เป็นเวลาถึง 10 ปี นับตั้งแต่เที่ยวบิน MH370 หายไปอย่างไร้ร่องรอยเมื่อมีนาคม 2557 รัฐบาลของหลายประเทศได้ร่วมมือกันค้นหาซากเครื่องบินในมหาสมุทรอินเดียมานานกว่า 8 ปี หมดเงินงบประมาณในการค้นหาไปกว่า 6,000 ล้านบาท แต่กลับไม่พบซากเครื่องบินในมหาสมุทรเลย จนการหายไปของ MH370 ถือเป็นปริศนาเครื่องบินสาบสูญที่ดำมืดและยังรอวันถูกทำให้กระจ่างต่อสาธารณชน ล่าสุด ทางการของมาเลเซียได้รื้อฟื้นการค้นหาซากเครื่องอีกครั้งเมื่อช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมา...

...

ไบรอน เบลีย์ ผู้เชี่ยวชาญทางการบิน ซึ่งเคยเป็นอดีตนักบิน กล่าวว่า ทีมสืบสวนค้นหาบริเวณจุดที่เครื่องบินตกผิดตำแหน่ง และไม่ได้ไปค้นหาลงไปทางใต้ของบริเวณที่กำลังค้นหากันอยู่ พร้อมทั้งกล่าวว่า เขามั่นใจว่า กัปตันกำลังพยายามที่จะขับเครื่องบินลงไปทางใต้ให้ไกลมากที่สุด ในบริเวณที่ห่างไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่าทำไม MH370 จึงหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย โดยพบแค่ชิ้นส่วนของเครื่องเพียงไม่กี่ชิ้นเท่านั้นเอง .....

การค้นหาเครื่องบิน Boeing 777 เที่ยวบิน MH370 ซึ่งเป็นการค้นหาและกู้ภัยทางทะเลครั้งใหญ่ เริ่มต้นขึ้นหลังจากการหายสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอยของเครื่องบินโดยสาร Boeing 777-200 หลังจากนั้นไม่นาน ทีมค้นหาได้ขยายวงกว้างออกไปจนกลายเป็นการค้นหาเครื่องบินหายที่กินพื้นที่กว้างที่สุดเท่าที่เคยมีมา ครอบคลุมพื้นที่ทะเลอันดามัน อ่าวเบงกอล และมหาสมุทรอินเดียทางตอนใต้ หลายเดือนผ่านไปจนกลายเป็นหลายปี เจ้าหน้าที่สืบสวนเริ่มเห็นภาพชัดขึ้นว่าเครื่องบินลำนี้อยู่บริเวณใดในช่วงไม่กี่ชั่วโมงก่อนหายสาบสูญ และใช้ข้อมูลดังกล่าวรวมถึงรัศมีของการบินกับตำแหน่งที่เครื่องส่งสัญญาณปิ้งไปยังดาวเทียมมาปรับใช้ในการค้นหา ทีมช่างเทคนิค และวิศวกรทางการบิน ได้ประเมินเส้นทางการบินของ Boeing 777 ไฟลต์ MH370 อย่างคร่าวๆ จากสัญญาณปิ้งที่ส่งออกมา 8 ครั้ง จากตัวเครื่องไปยังดาวเทียมอินมาร์แซท-3 หน่วยงานค้นหาได้มุ่งไปยังพื้นที่รอยต่อระหว่างออสเตรเลียกับหมู่เกาะเคอร์เกอเลนในมหาสมุทรอินเดีย กินพื้นที่กว้างถึง 600,000 ตารางกิโลเมตร และอยู่ห่างจากเมืองเพิร์ทของออสเตรเลียไกลกว่า 3,000 กิโลเมตร

...

22 มกราคม 2561 มาเลเซียได้ลงนามข้อตกลงกับบริษัท โอเชียน อินฟินิตี้ ของสหรัฐฯ ในการค้นหาซากเครื่องบินโดยสารเที่ยวบิน MH370 (เอ็มเอช 370) ครั้งล่าสุด ที่หายไปพร้อม 239 ชีวิต บริเวณมหาสมุทรอินเดีย เมื่อวันที่ 8 มี.ค. 2557 โดยบริษัทนี้เริ่มปฏิบัติการค้นหาตั้งแต่วันที่ 22 ม.ค. หลังจากเมื่อปีก่อนทีมค้นหาของมาเลเซีย ออสเตรเลีย และจีน ที่ได้ยุติการค้นหาบริเวณทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย อัซฮารุดดิน อับดุล ราห์มาน หัวหน้าสำนักงานการบินพลเรือนของมาเลเซีย เผยว่า การค้นหายังคงดำเนินอย่างต่อเนื่องมากว่า 90 วันแล้ว

...

...

