สัปดาห์นี้ เปลี่ยนมาเป็นบทความที่ไม่ต้องชวนซื้อรถมือสองหรือส่องรถใหม่กันบ้าง คราวนี้ ขอเล่าและแชร์ความเห็นในฐานะที่ผู้เขียน เป็นคนที่ต้องทำงานทดสอบรถใหม่เป็นประจำ แต่ในชีวิตส่วนตัวกลับแทบไม่มีวาสนาพอที่จะซื้อรถป้ายแดงเข้าบ้านทุก 3-4 ปีแบบพวกเด็กรุ่นใหม่ที่ขยันทำงานสร้างเนื้อสร้างตัวกันจนรุ่นผมยังปรบมือให้ รถป้ายแดงคันล่าสุดของผม เพิ่งซื้อเมื่อปีที่แล้ว และคันก่อนหน้านั้นก็เอาเข้าบ้านมา 14 ปีก่อนหน้า ถามว่าผมจนหรือเปล่า ก็คงตอบว่าจนนั่นแหละครับ อันที่จริง เหตุผลที่บางคนยังใช้รถเก่าคันเดิมไม่เปลี่ยนใหม่ ก็เพราะเราไม่มีปัญญาหาเงินมาซื้อคันใหม่ หรือเพราะเรากลัวหนี้ก่อนใหม่มากกว่าการหาเงินมาซ่อมของเก่า ที่พูดนี้ ไม่ได้ดูถูกใคร เพราะการไม่ฟุ่มเฟือย หรือไม่ทำอะไรเกินฐานะ ไม่เคยเป็นเรื่องแย่ ใครบอกว่า “คุณไม่ซื้อเพราะคุณจน” ผมก็จะบอกแค่ว่า “ใช่ครับ” จบ โดยไม่ต้องแก้แค้นด้วยการโทษว่าทุกคนที่รวยกว่าผมโกงคนอื่นมา
...
แต่นอกเหนือจากเหตุผลเรื่องไม่มีเงินออกรถใหม่ มันมีอะไรอีกบ้าง นี่คือสิ่งที่ผมได้พบทั้งจากประสบการณ์ตนเอง และจากการแลกเปลี่ยนความเห็นกันในวงของคนที่ชอบรถเก่าด้วยกัน มันจะมีสิ่งที่คุณเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย แต่ที่แน่ๆ คือ ผมไม่ไปด่าคนที่ชอบรถใหม่หรอกครับ เพราะแม้แต่ตัวผมเอง ถึงจะมีรถเก่า 5 คัน ท้ายสุดก็ต้องซื้อรถใหม่มาคันนึง เพราะบางช่วงเวลาของชีวิต เราแค่ไม่มีเวลาเหลือไปวิ่งหาอะไหล่หรือนั่งคุยกับช่างเล่นถึงตีสองเหมือนสมัยวัยรุ่นแล้วนั่นเอง
เวลาผมเขียน ทุกการจั่วหัวข้อ คือ “ความเชื่อในหัวของคนรักรถเก่า” แต่ค่อยๆอ่านเนื้อหาในย่อหน้าไป คุณจะรู้ว่า นี่ไม่ใช่บทความเชียร์รถเก่าครับ
****ความง่ายในการบำรุงรักษา****
ในสมัยรุ่นที่พ่อของเรายังเขียนจดหมายมัดก้อนหินแล้วเขวี้ยงขึ้นหน้าต่างห้องแม่เราตอนจีบกันนั้น รถคือสิ่งที่ขายแล้ว ต้องดูแลกันเองนะครับ ศูนย์บริการและอู่ซ่อมรถ ไม่ได้มีมากมายกระจายทั่วประเทศแบบทุกวันนี้ และไม่ใช่แค่ในไทยหรอก ประเทศกำลังพัฒนาที่อื่นในโลกก็คล้ายๆ กัน ดังนั้น หลายส่วนในรถจึงต้องออกแบบให้เจ้าของรถสามารถทำการซ่อมแซมเบื้องต้นเองได้ คุณเคยลองเปลี่ยนหลอดไฟหน้าฮาโลเจนโง่ๆ ใน Mercedes-Benz ยุค 80s ไหมครับ? เครื่องมือที่คุณต้องใช้คือผ้าหนึ่งผืนกับวาสลีน คุณเปิดฝาหลังไฟที่มีตัวล็อกตรงมุม แงะมันออก แป๊กๆ ยกฝาออกมา คุณจะเจอส่วนหลังของโคมไฟ เอานิ้วง้างลวดคู่ออก แล้วดึงหลอดไฟออกมา แค่นั้น ยัดหลอดใหม่ ย้อนกลับขั้นตอนที่ว่า ปิดฝา แล้วจบ ส่วนผ้าก็เอามาเช็ดมือและวาสลีนก็ทามือเพื่อความชุ่มชื้นเฉยๆ แต่ในรถยุคหลังๆ มา
