มีใครอายุ 40 กว่าแล้วยังอ่านการ์ตูนอยู่บ้างครับ ฟังดูแล้วเหมือนคนที่ชีวิตไม่มีอะไร ในความคิดคนทั่วไป 40 คือวัยที่น่าจะมีเงินทองมีแผนสำหรับการ Early Retire ได้แล้ว แต่ในวัยดึกขนาดนี้ บางคนกลับรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่เราถวิลหาสิ่งที่เราเคยอยากได้เมื่อตอนเป็นเด็กหรือวัยรุ่น แล้วไม่มีเงิน ในวันนี้ คนเหล่านั้นก็ไล่เก็บทุกอย่างที่เคยอยากได้ อยากมี บางท่านที่เล่นรถ ก็จะเข้าใจว่าทำไมคนอายุราว 40-50 ทุกวันนี้ แม้หลายคนจะขับรถไฟฟ้าทุกวัน แต่ก็มีรถจากยุค 90s เก็บไว้อีกคัน..หรือสองคันที่บ้าน เอาไว้ย้อนเวลาสมัยตัวเองเป็นนักศึกษา Honda Civic ตาโต หรือที่หลายท่านเรียกว่า EK นั้น ก็เป็นมรดกจาก Honda ในยุคที่ยังใช้ช่วงล่างดับเบิลวิชโบนทั้ง 4 ล้อ ข่าวดีคือ รถรุ่นนี้อยู่ในช่วง Last Hour Sales ของวัฏจักรชีวิตรถ ที่ราคาน่ารักในขณะที่อะไหล่ชิ้นที่ไม่เทพจัด ยังมีราคาพอคุยกันได้

...

จากที่จั่วหัวมาด้านบน จึงเป็นที่มาของรถ Civic สีเงินคันนี้ ถ้าคุณรู้สึกว่าทำไมภาพถ่ายมันดูบ้านๆพิกล ก็ไม่แปลก เพราะมันคือบ้านพ่อผม และเป็นรถที่ผมซื้อมาใช้ได้ราวสองปีแล้ว แต่ยังไม่เคยเขียนเล่าอะไรให้ท่านผู้อ่านไทยรัฐออนไลน์วันอาทิตย์ได้อ่านกัน วันนี้ ก็เลยจะมาเล่าให้ฟังกันสั้นๆ เผื่อบางท่านอาจมีแนวคิด อยากสนองตัณหาที่เคยมีสมัยวัยรุ่น แล้วใช้งบประมาณในลักษณะที่เมื่อภรรยาคุณทราบความจริงแล้ว มันจะไม่ใช่วาระสุดท้ายของหูหรือหัวของคุณ

การเป็นรถประเภท Last Hour Sales นั้น ให้นึกภาพถึงร้านโดนัทหรือเบเกอรี่ในช่วงก่อนร้านปิด ขนมนมเนยต่างๆที่ทำมาทั้งวันแล้วขายไม่หมด จะไม่สามารถนำไปขายในวันรุ่งขึ้นได้ เจ้าของร้านก็มักจะเอามาตั้งขายหน้าร้านในราคาถูกกว่าปกติ แต่ถ้าคุณไม่ซื้อมันในคืนนั้น คุณก็หมดโอกาส Civic ในเจนเนอรเรชั่นตาโตนี้ เปิดตัวในโลกตั้งแต่ปี 1995 และมาถึงไทยช่วงปลายปีเดียวกัน ในเดือนตุลาคมปีหน้าตาโตที่ขายในไทยคันแรกก็จะอายุครบ 30 ปี และอยู่ในช่วงเวลาที่มีความลงตัวระหว่าง 3 สิ่งคือ 1) ราคาที่จับต้องได้ง่าย 2) อะไหล่ที่ยังมีเหลือเฟือ ถ้าไม่ใช่ว่าจะเอาพาร์ทเทพๆ หายากๆหรือจากรถตัวท้อปๆของญี่ปุ่น และ 3) พาร์ทสำหรับการแต่งสวย แต่งแรง โมดิฟาย ที่ยังสามารถหาได้ไม่ยาก นี่คือดัชนีสามวิเศษในโลกของคนเล่นรถเก่าที่เงินก็บ่มี ทองก็บ่มี แต่คุณต้องเข้าใจกันว่า รถที่มีคุณสมบัติทั้งสามข้อนี้ครบ มักไม่ใช่รถแบบที่ไม่จอดใน Car meeting ไหนแล้ว เด็กวัยรุ่นจะฮือฮา สาวๆนักไลฟ์ Tiktok คงไม่ถือกล้องมาส่องรถคุณ เว้นแต่ว่าคุณทำโคตรถึงจนโดนใจเด็กมัน

