มันติดอยู่ในใจเหล่าบรรดาแฟนคลับของบอนด์มานานมากแล้ว โดยเฉพาะ โซฟี มาร์โซ กับเฮียเพียร์ซ ทั้งสองคนนี่เข้ากันมากๆ แต่ทำไมเฮียไม่รับเธอขึ้น Z8 ไปขับเปิดประทุนเล่นเหมือนรับสาวรัสเซียใน Z3 ตอน Golden Eye ก็ไม่รู้ หรือเธอเป็นตัวร้ายใน The World Is Not Enough ที่นิยมออกเดตกับ Badboy มากกว่าสายลับสุดหล่อ ก็อาจมีความเป็นไปได้อยู่เหมือนกัน

"เจมส์ บอนด์ เป็นเครื่องจักรสังหารซึ่งถูกใช้โดยหน่วยงานสืบราชการลับของรัฐบาลอังกฤษ" เอียน เฟลมมิง ผู้ประพันธ์งานเขียนนวนิยายสายลับสุดฮิตในยุค 1950 เคยกล่าวไว้แบบนั้นเมื่อนานมาแล้ว บุคลิกของบอนด์ เป็นคนเงียบขรึม แข็งกร้าว โหดเหี้ยม สุภาพในบางเวลา และเป็นอันตรายถึงชีวิต โดยเฉพาะเหล่าอาชญากรที่ชอบใช้ชีวิตของผู้คนบนโลกเป็นเดิมพัน บอนด์ยังติดนิสัยและภาพลักษณ์ของชายชาตรีในยุคเก่า นั่นก็คือ ชอบเล่นการพนัน มีผู้หญิงมาติดพันมากหน้าหลายตา และรถสปอร์ตที่มีประสิทธิภาพเหนือกว่ารถทั่วไป

...

การประสานงานของตัวละครในนวนิยายสายลับ 007 ที่แต่งโดยเฟลมมิง ตลอดระยะเวลากว่า 60 ปี จะได้รับการวิจารณ์อย่างเป็นระบบจากนักอ่านและนักวิจารณ์ภาพยนตร์ทั่วโลก โดยตีความกันอย่างเสรีแล้วแต่ว่าใครจะมองอย่างไร ในภาพยนตร์ 007 ทั้ง 24 ตอน ซึ่งมีดารานักแสดงชายชื่อดังในยุคนั้นๆ มารับบทเป็นสายลับเจ้าสำอาง ซึ่งมีเครื่องไม้เครื่องมือในการสืบราชการลับเยอะแยะมากมายจนนับไม่ถ้วน หนึ่งในอุปกรณ์ปราบเหล่าร้ายของ เจมส์ บอนด์ 007 ก็คือ รถสปอร์ต หนัง 007 ทุกตอน จะมาพร้อมความหล่อเหลาและมาดที่สุขุมนุ่มลึก พระเอกสายลับของเราจะขับรถวนไปวนมาเพื่อตามล่าคนร้าย หรือแม้แต่สาวๆ ที่เข้ามาเกี่ยวข้องด้วย การกระทำที่สร้างความคุ้นชินให้กับคนดู หรือแฟนคลับของบอนด์ ปรากฏบนจอเงินตลอดช่วง 58 ปีที่ผ่านมา ไม่ว่าจะอยู่ในตอนใด สายลับสุดหล่อของเรา จะมาพร้อมกับรถคลาสสิก หรือรถรุ่นใหม่ที่ยังไม่ออกขายเสมอ!

...

หนัง Bond ตอนที่ 25  No Time To Die ถือเป็นตอนสุดท้ายที่ Daniel Craig ได้ขยับกล้ามเนื้ออย่างเต็มที่ และเลิกเสี่ยงต่ออาการบาดเจ็บรุนแรงที่เคยเกิดขึ้นใน Casino Royale (2006), Quantum of Solace (2008), Skyfall (2012), Spectre (2015) ทุกตอนของหนัง 007 ทำให้ Daniel Craig ต้องทนทุกข์ทรมานด้วยอาการบาดเจ็บจากการถ่ายทำที่บางฉากต้องเล่นเองเพื่อความสมจริง! No Time To Die จึงหมายถึงการสั่งลา เพื่อยุติบทบาทการเล่นเป็น 007 หนังสายลับสุดคลาสสิกที่ต้องมีบทโลดโผนเสี่ยงอันตราย และทำให้เขาต้องผ่านบทที่สะเทือนอารมณ์ ในขณะที่ทีมงานสตั๊นต์และนักออกแบบงานสร้างของภาพยนตร์เรื่องนี้ ได้หวนนึกถึงแก่นแท้ของฉากการไล่ล่าด้วยรถยนต์อีกครั้ง เห็นได้ชัดว่า No Time To Die นำเสนอฉากไล่ล่าบนเส้นทางออฟโรดที่โหดเหี้ยมที่สุดเท่าที่เคยพบเห็นในภาพยนตร์บอนด์

...