จะเปลี่ยนหลอดไฟหรี่ฉลาดๆ ต้องถอดกันชนหน้าบ้าง หรือถอดไฟหน้าออกมาทั้งยวงเลยก็มี
นอกจากนี้ความง่ายไม่ได้จบแค่เรื่องไฟหน้าครับ เทคโนโลยีที่โบราณๆ สายไฟทองแดง อาจไม่ล้ำสมัย ปรับแต่งด้วยคอมพิวเตอร์ โค้ดดิ้งไม่ได้ ประมวลผลช้า แต่เวลาอะไรเสียสักอย่าง อย่างมากก็ฟิวส์เป๊าะ เวลาไล่หาจุดเสียก็ไม่ยากโดยไม่ต้องใช้คอมพิวเตอร์อะไรมาเสียบ เพราะรถมันเกิดมาในยุคที่โทรศัพท์มือถือใหญ่เท่าหัวช้างและรุ่นถูกสุดราคาหกหมื่นบาท มันคือยุคที่เราต้องพึ่งตัวเอง เมื่อไม่มีเครื่องมือทันสมัยใดๆ มาช่วย รถยุคเก่ามีโอกาสรอดมากกว่าเสมอ ส่วนหนึ่งเพราะอุปกรณ์ที่เกี่ยวกับไฟฟ้ามันมีน้อยชิ้นมาก ซึ่งสามารถเป็นได้ทั้งเรื่องดีและเรื่องไม่ดี ขึ้นอยู่กับคุณมีตัวช่วยเจ๋งแค่ไหน เราพูดกันแบบไม่ต้องถือหางใครเป็นพิเศษนะครับ ลักษณะของรถยุคเก่า มันจะเหมาะกับการใช้งานสมบุกสมบัน เข้าป่าเข้าเขา หรืออยู่ห่างไกลความเจริญ แต่รถใหม่ก็ได้เปรียบตรงที่ ถ้ามีเครื่องมือที่ถูกต้อง บางทีเสียบคอมแป๊บเดียว จอแสดงข้อมูลบอกเลยว่าชิ้นไหนเสีย
...
เรื่องการหาอะไหล่ รถเก่าบางรุ่นก็มีข้อได้เปรียบโดยเฉพาะพวกรถที่ยอดขายเดือนละหลายพันคันในอดีต คุณสามารถเดินหาอะไหล่ใหม่ที่เป็นยี่ห้ออิสระทำมาใช้แทนของศูนย์ในราคาถูกกว่าก็ได้ จะเข้าตามหน้า Facebook พวกร้านจำหน่ายซากรถ ชี้ทีละชิ้นให้เขาแงะส่งไปรษณีย์มาถูกๆ ก็ได้ รถเก่าบางรุ่น จึงมีค่าซ่อมต่อเดือนถูกกว่าค่างวดที่คุณต้องไปผ่อนอีโคคาร์ใหม่ๆ สามสี่เท่า..คุณแค่ไม่มีทางหยั่งรู้ได้ว่าเมื่อไหร่มันจะพังใส่คุณ และที่สำคัญ ข้อได้เปรียบนี้ มีในพวกรถเก่าที่เป็นรถยอดนิยมมากๆ หรือเป็นรถที่คนไม่นิยม แต่ที่ญี่ปุ่นขายดีมีซากตัดเหลือเยอะเท่านั้นนะครับ
...
ถ้าคุณบอกว่ารถเก่าจะมีอะไหล่มือสองถูกๆ ให้ใช้เสมอ ผมแนะนำง่ายๆ ว่าลองเอาชื่อรุ่นรถ ชื่อพาร์ตอะไหล่ ไปกรอกใน Aliexpress, Ebay หรือ Google ดูก่อน ถ้าไม่เจออะไรเลย โอกาสที่มันจะแพงก็มีสูงมากครับ คุณคิดว่า 190E รุ่นเก่า ขายหลักล้านคันในโลก จะมีราคากรอบพลาสติกแอร์สามเหลี่ยมกี่บาท? ผมตอบให้ว่าสองหมื่นครับ ดังนั้นจึงมักใช้วิธีซ่อมกันแทน บางท่านก็หล่อแบบผลิตขึ้นมาใหม่ ใส่แทนของเดิม เพราะอะไหล่รถรุ่นนี้หลายชิ้นเริ่มเกลี้ยงโลกแล้ว
...
