจกมองหลังพร้อมระบบตัดแสงอัตโนมัติ
ระบบเปิด-ปิดไฟหน้า และปัดน้ำฝนอัตโนมัติ
กระจกมองข้างปรับ-พับไฟฟ้า และไล่ฝ้า
เบาะนั่งแบบสปอร์ต
เบาะนั่งหุ้มหนัง สลับ Alcantara
เบาะนั่งปรับไฟฟ้า
ระบบปรับดันหลังเบาะนั่ง 4 ทิศทาง
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ
พวงมาลัยหนังมัลติฟังก์ชั่น 3 ก้าน แบบสปอร์ตท้ายตัด
พร้อม Paddle shift
กุญแจแบบ Comfort key
ระบบข้อมูลและความบันเทิง
จอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Virtual cockpit ขนาด 12.3 นิ้ว
ระบบ MMI Navigation plus with MMI touch
ระบบเครื่องเสียง Audi sound system
รองรับการเชื่อมต่อ Bluetooth
รองรับ MP3
ช่องเชื่อมต่อ AUX-IN และ USB
ไฟเรืองแสงในห้องโดยสาร (Ambient lighting with light package)
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/