ผมซื้อเจ้านี่มาโดยอารมณ์ล้วนๆครับ เพราะเคยอยากได้ สมัยเรียนมหาวิทยาลัย ตอนนี้คือปี 1999 ซึ่ง Civic โฉมนี้เพิ่งไมเนอร์เชนจ์พอดี ผมชอบครูสอนเปียโนที่เป็นเด็ก ม.เกษตรคนนึงสมัยนั้น และบ้านเธอก็ซื้อรถรุ่นนี้ สีแดง โฉม EXI ไม่ VTEC ผมเลยพลอยอยากได้ไปด้วย แต่ผมเรียนที่มหิดล ศาลายา ซึ่งขับไปกลับจากบ้านวันละ 85 กม. พ่อเลยให้ใช้เบนซ์ W124 ที่เป็นรถเก่าของพ่อ ไอ้เราก็ไม่อยากเป็นคนมากเรื่อง เพราะพ่อก็จะงงว่า ให้เบนซ์ E-Class ลูกชายดันอยากได้ Honda แล้วพอ

ไปเรียนมหาวิทยาลัย จะมีเพื่อนที่ไม่ได้สนิทนักคนหนึ่ง ใช้ Civic รุ่นนี้ สีเงินอมฟ้าแบบเดียวกับรถผม แต่แต่งสวย โหลดเตี้ย ใส่กระจกเขียว ใส่ล้อ VOLK TE37 แท้สีทองไหม้ วางเครื่อง B18C สมัยนั้น เด็กที่วิทยาลัยนานาชาติที่ศาลายา ขับรถยุโรปเยอะครับ แต่ถ้าเป็นพวกที่ขับ Civic หรือรถญี่ปุ่นป้ายแดงหลักแสน ก็มักจะแต่งเต็ม สวยทุกลำ

...

Honda Civic ตาโต จะมีด้วยกันสองโฉม คือโฉมแรก ปี 1995-1999 พวกนี้ไฟท้ายจะมีไฟถอยกับไฟเลี้ยวอยู่ข้างล่างไฟเบรก ที่ไฟหน้าจะมีเส้นกระจายแสงเหมือนไฟหน้ารถยุคเก่า ที่กันชนจะมีแถบยางสีดำ สมัยรุ่นแรกจะมีรุ่น LXI กับ EXI ที่เป็นเครื่องยนต์ไม่มีระบบ VTEC (120 แรงม้า) และ VTI-L, VTI-E, VTI-L AS และ VTI-E AS (เครื่อง VTEC SOHC 127 แรงม้า) โดยถ้าเห็นตัว V คือมี VTEC ถ้าเห็นตัว L คือเกียร์ธรรมดา ถ้าเห็นตัว E คือเกียร์อัตโนมัติ และ AS ก็คือเบรก ABS นั่นเอง ต้องสักปี 97-98 นั่นล่ะครับที่เริ่มมีถุงลมนิรภัยมาให้ในรุ่นสูงๆ ส่วนรุ่นไมเนอร์เชนจ์ แบบคันของผมนั้น เปิดตัวปี 1999 โดยรุ่นนี้ บางคนจะเรียกว่ารุ่นท้ายข้าวโพด เพราะลักษณะของไฟเลี้ยวที่เหมือนฝักข้าวโพดวางนอน บางคนเรียกว่ารุ่น “เทคเลฟ” เพราะเป็นรุ่นที่ Honda โฆษณาการตลาดโดยแปะคำว่า “VTEC LEV” เอาไว้ท้ายรถ โดย LEV นั้น ย่อมาจาก Low Emission Vehicle นั่นเอง รุ่นไมเนอร์เชนจ์นี้ จะเปลี่ยนวิธีเรียกรุ่นย่อยใหม่ คือแบ่งเป็น EXI, VTi และ VTi-AS ซึ่งแต่ละรุ่นจะมีทั้งเกียร์ธรรมดาและอัตโนมัติ

