BMW M4 สปอร์ตคูเป้เป็นรถที่ดุดันจากฝากระโปรงหน้าที่ยกตัวขึ้นตรงกึ่งกลางเพื่อเพิ่มพื้นที่ให้กับอินเตอร์คูลเลอร์และฝาสูบแบบ 6 กระบอกสูบ หลังคาคาร์บอนไฟเบอร์แบบเปลือย เปลือกตัวถังในบางจุดบางตำแหน่ง เช่น ผืนหลังคา เปลี่ยนจากอะลูมินั่มอัลลอยมาเป็นคาร์บอนไฟเบอร์ ฝากระโปรงหน้า-หลัง กับบานประตูทั้ง 2 บานทำจากอะลูมินั่มอัลลอย สปอยเลอร์หน้า-หลังแบบใหม่ของ M เน้นความโหดมากกว่ารุ่นปกติด้วยช่องรับอากาศขนาดยักษ์ ฝากระโปรงหน้าอัลลอยยกสันนูนบริเวณกึ่งกลาง สำหรับชิ้นส่วนบางชิ้นที่ใช้คาร์บอนไฟเบอร์จะไม่มีการใช้สีพ่นทับ โดยต้องการโชว์ให้เห็นถึงเนื้อในของงานคาร์บอนน้ำหนักเบาซึ่งกำลังกลายเป็นวัสดุจำเป็นสำหรับซุปเปอร์คาร์ เพื่อโชว์เนื้อแท้ของงานคาร์บอนน้ำหนักเบาราคาแพง สปอยเลอร์หน้า-หลังของ M โหดพอๆ กับล้อขอบ 19 นิ้ว พร้อมชุดเบรก M คาร์ลิปเปอร์พ่นสีฟ้า ปลายท่อระบายท้ายแบบ 4 ท่อกับไฟท้าย LED ทำให้เจ้า M4 F82 ทำตัวแตกต่างจาก Series-4 อย่างชัดเจน


...

BMW M4 F82 เป็น M4 รุ่นแรกที่วางเครื่องยนต์ 6 สูบเรียงเทอร์โบคู่ เป็นเครื่องยนต์ที่เข้ามาแทนเครื่อง V8 ของ M3 E92 ที่ตัวโตมีน้ำหนักมาก ซดน้ำมันและปล่อยไอเสียมากกว่าเครื่องยนต์ 6 สูบตัวใหม่ของ M4 แรงม้าของเครื่อง 6 สูบเทอร์โบคู่มากกว่าเครื่อง V8 แบบไม่มีระบบอัดอากาศเล็กน้อยจาก 414 แรงม้าเป็น 430 แรงม้า เครื่อง 6 สูบเรียงของ M4 อาจมีรอบที่ไม่จัดจ้านเท่ากับ M3 รุ่นที่แล้ว แต่มันเร่งจาก 0-100 ใน 4.3 วินาที และสามารถลากไปได้ถึง 7,000 รอบต่อนาที น้ำหนักตัวที่เบากว่า M3 รุ่นที่แล้วถึง 100 กิโลกรัมทำให้สมรรถนะของ M รุ่นใหม่นั้นเหนือกว่าอย่างชัดเจน การใช้วัสดุพวกคาร์บอนไฟเบอร์ที่หลังคา เพลากลางและห้องเครื่องยนต์ รวมถึงท่อระบายไอเสียที่ทำจากแมคนีเซียมทำให้ M4 มีน้ำหนักไม่มากจนไปบั่นทอนประสิทธิภาพของขุมกำลัง น้ำหนักตัว 1,615 กิโลกรัมเบาขึ้นถึง 100 กิโลกรัมทำให้ควบคุมได้ง่ายกว่ารถคู่แข่งอย่าง Audi RS5 หรือแม้แต่ Mercedes Benz C63AMG

BMW M3 e30

BMW M3 e36

...
BMW M3 e46

BMW M3 e92

BMW M4 f82
BMW M มีอายุกว่า 37 ปี ด้วยวิธีการพัฒนาที่แตกต่างกันออกไปถึง 4 เจนเนอเรชั่น แต่ยังคง DNA ของรถสปอร์ตที่ขับสนุก รวมไปถึงเสียงการทำงานของเครื่องยนต์และท่อระบายท้าย การตอบสนอง พละกำลังและความแม่นยำ เครื่องยนต์ 6 สูบเรียงมีกระบอกสูบหายไป 2 ตำแหน่งรวมถึงปริมาตรความจุเครื่องยนต์ที่หายไป 1,020 ซีซี เมื่อเทียบกับเครื่องยนต์ V8 แบบหายใจเองของ M3 รุ่นที่แล้ว เครื่องยนต์ 6 สูบเทอร์โบคู่ที่เล็กลงทำให้น้ำหนักเครื่องหายไป 10 กิโลกรัม การเปลี่ยนเครื่องยนต์ให้มีขนาดที่เล็กลงแต่มีสมรรถนะที่ดีขึ้นเกิดจากการใช้ระบบอัดอากาศแบบ TWO MONO Scroll แรงบิดนั้นมาอย่างต่อเนื่องไล่จาก 1,850 ไปจนถึง 5,500 รอบต่อนาที เครื่องยนต์ M ตัวใหม่เปลี่ยนแปลงบุคลิกของ M4 อย่างสิ้นเชิง ส่งผลต่อการขับขี่ที่เกียร์สูง เมื่อกดคันเร่งลงไปที่ 2,000 รอบต่อนาที คุณจะต้องจับพวงมาลัยให้แน่นกว่าเดิม เจ้า M4 จะพุ่งออกไปราวกับลูกหินที่ถูกหนังสติ๊กยิง แรงดึงหนักๆ โผล่ออกมาทันทีพร้อมๆ กับส่วนท้ายที่ดีดดิ้นแม้จะเปิดแทรคชั่นเอาไว้ตลอดเวลาท้ายรถก็ยังส่ายจากแรงบิดมหาศาล 550 นิวตันเมตรที่ถูกปลดปล่อยลงสู่ล้อคู่หลังอย่างฉับพลันทันที
...



...

BMW M3 e30 หรือรถ M3 เจนเนอเรชั่นแรกสุด ถือกำเนิดเกิดมาบนโลกแห่งความแรงและพลังในปี ค.ศ. 1985 มันคือ M Car เวอร์ชั่นแรกสุดที่เกิดขึ้นมาบนโลกใบนี้ ท่ามกลางเทคโนโลยีในยุค 80' เรือนร่างแบบสองประตูคูเป้ของ e30 ถูกขยายแทรคฐานล้อให้กว้างขึ้นกว่า e30 รุ่นมาตรฐาน เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 4 กระบอกสูบแบบหายใจเอง ปริมาตรความจุ 2.3 ลิตร กลั่นเรี่ยวแรงออกมาให้ใช้งาน 195 แรงม้า อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 6.8 วินาที ความเร็วสูงสุดที่ M Car รุ่นแรกสุดในตระกูล Series-3 สามารถทำได้ คือ 235 กิโลเมตรต่อชั่วโมง BMW M3 รหัสตัวถัง e30 ทำยอดขายทั่วโลกได้ 17,970 คัน ตลอดช่วงอายุของมันนับจากปี ค.ศ. 1985 ไปจนถึงการยุติสายการผลิตในปี 1991 รถสปอร์ตรุ่นนี้ ได้สร้างชื่อเสียงเอาไว้มากมายในสนามแข่ง มันคือ M Car ที่ขับได้ดีอย่างเหลือเชื่อ ถึงแม้เทคโนโลยีในขณะนั้นจะไม่เอื้ออำนวยมากนัก โป่งข้างตัวถังกับวิงหลังที่สมส่วนลงตัว ทำให้มันกลายเป็นรถ M สุดคลาสสิกสำหรับการเก็บสะสมไปโดยปริยาย