****การเข้าถึงสมรรถนะและอรรถรส****
หนุ่มๆ สาวๆ ครับ..ถ้าพวกคุณเป็นพวกบ้าพลังนะ..สมมติถ้าโยนเงินให้คุณครึ่งล้านบาท คุณคิดว่าถ้าให้ออกรถป้ายแดงคันหนึ่ง คุณจะสามารถโมดิฟายมันไปได้ไกลแค่ไหนในแง่การสนองตัณหาอารมณ์ซึ่ง ในงบเท่านี้ ถ้าซื้อรถป้ายแดง ไม่มีรถคันไหนที่คุณกระแทกคันเร่งมิดแล้วยิ้มปากฉีกได้แน่นอน เอาแค่ว่า “อยากได้เกียร์ธรรมดา” น่ะ ตอนนี้เหลือขายอยู่กี่รุ่นครับ? นี่คือจุดที่รถเก่าหลายรุ่นจะสะกิดคุณ
สำหรับคนที่อยากหารถที่แรงพอประมาณ และสามารถใช้เป็นรถฝึกหัดขับบนสนามแข่งได้ ไม่มีอะไรดีไปกว่ารถขับหน้าปีเก่าในระดับที่ยังสู้ไหวแล้วมีราคาที่เริ่มเบา และมีช่างและอู่รู้งานถึงไส้คอยรองรับ Toyota Vios ก็ได้..Honda Jazz GE ก็ได้ หรือถ้าชอบของแปลก จะเอา Suzuki Swift 2012 หรือ March ก็ไม่ว่ากัน ราคามือสองของรถเหล่านี้ จะเหลืองบพอให้คุณทำอะไรได้อีกเยอะ ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มพลังม้า ช่วงล่าง ล้อยาง และเบรก ผมมองว่ารถที่เกิดหลังปี 2000 และยังไม่ใหม่เกินปี 2015 ประมาณนี้ เหมาะสมกับคนที่มีรถคันเดียว ต้องใช้ทำงาน ใช้เดินทาง และใช้ฝึกขับในสนามด้วย แต่ถ้าเป็นพวกรถยุค 90s ก็ต้องศึกษาเพิ่มหน่อย เพราะอะไหล่บางรุ่นเริ่มหาย เครื่องตัวแรงๆ 4 สูบโดยเฉพาะพวก Honda VTEC B-Series นั้น หาเครื่องไม่ง่ายแล้ว แต่ถ้ายังอยากเล่น ก็ได้เช่นกัน บางรุ่นอย่าง Corolla Hi-Torque หรือ Civic EK ตาโตสี่ประตู ยังสามารถนำมาใช้ในจุดประสงค์แบบดังกล่าวได้ แต่อย่าตกใจนะ ถ้าคุณจะพบว่าใช้งบทำช่วงล่างเท่ากัน Jazz GE ช่วงล่างหลังคานแข็ง เลี้ยวในสนามได้ดีกว่าอิสระปีกนกคู่ 4 ล้ออย่างใน EK มันคือเรื่องของเทคโนโลยีการสร้างจริงๆ ครับ
และถ้าพูดถึงคนที่ต้องการรถประเภทขับเคลื่อนล้อหลังที่ให้คุณฝึกหัดกวาดท้ายเล่นได้ รถกระบะคือสิ่งที่เป็นมิตรกับกระเป๋าที่สุด แต่ถัดจากนั้นไปก็จะมีแต่ MG4 Electric ที่ราคาเริ่มต้นแปดเก้าแสนบาท ถ้าคุณไม่ได้มีงบขนาดนั้น ก็มาคบรถเก่าขับหลังฝั่งยุโรปเถอะครับ ซ่อมหนักหน่อย แต่อร่อยตอนขับ ยิ่งพวก BMW ยุคก่อนๆ เขาขึ้นชื่อในเรื่อง 6 สูบเรียงเสียงหวานๆ ถ้าคุณได้ลองรถแบบนี้ คุณจะเข้าใจคำว่า ไม่ตึง ไม่ดึง แต่สนุก