เมื่อเวลาผ่านไป การค้นหาที่กินเวลานานหลายเดือนกลายเป็นหลายปี เรือสำรวจสมุทรศาสตร์และอากาศยานกู้ภัย เรือรบลาดตะเวณ ยามฝั่งและอีกหลายหน่วยงานที่เข้าทำการค้นหาบนพื้นที่กว้างใหญ่ของมหาสมุทรอินเดีย ได้ ใช้ทั้งเชื้อเพลิงและเงินทุนไปอย่างมหาศาล ภารกิจในการค้นหาซากเครื่อง สิ้นสุดลงในเดือน มิ.ย. พ.ศ.2561

ปี 2562 ญาติพี่น้องของผู้โดยสารบนเครื่อง MH370 ได้เข้าร่วมงานรำลึกครบรอบ 5 ปีของการสาบสูญไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ยังคงมีความหวังที่จะพบซากเครื่องบิน และต้องการทราบว่าเกิดอะไรขึ้นกับเครื่องบิน Boeing 777 เที่ยวบินที่ MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์

เจอซากเครื่องที่ระบุชัดว่าเป็นของBoeing 777-200 เที่ยวบินที่ MH370

วันที่ 25 มีนาคม พ.ศ.2559 หลังจากระดมทั้งเครื่องบินและเรือออกค้นหามานานกว่า 2 ปี บนพื้นที่กว้างไกลครอบคลุมทางตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย มีความคืบหน้าในการค้นหาร่องรอยของ MH370 โดยพบชิ้นส่วนของเครื่องบินบริเวณชายหาดของประเทศโมซัมบิก จากการนำไปตรวจสอบโดยละเอียดของเจ้าหน้าที่พบว่าชิ้นส่วนดังกล่าวเป็นชิ้นส่วนของเครื่องบิน Boeing 777-200 เที่ยวบิน MH370 จริง หลังจากนั้นคณะทำงานร่วมระหว่างรัฐบาลออสเตรเลีย และรัฐบาลมาเลเซีย แถลงยืนยันว่า ซากชิ้นส่วนเครื่องบิน 2 ชิ้นที่เพิ่งพบบนชายฝั่งตะวันออกของทวีปแอฟริกา น่าจะมาจากเครื่องบินโบอิ้ง 777 เที่ยวบิน MH370 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ที่สูญหายไปอย่างไร้ร่องรอย

นายหลิว ตง ไหล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมของมาเลเซียในขณะนั้น กล่าวว่า การพบชิ้นส่วนนี้ช่วยยืนยันว่าทีมงานค้นหามุ่งวิเคราะห์การไหลเวียนของกระแสน้ำในมหาสมุทรอินเดีย แล้วพุ่งเป้าไปที่พื้นที่ทางตอนใต้ของทะเลอินเดียอันกว้างใหญ่นั้นมาถูกทางแล้ว ตามแผนปฏิบัติการค้นหาเครื่อง Boeing 777 เที่ยวบินสาบสูญ MH370 ต้องยุติในเดือน มิ.ย.-ก.ค. ปี พ.ศ.2559 หากการสืบค้นไม่มีความคืบหน้า และไม่สามารถระบุจุดตกที่แน่นอนได้

สำหรับหลักฐานที่ตรวจพบและได้รับการยืนยันแล้วว่าเป็นชิ้นส่วนของเครื่อง Boeing 777-200 ก็คือ Flaperon โดยพบที่เกาะเรอูนียง เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ.2558 Flaperon คือชิ้นส่วนบริเวณปีก ทำหน้าที่สร้างแรงยกระหว่างเครื่องขึ้นและลง ถูกยืนยันโดยเจ้าหน้าที่ออสเตรเลีย นับเป็นเบาะแสแรกหลังเครื่องบินหายสาบสูญไปเมื่อปี พ.ศ.2557 ซึ่งเจ้าหน้าที่สามารถยืนยันตัวเลขที่พบบน Flaperon เป็นหมายเลขที่ตรงกันกับบริษัท Boeing ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตเครื่องบินรุ่นนี้ เกาะเรอูนียงเป็นดินแดนของฝรั่งเศสในมหาสมุทรอินเดีย นอกชายฝั่งของเกาะมาดากัสการ์ หลังจากการตรวจพบเศษซากชิ้นส่วนของตัวเครื่อง หน่วยงานด้านความปลอดภัยทางการบินของฝรั่งเศสได้เดินทางเข้าตรวจสอบหลังจากการค้นพบชิ้นส่วนเครื่องบิน Boeing 777-200ER แล้วนำไปตรวจวิเคราะห์ก็พบว่าชิ้นส่วนปีกเครื่องบินดังกล่าวเป็นซากชิ้นส่วนของเครื่องบิน MH370 เกาะรีอูนิยงมีที่ตั้งอยู่ระหว่างมาดากัสการ์ และมอริเชียส ตั้งอยู่ทางตะวันออกของมาดากัสการ์ ประมาณ 900 กิโลเมตร (560 ไมล์) และทางตะวันตกเฉียงใต้ของอินเดียประมาณ 3,943 กิโลเมตร (2,450 ไมล์)