ในช่วงท้ายอายุตลาดนั้น จะมีรุ่น 1.8 Si ซึ่งเป็นของแปลกที่ทำมาสู้กับ Toyota Hi-torque/Altis ตัวแรก วางเครื่อง B18B 1.8 ลิตร ทวินแคมไม่มี VTEC 145 แรงม้า ใส่เบาะหนัง ถุงลม มีสีเทาพิเศษเฉพาะรุ่น ได้ล้ออัลลอย 7 ก้านมีร่องตรงกลางเฉพาะรุ่นนี้ ถ้าใครหาเจอก็นั่นล่ะครับ ของหายาก ถ้าจำไม่ผิดมีแค่ 1,000 คัน

ผมเล่นรุ่นเกียร์ธรรมดาเพราะเรื่องการขับสนุกล้วนๆครับ รถเกียร์ออโต้ เราซื้อมาใช้ทุกวัน เน้นใช้งาน แต่คันนี้ ผมอยากให้เป็นรถขับสุดสัปดาห์ และตอนแรกตั้งใจว่าจะใช้เดิมๆไม่ทำอะไร แต่ก็เคยขับรุ่นเกียร์อัตโนมัติแล้วรู้สึกว่า ความเร็วในการเร่งมันยังไม่พอสำหรับคนเท้าหนัก อันที่จริงจะบอกว่าคนทั่วไปจะมองว่า Si 145 แรงม้านั้นน่าจะแรงสุดแล้วในบรรดา Civic ตาโต แต่ถ้าวิ่งจริง พวกเกียร์ธรรมดา ไม่ว่าจะ VTEC หรือ NOTEC เจ้าพวกนี้วิ่งทะลุ 200 ได้กันทั้งนั้นครับถ้าทางยาวพอ ถ้าใครทันยุค Pantip โต๊ะรัชดายังใหม่ จะมีกระทาชาย Login Ton99 เคลมว่า LXI ของเขาวิ่งได้ 200 กว่าในสภาพเดิมๆ มีแต่คนด่าว่าขี้โม้ แต่ผมยืนยันคนนึงว่า ทำได้จริง แค่ว่ามันเป็นสิ่งที่คนที่ไม่เคยลอง เลือกที่จะไม่เชื่อ

...

พวกคุณจะสังเกตว่า ผมพยายามไม่เรียกรถผมว่า Civic EK ทั้งที่สมัยก่อน ผมเอะอะก็เรียก EK เพราะผมมาสังเกตและทราบจากลุงณุ Grand Story ว่ารถสี่ประตูบ้านเราน่ะ รหัสตัวถังจะเป็น EJ ครับ ผมมาลองเปิดรถตัวเองดู ก็พบว่าเป็น EJ ตามนั้น พอเรียกว่า Civic EJ บ้าง ผมก็โดนคนด่าว่าเรียกผิด เช่นเคยครับ มันเป็นเรื่องจริง แต่คนที่ไม่เคยลอง เลือกที่จะไม่เชื่อ

รถคันที่ผมได้มา ถือว่าสภาพค่อนข้างดี โดยน้องตี้ Day Dream Drive เป็นคนหา และไปตรวจสภาพ พร้อมซื้อกลับมาให้ รถใช้น้อยครับ 96,000 กิโลแท้ๆ สีภายนอกยังไม่เคยทำสักนิด ซีกที่โดนแดดเลีย ก็คือด้านท้าย แน่นอนว่าด้านยิ่งกว่าหน้าผมเสียอีก ล้ออัลลอยปัดเงา ขึ้นขี้เกลือชนิดที่เห็นแล้วอยากเอาแชมพูขจัดรังแคราด มือจับเปิดประตูเปลี่ยนใหม่หมด ของเดิมกรอบแตกหมดจนเวลาเปิดมักจะหักคามือ ที่ทราบเพราะรุ่น VTi ทั้งหลายนั้น มือจับเปิดประตูจะเป็นสีเดียวกับตัวรถ กระจกมองข้างสีเดียวกับตัวรถ มีแต่แถบยางด้านข้างที่เป็นสีดำ ตอนมาจากโรงงานจะเป็นแบบนั้น ส่วนรุ่น EXI ผมไม่แน่ใจในกรณีของรุ่นไมเนอร์เชนจ์ แต่รุ่นก่อนไมเนอร์ มือจับเปิดประตูกับกระจกมองข้างจะเป็นสีดำ

...

