ไทยรัฐออนไลน์วันอาทิตย์คราวนี้ คุยกันเรื่องเบาสมองเช่นเคย ไม่ใช่ว่าเพราะที่ผ่านๆ มาเราเขียนเรื่องหนักสมองหรอกครับ แต่สภาพร่างกายผู้เขียนที่ก็ยังเป็นผู้ป่วยติดหญิง..ไม่ใช่สิ..เป็นผู้ป่วยติดเตียงขาเดี้ยงหมอห้ามเดินมาตั้งแต่กลางเดือนสิงหาคม คุณผู้อ่านทุกท่าน ผมอยากบอกว่าท่านที่อายุเข้าหลักสี่ ดูแลตัวเอง เดิน กระโดด วิ่งก็ให้ระวังนะครับ เพราะนี่ผู้เขียนลงจากรถตู้อีท่าไหนไม่ทราบ ล้มแล้วกระดูกเท้าหักตั้งแต่เดือนหก แล้วพอไปทำงานเดือนเจ็ด ลิ่มเลือดจากที่เท้าจู่ๆ มันก็นึกอยากจะเขยื้อนตัวมาอุดหัวใจเล่น ต้องขอบพระคุณ Ward 19B2 ของรพ. จุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ที่ดูแลผมอย่างอบอุ่น เป็นกันเอง แบบที่ผมไม่เคยคิดเลยว่าโรงพยาบาลรัฐมีแผนกที่น่ารัก จนทำให้ผมกล้ากลับไปผ่าตัดกระดูกเท้าอีกในเดือนสิงหาคม

สัปดาห์นี้คุณแม่ของผมท่านแนะนำว่า ควรจะเขียนถึงวิธีการที่ผมใช้ เพื่อช่วยให้น้องๆ หรือหลานๆ ทั้งหลาย ตัดสินใจซื้อรถได้เหมาะสมกับตัวเอง โดยลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นภายหลังและมีความสุขในการใช้งาน ผมก็เลยค้นๆ เอาจากต้นฉบับที่เคยเขียนไว้ในหนังสือ “This is a รถ : เลือกรถใช่ ใช้รถเป็น” เอาเนื้อหามายำให้คุณกินเสียใหม่ ไหนๆ หนังสือนั่นก็หยุดจำหน่ายไปแล้วเกรงว่าพวกคุณไปหาซื้อกันจะลำบากเปล่าๆ ก็มาลองดูกันครับว่า การเลือกรถคันแรกสำหรับชีวิต มันไม่ง่ายจริงไหม แต่ที่แน่ๆ คนที่ไม่ฉลาดเท่าคุณเขาก็เลือกกันไปเยอะ ทำไมคุณจะทำบ้างไม่ได้ล่ะ?

...

****ก่อนเลือกรถ ถามก่อน เงินน่ะมีไหม****

ความพร้อมคุณมีแค่ไหน? อย่างแรกก็ต้องคุยเรื่องเงินครับ สำคัญกว่าการจะไปซื้อรถกี่ที่นั่ง สีอะไร เกียร์อะไรเสียอีก คุณทราบหรือไม่ว่าช่วงหลังนี้ยอดรถเตรียมถูกไฟแนนซ์ยึดพุ่งสูงขึ้นมาก ภายในสองเดือนจากนี้อาจจะมีคนต้องบ๊ายบายรถตัวเองประมาณ 5 แสนคัน นั่นก็เพราะปัจจัยเรื่องเงิน ซึ่งอาจจะเกิดได้จากตัวผู้ซื้อรถเอง และปัจจัยไม่คาดฝัน ไอ้เรื่องไม่คาดฝันแล้วทำให้ต้องเสียโอกาสหารายได้นั้น เราคงป้องกันมันไม่ได้หรอก แต่ภัยทางการเงินที่เกิดจากการซื้อรถ (และของแต่งรถ..ไม่ต้องค้อนผมนะไอ้พวกผู้ชาย) มันเป็นสิ่งที่ป้องกันได้