แนวคิด Down Side Up Power กลายเป็นนวัตกรรมทางความคิดที่ BMW Group ยึดถือมาตลอดเกือบ 10 ปี รถ M3/M4 ที่ลืมตาออกมาดูโลกเมื่อ 3 ปีก่อน สร้างภารกรรมอันหนักหน่วงให้กับหัวหน้าทีมพัฒนา Christoph Smieskol การปรับลดน้ำหนักใน M ตัวใหม่ โดยมุ่งไปที่วัสดุน้ำหนักเบา วัสดุผสมคาร์บอนไฟเบอร์ที่นำมาใช้ใน M4 ได้รับการปรับปรุงไปอีกขั้น น้ำหนักตัวที่เบาขึ้น ทำให้ง่ายต่อการจัดการกับค่าต่างๆ ส่งผลไปถึงอัตราเร่งและการใช้เชื้อเพลิง รวมถึงการควบคุมขณะทำการหักเลี้ยว ค้ำโช้กในห้องเครื่องยนต์ทำจากคาร์บอน ส่งผลให้น้ำหนักส่วนเกินถูกตัดออกไปเป็นจำนวนที่พอเพียงต่อการลดขนาดของเครื่องยนต์ น้ำหนักตัวที่หายไปเกือบ 100 กิโลกรัม ทำให้สามารถปรับจุดศูนย์ถ่วงให้ต่ำลงไปอีก มีผลดีต่ออัตราเร่ง การเบรกที่ความเร็วสูงและความประหยัด เบ้าสปริงในล้อคู่หน้าจากที่เคยเป็นเหล็กในรุ่นที่แล้ว พอมาถึงรุ่นล่าสุด เบ้าสปริงของมันจึงต้องทำมาจากอัลลอย แก้มข้างทั้งสองฝั่งใช้วัสดุประเภทเทอร์โมพลาสติก ท่อนหน้าของตัวรถถูกรีดน้ำหนักออกไปจนมีตัวเลขการกระจายน้ำหนักที่ให้ความสมดุล 50/50
แอร์โรไดนามิกหรืออากาศพลศาสตร์ ถือเป็นเรื่องสำคัญสำหรับรถสปอร์ต ที่มีแรงม้ามากถึง 430 ตัว แนวคิดในการออกแบบตัวถังยังคงยึดอิงกับโมเดล Series-4 สำหรับ M4 ที่มีบานประตูแค่ 2 บาน กลับมีรูปลักษณ์ที่เน้นความปราดเปรียวแบบสปอร์ตคูเป้ โป่งซุ้มล้อที่ถูกขยายออกเพื่อรองรับล้อขอบ 19 นิ้ว เพิ่มความดุดันเป็นจริงเป็นจังให้กับ M Car เวอร์ชั่นล่าสุดได้เป็นอย่างดี ถึงแม้ว่า M4 จะมีขนาดตัวถังที่ใหญ่ขึ้นเมื่อเทียบกับ M3 E92 รุ่นที่แล้ว แต่น้ำหนักตัวโดยรวมของมันเบาลง 100 กิโลกรัม ผืนหลังคาแบบคาร์บอนของ M4 เอาน้ำหนักส่วนเกินออกไปอีก 6.5 กิโลกรัม หลังคาโลหะแบบมาตฐานของ Series-4 Coupe จะมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นทันที 25 กิโลกรัม ทำให้เกิดผลกระทบต่อจุดศูนย์ถ่วงของตัวรถค่อนข้างมาก




มิติตัวถังของ BMW M4 F82 มีความยาว 4,671 มิลลิเมตร กว้าง 1,870 มิลลิเมตร สัดส่วนความสูงของ M4 จะอยู่ที่ตัวเลข 1,382 มิลลิเมตร ขนาดความยาวฐานล้อ 2812 มิลลิเมตร ระยะห่างของฐานล้อหน้า-หลัง 1,579-1,603 มิลลิเมตร รัศมีวงเลี้ยว 12.2 เมตร ค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศ หรือค่า CD อยู่ที่ 0.34 น้ำหนักตัวรถทั้งคันอยู่ที่ 1,615 กิโลกรัม ความจุถังเชื้อเพลิง 60 ลิตร

หัวใจของความรุนแรงก็คือ เครื่องยนต์ BMW M TwinPower Turbo ประสิทธิภาพสูงที่แผนก M จงใจสร้างให้มีคาแรกเตอร์ของเครื่อง M แท้ๆ เทอร์โบ TWO MONO Scroll สมรรถนะสูงสองตัวคอยบูสไอดีเข้าห้องเผาไหม้ ทำให้เครื่อง 6 สูบเรียงรุ่นใหม่ตัวนี้สามารถรีดเค้นประสิทธิภาพของแรงม้าและแรงบิดได้อย่างเต็มเม็ดเต็มหน่วยในเกือบทุกย่านของรอบเครื่องยนต์ การทำงานประกอบไปด้วยระบบ High Precision Injection หรือระบบฉีดเชื้อเพลิงเข้าสู่ห้องเผาไหม้โดยตรง ระบบวาล์วแปรผันต่อเนื่อง Double Vanos / ValveTronic รวมกับชุดอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ TWO MONO Scroll ใช้เทคโนโลยี BMW M TwinPower Turbo ระบบวาล์วแปรผันในรอบต่ำ ช่วยเพิ่มจังหวะโอเวอร์แลป เพื่อทำให้ไอเสียที่เกิดขึ้นจากการเผาไหม้ในวัฏจักรก่อนหน้านี้ กลับมาเผาไหม้ซ้ำอีกครั้ง เป็นการลดมลพิษที่จะเจือปนไปกับไอเสียและช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิง

การทำงานของระบบอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ใน M4 แรงม้าสูงสุดจากการหมุนของข้อเหวี่ยงที่ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีแรงดันสูงหรือฟอร์ซ เค้นกำลังออกมาได้ 430 แรงม้า เพิ่มขึ้นพอสมควร เมื่อเทียบกับเครื่องไซส์ยักษ์แบบ V8 ใน M3 รุ่นที่แล้ว การปลดปล่อยกำลังของเครื่องยนต์ M ตัวใหม่ อยู่ในย่าน 5,750-7,000 รอบต่อนาที แรงบิดมีให้ตั้งแต่ 1,700 รอบต่อนาทีไปจนถึง 4,750 รอบต่อนาที ช่วยเสริมในจุดของแรงม้าสูงสุดได้ใกล้เคียงกับเครื่อง V8 ตัวก่อน สำหรับชุดอัดอากาศแบบเทอร์โบคู่ พร้อมอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดเล็ก ที่อยู่ใกล้กับฝาสูบด้านบน เทอร์โบทั้งสองตัวจัดวางแปะอยู่ข้างตัวเครื่องด้วยการใช้เทคนิค แบบ Bi-Turbo โดยเทอร์โบ 1 ตัวรับหน้าที่ 3 กระบอกสูบในการอัดอากาศ เป็นเทอร์โบแบบ TWO MONO Scroll การแยกเทอร์โบให้รับผิดชอบฝั่งละ 3 สูบ ทำให้มันไม่ต้องรับภารกรรมการทำงานมากนัก เทอร์โบในเครื่องยนต์ M ตัวใหม่ สามารถทำงานได้อย่างเต็มศักยภาพและตลอดเวลาแม้จะโดนอัดอย่างต่อเนื่องในสนามแข่งรถ