เรื่องล้อปัดเงานี่ ทำให้ผมคิดได้ว่า ถ้าคุณเลือกเล่นรถเก่าที่ล้อเป็นแบบปัดเงาก้าน แล้วมันขึ้นขี้เกลือ คุณส่งไปทำใหม่ ปัดเงาแบบเดิม ไม่ช้าก็เร็ว ขี้เกลือจะกลับมาอีกครั้งเหมือนแมวของเพื่อนบ้านที่มาขอข้าวกิน ดังนั้นถ้าไม่อยากมีปัญหาจุดนี้เวลาเลือกรถเก่า ก็เลือกรุ่นที่มันใช้ล้อสีเงินธรรมดาๆนี่ล่ะครับ ทำสีซ้ำแล้วยังไงก็ไม่หลุดธีม สำหรับคนที่อยากรักษาสภาพแบบโรงงาน 100% นะครับ ถ้าคิดว่ายังไงจะเปลี่ยนล้อแต่งอยู่แล้ว ก็ไม่ต้อง พวกล้อปัดเงา ล้อโครเมียมนี่ ไม่ถูกกับฉี่สุนัขอย่างมาก แต่สุนัขจะชอบล้อพวกนี้ ไม่รู้เป็นอะไร สมัยก่อน เพื่อนผมเคยวิ่งไล่หมา ปรากฏว่าหมาดันดุกว่าคน หยุดเยี่ยว แล้วหันมาวิ่งไล่เพื่อนผมแทน เอาสเปรย์ไล่หมาที่เขาฮิตกันยุค 2000 ไปพ่น หมาเดินมาดมๆแล้วฉี่กลบเป็นเชิงท้าทายด้วยซ้ำไป เราเลยเอาสเปรย์นั้นฉีดใส่หมาโดยตรง พบว่าได้ผลชะงัดกว่าฉีดใส่ยางใส่ล้อ

ล้อรถของ Civic สมัยนั้น 14 นิ้วนี่คือมาตรฐาน เป็นเรื่องปกติ ยางหน้ากว้าง 185 มม. ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่มีรถไซส์นี้จากโรงงานที่ให้ล้อ 17 เลยครับ ขนาด Civic Coupe Racing ที่ใช้ล้อแต่งผลิตโดย Enkei ยังแค่ 15 นิ้ว ส่วนระบบเบรกนั้น ถ้าเป็นพวก VTEC และ Si จะได้เบรกดิสก์ 4 ล้อจากโรงงาน ซึ่งสมัยนั้นวัยรุ่นจะมองว่า ABS คืออะไร เราไม่รู้ แต่ถ้าดิสก์สี่ล้อมา คือฟิน คือจบ

สภาพภายในของรถที่ผมได้มานั้น ถือว่าค่อนข้างดี จะมีก็แผงประตูที่กรอบแตกบางจุด แผงประตูของ Civic ตาโตนั้น ใครจะงัดเพื่อเปลี่ยนอะไรข้างใน รบกวนขอให้เป็นคนที่รู้จุดงัดจุดถอดนะครับ ลองงัดมั่วๆ มันจะแตกจนดันหนังร้าวออกมา แผงหน้าปัดยังดูคล้ายรถอายุ 5-8 ปี แท่นล็อคเกียร์ที่แถมมาตอนป้ายแดงก็ยังอยู่ คนรุ่นใหม่จะรู้สึกแปลกๆกับแดชบอร์ดรถยุคนี้ ก็เพราะมันไม่มีอะไรเลยครับ สมัยนั้นรถหลักแสนอย่าง Civic ถือเป็นรถระดับถูกที่ยังไม่ได้แข่งกันเรื่องออปชั่น นี่ยังดีนะครับ สมัยที่ผมเรียนประถม อยากได้แอร์ต้องจ่ายเพิ่ม 15,000-20,000 บาท Civic คันนี้ มีแอร์มาเลยจากโรงงาน เป็นสวิตช์กดและคันโยกเลื่อนอันแสนธรรมดา แต่พังยาก เครื่องเสียงยังเป็น Sony ติดรถจากโรงงานเลยครับ บางคันจะมี CD Changer ข้างท้ายรถ แต่ของผมไม่มี ต้องไปค้นเทปคาสเซ็ตจากสมัยเรียนมาเปิด ซึ่งเครื่องเสียงมันก็ยังใช้การได้ แต่คุณภาพของเสียงจากยุคเทปนั้น พอมาเปิดฟัง