แล้วก็อย่าลืมบรรดาดาวลูกไก่ค่าย Subaru ทั้งหลายด้วยครับ ถ้าคุณมองหารถที่เน้นสมรรถนะการเกาะถนน สำหรับบางท่านที่ผมรู้ว่าเท้าผีจริงจัง ถึงแม้ไม่อยากให้ไปซิ่งกันบนถนน แต่ถ้าไม่อยากให้คุณตายง่ายเกินไปผมก็จะแนะนำว่า “ขับสี่มั้ยหลาน” ด้วยรถอย่าง Subaru มันจะมีการส่งกำลังไปที่ล้อทั้งสี่ข้าง ตรงไหนที่ขับสองกดแล้ววืด ขับสี่ยังไปได้ บนถนนเปียก ความปลอดภัยเมื่อขับเร็วก็สูงกว่า และที่สำคัญคือ โครงสร้างตัวถังครับ ผมพูดเสมอว่า ถ้าคุณจะหารถที่โครงสร้างแกร่งมากในหมู่รถญี่ปุ่น Subaru นี่ล่ะครับใช่เลย
มันยังมีอีกหลายรุ่นให้พูดถึง แต่โดยรวมแล้ว ผมมั่นใจว่า ถ้าเป็นเรื่องการขับขี่และอรรถรส ความสนุก ถ้าคุณมีเงินเยอะก็ไป EV พลังสูงรุ่นใหม่ๆ ครับ แต่ถ้าเงินไม่ถึงล้านบาท รถเก่าได้เปรียบอยู่ดีเพราะตัวเลือกมีมากกว่าเยอะ
****รถเก่า โมดิฟายได้ง่ายกว่า****
บางท่านที่บอกว่ารถเก่าโมดิฟายง่ายกว่า..ในบางกรณี ถ้าเป็นรถเก่าที่มีพาร์ทแต่งในตลาดเหลือเยอะ มันก็ทำได้ง่ายกว่าครับ รถใหม่ๆ บางรุ่นนั้นการจะโมดิฟายอะไรสักอย่าง นอกจากจะทำงาน Hardware เลือกเทอร์โบ ออกแบบท่อร่วมไอเสีย คำนวณระบบต่างๆ เป็นแล้ว ยังต้องรู้ลึกอีกด้วยว่าบริษัทรถคิดอะไรมาล็อกมากั้นในระบบสมองกลของมันบ้าง เข้าทำนองคล้ายกันกับเรื่องการบำรุงรักษา คนที่มีเครื่องไม้เครื่องมือ มีความรู้ทางอิเล็กทรอนิกส์มาก จะสามารถเรียกม้า 10-50 ตัวแรกในรถรุ่นใหม่ๆ ได้ง่าย ถูก และเร็ว
ลองนึกภาพดูครับ การเพิ่ม 40 แรงม้าใน Civic Turbo กับ 40 แรงม้าใน Civic 2.0 รุ่นเก่า ไอ้รุ่นใหม่เพิ่มตามตัวเลขนั้นได้โดยไม่ต้องไปแตะตัวเครื่องยนต์เลยด้วยซ้ำ แต่ถ้ามันเป็นจุดที่เลยส่วนที่คอมพิวเตอร์สามารถเสกได้ไป จุดที่เหลือ ใช้เงินพอกัน แต่จุดที่รถเก่าได้เปรียบกว่าคือ ความที่มันอยู่มานาน ช่างหลายคนทำมาจนเบื่อแล้ว พาร์ทแต่ง ก็อย่างที่ทราบว่ามีเยอะแล้ว มันจึงเป็นทางเลือกที่เซฟทั้งเวลาและเงิน ถ้าคุณจะโมดิฟายรถที่ชาวบ้านเขาทำมาแล้วเป็นร้อยคัน
รถรุ่นใหม่บางรุ่น จะเข้มงวดเรื่องมลภาวะมาก ระบบจะพยายามกันไม่ให้คุณเล่นอะไรแปลกๆ แผลงๆ แม้คุณจะใช้คอมพิวเตอร์จูนเป็น มันก้าวข้ามจากเรื่องของการโมดิฟายรถ ไปเป็นการพึ่งพาพวกเซียนแฮกเกอร์แทน หรือรถบางยี่ห้อ พอทราบว่าคนโมดิฟายรถต้องเอา ECU ออกมางัดฝาเพื่อบัดกรีวงจรข้างใน พ่อก็เล่นเอาเรซิ่นยิงอัดในกล่อง ECU เต็มก่อนอัดฝากล่อง พอคนไทยมือซน อยากเปิดกล่องดู งัดปุ๊บ เรซิ่นกาวก็ดึงเอาแผงวงจรแหกหมด นี่คือเรื่องที่เราจะไม่เจอในรถรุ่นเก่าๆ นะครับ ดังนั้นคุณมองหน้าช่างจูนรถรุ่นใหม่ๆ คุณคิดว่าเขารวยมาโดยง่าย..ไม่ใช่นะครับ เจ็บมากันเยอะทั้งนั้น