ที่จริงแล้วการดูภาพยนตร์บอนด์ทางทีวีตั้งแต่ยังเด็ก เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เด็กหลายคน (รวมถึงผู้เขียน) กลายเป็นคนสนใจในรถยนต์ตั้งแต่แรก ฐานแฟนคลับ 007 ถกเถียงกันไม่รู้จบว่าใครคือ บอนด์ที่ดีที่สุด และรถของบอนด์คันไหนที่เจ๋งที่สุด? หากเอาความชอบส่วนตัว ขอแนะนำ BMW Z8 Roadster ใน The World Is Not Enough นั่นมันเป็นรถ BMW เปิดหลังคาที่โดนผ่าสองซีก!
ข้อตกลงระหว่าง BMW Group กับผู้สร้างภาพยนตร์ 007 ส่งผลให้ Z3 คันต้นแบบที่วิ่งแบบไร้ซึ่งความหวัง และปรากฏตัวแค่แวบเดียวเท่านั้นใน GoldenEye ส่วน 750iL ใน Tomorrow Never Dies (E38 และน่าจะเป็น Series-7 ที่ดูดีที่สุด แต่ยังคงเป็นรถลีมูซีนสีเงินขนาดใหญ่) แผงฤทธิ์เดชอย่างหนักหน่วงจนทำให้เหล่าร้ายเดี้ยงไปหลายคน ก่อนที่บอนด์ใน The World Is Not Enough จะเปลี่ยนมาขับรถเปิดหลังคาสุดสวยรุ่น Z8 ด้วยความรีบเร่งอย่างเกินงาม รถ BMW Z8 Roadster ที่ปรากฏตัวให้เห็นบนจอภาพยนตร์ 007 จึงเป็นเพียงแค่รถต้นแบบ บนโครงตัวถังอะลูมิเนียมเปล่าๆ ที่ไร้สิ้นซึ่งเครื่องยนต์และระบบเกียร์ มันจึงต้องใช้ทีมถ่ายทำเทคนิคพิเศษเข้าช่วยเหลือ เพื่อให้ดูเป็นรถต้นแบบที่วิ่งได้จริง Z8 Roadster ถูกติดตั้งระบบ sonic laser และจรวดต่อต้านรถถังในการต่อกรกับเหล่าร้าย สุดท้ายมันถูกผ่าออกเป็นสองซีกด้วยเลื่อยวงเดือนที่ติดอยู่ใต้เฮลิคอปเตอร์แบบไม่ค่อยจะมีบทบาทเท่าใดนัก น่าเสียดายที่มันจบลงในลักษณะนั้น และทำให้มันกลายเป็นรถ BMW คันสุดท้ายที่ทำหน้าที่รับใช้สายลับ 007 หลังจากบริษัท BMW สนับสนุนรถยนต์และมอเตอร์ไซค์ในค่าย ให้กับหนัง James Bond มาถึงสามตอน

...

โดยภาพรวม Z8 Roadster ไม่ได้อยู่ในหนัง 007 นานเท่าที่ควร แฟนคลับบอนด์และ BMW หลายคน อยากเห็นสิ่งที่ Z รุ่นใหญ่ ทำอะไรได้มากกว่านี้ ด้วย 394 แรงม้า บนเรือนร่างแนวเรโทร-โรสเตอร์ แบบขับหลังของ BMW เจ้า Z8 คันยาว น่าจะทำในสิ่งที่ไม่ต้องสงสัยเลยก็คือ การขับสไลด์ออกด้านข้างอย่างกล้าหาญและสวยงาม บอนด์ขับมันผ่านบ่อน้ำมันในอาเซอร์ไบจานแบบไม่มีอะไรเกิดขึ้น! และหลังจากนั้นมันก็ถูกผ่าออกโดยเฮลิคอปเตอร์ที่ติดตั้งใบเลื่อยหมุน การเร่งถ่ายทำเพื่อให้หนังเสร็จทันตามกำหนด ทำให้เราเห็นเจ้า Z8 น้อยเกินไป ซึ่งเป็นผลมาจากข้อเท็จจริงที่ว่า BMW ยังไม่เสร็จสิ้นการพัฒนา Z8 เมื่อผู้สร้างภาพยนตร์ 007 ตัดสินใจว่านี่คือรถที่พวกเขาต้องการ และ BMW จะสามารถจัดหารถยนต์ 'ฮีโร่' รุ่นต้นแบบก่อนถูกดันขึ้นสู่สายการผลิตได้ BMW ส่ง Z8 ให้กับทีมถ่ายทำเพียงแค่สองคันเท่านั้น