ในยุคดิจิตอลแล้วซึ้งเลยครับ เสียงเทปยังไงก็สู้ CD แท้หรือไฟล์ดิจิตอลยุคใหม่ไม่ได้จริงๆ

เครื่องเสียงของรถสมัยก่อน หลายรุ่นจะสามารถถอดหน้ากากคอนโทรลออกมาได้ จุดประสงค์ก็เพื่อกันขโมยครับ เพราะขโมยจะเอาเครื่องเสียงเปล่าไปทำไมถ้าไม่มีหน้ากาก ปัญหาก็คือ พวกเพื่อนๆเรามักจะถอดหน้ากาก แล้วก็ซ่อนไว้ในเก๊ะลิ้นชักหน้า แล้วไม่ได้ล็อค ขโมยทุบรถเสร็จ เปิดลิ้นชัก เจอหน้ากาก ก็เอาไปได้อยู่ดี..หรือว่าไม่จริง สมัยนั้นเที่ยว RCA ก็ไม่เห็นเพื่อนคนไหนเอาหน้ากากวิทยุติดตัวมาเลยสักคน หรือว่ามี? ถึงโต๊ะปุ๊บ เอากุญแจรถวาง เอา Motorolla วาง เอาหน้ากากวิทยุวางโชว์เพื่อน?

เอกลักษณ์อีกอย่างให้คุณสังเกต จุดต่างระหว่างรถที่มีเชื้อจากยุค 90s กับรถที่ออกมาในศตวรรษใหม่ ก็คือขนาดประตูครับ รถยุคเก่า ประตูขึ้นลงรถมักจะเล็ก พอคนบนโลกอ้วนขึ้น โดยเฉพาะที่อเมริกา คนญี่ปุ่นยุคหลังๆมาก็ไม่ตัวเล็กนัก แต่ออกไปแนวตัวสูงโย่ง คุณเอาทรงของ Civic ตาโต มาเทียบกับเจนเนอเรชั่นต่อมา จะเห็นเลยครับว่าประตูคนละไซส์กัน และเป็นเรื่องที่เป็นกันทั้งวงการ ไม่ว่าจะเป็น Toyota, Nissan ยกเว้น Mazda ที่จะเน้นความสวยมากกว่าการใช้งาน

การขับรถขนาดเล็กจากยุค 90s นั้น ก็จะได้ประสบการณ์อีกแบบที่ต่างจากรถยุคปัจจุบัน ใน Civic รุ่นนี้ คุณจะพบว่าทัศนวิสัยด้านหน้าโล่งตามาก รถก็เตี้ย แต่คุณจะรู้สึกเหมือนนั่งสูงแล้วเห็นทุกอย่างข้างหน้า เพราะฝากระโปรงหน้ากดต่ำ และเสาหลังคาที่บางเฉียบ ซึ่งไม่ได้น่าชมในแง่ความปลอดภัยตอนคว่ำ แต่ดีมากในแง่ที่ว่าเลี้ยวโค้งไหนๆก็มองเห็นทางได้หมด พวงมาลัยยังปรับสูงต่ำไม่ได้ และเบาะมีขนาดเล็กเมื่อเทียบกับรถปัจจุบัน ยิ่งพื้นที่ภายในรถนั้น แคบกว่า City เจนเนอเรชั่น 2003 มาก หน้าปัด มีเข็มเท่าที่จำเป็น อ่านค่าง่าย ปราดเดียวรู้เลยว่ารอบเท่าไหร่ วิ่งเร็วเท่าไหร่ อุณหภูมิน้ำปกติหรือไม่ แต่เข็มน้ำมันนั้น จะมีนิสัยแบบ Honda กล่าวคือครึ่งหลังของเข็มจะลดไวมาก Civic ของแม่ผมรุ่นถัดมาก็เป็น

แต่ในแง่การขับ ต้องยอมรับว่าทำได้ดีสำหรับรถยุคของมัน จุดที่ผมชอบคือ ระยะคลัตช์กระชับกว่ารถสปอร์ตยุคใหม่บางรุ่น ระยะเข้าเกียร์ที่สั้นคล่องมือ..อาจจะไม่เท่า Mazda MX-5 หรือ Subaru WRX แต่ก็พอจะทำให้คันเกียร์ของ Toyota Corolla ฟีลเหมือนเกียร์รถบัส อัตราทดพวงมาลัยที่ค่อนข้างไว มุดมันส์กว่าเพื่อนร่วมรุ่นในสมัยเดียวกัน อีกสิ่งที่น่าหลงใหลคือเครื่องยนต์ D16Y8 VTEC แบบแคมชาฟท์เดี่ยว ที่สมัยนั้นคนชอบปรามาสว่า “แคมเดี่ยววิ่งปลายสู้ทวินแคมไม่ได้” ทั้งที่ความจริง จะเดี่ยวหรือคู่ไม่ได้สำคัญเท่า มันเปิดแคมได้องศาอย่างไร และวาล์วโตแค่ไหน