คุณลองสำรวจก่อนว่า คุณมีเงินพร้อมวางดาวน์รถกี่บาท และมีความสามารถในการผ่อนชำระเดือนละกี่บาท นั่นคือสิ่งที่จะบอกต่อไปว่าคุณไม่ควร/ควรซื้อรถ และซื้อรถราคาเท่าไร วิธีที่หยาบแต่มักได้ผลคือ ผมมักแนะนำน้องๆ หลานๆ ว่า ยอดผ่อนรถต่อเดือนไม่ควรแตะตัวเลข 50% ของรายได้ในแต่ละเดือนครับ อย่างเงินเดือน 16,000 บาท คุณผ่อนรถเดือนละ 8,000 นี่ผมถือว่าเข้าข่ายเสี่ยง เว้นเสียแต่ว่าคุณอยู่ตัวคนเดียว ไม่ต้องรับผิดชอบใคร ไม่มีลูกเมียและมีประกันสุขภาพครบทุกด้าน หลายคนซื้อรถมาเพื่อฉลองชั่วครู่แต่ทุกข์ชั่วโคตร อาจมีบางช่วงที่เงินขาดแล้วไม่สามารถหมุนเงินมาผ่อนรถได้ทัน รายได้ต่อเดือนผม 40,000 บาท ผมยังเลือกที่จะผ่อนรถเดือนละไม่ถึงหมื่นเลยครับ

แล้วตัวเลขระดับไหนปลอดภัย? ผมคิดให้แบบคร่าวๆ ว่า ถ้ายอดที่ต้องผ่อนต่อเดือนมีค่าไม่เกิน 30% ของรายได้แต่ละเดือนของคุณ โอกาสที่จะรอดสูง แต่ต้องลองเอารายจ่ายแต่ละเดือนมาพิจารณาประกอบนะครับ บางคนเงินเดือน 25,000 แต่จ่ายค่าหอ 5,000 ค่าน้ำ/ไฟ/อินเทอร์เน็ต/มือถือ อีก 4,000 ส่งกลับให้พ่อแม่ที่ต่างจังหวัดอีก 5,000 เหลือ 11,000 บาทนะ แล้วสมมติถ้าคุยกันตามเกณฑ์ว่ายอดผ่อนไม่เกิน 30% ของรายได้ นั่นก็คือผ่อนรถเดือนละ 7,500 บาท เท่ากับว่านี่คุณเหลือเงินไว้เติมน้ำมันกับกินข้าวรวมกันแค่ 4,000 บาท คุณว่าจะรอดไหมล่ะครับ

...

ดังนั้น เราก็ต้องใช้เกณฑ์ว่า ยอดผ่อนไม่เกิน 30% ของรายได้ บวกกับข้อมูลรายจ่ายในชีวิตที่ต้องเผชิญในแต่ละเดือน เมื่อทราบว่าตัวเองสามารถผ่อนได้เดือนละกี่บาท คุณจะมองเห็นภาพรถที่คุณจะซื้อได้รางๆ แล้วครับ

ถ้าผ่อนได้เดือนละ 6,000 บาทหรือน้อยกว่านั้น กรุณามองไปที่อีโคคาร์ป้ายแดงที่ค่าตัวไม่เกินห้าแสน แคมเปญมากมายและผ่อนได้ 84 เดือนจะมีโอกาสรอด หรือดู Suzuki Celerio 1.0 เป็นตัวเริ่มต้นได้ครับ นี่คือรถเก๋งที่ราคาเริ่มต้นถูกสุดในไทย และแม้มันจะดูเหมือนกระป๋องแต่ขับจริงแล้วนิ่ง มั่นและไวสู้ Soluna เก่าๆ ปี 1996 ได้นะครับ แต่ถ้าหากคุณไม่ซีเรียสว่าต้องเล่นรถป้ายแดง คุณอาจจะไปหารถญี่ปุ่นมือสองมาใช้ไปก่อนระหว่างเก็บเงินเพิ่มก็ได้

...