อย่างไรก็ตาม ถ้าเราพูดถึงรถที่มาจากเทคโนโลยีรุ่นปู่ยังหวานกับย่า อันนั้นจะเป็นอีกเรื่องหนึ่งเลย เช่นถ้าคุณยังเล่นรถเครื่องยนต์คาร์บิวเรเตอร์อยู่ ผมบอกเลยว่าในนาทีนี้ ช่างที่จูนคาร์บิวเรเตอร์เก่งๆ ลาเราไปโลกหน้ากันเยอะแล้ว ส่วนคนที่เหลืออยู่ พอรู้ว่าเครื่องหัวฉีดดีกว่าในทุกกรณี ก็ไม่มีใครอยากเสียเวลาจูนเพื่อแลกกับเงินน้อยๆ หรอกครับ ระบบหัวฉีดกลไกยุคเก่าอย่าง KE-Jetronic ในเบนซ์ยุค 80s-90s เช่น 190E เช่นกัน ที่บอกว่าแค่เสียบประแจหมุนๆ แล้วจูนได้เลยนั้น..หุ..จูนให้วิ่งได้ ไม่ยากครับ แต่จูนให้วิ่งได้ดี เรียกกำลังได้ 100% ผมบอกเลยว่า ยากกว่ารถรุ่นใหม่เสียบคอมจูนเยอะครับ เท่านั้นยังไม่พอ อะไหล่บางชิ้นอย่างตัวจ่ายน้ำมัน กับตัวคุมจุดระเบิด แพงเป็นบ้า หรือซ่อมก็หลักหมื่น รถเครื่องพวก KE-Jetronic พวกนี้จึงมีคนแปลงใส่ระบบหัวฉีดคุมด้วยสมองกลไฟฟ้า EFI แทน ราคาเท่าที่ทราบก็หลักหมื่นเหมือนกัน แต่ได้ความง่ายในการจูน ได้ความประหยัดและการตอบสนองต่อเท้ามาแทน
****ความตั้งในการประกอบ ความหรูหรา และความสบาย****
สิ่งหนึ่งที่รถเก่าถูกๆ โดยเฉพาะพวกซีดานหรู จะยุโรปหรือญี่ปุ่นก็ให้คุณได้ ก็คือเรื่องของคุณภาพวัสดุภายใน ซึ่งนอกจากแตกแหกแยกเยิ้มเก่งแล้ว ยังชอบส่งเสียงดังน่ารำคาญ แต่ถ้าบูรณะให้อยู่ในภาพดี มันจะได้บรรยากาศในห้องโดยสารที่รู้สึกได้เลยว่า บริษัทรถเทเงินลงไปในเรื่องวัสดุได้เยอะ เพราะสมัยก่อนรถแทบไม่มีอุปกรณ์อะไร สมัยนี้ รถใหม่ๆพอเจอรถจีนขยันอัดอุปกรณ์ พวกรถญี่ปุ่นก็อัดตาม พอรถญี่ปุ่นหลักแสนมี รถยุโรปหลักล้านกลัวน้อยหน้า ก็ต้องอัดของตาม แต่อัดแล้วถ้าราคาแพงขึ้น ลูกค้าก็ด่าอีก เอ้า..ก็ต้องไปตัดเอากับการลดต้นทุนพวกวัสดุต่างๆ ในจุดที่คนทั่วไปเขาไม่เข้าไปมองกัน ฟองน้ำ โฟม แผ่นเก็บเสียงในบางจุด หมุดยึดจุดต่างๆ หรือแม้กระทั่งการพ่นสีและคุณภาพสีที่เลือกใช้ ครับ..บริษัทรถยนต์ก็ต้องอยู่ให้รอด นับวันของในรถยิ่งต้องเพิ่ม ขืนใจดีแบบเดิมก็ขาดทุนตายเท่านั้น