Chris Corbould หัวหน้าทีมสเปเชียลเอฟเฟกต์ของ Bond และทีมของเขา ซึ่งหล่อหลอมแผงตัวถังและประดิษฐ์แชสซีขึ้นมาใหม่ เครื่องยนต์เป็น Chevy V8 ขนาด 5.7 ลิตร กระปุกเกียร์แบบธรรมดา 5 สปีด จาก Tremec ระบบกันสะเทือนที่ยืมมาจากรถ Jaguar ตัวรถถูกสร้างขึ้นเป็นสองชิ้น ในการปรากฏตัวครั้งสุดท้ายของ Q รายการอุปกรณ์พิเศษของ Z8 นั้นน่าประทับใจอย่างมาก มันมาพร้อมเกราะไทเทเนียม จอแสดงผลบนกระจกหน้าขั้นสูง ขีปนาวุธที่ยิงออกจากช่องระบายอากาศด้านข้าง พร้อมจอแสดงผลเป้าหมายที่รวมอยู่ในกึ่งกลางของพวงมาลัยซี่ลวดของ Z8 และการทำซ้ำอีกรอบในหนัง สำหรับการควบคุมระยะไกลผ่านมือถือที่เคยใช้ใน 750iL ตอน Tomorrow Never Dies

หลังจาก The World Is Not Enough ลาโรงไปหลายเดือน การสิ้นสุดของขั้นตอนพัฒนาก็มาถึง

BMW Z8 Roadster ก็ถูกเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่ในแคลิฟอร์เนีย เมื่อช่วงต้นปี 2000 ผู้คนต่างชอบมันมาก เนื่องจากมันมีกำลังมากกว่า Z3 รุ่นน้อง รวมถึงยังไปเชื่อมโยงกับตำนานของ BMW 507 Roadster ที่หายหน้าหายตาไปนานกว่า 40 ปี เครื่องยนต์ M62 แบบ V8 ขนาด 4.9 ลิตร ไม่มีระบบอัดอากาศ (แบบเดียวกับที่คุณพบในเครื่องยนต์ของ BMW M5 e39) ระบบส่งกำลังแบบแมนนวล 5 สปีด ให้ความรู้สึกเหมือน Z8 เป็นรถสปอร์ตไร้หลังคาที่น่าตื่นเต้น น้ำหนักตัว 1,585 กก. และการไม่มีเฟืองท้ายแบบ LSD อาจทำให้รถมีอาการท้ายไวเกินเหตุ ห้องโดยสารของมันดูจะย้อนยุคมากกว่ารูปทรงของภายนอก ลองมองอุปกรณ์ที่ติดตั้งตรงกลาง ความเรียบง่ายของเลย์เอาต์ ช่วยให้มองไปข้างหน้ามากกว่าที่จะมาจ้องมองจอภาพ หรือมาตรวัดหน้าตาอวกาศ นี่อาจจะอธิบายได้ว่า ทำไม Z8 Roadster ถึงเป็นหนึ่งในทรัพย์สินยานยนต์คลาสสิกมูลค่าสูงประจำปี 2020 และถ้าอยากได้เอาไว้ขับเล่น (ในอังกฤษ) คุณจะต้องใช้เงินมากถึง 150,000 ปอนด์ (ประมาณ 6,890,000 บาท) สำหรับ Z8 สภาพดีพร้อมขับ ส่วนในไทยนั้นแทบจะหมดหวังกันเลยทีเดียว เนื่องจากรถมีจำนวนน้อยมาก และอยู่ในการครอบครองของเศรษฐี ที่ไม่ได้มีความเดือดร้อนเรื่องเงินแต่อย่างใดทั้งสิ้น.