ถ้าผ่อนได้เดือนละ 10,000 บาท และมีเงินดาวน์วางสัก 150,000 คุณสามารถเล่นพวกอีโคคาร์ หรือรถกระบะมีแค็บ 500,000-650,000 บาทได้ปลอดภัย แต่พวกอีโคคาร์ตัวท็อปหรือกระบะ 4 ประตูอาจจะตึงนิดๆ นะครับ และในงบขนาดนี้ถ้าต้องการซื้อรถ EV อย่างน้อยก็มี Neta V ที่คุณสามารถเอื้อมถึงไหว แต่คุณต้องศึกษาค่าใช้จ่ายและการใช้ชีวิตกับรถ EV ให้รู้ข้อจำกัดและเข้าใจมันเสียก่อน

ถ้าผ่อนได้เดือนละ 12,000-15,000 บาท ตอนนี้ถือว่าเซฟถ้าจะจับกระบะสี่ประตูพวกที่ราคาไม่เกินเก้าแสน หรือจะเล่นรถอะไรก็ได้ในงบประมาณเก้าแสนลงมา และถ้าคุณอยากเล่นกับรถค่าตัวแถวๆ ล้านบาทขึ้นไป ก็ต้องมีความสามารถในการผ่อน 16,000-20,000 บาท ในขณะที่ถ้าคุณจำเป็นต้องใช้รถอย่างพวก Fortuner หรือ MU-X นั้น ก็ควรมีความสามารถในการผ่อน 22,000-25,000 บาทต่อเดือน ทั้งหมดนี้อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามเงื่อนไขและโปรโมชันผ่อนยาวจนนมยานของผู้แทนจำหน่าย และเงินดาวน์ที่วาง แต่เป็นสิ่งที่ช่วยชี้ทางได้ว่า สายตาคุณควรมองรถราคาระดับไหน อย่าง Isuzu MU-X รุ่นถูกสุด ยอดผ่อนต่อเดือนเริ่มต้นแค่เก้าพันกลางๆ แต่ถ้าคุณมีอำนาจการเงินแค่นั้น คุณต้องเสียดอกเบี้ยกี่บาท และต้องถามตัวเองว่ามันตึงเกินไปไหม มันจำเป็นกับเราหรือไม่

...

อย่าลืมว่าความเสี่ยงในอนาคตมีอีกนะครับ งานที่คุณทำ มั่นคงแค่ไหน AI ทำแทน หุ่นยนต์มาแย่งงานคุณได้หรือไม่ หัวหน้างานคุณมีแนวโน้มจะลาออกหรือเปล่า คุณทำธุรกิจที่ต้องใช้เงินเยอะหมุนเวียนไวหรือเปล่า คุณมีประกันสุขภาพครอบคลุมไหม?

****รถใหม่ หรือรถมือสองดีล่ะงั้น?****

คำถามนี้หลายคนต้องเจอมาบ้าง อย่างที่เรียนไปในหัวข้อที่แล้วว่า ถ้าคุณมีเงินเหลือผ่อนรถได้ไม่ถึงเดือนละหกพันบาท ใจเย็นๆ นะครับ กำเงินดาวน์แสนบาทของคุณไว้ เก็บเงินต่ออีกสักปี แล้วคุณไปหารถมือสองญี่ปุ่นมาใช้ก็ได้ มันน่าจะเลี้ยงคุณไปได้อีกสัก 3-4 ปี ถูกละครับ ทุกคนจะบอกว่า ซื้อรถมือสอง กลัวโดนย้อมแมวจนกลายเป็นหมา กลัวรถชนมา กลัวรถเสียกลางทาง กลัวว่าตัวเองจะดูแลรถไม่เป็น ความเสี่ยงทั้งหลายเหล่านี้ คุณต้อง “บริหาร” มันครับ ดูสภาพรถไม่เป็น ก็หาเพื่อนที่ดูเป็น พาเขาไปช่วยกันดูรถ หรือจ้างพวกนักตรวจสอบสภาพรถ ซึ่งบางทีพวกนี้คือพวกที่จับรถมือสองมาขายบนโลกออนไลน์ประจำ จะมีความสามารถในการดูรถหรือเช็กอาการเฉพาะตัวของรถแต่ละรุ่นได้ นอกจากเลือกคนมาช่วยดูแล้ว การดูรถรุ่นเดียวให้หลายๆ คันเข้าไว้ แล้วหมั่นสังเกต คุณจะพบความต่างในแต่ละคันและเริ่มรู้ว่าควรจะซื้อคันไหน