แล้วนอกจากนั้น ยังมีเรื่องมาตรการ และมาตรฐานใหม่ๆ ที่เรายังไม่รู้ทั้งในประเทศ และต่างประเทศ เช่นอย่างในญี่ปุ่น ช่วงกลางยุค 90s ต่อจนเข้าศตวรรษใหม่นั้น เทรนด์หนึ่งในบรรดาผู้ผลิตรถที่มีแนวทางมาจากรัฐก็คือ รถนั้นเมื่อเป็นซากแล้วก็ต้องสามารถรื้อทำลายได้ง่าย ก็ค่าแรงญี่ปุ่นแพงนี่ครับ รถที่รื้อพาร์ทยาก ใช้ชิ้นส่วนที่ทำลายหรือย่อยสลายได้เยอะมากเท่าไร เขายิ่งจะมองว่ามันไม่ดี แต่ผมไม่ทราบเหมือนกันว่า ใช้มาตรการบังคับเลย หรือเขาให้ส่วนลดอะไรสำหรับการทำรถให้รื้อเป็นชิ้นๆได้ง่ายขึ้น สิ่งที่เคยเป็นนอต ก็กลายเป็นหมุดพลาสติกเยอะขึ้น บางส่วนก็หลุดและชำรุดได้ง่ายขึ้นบ้างเมื่อเวลาผ่านไปเป็นธรรมดา
ส่วนเรื่องความสบายในแง่ของการโดยสารนั้น ผมมองว่า ที่เรามองว่ามันสบาย เพราะเราเอารถเก่าราคาหกแสน ไปเทียบกับรถป้ายแดงราคาหกแสนบาท แน่นอนครับว่า รถเก่าหกแสนบาท มักจะมาจากรถคลาสสูงกว่า ตัวโตกว่า มีต้นทุนให้เล่นเยอะกว่า สมัยนี้คุณลองนึกดูว่ารถหกแสนบาท เจ็ดแสนบาทมีคันไหนนุ่มบ้าง แต่ถ้าคุณลองไปนั่ง Toyota Crown Royal จะรุ่นเก่ากึกแบบ S133 ที่แท็กซี่ชุมพรกับหาดใหญ่วิ่งกันเยอะๆ หรือพวกรุ่น S151, S155 ที่มาช่วงท้ายศตวรรษก็ได้ ขอแค่ทุกชิ้นส่วนสมบูรณ์ คุณจะพบกับความนุ่มนวลแบบที่ไม่มีรถใหม่ราคาสองล้านคันไหนให้คุณได้ รถยุโรปหกล้านบาทยังมีหวั่น (เอาแค่เรื่องนุ่มนะลูก..อย่าวกไปเรื่องอื่น)
แต่ถ้าเรามองหารถที่มาจากคลาสเดียวกัน ต่างแค่ปีเก่าหรือใหม่ แนวโน้มก็คือ ยิ่งรถปีใหม่มาก ความสบายยิ่งเพิ่มมากขึ้น ในทุกๆ เจเนอเรชัน รถใหม่จะมีขนาดโตขึ้น บานประตูใหญ่ขึ้นลงง่ายกว่าเดิม เบาะขยายโตขึ้น ภายในกว้างขึ้น พวงมาลัยเพาเวอร์เปลี่ยนจากไฮดรอลิกเป็นไฟฟ้า ถอยจอดเบามือขึ้น ส่วนช่วงล่างจะนุ่มหรือไม่ แล้วแต่ว่าช่วงนั้นทีมพัฒนารถอยากจะแก้ หรือไม่อยากจะแก้ หาข้อสรุปได้ยาก ดูอย่าง BMW 5 Series E39 สิครับ ถ้าเอาแค่เรื่องช่วงล่าง บาลานซ์ความนุ่มนวล/ความเกาะถนน ไม่ได้แพ้โมเดลใหม่ๆ อย่าง F10 หรือ G30 แต่ถ้าคุณมั่นใจว่า G30 ทุกคันขับดีขับนุ่มและมั่นกว่า E39 แปลว่าคุณยังไม่เคยขับ 530e ELITE รุ่นช่วงล่างธรรมดาที่ไม่ใช่ M Sport..ผมบอกแล้วว่ามันหาข้อสรุปได้ยากเรื่องความนุ่มนวลครับ แต่ความสบายจากพื้นที่ห้องโดยสาร รถใหม่ยังไงก็ชนะ