กลีบเทอร์ไบน์รวมถึงแกนสามารถหมุนในรอบที่เร็วถึง 200,000 รอบต่อนาที โดยมันจะสามารถคงรอบเอาไว้ที่ 120,000 รอบต่อนาที ไม่ให้ตกลงไปด้วยการทำงานของเวสเกตแบบไฟฟ้า ท่อไอดีถูกออกแบบให้มีความไหลลื่นเพื่อความเป็นระเบียบของอากาศขณะไหลผ่าน ท่อไอดีของ M ออกแบบให้แทบจะไม่มีจุดคอด โดยมีอินเตอร์คูลเลอร์ขนาดกะทัดรัด ที่ติดอยู่ใกล้กับท่อไอดี เพื่อช่วยในด้านการตอบสนองของเทอร์โบ ช่วยทำให้มั่นใจได้ว่า อากาศร้อนจะไม่ถูกอัดกลับเข้าไปยังห้องเผาไหม้แบบซ้ำๆ เทอร์โบคู่ของเครื่องยนต์ตัวนี้ ทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นอีก 30% ลดการปล่อย CO2 ลงอีก 70 กรัมต่อ 1 กิโลเมตร น้ำหนักของเครื่องยนต์ทั้งตัวเบากว่าเครื่อง V8 ตัวเก่า น้ำหนัก 10 กิโลกรัม ที่หายไปถูกแทนที่ด้วยเทอร์โบ อินเตอร์คูลเลอร์กับท่อทางเดินต่างๆ ที่เพิ่มเข้ามา สำหรับอ่างน้ำมันเครื่องนั้นทำจากแมคนีเซียมอัลลอย ปั๊มน้ำมันเครื่องแบบใหม่ กับท่อยังถูกปรับการทำงานโดยเฉพาะในด้านของความแข็งแกร่งทนทานต่ออุณหภูมิที่ร้อนจัด



การลดกระบอกสูบลง 2 ตำแหน่งด้วยการเพิ่มระบบอัดอากาศ ทำให้ประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ M4 ในด้านการให้พลังงานที่ดีขึ้นและมีการปล่อยมลพิษลดลง เครื่องยนต์ M รุ่นล่าสุด พัฒนามาจากเครื่องยนต์รหัส B58 ซึ่งเป็นเครื่องยนต์แบบ Modular สามารถเปลี่ยนปรับดัดแปลงได้ง่ายมาก ปริมาตรความจุแต่ละสูบที่ 500 ซีซี ทำให้เครื่องยนต์สามารถกลายเป็นเครื่องแบบ 4 สูบ หรือ 3 สูบได้อย่างสบายๆ ความจุกระบอกสูบที่ 500 ซีซี พอหั่นเหลือ 3 สูบ ก็จะได้เครื่องยนต์ความจุเพียงแค่ 1.5 ลิตรสำหรับรถสปอร์ตอย่าง BMW i8 และ MINI รุ่นล่าสุด หรือลดจาก 6 เหลือ 4 กระบอกสูบ ก็จะได้เครื่องยนต์แบบ 2.0 ลิตร ที่สามารถนำไปใช้กับรถยนต์หลากหลายรุ่นภายในค่าย


เครื่องยนต์ M4 สามารถจูนอัพเพิ่มแรงม้าให้ออกมาเป็นรุ่นพิเศษที่แรงกว่า M รุ่นปกติ (ในรถ M4 รุ่นพิเศษอย่าง BMW M4 GTS) เครื่องยนต์ตัวใหม่มีอัตราส่วนกำลังอัด 10.2:1 สร้างแรงม้าสูงสุดที่ 430 แรงม้าในรอบเครื่องยนต์ 5,500-7,000 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 550 นิวตันเมตร หรือ 55 กิโลกรัมเมตรที่ 1,750-5,500 รอบต่อนาที อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 4.3 วินาที ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดอยู่ที่ 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง Optional M Driver’s Package เพิ่มเติมความเร็วปลายให้ไปถึง 280 กิโลเมตรต่อชั่วโมง สำหรับเจ้าของที่ชอบผลักดัน M4 ให้ถึงขีดจำกัดของตัวรถก็สามารถจ่ายเพิ่มเพื่อความแรงในจุดนี้


ชุดส่งกำลังหรือระบบเกียร์ของ BMW M4 รุ่นที่ขายในประเทศไทย เป็นเกียร์ออโต้กึ่งอัตโนมัติที่ใช้คลัตซ์ 2 ชุด โดยยกชุดเกียร์ทั้งยวงมาจาก BMW M5/M6 ซึ่งก็คือเกียร์ของ M3 E92 แต่ถูกปรับไส้ในพวกกระบวนเฟืองเกียร์ให้มีความแข็งแรงมากขึ้น เฟืองท้ายที่ทดให้สั้นลง ส่งผลให้การเปลี่ยนอัตราทดว่องไวขึ้น เกียร์ M-DCT 7 สปีด สามารถรับแรงบิดที่เกินระดับ 550 นิวตันเมตร ได้อย่างสบายๆ เหมาะกับเจ้าของ M ที่นิยมนำรถไปจูนเพื่ออัพแรงม้าให้มากกว่าเดิม หรือนำไปลงแข่งในสนามแข่งรถ เฟืองท้ายแบบ M-Limited Slip Differential เป็นเฟืองแบบลิมิเต็ดไฟฟ้า มีกล่องสมองกลที่คอยรับข้อมูลที่ส่งมาจากหลายๆ ส่วน ซึ่งรวมถึงตำแหน่งของลิ้นปีกผีเสื้อ มุมองศาของพวงมาลัย ระบบควบคุมการทำงานของเฟืองท้ายไฟฟ้าจะประมวลผลไปยังชุด Differential ว่าจังหวะใดควรจะปล่อย หรือล็อกเฟืองท้าย หรือล็อกแบบ 100% มันช่วยเข้ามาแทนที่การทำงานในแบบกลไกสปริง ทำให้การเกาะถนนดีขึ้น ลดอาการอันเดอร์สเตียร์ ทำให้รีดแรงบิดลงพื้นได้อย่างเต็มที่ ระบบ M Differential ซึ่งถูกใช้มาตั้งแต่รุ่นที่แล้วเป็นเฟืองท้ายแบบกลไกควบคุมด้วยสมองกลไฟฟ้า ซึ่งจะส่งถ่ายแรงบิดไปยังล้อหลังที่ใช้ในการขับเคลื่อน และทำให้มันเป็นรถสปอร์ตที่มี 2 บุคลิก คือ เกาะถนนสุดๆ กับดริฟแบบควันท่วมล้อได้ทั้งสองแบบ ขึ้นอยู่กับการเลือกโหมดการขับขี่และฝีมือของผู้ที่ควบคุม