เรื่องการซ่อมบำรุง หรือการบริหารความเสี่ยงจากโอกาสที่จะไปกินข้าวลิงกลางทาง ง่ายที่สุดคือ พยายามซื้อรถที่ช่างทั่วราชอาณาจักรซ่อมได้แม้ใครจะบอกว่าคุณเลือกรถได้น่าเบื่อมากก็ตาม คุณต้องยอมรับนะครับว่า พอเป็นรถอายุ 10 ปีบวกลบ แล้วหาที่ซ่อมง่าย หาอะไหล่ง่าย คุณก็อยู่ได้กับสามก๊กเท่านั้น คือ ก๊ก Toyota ก๊ก Isuzu และก๊ก Honda ..และพอบอกว่าเป็นสามยี่ห้อนี้ ก็รบกวนนะครับ..ว่าผมหมายถึงพวกรุ่นที่มันหาดูพบได้ง่ายม้ากกกมากบนท้องถนน ไม่ใช่บอกว่า Toyota ซ่อมง่าย แต่ไปคว้าเอา Paseo หรือ Sera มา รถค่ายดังแต่ถ้าเป็นรุ่นที่หาดูบนถนนได้ยาก..ชีวิตก็ลำบากนะ อย่าคิดว่าได้ใช้รถเก่าหายากเป็นเรื่องเท่ เก็บเงินให้รวยก่อน แล้วค่อยไปเก๋วันหลัง

ถ้าเงินคุณไม่พอจริงๆ รถมือสอง มันก็คือทางเลือกภาคบังคับละครับ แต่สำหรับคนที่พอเอื้อมถึงรถป้ายแดงคันเล็กได้ งบประมาณระดับนั้นอาจซื้อรถมือสองที่คันใหญ่โต มีของเล่นหรูเริดกว่าขับดีกว่าได้ อย่าเพิ่งดีใจครับ รถระดับสูง คันโต ของเล่นเยอะ เวลามันพัง ค่าซ่อมมันโตตามตัวครับ มีเหรอ Camry ซ่อมถูกกว่า Vios? Accord ซ่อมถูกกว่า City? ถ้าจะเอารถใหญ่เพราะรสนิยมหรือความชอบส่วนตัว เผื่อเงินไว้ซ่อมเยอะๆ นะครับจะไม่ร้องไห้ตอนหลัง

คนที่ต้องใช้รถป้ายแดงจริงๆ และควรเลี่ยงรถมือสอง ผมคิดว่าก็มีอยู่บ้างครับ ที่นึกออกเลยก็คือ คนที่ต้องทำงานขับรถไปรอบประเทศแล้ว “รถห้ามเสีย ถ้าเสียคือชีวิตพัง” กับคนที่จำเป็นต้องทำงานดึก และขับรถกลับบ้านบนเส้นทางและเวลาที่มีความเสี่ยง ลองนึกถึงลูกชาย กับลูกสาวคนเล็กครับ ถ้าเป็นลูกชาย คุณคงไม่แคร์ถ้าเขาจะขับ BMW อายุ 30 ขวบ เพราะไปตายกลางทางขึ้นมา มันเรียกเพื่อนมันมาได้ หรือมันซ่อมเองได้ แต่กับลูกสาวคนเล็ก คุณคงอยากให้เขาใช้รถอะไรก็ได้ที่มันจะไม่ตายกลางทางแน่นอน ถ้ารถตาย ก็พี่มันแหละต้องไปลากรถน้อง แล้วผู้หญิงอยู่ที่เปลี่ยวดึกๆ คนเดียว ไม่ดีครับ