****เชื่อว่ารถเก่าปลอดภัยกว่า เพราะชนแล้วไม่ยุบ ****
อันนี้ ผมกล้าพูดเลยครับว่า..ตามสบายเลยครับ ถ้าต้องนั่งในรถเก่ากับรถใหม่ ที่เป็นรถคลาสเดียวกัน แล้วจับพวกมันมาวิ่งชนกันดูว่าใครรอด ในกรณีนี้ถ้าเป็นผม ผมวิ่งไปรถใหม่ก่อนเลยครับ รถเก่า แข็งจริงครับ แข็งเพราะในยุคที่รถพวกนั้นเกิด ไม่มีคอมพิวเตอร์ที่มีพลังคำนวณมากเท่ายุคหลังๆ การจะสร้างรถที่ปลอดภัย ต้องชนของจริงซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่รู้กี่ครั้ง และการจะทำให้ลูกค้าเชื่อมั่นได้ มันก็มาจากความแข็งเวลาเอามะเหงกเคาะตัวถัง หรือเวลาเอารถไปทิ่มชาวบ้านเขาแล้ว รถชาวบ้านยุบเยอะ รถตัวเองแค่กันชนหลุด
แต่ความจริง คนเราไม่ได้ตายเพราะเราขับรถเร็วครับ เราตายเพราะเราวิ่งเร็วแล้วมีบางอย่างมาทำให้ต้องหยุดในทันที ยิ่งคุณออกแบบตัวถังให้มีจุดซับแรงกระแทกได้มากเท่าไร ไอ้การหยุดทันที มันก็จะเหมือนกับการถูกชะลอในเสี้ยววิให้คุณมีโอกาสรอดมากขึ้น รถยุคใหม่ จึงเหนือกว่ารถเก่าทุกกรณีในแง่ของความปลอดภัยจากการชนในสถานการณ์และความเร็วเดียวกัน เพราะการออกแบบเรื่องจุดรับ/จุดซับแรงกระแทก ซึ่งมันถูกปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพเพิ่มขึ้นจากเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จำลองสภาพการชน ที่ทำให้สามารถ Simulate การชนในแนวต่างๆ และเปิดโอกาสให้วิศวกรลองปรับลักษณะชิ้นส่วน เช่น เปลี่ยนจุดยึดนอต ปรับเพิ่มลอนบนวัสดุ เปลี่ยนวัสดุบางจุดเป็นเหล็กกล้า เทคโนโลยีรุ่นหลานเรา ทำให้วิศวกรสามารถทำสิ่งเหล่านี้ให้เป็นไปได้ง่ายขึ้น
และยังไม่นับคำพูดคลาสสิกที่ผมฟังแล้วยกขาหลังเกาหูทุกครั้งไป อย่างเช่น ระบบรักษาการทรงตัว ระบบ ABS ไอ้พวกระบบความปลอดภัย มีไว้เดี๋ยวมันก็รวน สู้ฝีมือคนขับไม่ได้หรอก คนขับมือเจ๋ง ย่อมชนะระบบทั้งหมด จะบอกให้ว่า ผมคุยกับนักขับระดับโลกที่ขับรถวิ่งในสนาม Nurburgring ให้ Porsche มาแล้ว และอีกหลายท่านที่เป็นอาจารย์ของเจ้าคนนี้อีกที “ไม่มีนักขับมืออาชีพในสนามคนไหนพูด” ว่าเขาสามารถควบคุมรถได้ดีกว่าเมื่อปิดระบบช่วยเหลือทั้งหมดครับ เขาปิดเมื่อมันจำเป็นต้องปิด และไม่ว่าจะเป็นมืออาชีพขนาดไหน เก่งมายังไง คุณไม่มีทางกดเบรกด้วยเท้าแล้วสั่งให้เบรกจับทีล้อทีละข้าง แบบที่ระบบรักษาการทรงตัวมันทำได้ คนพวกนี้ ถ้าลองให้มาขับรถบนลานกระเบื้องราดน้ำแฟ้บ แล้วลองระหว่างเปิดระบบกับปิดระบบดูสักครั้ง จะเลิกพล่ามโง่ๆ ครับ
จริงอยู่ ทุกระบบที่เป็นอิเล็กทรอนิกส์ มีโอกาสรวนได้ แต่คุณคิดว่าอะไรเกิดบ่อยกว่ากันบนถนนไทยระหว่างอิเล็กทรอนิกส์รวนกับคนขับพลาดเอง?