ถึงแม้เป็นเครื่องยนต์ชั้นประหยัด เป็นเครื่องที่แม้แต่เซียน Honda บางคนยังดูถูก แต่พละกำลังเดิมๆของมัน 127 แรงม้าสมัยนั้นก็ไม่ธรรมดานะครับ และ VTEC ของ D16Y8 นั้นก็เน้นช่วงพละกำลังที่กว้าง เสียงตอนลากรอบทะลุ 5,000 นั้นดุน้องๆ 4A-GE ฝาลายเลยถ้าคุณใส่กรองเปลือย และนอกจากแรงดีจริงแล้ว จุดที่ทำให้ผมในฐานะแฟน Nissan หมั่นไส้ Honda มากคือ รถผมก็ 1.6 ไอ้ Honda ก็ 1.6 รถผมได้ 110 แรงม้า Honda ได้ 127 แล้วพอวัดอัตราสิ้นเปลือง จะนอกเมือง หรือในเมือง ถ้าคนขับเท้าหนักเท่ากัน Honda ก็ประหยัดน้ำมันกว่า สมัยผมขับ Nissan GA16DE 1.6 ลิตร ขับให้ตายยังไงก็มีมี 15 กม./ลิตรครับ Honda SOHC VTEC นี้ ผมขับทางไกล 15-16 กม./ลิตรได้เป็นเรื่องปกติ

ในฐานะแฟน Nissan สมัยวัยรุ่น ผมหมั่นไส้ Honda มากครับ แต่ลองแล้วมันได้ผลอย่างไร เราก็รับผลจากการทดสอบของเรา โดยไม่ต้องมานั่งคิดต่อว่า เอ๊ะรถของข้ามีอะไรดีกว่ารถของเอ็งอีก ไหนเอามาคุยทับกันหน่อย หรือที่เรียกว่าขิง สมัยก่อนขิงไม่เผ็ดเท่าโลกยุคโซเชียลนี้ครับ

ช่วงล่างอิสระแบบดับเบิลวิชโบน หรือปีกนกสองชั้น อันนี้รู้กันว่าจุดซ่อมบำรุงเยอะกว่าช่วงล่าง Toyota กับ Nissan มาก และโช้คอัพเดิมๆจากโรงงาน มันออกแนวย้วยมาก แต่ด้วยลักษณะของช่วงล่างที่ช่วงในการรักษามุมของล้อที่มีต่อถนนในแบบที่ยางจะสามารถจิกถนนได้ดี นั่นคือจุดเด่นที่ทำให้เมื่อ Civic ได้โช้คกับสปริงที่เหมาะเมื่อไหร่ มันจะกลายเป็นรถที่เกาะโค้งดีมาก น่าเสียดายที่ Civic เจนเนอเรชั่นหลังจากตาโตมา (ES) ไปลดต้นทุนกับช่วงล่าง ที่พวกผมสาปแช่งจนทุกวันนี้ ทำยังไงก็ไม่เกาะเท่ารุ่นเดิม แถมโช้คชอบดัง ตั้งศูนย์ ตั้งค่าต่างๆก็ไม่ได้ดังใจ ยิ่งไปลองพวกที่ทำเครื่องแรงๆ เซ็ตเทอร์โบมา ช่วงล่างของพวกรุ่นเก่าๆนั้นจับเอาม้าลงพื้นได้ดีกว่าครับ นี่คือจุดที่เราเล่าให้ฟัง เพราะบางคนจะมีความเชื่อว่า รถเจนเนอเรชั่นหลัง ต้องดีกว่ารถเจนเนอเรชั่นก่อน “ทุกอย่าง” ซึ่งมันไม่ใช่เสมอไป