เกียร์ M-DCT 7 สปีด วิศวกรของแผนก M ใช้การตั้งค่ามาตรฐานในแง่ของการรับแรงบิดและความสามารถในการเปลี่ยนเกียร์ที่มีความรวดเร็วโดยไม่มีการประนีประนอม เกียร์กึ่งออโตลูกนี้ยังถูกออกแบบมา เพื่อการใช้งานในชีวิตประจำวัน เกียร์ M-DCT 7 ยังให้อารมณ์ของความเป็นรถสปอร์ตเมื่อขับเร็วขึ้น สำหรับการเปลี่ยนเกียร์สามารถทำได้ทั้งแบบอัตโนมัติ ปล่อยให้โหมดการขับเคลื่อนตัดสินใจเลือกอัตราทดด้วยตัวของมันเอง หรือแบบกึ่งอัตโนมัติเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์ด้วยตัวของผู้ขับเอง โดยในโหมดอัตโนมัติ M-DCT 7 ช่วยให้การเปลี่ยนเกียร์รวดเร็ว โดยไม่มีการหยุดชะงัก ช่วยให้ประสิทธิภาพของแรงบิดถูกปล่อยลงไปยังเฟืองท้ายได้ดีขึ้น ที่ความเร็วต่ำ ระบบคลัตช์คู่ ควบคุมเสถียรภาพการทำงานให้มีความลื่นไหลต่อเนื่อง M DCT ยังมีฟังก์ชันโหมด Drivelogic ที่สามารถเลือกโดยคนขับ เพื่อให้ BMW M4 มีความสะดวกสบายในการใช้งานบนชีวิตประจำวัน



เพลากลางคาร์บอนน้ำหนักเบา เป็นเพลาแบบใหม่ที่ผลิตจากวัสดุผสมคาร์บอนไฟเบอร์ ทำให้มีน้ำหนักเบาขึ้นอีก 5 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับเพลากลางของ M ตัวก่อนหน้านี้ เพลาคาร์บอนยังเข้ามาช่วยลดแรงเหวี่ยงหนีศูนย์กลาง รวมถึงยังแข็งแกร่งขึ้น เสริมในด้านของการตอบสนองต่อการเร่งความเร็วในระดับยิ่งยวด คุณสมบัติของวัสดุ CFRP ที่ใช้ประกอบขึ้นเป็นเพลากลาง เน้นไปที่การรับแรงบิดจากเกียร์ ส่งตรงไปยังเฟืองท้าย มันทำงานภายใต้ภารกรรมที่หนักมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยานพาหนะที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น ในรถ M Car ความแข็งแกร่งที่น่าประทับใจและน้ำหนักเบาของเพลากลางแบบคาร์บอน เพลาขับถูกสร้างขึ้นเป็นแบบชิ้นเดียว วิศวกรของ M ประสบความสำเร็จในการลดมวล การหมุนด้วยความเร็วรอบสูงสุดด้วยความเสถียร เกียร์ M-DCT ทำงานพ่วงต่อกับ Active M Differential ภายในชุดเฟืองท้าย รับหน้าที่ปรับการส่งถ่ายแรงบิดของล้อขับเคลื่อนทั้งสองฝั่งให้มีความเหมาะสมกับสภาพการของการขับขี่ ความเร็วและรูปแบบในการเข้าโค้ง



ชุดเฟืองท้าย ประกอบด้วย Multiple Plate Clutch สองชุด แยกการทำงานฝั่งซ้ายและขวา โดยระดับของการกระจายแรงบิดไปยังแต่ละล้อขึ้นตรงกับ ECU ระบบ Driveing Stability Control หรือตัวช่วยควบคุมการทรงตัวถูกอัพให้มีความแตกต่างจาก Series-3 รุ่นมาตรฐาน เพื่อทำให้มีความเหมาะสมกับแรงม้า 430 ตัว และแรงบิดระดับ 550 นิวตันเมตร ระบบควบคุมการทรงตัวใน M3/M4 มาพร้อมกับ M Dynamic Mode ซึ่งรับหน้าที่เชื่อมโยงระบบควบคุมการทรงตัวให้ทำงานร่วมกับระบบความปลอดภัยเชิงป้องกัน เช่น Dynamic stability control / M Specific Servotronic Steering / BMW Adaptive M Suspension / Active M Differential



Active M Differential คือ หนึ่งในบรรดาองค์ประกอบอื่นๆ ในฟังก์ชันการใช้งานที่เพิ่มความยึดเกาะแบบไดนามิกของรถ BMW M4 ใช้การควบคุมการทำงานด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ หน่วยควบคุมที่เชื่อมโยงกับ DSC Dynamic Stability Control (ระบบควบคุมเสถียรภาพ แบบไดนามิก) ระบบควบคุมจะมุ่งจับข้อมูลไปที่ตำแหน่งของการเหยียบคันเร่ง ความเร็วในการหมุนของล้อ และอัตราการหันเหของตัวรถในทุกสถานการณ์ สมองกลของเฟืองท้าย Active M Differential มีการวิเคราะห์อย่างแม่นยำ โดยจะตอบสนองอย่างรวดเร็วต่อล้อขับเคลื่อนที่มีการสูญเสียแรงยึดเกาะ



สำหรับระดับของการสั่งให้เฟืองท้ายล็อก จะเกิดขึ้นภายในเสี้ยววินาที ทำให้ล้อที่กำลังหมุนโดยขาดแรงยึดเกาะจะกลับมายึดเกาะกับผิวถนนอีกครั้ง ในกรณีที่เกิดอาการสูญเสียการเกาะถนน ที่ล้อขับเคลื่อนล้อใดล้อหนึ่ง การทำงานโดยสั่งให้ล็อกแบบ 100% หรือน้อยกว่า มีความแตกต่างผกผันกันไปตามสถานการณ์ของการขับขี่ รวมถึงการประมวลผลของแรงเสียดทาน เมื่อมีการเปลี่ยนแปลงทิศทางอย่างรวดเร็ว ระบบ Active M Differential ช่วยทำให้ส่วนท้ายเกิดความเสถียร มันเหมาะสำหรับสภาวะของการขับที่มีความท้าทาย และช่วยทำให้อัตราเร่งน่าประทับใจ




ชุดแร็คแอนพีเนียนในพวงมาลัยไฟฟ้า Electromechanical steering system ในรถ BMW M4 แสดงให้เห็นถึงพัฒนาการใหม่จาก BMW M GmbH และองค์ประกอบที่สำคัญ ในการเชื่อมโยงกันระหว่างคนขับและรถยนต์ มันถูกปรับตั้งน้ำหนักผกผันไปตามความเร็ว ตลอดจนโหมดของการขับขี่ ที่จะเชื่อมความรู้สึกพวงมาลัยไปยังผู้ขับขี่โดยตรง พวงมาลัยไฟฟ้าของ M4 มีความแม่นยำ และบรรจุฟังก์ชันแบบบูรณาการ ครอบคลุมการขับขี่ด้วยการปรับตั้งน้ำหนักแบบอัตโนมัติ ด้วยระบบอิเล็กทรอนิกส์ Servotronic วาล์วและมอเตอร์ปรับระดับของน้ำหนักตามความเร็วให้มีค่าที่เหมาะสมกับลักษณะของการขับขี่ พวงมาลัยของ M4 ยังทำงานเชื่อมโยงกับโหมดการขับผ่านการตั้งค่า ผู้ขับสามารถเลือกโหมด COMFORT / SPORT / SPORT + ช่วยให้ระดับของน้ำหนักมีความเหมาะสมไปกับความเร็วในขณะนั้นๆ กลศาสตร์ขั้นสูงของแกนพวงมาลัย กับซอฟต์แวร์ที่ปรับตั้งมาเป็นอย่างดี ส่งผลให้เกิดความแม่นยำ และตอบสนองอย่างน่าทึ่ง โดยเชื่อมโยงการทำงานกับระบบรองรับได้เป็นอย่างดี