บางคนอาจจะสงสัย..ถ้าสมมติคุณมีงบจำกัดมากจริงๆ แต่จำเป็นต้องใช้รถ จะทำอย่างไรได้บ้าง รถหลักหมื่นบาทเล่นได้ไหม ผมก็แนะนำว่าอยู่กับก๊ก Toyota ไว้แหละครับแม้จะเป็นคำแนะนำที่ดูสิ้นคิด แต่ตามสถิติแล้วพอรถเหลือราคาหลักหมื่นนี่ พวก Toyota นั้นแม้ว่าหน้าตาจะสู้ Honda ไม่ได้ แต่วิศวกรรมการออกแบบ ชิ้นส่วน วัสดุต่างๆ ถ้าเป็นพวกรถเล็ก Toyota จะทนมือทนเท้ากว่าครับ ถ้าคุณมีเงินสักแสนบาทถ้วน พวก Corolla รุ่นปี 98-99 ก็พอเอามาใช้งานได้ ตัวรถหลักหมื่น เหลือเงินไว้ซ่อมส่วนที่จำเป็นสักสองหมื่นบาทก็ไหว บางคนก็ชอบทางเลือกนี้ไม่ใช่เพราะจน แต่เพราะเพิ่งได้ใบขับขี่ กลัวขับไปชนนั่นชนนี่บ่อย ยิ่งถ้าเอารถป้ายแดงใหม่ๆ ไปชน เราร้องไห้ไงครับ แต่ถ้าเป็นรถเก่าที่รอยเยอะอยู่แล้ว เราก็เครียดน้อยลง

แต่จะบอกแค่ว่า ก่อนที่จะซื้อรถราคา 70,000-80,000 บาทน่ะลองดูรถที่ราคา 100,000-130,000 บาทดูนะครับ บางทีราคาต่างกันไม่มาก ได้รถคนละปีและเป็นรถเทคโนโลยีใหม่ เจเนอเรชันใหม่ขึ้น แน่นอนว่า Corolla Altis ปี 2002 กับพวกรุ่นก่อนที่ผลิตจากศตวรรษเก่า ความปลอดภัย ความโอ่โถงในห้องโดยสาร ต่างกันเยอะ แต่ระวัง Altis หลักหมื่นที่ปลดป้ายมาจากการเป็นรถแท็กซี่แล้วกันครับ

****รถประเภทไหนเหมาะกับเราล่ะ****

อย่าลืมว่าท้ายสุด เงินเป็นตัวจำกัดทุกสิ่ง ต่อให้ชีวิตคุณเหมาะกับรถคันใหญ่หรูหราพลังเยอะ แต่ถ้าเงินคุณผ่อนได้เดือนละหมื่นบาท คุณต้องเลือกตามงบที่ถูกจำกัดไว้อยู่ดีครับ แต่สมมติว่า คุณมีทางเลือกอันหลากหลายได้ แต่แค่ยังไม่แน่ใจว่าตัวเองเหมาะกับรถแบบไหน เอ้า..ลองฟังทางนี้

อีโคคาร์..ถ้าคุณเป็นครอบครัวที่อาจจะมีลูกเล็กไม่เกินสองคน หรือมีการโดยสารในรถปกติไม่เกิน 4 คน อีโคคาร์สมัยนี้รับได้สบาย รถอย่าง Honda City กับ Suzuki Ciaz มีพื้นที่เบาะหลังโตใช่เล่น ส่วนเรื่องการใช้งานนั้น ถ้าเป็นสมัยนี้ ต่อให้คุณต้องขับขึ้นทางชันต่างจังหวัด ต้องการพลังเร่งแซง อีโคคาร์มีเทอร์โบอย่าง City กับ Almera เร่งไวเท่ารถ 1.6-1.8 ลิตรสมัยก่อนหรืออาจจะเร็วกว่าด้วยซ้ำครับ แต่ความแรงก็จะมากับค่าบำรุงรักษาที่สูงกว่าในส่วนของเครื่องยนต์ ถ้าคุณคิดว่าชีวิตคุณไม่เคยขับเกิน 120 หรือแทบไม่มีการกดคันเร่งมิดเท้า อีโคคาร์ 1.0-1.2 ลิตรที่ไม่มีเทอร์โบก็พอแล้ว และจะประหยัดค่าบำรุงรักษามากกว่า มีแนวโน้มจะทนทานกว่า