เรื่องการซ่อมบำรุง ก็อย่างที่บอกว่า ถ้าไม่มุ่งหาอะไหล่เทพ พาร์ทญี่ปุ่นตัวแรง ตัวท้อป ราคาถูกอยู่ครับ เพราะมี Junkyard หลายที่ซื้อซาก Civic ตาโตยกคันมาระเบิดอะไหล่ขาย หลักร้อย หลักพัน หรือจ่ายเป็นอะไรช้างๆสิงห์ๆเสือๆ ก็แล้วแต่จะคุยกัน รถญี่ปุ่นนั้น ถ้ามันเป็นรถแบบที่มีขายทั่วโลก และขายในจำนวนมากๆ อย่าง Civic นี้ จะ Google หาข้อมูลอะไรก็ง่าย หาอะไหล่ก็ง่าย และไม่ต้องกลัวว่าจะมีฝรั่ง แขก รัสเซีย มาแย่งคลังอะไหล่เก่า แต่ตามวัฏจักรของรถ เมื่อมันเก่าถึงจุดหนึ่งจริง ต่อให้เป็นรถยอดนิยม อะไหล่ก็จะเริ่มเกลี้ยงไป อย่างตอนนี้ Civic ปี 1991-1995 เริ่มหาของยากแล้ว แต่โฉม 1995-2001 ยังหาได้อยู่

เรื่องโมดิฟาย ยิ่งง่ายครับ ถึงแม้ว่าการโมดิฟายรถยุคสายไฟโบราณ กล่อง ECU แบบเก่า อาจจะไม่มีคนทำเยอะเท่าพวกรถกระบะหรือรถเทอร์โบสมัยใหม่ที่จูนกล่องเดิมก็แรงได้ รับเงินง่าย ลูกค้าพอใจ แต่ด้วยความที่ Honda นั้น มีคนคลั่งไคล้ทั่วโลก ขนาดเครื่องบล็อก D-Series ที่เป็นเครื่องตัวประหยัดของเขา ก็มีคนที่ทำของแต่ง โมดิฟายเพิ่มพลังมาขาย คุณมีเงินเยอะ อยากเล่นของเทพๆ จากญี่ปุ่นหรืออเมริกาก็ได้ บางคนอยากประหยัด ก็เอาอะไหล๋แต่ง Made in China ซึ่งงานของบางที่ก็ไม่เลว ใช้การได้ และราคาถูกด้วย มันขึ้นอยู่กับคุณว่าอยากได้กี่แรงม้ากับเครื่องตัวนี้ 200? 300? 400? เอาเป็นว่า งบ และฝีมือคนขับ ไหวเท่าไหร่ก่อนดีกว่า รถใหม่ๆ ทรงซิ่งมา ไปแหยมกับ Honda แก่ๆ ทางสั้น รถแก่อาจจะแพ้เพราะล้อฟรีทิ้งเยอะ แต่ทางยาวเข้าหน่อย ไล่รถใหม่เสียวเล่นได้สบาย

ดังนั้น ถ้าใครกำเงินในงบประมาณ 1-3 แสนบาท แล้วจะหารถยุค 90s ไว้ใช้สักคัน แล้วคุณรู้สึกว่าความสนุก ต้องอยู่ภายใต้งบประมาณ ผมว่าวินาทีนี้ Civic ตาโตก็เป็นทางเลือกที่ดี ยังมีคนเล่นอยู่เยอะ มีของให้แต่งเยอะ และถึงแม้ Origin ของรถ โดยเฉพาะรุ่น 4 ประตูนี้ จะเป็นรถที่ธรรมดามาก แต่คุณจะเติมพาร์ทเทพๆ อะไหล่ญี่ปุ่นหายากเข้าไป มันก็จะเป็นรถแบบที่คนทั่วไปเห็นแล้วเมิน แต่เซียนรถเห็นแล้วจะกรี๊ดได้เหมือนกัน ถ้าคุณไม่รู้จะเริ่มที่ไหน ลองเปิด Facebook แล้วค้นเพจ “ผู้หญิงปั้นรถ” ดู เจ้านี้มีตาโตเป็นตัวเอกของเขา หลายคันทำออกมาถูกใจคนวัยผมยิ่งนัก

ส่วนตัวผมเหรอครับ? เจ้าคันนี้ ยังลูกผีลูกคนอยู่ว่าจะเอาอย่างไร แต่ถ้ามีสปอนเซอร์ช่วยดันหน่อย อาจจะลองเป็น “ลุงอ้วนแก่ๆปั้นรถ” ดูครับ

Pan Paitoonpong