พวงมาลัยไฟฟ้าคือการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ใน M Car โดยเฉพาะ M4 วิศวกรของ M GmbH วางแผนงานการสร้างความรู้สึกใหม่ในระบบบังคับเลี้ยวบนรถสปอร์ตที่มีกำลังมากถึง 430 แรงม้า เป้าหมายในการสร้างมันออกมาให้มีประสิทธิภาพ ที่เหนือกว่าพวงมาลัยของรถคู่แข่ง โดยภาพรวม พวงมาลัยของ M4 เหนือกว่า M3 e92 รุ่นที่แล้วอย่างชัดเจนในด้านของการทดน้ำหนักและการส่งถ่ายอารมณ์ความรู้สึกของการควบคุม น้ำหนัก การตอบสนอง และความแม่นยำ ระบบมอเตอร์ไฟฟ้า พร้อมวาล์วแบบใหม่ กลบเกลื่อนสิ่งที่เคยขาดหายไปใน M3 E92 นอกจากสัมผัสที่ดีเยี่ยมแล้ว มันยังมีน้ำหนักลดลงอีก 3 กิโลกรัม รวมถึงยังช่วยทำให้ประหยัดเชื้อเพลิงขึ้นอีก 5%


แซสซีของ M3/M4 ถูกสร้างออกมาให้มีลักษณะเฉพาะตัว ที่มีความแตกต่างจาก Series-3F30 เหล็กกันโคลงและค่าความแข็งของสปริงทั้งรุ่น 2 หรือ 4 ประตู จะเท่ากันพอดิบพอดี ส่วนความแข็งของโช้กอัพนั้นแตกต่างกันเพียงเล็กน้อย ซึ่งทำให้ M3 ส่งถ่ายความรู้สึกที่นิ่มนวลกว่า ส่วน M4 นั้นให้อารมณ์เหมือนกับการควบคุมเครื่องจักรพลังสูงที่แข็งแกร่ง และไม่มีความโอนอ่อนผ่อนคลายให้กับใคร ในช่วงของการพัฒนา นักขับรถแข่งชื่อดัง Timo Glock ซึ่งปัจจุบันเป็นมือแข่งภายในทีม DTM ได้ลงทดสอบรถต้นแบบแล้ว ช่วยให้คำแนะนำดีๆ เกี่ยวกับแซสซีและระบบรองรับ




การปรับปรุงในขั้นตอนของการพัฒนามาเสร็จสิ้นลงในช่วงสุดท้าย ด้วยการเลือกขนาดของล้อ ระบบห้ามล้อและชุดควบคุมการทรงตัว โครงสร้างของช่วงล่างถูกปรับจากเดิม จุดยึดของแพหลัง ถูกยึดติดเข้ากับตัวรถโดยตรง เพื่อเพิ่มความแข็งแรง ลดอาการบิดตัว ทำให้ล้อหลัง ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนทำงานได้อย่างเที่ยงตรงมากยิ่งขึ้น ในขณะเดียวกัน แพหน้าที่ทำขึ้นทั้งชิ้นจากอะลูมินั่มอัลลอย นอกจากจะช่วยทำให้ชิ้นส่วนที่เพิ่มเข้ามามีน้ำหนักเบาลงแล้ว ยังช่วยเสริมในด้านของความแข็งแรงอีกด้วย น้ำหนักของแพหน้าลดลงไปอีก 5 กิโลกรัม และ 3 กิโลกรัมที่ด้านหลัง ส่วนจานเบรกแบบเหล็กหล่อเจาะรูระบายความร้อน พร้อมด้วยคาร์ลิปเปอร์ M สีฟ้าแบบ 4 พอต ที่ด้านหน้าสามารถกำราบม้า 430 ตัวให้เชื่องลงได้อย่างรวดเร็ว โดยมีออปชั่นเสริมเป็นจานเบรกคาร์บอนเซรามิกกับคาร์ลิปเปอร์ M สีทองแบบ 6 พอตหน้า 4 พอตหลัง




ท่อระบายไอเสียไล่จากท่อหน้าที่ติดกับตัวเครื่องไปจนถึงส่วนท้ายผลิตขึ้นจากสเตนเลสแบบหนา ท่อระบายไอเสียในขั้นตอนของการทดสอบ มีการปรับตั้งเสียงของเครื่องยนต์ที่ออกไปยังท่อท้ายในทุกย่านความเร็วรอบ ท่อไอเสียมีระบบลิ้นปีกผีเสื้อหรือ By Part valve ควบคุมการทำงานด้วยไฟฟ้า มันสามารถทำให้เสียงที่ถูกขับออกมาโดยปล่อยเสียงหลายระดับหรือหลายโทนเสียงขึ้นอยู่กับรอบเครื่องยนต์หรือแตกต่างกันออกไปตามโหลดที่เกิดขึ้นซึ่งผกผันโดยตรงกับรอบเครื่องยนต์ นอกจากนี้ท่อระบายทั้งเส้นของ M4 ยังมีน้ำหนักเบากว่า M3 รุ่นที่แล้ว




ล้ออัลลอยขอบ 19 นิ้วลาย M ใน BMW M4 ออกแบบใหม่หมดทั้งวงด้วยก้านวงแบบ 5 ก้านคู่ เป็นล้ออะลูมิเนียมน้ำหนักเบา Forged 19-inch Light Alloy Wheel Double-Spoke Style 437 ช่วยลดมวลใต้สปริงได้อีก 3 กิโลกรัม เมื่อเทียบกับรุ่นก่อนหน้านี้ การเชื่อมต่อระหว่างเฟรมกับล้อ เพื่อให้บรรลุระดับใหม่ของการขับรถ โดยมีความแม่นยำแต่ไม่ละเลยในด้านของความสะดวกสบาย มันคือ ความลงตัวของเทคโนโลยีมอเตอร์สปอร์ต ผสานกับการใช้งานในชีวิตประจำวัน




การพัฒนายางสปอร์ตประสิทธิภาพสูงสำหรับรถ M4 ได้รับการรวมอยู่ในขั้นตอนของการสร้าง โดยใช้หลักการของรถสปอร์ตที่มีประสิทธิภาพสูง เช่น รถ BMW M4 โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ความรู้สึกหลังพวงมาลัย และความแม่นยำในการบังคับทิศทาง การพิจารณาที่สำคัญที่สุด ในการพัฒนายางสำหรับล้อหน้า-หลัง เพื่อส่งถ่ายเสถียรภาพ วิศวกรได้เลือกใช้งานยาง Michelin รุ่น Pilot Super Sport ยางสปอร์ตสมรรถนะสูง ด้านหน้าขนาด 255/35ZR19 ส่วนล้อหลัง ซึ่งเป็นล้อขับเคลื่อนใส่ยางเส้นเขื่องขึ้นอีกนิดที่ 275/30ZR19 น่าเสียดายที่รถ M4 คันทดสอบของ BMW Thailand ถูกเปลี่ยนเป็นยาง Bridgestone Potenza S001 แม้จะเป็นยางสปอร์ตประสิทธิภาพสูงแต่สมรรถนะของยางรุ่นนี้ก็ยังเป็นรอง Michelin รุ่น Pilot Super Sport อย่างเห็นได้ชัด!