พูดถึงรถระดับ Corolla Altis หรือ Civic ผมบอกเลยว่า ถ้าคุณไม่ได้ใช้สมรรถนะจากแรงม้าที่เหนือกว่า หรือชอบความหรูกับรูปทรง ในการใช้งานจริงรถอีโคคาร์สมัยนี้ทำได้ใกล้เคียงพวกรถเหล่านี้มากกว่าสมัยก่อนเยอะ เพราะอีโคคาร์มันขายดีไงครับ บริษัทรถเลยพยายามแข่งกันทำรถให้ดีเอาใจลูกค้า รถระดับ Civic เดี๋ยวนี้ยอดขายไม่เยอะเหมือนสมัยก่อน เพราะอีโคคาร์สามารถใช้งานแทนกันได้สบายถ้าไม่ติดเรื่องหรู แรง หรือภาพลักษณ์ และยังเซฟเงินไปได้สองสามแสนบาท

รถครอสโอเวอร์..อย่างเช่นพวก Honda WR-V, HR-V, Corolla Cross, Nissan Kicks พวกนี้คุณอาจจะมองว่าใต้ท้องสูงกว่ารถเก๋ง เลยมีเปอร์เซ็นต์ลุยน้ำได้มากกว่า คำว่าใต้ท้องสูงกว่านี้คือจริงๆ แล้วสูงขึ้นแค่ราว 2-3 นิ้วนะครับ ถ้ามันจะช่วยให้คุณลุยน้ำได้มั่นใจขึ้นนะ..แต่ประโยชน์จริงจังของมันคือการที่มักมีส่วนท้ายรถโปร่ง ขนของได้เยอะ ประกอบกับความสูงของรถที่กำลังดี คนเฒ่าคนแก่ขึ้นลงจากรถง่าย และขับแล้วดูรวยกว่าอีโคคาร์..จำเป็นไหมสำหรับคุณลองคิดดูครับ

ถ้าจะเอารถสูงหนีน้ำในงบไม่เกินล้านบาทจริงๆ แล้วยังอยากบรรทุกของเยอะ นั่งเต็มคัน บางทีมีล้นไป 6-7 คนด้วย ก็ดูพวกรถเบาะนั่งสามแถวเครื่องยนต์ 1.5 ลิตร เช่น Mitsubishi Xpander, Suzuki Ertiga, Hyundai Stargazer ก็ได้ครับ พวกนี้เนื้อที่ภายในห้องโดยสารโตกว่าครอสโอเวอร์เน้นเท่จากย่อหน้าก่อนมาก บรรทุกของและคนได้มากกว่า ใต้ท้องก็สูงน้องๆ รถกระบะ ถ้าจะซื้อรถไว้ลุยน้ำได้บ้างจริงมันต้องพวกนี้ เพราะรถพวกนี้พัฒนามาเอาใจคนอินโดนีเซีย และประเทศนั้นถ้าออกนอกจาการ์ตาไป ถนนโคตรโหดครับ แต่ในทางกลับกัน รถพวกนี้ก็มักนำเข้ามาจากอินโดนีเซีย เวลาเสียหรือเกิดอุบัติเหตุที เบิกอะไหล่แล้วรอนานหน่อยนะ