****ข้อสุดท้าย ใจล้วนๆ กับตัณหาและความผูกพัน****
บางคนที่รักรถเก่า ใช้รถเก่า ก็เพราะแค่เขาชอบรถเก่า แค่นั้น ไม่ได้คิดว่ารถใหม่แย่หรือไม่ไว้ใจ บางครั้งแม้โลกจะพยายามก้าวไปข้างหน้ากับเทคโนโลยีมากมายที่ถาโถมเข้ามาในรถยนต์ แต่บางคน ก็ชอบบรรยากาศแบบเก่าๆ มากกว่า ผมก็เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกว่า รถใหม่นี่ดี ของเล่นเยอะมาก และมันไม่มีทางเลยที่คุณจะใช้งานเทคโนโลยียุคใหม่โดยไม่พึ่งพาทัชสกรีน แต่บางครั้ง การเอาสิ่งที่มันเคยอยู่บนแดชบอร์ดหรือคอนโซลไปอยู่ในจอ คนรุ่นผมก็ไม่ชินเท่าไร เราจึงอยู่กับรถเก่า ที่เด็กๆ ด่าว่าโบราณ แต่เราใช้งานมันได้ง่าย และมันมีให้เท่าที่เราอยากใช้ หรือบางคน ก็ไม่ได้เน้นเรื่องใช้งาน แต่เป็นเรื่องความรู้สึกที่ได้รับเวลาอยู่หลังพวงมาลัย การได้เห็นส่วนประกอบรถคลาสสิกเช่น โครเมียม ลายไม้ หนังคอนนอลลี่ชั้นดี เข็มมาตรวัดที่ดูง่าย เพราะมันไม่มีอะไรให้ดูมากนัก หรือการออกแบบที่เราดูก็รู้ว่ามันคือศิลปะ..ไม่ใช่การออกแบบที่ดูเหมือนโต๊ะ IKEA ที่มีจอตั้งอยู่ แล้วบอกว่ามันคือ Minimalism
ผมคิดว่าบางครั้งรถก็เหมือนนาฬิกา ผมเป็นคนโบราณชอบใส่นาฬิกากลไกยุคเก่า ซึ่งรุ่นหลานๆ ก็มักจะถามว่า มันดียังไง ผมก็บอกว่า มันไม่ต้องชาร์จไฟ ..รุ่นหลานก็จะบอกว่าสมาร์ทวอตช์ของพวกเขาต้องชาร์จไฟ แต่มันสามารถทำได้สารพัดอย่างและที่สำคัญ เดินไม่เพี้ยนเกิน 1 วินาทีในแต่ละวัน ดีกว่านาฬิกาโบราณของผมเยอะ ผมเลยนึกขึ้นได้ว่า จริงๆ ผมแค่บอกว่า ผมชอบของที่เป็นกลไกครับหลาน แล้วก็ชอบเพราะการที่มันมีหน้าปัด มีการออกแบบที่แตกต่าง..แล้วมันจะจบ เพราะมันจะเปลี่ยนจากการเปรียบเทียบ เป็นความชอบ คนใช้รถเก่าก็แบบเดียวกัน บางครั้งความเพลินใจของเราคือการดูสิ่งที่รู้สึกได้ว่ามีการออกแบบที่ใช้เวลานานกว่าจะคิดออกมาได้ มีศิลปะในตัวของมัน
หรือบางครั้ง เป็นเรื่องของความผูกพัน ไม่ว่าอาจเป็นเพราะรถคันนั้น เป็นรถตกทอดที่มาจากปู่ย่าตายาย จึงอยากเก็บรักษาไว้ หรือมาจากความใฝ่ฝันในวัยเด็ก ที่ตอนยังวัยรุ่น อยากเป็นเจ้าของรถรุ่นนั้นๆ แต่ยังไม่มีเงินมากพอ เมื่อแก่ตัวลง มีเงินในบัญชีมากขึ้น และรู้สึกว่าชีวิตกำลังผ่านวัยกลางคน จะทำอะไรก็รีบๆ ทำ เมื่อนั้นแล้ว จึงหาโอกาสเอารถเก่ามาใช้ สนองความฝันตัวเอง รุ่นน้องผมบางคน มี Ford Ranger Raptor ไว้ใช้งานปกติ และเคยมี AMG C 43 แต่ท้ายสุดก็มาโดนตก โดยรถ Volkswagen Beetle รุ่นเก่ากึก..ก็มี นะครับน้องไบร์ท และขอบคุณที่ให้ยืมภาพรถมาลงบทความน้าครับ
แต่ท้ายสุด ไม่ว่าใครจะชอบแบบไหน ผมว่า ตราบใดที่กฎหมายยังสามารถให้เราขับรถเก่าได้ คนที่จะขับรถเก่า ก็ควรมีสิทธิ์ขับได้ แต่ต่างคนก็ต้องต่างเคารพการลงทุนของกันและกัน โดยที่คนรักรถเก่าเองก็ไม่ต้องไปคอยแซะคนที่เขาจะซื้อรถใหม่หรือเขาจะขี่ EV ถนนและสังคม เป็นของทุกคนอย่างเท่าเทียม ยกเว้นว่าถนนสายนั้นคุณสร้างไว้วิ่งของคุณเอง ตราบใดที่ต้องอยู่ด้วยกัน ผมว่า เราเข้าใจกัน หรืออย่างน้อยก็อย่าเดินเหยียบเท้ากัน แล้วทุกคนจะมีความสุขมากกว่าครับ
Pan Paitoonpong.