Cockpit ของ BMW M4 คือส่วนผสมที่ค่อนข้างลงตัวจากคอนโซลของ Series-4 โดยมีอุปกรณ์สำหรับการปรับตั้งเพิ่มเติมเข้ามาในบางจุด เบาะแบบสปอร์ตของ M โอบรัดและให้ความรู้สึกที่มั่นคงเมื่อนั่งลงไปยังตำแหน่งควบคุม เบาะปรับด้วยไฟฟ้า พร้อมหน่วยความจำทำจากหนังแท้ กึ่งกลางของตัวเบาะมีตราสัญลักษณ์ M บ่งบอกให้คนนั่งหรือคนขับรับรู้ว่ากำลังนั่งอยู่บนรถสปอร์ตที่ไม่ธรรมดา คอนโซลกลางทั้งผืนภายในทำจากโฟมขึ้นรูป ห่อหุ้มด้วยวัสดุคล้ายหนัง คาดกึ่งกลางคอนโซลด้วยงานคาร์บอนโชว์ลาย จอภาพมัลติฟังก์ชันที่ผสานการทำงานกับระบบ iDRIVE มีขนาด 8 นิ้ว จอภาพมอนิเตอร์ดังกล่าวถูกออกแบบให้เข้ากับทรงของคอนโซลอย่างสวยงาม




ช่องแอร์ทรงเหลี่ยม แผงประตูไล่ระดับของโทนสี เพื่อให้มีความกลมกลืนกับพื้นผิวและโทนสีโดยรวมของห้องโดยสาร แผงประตูคาดด้วยงานอัลลอย โดยมีวัสดุพวกหนังแท้และผ้าเนื้อดีที่เข้ากันกับตัวเบาะ คอนโซลที่หุ้มห่อด้วยหนังแท้ยังโชว์ความประณีต บรรจง ในงานประกอบ ห้องโดยสารของแผนก M ด้วยการใช้ด้ายสีขาวเย็บเดินตะเข็บคู่บนงานหนังที่ใช้หุ้มเบาะ สำหรับห้องโดยสารของ M4 ที่เจ้าของต้องการให้มีโทนสีที่สว่าง สามารถเลือกใช้สีสันของภายในได้ 4 แบบ ซึ่งส่วนใหญ่มีดีไซน์ของสีสันที่เน้นความกลมกลืน หรือความดุดัน ตามแต่ความต้องการของลูกค้า



มาตรวัดความเร็วและมาตรวัดรอบเครื่องยนต์ในหน้าปัดแตกต่างจาก Series-4 อย่างเห็นได้ชัด มาตรวัดความเร็วถูกปรับให้มีค่าตัวเลขความเร็วมากยิ่งขึ้นจาก 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงใน Series-4 รุ่นมาตรฐานไปเป็น 330 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มาตรวัดรอบมีตัวเลข 8,500 รอบต่อนาที โดยมีไฟสัญญาณแจ้งเตือนถึงรอบสูงในย่านตั้งแต่ 7,000 รอบไปจนถึง 8,500 รอบต่อนาที ตามมาตรฐานที่ BMW ต้องวางมาตรวัดระดับเชื้อเพลิงไว้ที่มุมด้านซ้ายสุดของกรอบหน้าปัด และนำเอามาตรวัดระดับอุณหภูมิของเครื่องยนต์ไฟไว้ที่ด้านขวา มันคือ ประเพณีที่ได้ปฏฺิบัติสืบต่อกันมาอย่างยาวนาน เป็นตำแหน่งของการอ่านค่ามาตรวัดต่างๆ ที่ให้ความรู้สึกคุ้นเคยและง่ายต่อการใช้งาน




พวงมาลัย M แบบ 3 ก้าน มีขนาดรอบวงเหมาะ เป็นพวงมาลัยไฟฟ้ารอบวงหุ้มด้วยหนังแท้เนื้อนิ่ม เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายลาย M สีแดง ฟ้าและน้ำเงินสลับกับไป-มาอย่างสวยงาม พวงมาลัยของ M ติดตั้งสวิตช์ ปรับตั้งฟังก์ชันต่างๆ เช่น การควบคุมเครื่องเสียง รับโทรศัพท์ ปรับตั้งระบบล็อกความเร็วอัตโนมัติ หลังวงพวงมาลัยมีก้าน Paddle Shift เรียวเล็ก ติดตั้งอยู่ทั้งสองข้างสำหรับการชิฟเกียร์ผ่านแป้น Paddle Shift ตัวแป้นเปลี่ยนเกียร์ทำจากอัลลอย คล้าย Paddle ของ Porsche 911 เพียงแต่มีขนาดที่เรียวเล็กสมส่วนมากกว่า แป้นสำหรับกดแตรออกแบบให้มีทรงที่กลมมน หุ้มเดินขอบด้วยวัสดุประเภทอัลลอย



เกียร์ M-DCT 7 สปีด ใช้งานพลาสติกและไวนิลล้อมกรอบด้วยพลาสติกสีเงิน คันเกียร์สั้นกุด มีหัวเกียร์ทรงกลม แปะตราสัญลักษณ์ M ที่หัวเกียร์ บริเวณหัวเกียร์สามารถเรืองแสงได้ เพื่อแจ้งตำแหน่งของการใช้เกียร์ในขณะที่กำลังขับเคลื่อน คันเบรกมืออยู่ถัดลงมาและวางอยู่ในตำแหน่งที่มีความเหมาะสมกับการยึดจับเพื่อดึงใช้งาน ก้านเบรกมือใช้ถุงหนังแท้สีดำห่อหุ้ม คอนโซลซุ้มเกียร์ไล่ระดับความสูง-ต่ำ เพื่อความกลมกลืน แผงเกียร์กับสวิตช์ iDRIVE คาดตกแต่งด้วยงานคาร์บอนเคฟลาร์ ด้านข้างของกรอบซุ้มเกียร์ติดตั้งสวิตช์ ปรับโหมดการขับเคลื่อน การปรับตั้งพวงมาลัย ระบบรองรับ ปลดหรือสั่งการใช้งานระบบควบคุมการทรงตัว สวิตช์ปรับตั้งระบบล็อกความเร็วแบบอัตโนมัติ การสั่งงานของกลุ่มสวิตช์ที่อยู่ด้านข้างติดกับซุ้มเกียร์ จะเชื่อมโยงการทำงานกับ M Mode เพื่อส่งถ่ายการขับขี่ในระดับต่างๆ ตามที่ผู้ขับต้องการ




BMW M4 สี austin yellow metallic แม้จะมีรูปทรงและพละกำลังที่ดุดันแต่การขับใช้งานในเมืองใหญ่ที่มีการจราจรคับคั่งทำให้มันแปลงร่างเป็น Series-4 ที่ว่านอนสอนง่าย ปุ่มปรับโหมดการตอบสนองของเครื่องยนต์ถูกผมลดดีกรีความห้าวลงด้วยการใช้โหมดต่ำสุดเพื่อปรับให้มันทำตัวเรียบร้อยน่ารักเมื่อขับในเมืองที่มีการจำกัดความเร็ว รูปทรงที่สวยงามบนร่างสีเหลืองวิ่งแบบย่องๆ หยอดๆ นานหลายวันโดยยังไม่มีโอกาสเอาออกไปลองทางยาวๆ เมื่อลงไปนั่ง เบาะที่สามารถปรับให้เตี้ยมากกว่าปกติรวมถึงการออกแบบที่ดีของเบาะ M สร้างท่านั่งที่คุ้นเคยสำหรับการควบคุมรถยนต์ประสิทธิภาพสูง ความสมดุลของพวงมาลัยในย่านความเร็วต่ำทำให้บังคับควบคุมได้ง่าย ความเตี้ยของตัวรถทำให้ต้องระวังเวลาขับผ่านทางที่ไม่ค่อยจะเรียบ ช่วงล่างไฟฟ้าแบบปรับได้ถูกคาเอาไว้ที่ Sport ให้ความรู้สึกหนึบๆ แข็งๆ แต่ไม่กระด้างเท่าช่วงล่างแนวรถแข่งของ M2 ล้อขอบ 19 นิ้วกับยางผิดสเปก Bridgestone Potenza S001 ยังคงทำหน้าที่ได้ดีในย่านความเร็วต่ำ เดี๋ยวได้รู้ดำรู้แดงกันตอนขับทางยาวๆ ว่าจะดีเท่ากับ Michelin Pilot Super Sport หรือเปล่า?