ส่วนรถกระบะทั้งหลายนั้น ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีนะครับ ในทางตรงกันข้าม ถ้าคุณนั่งแค่คนเดียวหรือสองคนประจำ แล้วทำงานบนเส้นทางที่น้ำก็ท่วม ถนนก็แย่ หลุมบ่อเยอะ พวกกระบะขับหลังยกสูงสองประตูนี่เด่นเลย เพราะมักมีรุ่นที่ราคาไม่แรงให้เลือก โครงสร้างของรถ ช่วงล่าง ยาง เครื่อง ล้วนแล้วแต่ทำมาเพื่อรองรับการทรมาน การกระแทกแรง ขนของหนัก ซึ่งรถเก๋งให้คุณไม่ได้ ถ้าคุณประกอบอาชีพที่ต้องขนของเยอะมาก รถกระบะยิ่งเหมาะ แล้วรถกระบะสมัยนี้มันขับยากแค่เพราะตัวมันยาวห้าเมตรครับ แต่สมัยนี้มีเกียร์ออโต้ พวงมาลัยเบาหวิวจนคนวัยเกษียณก็หมุนได้ แต่คุณต้องเข้าใจว่า คุณควรซื้อมันเมื่อจะต้องวิ่งบนเส้นทางที่แย่มากๆ ประจำ หรือต้องเผื่ออนาคตที่ไปขนของช่วยน้องทำร้านอาหารหรือธุรกิจต่างๆ ถ้าคุณซื้อเพราะหวังประหยัดค่าใช้จ่าย การซ่อม ค่าเชื้อเพลิง..ไปหาอีโคคาร์เซฟเงินกว่าครับ ส่วนคนที่ต้องทำงานแบบเข้าสวนเข้าไร่ ทางโคลนตมชัดเจน แบบนั้นกระบะยกสูงขับสี่ จะตอนเดียว แค็บ หรือสี่ประตู ค่อยว่ากัน เพราะคุณคงไม่เอา Nissan Almera ไปขนทุเรียนขายตลาดหรอก

ส่วนพวกรถระดับ Toyota Camry หรือ Fortuner นั้น ถ้าคุณเอื้อมถึงรถเหล่านั้นไหวแล้ว แปลว่าคุณไม่ได้ซีเรียสเรื่องเงิน แม้ว่ามันออกจะเป็นทางเลือกที่ดูโคตรป๋าสำหรับการเป็นรถคันแรกในชีวิตก็ตาม ถ้าคุณอยากได้ ผมห้ามไม่ได้ครับ แต่รถทั้งสองแบบนี้ ควรซื้อเมื่อเงินคุณถึงจริงๆ อย่าให้ความใฝ่ฝันชนะน็อกความจริงด้านการบัญชีอย่างโง่ๆครับ ถ้าไม่อยากโดนยึดรถเป็นคนต่อไป หรือบางคน มีเงินสามแสนบาท แต่คิดจะซื้อเบนซ์ S-Class มือสองจากยุค 90s มาใช้เป็นรถคันแรกในชีวิต ทั้งๆ ที่ตัวเองไม่เคยเหยียบอู่สักอู่ ไม่เคยหาเพื่อนบ้ารถมานั่งคุย ไม่เคยศึกษาการซ่อมรถ ถ้าแบบนี้ แนวโน้มที่รถจะทำให้คนร้องเจี๊ยกมันก็มีเยอะครับ

จะเห็นได้ว่า ท้ายสุด เทคนิคการซื้อรถคันแรก แม้ไม่ง่าย แต่ถ้าคุณทราบขอบเขตอำนาจทางการเงินของตัวเอง และสอง คือคุณเลือกดูประเภทรถที่มันเหมาะกับการใช้งานจริงของคุณ ไม่ใช่ไปบอกแม่ว่าคุณจำเป็นต้องใช้ Fortuner เพราะคุณต้องไปเที่ยวกับคนห้าหรือเจ็ดคนประจำ ถ้าคำว่าประจำนั่นคือปีละสามสี่ครั้ง ก็เปิด Google หาบริการเช่ารถใช้น่าจะประหยัดกว่าไหม รถใหญ่ ค่าบำรุงรักษาแพง ประกันแพง และต่อทะเบียนก็แพงกว่า เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นเถอะ

ที่สำคัญ สำหรับคนที่บ้านไม่ได้รวย ผมอยากบอกว่า ถ้าเราตัดความไม่จำเป็นต่างๆ ตัดความยึดติดภาพลักษณ์ออกได้บ้าง เงินที่คุณประหยัดในวันนี้ จะเหลือไว้ให้คุณตั้งตัวเพื่อซื้อรถคันต่อไปที่ดีขึ้นและแพงขึ้นได้ ค่อยๆ ขยับตามจังหวะชีวิตไปครับ จงใช้ความฝันเป็นจุดหมายแต่จงขับเคลื่อนชีวิตด้วยความจริงนะครับ ขอให้โชคดี.

Pan Paitoonpong