เส้นทางจากกรุงเทพมหานครที่จะมุ่งหน้าไปยังจังหวัดสุพรรณบุรีเชื่อมต่อกับทางที่จะมุ่งสู่อ่างเก็บน้ำในโครงการพระราชดำริห้วยกระพร้อยมีโอกาสให้ใช้ความเร็วประปรายไม่ได้กดกันแบบเต็มข้อเพราะไม่มีถนนให้ปล่อยม้าได้หมดคอก ผมปรับโหมดการตอบสนองของเครื่องยนต์ไปที่ Sport หลังจากคลานเป็นเต่าอยู่นานหลายวันในกรุงเทพฯ เครื่อง 6 สูบเทอร์โบคู่เมื่อถูกลากรอบออกทางยาวๆ กลับคึกคักขึ้นมาทันทีเหมือนถูกปลุกให้ตื่นจากการหลับใหล เมื่อกระชากร่างออกไป M4 ก็มีชีวิตชีวาขึ้นมาทันทีทันใด การพุ่งทะยานอย่างมั่นคงด้วยการยิงยาวๆ คารอบสูงต่อเนื่องไม่มีอาการโคลงตัวโผล่ออกมาให้สัมผัส รวมถึงการเป็นหนึ่งเดียวของทุกระบบขณะห้อเข้าโค้งเร็วจี๋โดยเฉพาะหน้ารถที่จิกติดกับถนน M4 คันทดสอบที่วิ่งมาแค่ 5,000 กิโลเมตร มีแค่อาการลื่นไถลของยางเมื่อกดคันเร่งเต็มเหนี่ยวเพื่อออกตัวจากสัญญาณไฟ




เมื่อถนนเริ่มโล่งขึ้น ผมลงคันเร่งเต็มที่เพื่อทดลองออกตัวเร็วๆ เจ้า M4 จะมาพร้อมกันสองอาการก็คือ การดีดออกตัวจากจุดหยุดนิ่งด้วยความรวดเร็วพร้อมๆ กับส่วนท้ายของรถที่เลื้อยออกด้านข้างนิดๆ พอให้ได้เสียว ในยาง Michelin Pilot Super Sport ยางมาตรฐานติดรถ M4 ที่ผมเคยลองที่เยอรมันและโปรตุเกส อาการดังกล่าวเกิดขึ้นน้อยมากหรือแทบจะไม่เกิดขึ้น แต่ในยาง Potenza S001 ของ Bridgestone การออกตัวเต็มสูบปรากฏอาการลื่นของยางเมื่อม้าถูกปล่อยลงพื้นแบบเต็มที่ อาการเลื้อยดังกล่าวทำให้รู้สึกสนุก แค่ยกคันเร่งนิดเดียวเจ้า M4 ก็กลับมาอยู่กับร่องกับรอย แต่สำหรับมือใหม่ อาการเลื้อยๆ ส่ายๆ ของส่วนท้ายทำให้พวกมือใหม่ตกใจและอาจทำให้เกิดความผิดพลาดได้ ดูเหมือนมันจะเชื่องมือเมื่ออยู่ในมือของพวกเก๋าเกมมากกว่าจะมาอยู่ในมือของพวกไก่อ่อนสอนขัน!




ช่วงรอยต่อของถนนจากสี่เลนหดลงมาเหลือแค่ทางสองเลนสวนกันแบบทางหลวงชนบทแต่ถนนที่ไร้รถร่วมทางทำให้พอจะขับเร็วได้บ้าง ความแตกต่างของ M4 ปรากฏออกมาให้เห็น มันพุ่งออกจากโค้งด้วยเกียร์สองในโหมดแมนนวลที่ผมต้องสับเกียร์เอง หากถอนคันเร่งกลางโค้งจะรู้สึกได้ถึงโมเมนตั้มของระบบอัดอากาศแบบ MONO Scroll ที่ทำให้ควบคุมได้ยากขึ้นเล็กน้อย พ้นปลายโค้งเมื่อลงคันเร่งส่งความเร็วให้เพิ่มขึ้น เจ้า M4 สามารถเร่งสปีดความเร็วเมื่อออกจากโค้งได้ดั่งใจ อาการรอรอบเกิดขึ้นนิดเดียวไม่ได้มากเหมือนที่คิดไว้แต่แรก เมื่อรอบเครื่องยนต์กวาดไปที่ 7,000 รอบต่อนาที แรงดึงมหาศาล 550 นิวตันเมตรกดร่างกายให้แนบสนิทกับเบาะนั่งพร้อมๆ กับการพุ่งลิ่วๆ ไปข้างหน้าอย่างไม่ลดราวาศอก แชสซีที่มาดมั่นพร้อมช่วงล่างไฟฟ้าแบบปรับความแข็งอ่อนได้ทำให้มันควบคุมได้ง่ายกว่า BMW M2 ฐานล้อที่ยาวขึ้นเล็กน้อยทำให้รถนิ่งขึ้นเมื่อความเร็วทะยานผ่านความเร็วในจุดที่ปลอดภัย ไดนามิกที่มั่นคงทำให้การควบคุมอาการของตัวถังดีเยี่ยม หน้ารถจิกเข้าโค้งตามสั่งแต่ให้ระวังบั้นท้ายไว้หน่อยก็จะดีกว่าเพลินจนมันเอาคุณลงไปกวาดที่ข้างทาง !





BMW M4 มีระบบเบรกติดรถมาจากโรงงานที่อยู่ในเกณฑ์ใช้ได้ เบรกมาตรฐานเป็นจานเหล็กหล่อเจาะรูระบายพร้อมคาร์ลิปเปอร์ M สีฟ้าแบบ 4 พอตหน้าที่เอาอยู่ในทุกสถานการณ์ แต่หากชอบความแน่นอนเพราะขับเร็วตลอดเวลาเป็นนิสัยที่แก้ไม่หายก็ควรจะต้องอัพเกรดจ่ายเงินเพิ่มเพื่อสอยออปชั่นเสริมซึ่งเป็นชุดเบรกแบบคาร์บอนเซรามิกพร้อมคาร์ลิปเปอร์ M สีทองสุกใสแบบ 6 พอตหน้า 4 พอตหลัง




เบรกเดิมจากโรงงานให้ความรู้สึกมั่นใจได้ดี จากประสิทธิภาพของการจับที่ว่องไวเมื่อต้องการศักยภาพในการหยุดยั้งจากการห้อมาแบบเต็มเหนี่ยว เมื่อใช้เบรกหนักๆ ในย่านความเร็วสูง BMW M4 ยังคงรักษาสมดุลที่ดีเอาไว้อย่างเหนียวแน่น การถ่ายเทมวลขณะเบรกทำได้ดีมากท้ายรถจำกัดการขยับตัวตามเมื่อลงเบรกหนักหน่วง เมื่อหวดมันแรงๆ คุณจะพบกับประสบการณ์ที่ไม่สามารถหาได้จากรถสปอร์ตคู่แข่ง โดยเฉพาะความนิ่งและมั่นคงที่ M4 มีให้คุณมากกว่ารถรุ่นน้องอย่าง M2 อาจไม่ดิบเท่าเจ้าหมูเล็กจอมโหดแต่ควบคุมได้ง่ายและสบายตัวเมื่อขับออกทางไกล




หลังจากลากยาวทั้งวันโดยไม่ดับเครื่องตั้งแต่เช้าจรดเย็น BMW M4 ถือว่าเยี่ยมเมื่อคุณต้องการกำลังบนเส้นทางที่มีทั้งทางตรงและสารพัดโค้งบนภูเขา เป็นการเชื่อมโยงระหว่างมนุษย์กับจักรกลบนความคล่องตัวแบบสปอร์ตคาร์ ด้วยความแม่นยำ อัตราเร่งที่เร้าใจและความสนุกหลังพวงมาลัยซึ่งเป็นสิ่งที่คุณคาดหวังเมื่อต้องจ่ายกันถึง 8,439,000 บาท เพื่อแลกกับรถสปอร์ตแห่งตำนานอย่าง BMW M-Power เจ้า M4 ทั้งเฉียบคมและไม่เคยทำตัวน่าเบื่อแม้จะวิ่งหยอดๆ ย่องๆ ในย่านความเร็วต่ำมันก็ยังคงความเร้าใจในทุกอณูของตัวรถ ทำให้เกิดสุนทรีย์ของการใช้งานรถสปอร์ตในชีวิตประจำวัน




วิศวกรของ BMW M คิดค้นทุกสิ่งของ M4 มาดีแล้ว การยกระดับของการขับขี่ด้วยเครื่องยนต์เทอร์โบประสิทธิภาพสูงที่มีขนาดเล็กลง ทำให้ขนาดของล้อและเบรกใหญ่ขึ้น ด้วยสไตล์ที่ทันสมัยของรถ M Car ยุคใหม่ซึ่งมีรายละเอียดบางอย่างที่สวยงามและโดนใจนักเลงรถ ความรู้สึกหลังการใช้ชีวิตร่วมกันนาน 7 วัน BMW M4 คือจุดผสมระหว่างความล้ำยุคและอดีตที่รุ่งเรืองของ BMW M-Power หากมีฝีมือมากพอคุณจะสามารถกำหนดจังหวะของการสไลด์ท้ายด้วยคันเร่งได้อย่างง่าย มันให้ความลงตัวระหว่างความสนุกกับลิมิตของตัวรถและการยึดเกาะที่สุดยอด เป็นความมันหลังพวงมาลัยที่ไม่ได้โหดดิบเท่ากับการขับ M2 แค่สบายและเร็วซึ่งเป็นสิ่งที่นักขับต้องการ.

BMW M4 F82 ราคา 8,439,000 บาท
BMW M4 F82 SPECIFICATIONS
Body type 2+2 seater fixed-head coupé
Number of doors 2
engine type turbocharged petrol
Engine manufacturer BMW
Engine code
Cylinders Straight 6
Capacity 3 litre 2979 cc (181.79 cu in)
Bore × Stroke 84.0 mm × 89.6 mm 3.31 × 3.53 in
Bore/stroke ratio 0.94
double overhead camshaft (DOHC) 4 valves per cylinder 24 valves in total
maximum power output 430 PS (425 bhp) (317 kW) at 5,500-7,300 rpm
Specific output 142.7 bhp/litre 2.34 bhp/cu in
maximum torque 550 Nm (406 ft·lb) (56.1 kgm) at 1,850-5,500 rpm
Specific torque 184.63 Nm/litre 2.23 ft·lb/cu3
Engine construction
sump wet sumped
compression ratio 10.2:1
Fuel system direct petrol injection
bmep (brake mean effective pressure) 2,320.1 kPa (336.5 psi)
Maximum RPM 7,300 rpm
crankshaft bearings
Acceleration 0-100km/h.4.3 s
Standing kilometre 22.20 s
Maximum speed 250 km/h (155 mph)
Power-to-weight ratio 274.11 PS/g 201.6 kW/g 270.36 bhp/ton 0.12 bhp/lb
Weight-to-power ratio 4.96 kg/kW 8.29 lb/bhp
Engine coolant Water
Unitary capacity 496.5 cc
Aspiration Turbo
Compressor non
Intercooler Y
Catalytic converter Y
Engine position front
Engine layout longitudinal
Drive wheels rear wheel drive
Torque split N/A
Steering rack & pinion EPAS
turns lock-to-lock ?
Turning circle ?
Front suspension Aluminium double-joint spring strut axle, M-specific kinematics and rigidity set-up
Rear suspension Aluminium five-link axle, control arms and wheel carriers, rear axle subframe in lightweight steel construction, rigidly bolted to the body, M-specific kinematics and rigidity set-up
Wheel size front 9.0J x 19 Forged 19-inch Light Alloy Wheel Double-Spoke Style 437
Wheel size rear. 10.0J x 19 Forged 19-inch Light Alloy Wheel Double-Spoke Style 437
Tyres front 255/35 ZR 19 Michelin pilot super sport
Tyres rear 275/30 ZR 19 Michelin pilot super sport
Brakes
Front brake 4-piston fixed-calliper
Rear brake 2 -piston fixed-calliper
Gearbox 7 speed M-DTC auto/manual
Wheelbase 2,812 mm
Track/tread (front) 1,579 mm
Track/tread (rear) 1,603 mm
Length 4,671 mm
Width 1,870 mm
Height 1,383 mm
length:wheelbase ratio 1.66
Kerb weight 1,572 kg 3,466 lb
fuel tank capacity 60 litres 13.2 UK Gal 15.9 US Gal
Drag coefficient 0.340
Frontal area 2.23 m² CdA 0.76
Handling, ride and braking
M-developed electric power steering with Servo-tronic
M Drive and M Driving Dynamics Control
Aluminum front sub frame
Aluminum suspension arms and wheel carriers Lightweight steel
sub frame Twin-tube gas-pressure shock absorbers M Compound
4-wheel ventilated anti-lock disc brakes (ABS) with Dynamic Brake Control (DBC) Dynamic Stability Control (DSC), including Brake Fade Compensation, Start-off Assistant, Brake Drying, and Brake Stand-by features; with M Dynamic Mode
Active M Differential
Double-joint spring strut front axle
2015 BMW M4 Coupe F82 2 Door - M3 F80 4 Door Standard Exterior Features
Lightweight hood with power dome
Font fenders made from aluminum
Sculpted front apron with three large air intakes
Black double-bar kidney grille
M exterior mirror casings
Rear apron with integrated diffuser
Exhaust system with four tailpipes
Trunk lid with integrated spoiler
Forged 19-inch Light Alloy Wheel Double-Spoke Style 437 M
Mixed Performance Tires Michelin pilot super sport
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/