Plane wing fragment พบที่เกาะมอริเชียส เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ.2559 ชิ้นส่วนที่ถูกค้นพบบนชายฝั่งของเกาะแห่งหนึ่ง ในหมู่เกาะมอริเชียส โดยได้รับการยืนยันจากตัวอักษรภาษาอังกฤษที่อยู่บนชิ้นส่วน

Wing Flap
พบที่ชายฝั่งของเกาะแห่งหนึ่งที่ห่างไกลในประเทศแทนซาเนีย เมื่อเดือนมิถุนายน 2559 เจ้าหน้าที่รายงานชิ้นส่วนนี้เป็นส่วนหนึ่งของเครื่องบิน MH370 ถูกพบเมื่อเดือนมิถุนายน บนเกาะ Pemba ของแทนซาเนีย ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ในมหาสมุทรอินเดีย

วันที่ 8 มีนาคม 2557 ผู้โดยสารบนเครื่อง Boeing 777-200ER กำลังนั่งพักผ่อนเพื่อเตรียมขึ้นบินจากเมืองหลวงของมาเลเซียไปยังกรุงปักกิ่ง เป็นเวลาหลังเที่ยงคืน เครื่อง Boeing 777 มาเลเซียแอร์ไลน์ แท็กซี่ออกไปตั้งลำอยู่บนรันเวย์เพื่อรอให้หอบังคับการบินเปิดเส้นทางสำหรับการขึ้นบิน นักบินประจำเครื่อง กัปตัน ซาฮารี อาห์หมัด ซาห์ นักบินที่หนึ่ง อายุ 53 ปี มีชั่วโมงบินโชกโชนกว่า 18,000 ชั่วโมง ส่วนนักบินที่สอง ฟาริค อับดุล ฮามิด อายุ 27 ปี เข้ารับหน้าที่ในตำแหน่งนักบินผู้ช่วยเป็นครั้งแรก หลังจากจบการฝึกบินกับเครื่อง Boeing 777

จากการถอดเทปบันทึกเสียงในหอบังคับการก่อนเกิดเรื่อง ไม่ว่าจะเป็น เสียงวิทยุจากหอบังคับการบิน แจ้งไปยัง Boeing 777 MH370 ว่า "370 - 32 ขวา นำเครื่องขึ้นได้เลย ราตรีสวัสดิ์" และมีเสียงตอบกลับจากนักบินของ MH370 ว่า "ขอบคุณครับ ราตรีสวัสดิ์" หลังจากนั้นกัปตันเร่งความเร็ว เสียงเครื่องยนต์เทอร์โบแฟนดังกระหึ่มขณะที่เร่งเครื่องยนต์อย่างเต็มที่ 40 วินาทีต่อมา เครื่อง Boeing 777 ของมาเลเซียแอร์ไลน์ ก็ยกตัวพ้นจากพื้นของรันเวย์ เครื่อง Boeing 777 หนัก 340 ตันเศษ และมีความยาว 70 เมตร พุ่งทะยานผ่านความมืดมิด และหายลับไปในท้องฟ้ายามค่ำคืนของมาเลเซีย

หลังจากบินขึ้นไปได้ไม่นานนัก นักบินวิทยุติดต่อเจ้าหน้าที่ควบคุมเส้นทางการบิน และได้รับอนุญาตให้ทำการไต่ระดับขึ้นไปที่ความสูง 350 (35,000 ฟุต) หรือที่ความสูง 10.7 กิโลเมตรจากพื้น ซึ่งเครื่อง Boeing 777-200 จะใช้เวลาในการไต่ระดับเพดานบินประมาณ 20 นาที ไม่นาน มาเลเซียแอร์ไลน์ ไฟลต์ MH370 ได้รับสัญญาณจากระบบเอคาร์ หรือ Aircraft Communications Addressing and Reporting System-ACARS ซึ่งเป็นระบบส่งสัญญาณแบบอัตโนมัติจากเครื่องบินไปยังศูนย์ควบคุมของสายการบิน เพื่อทำการรายงานพิกัดของเครื่องขณะทำการบิน หากมีความผิดพลาดเกิดขึ้น ระบบต่างๆ ในเครื่องก็จะทำการรายงานทันที หลังจากบินขึ้นได้ 45 นาที เวลา 01.19 น. ตามเวลาท้องถิ่นของประเทศมาเลเซีย ตามแผนการบินของ MH370 เครื่อง Boeing 777 พร้อมลูกเรือและผู้โดยสาร 239 คน อยู่ในเส้นทางตามตารางการบิน และบินพ้นออกนอกน่านฟ้าของมาเลเซีย โดยมุ่งหน้าขึ้นไปยังทิศเหนือ ตัดตรงผ่านอ่าวไทยไปยังแหลมญวน หอบังคับการบินวิทยุแจ้งให้ MH370 เปลี่ยนคลื่นวิทยุ เพื่อรายงานตัวต่อหอบังคับการของเวียดนาม ที่ความถี่ 120.9 เมกะเฮิรตซ์ เสียงจากหอบังคับการบินแจ้งว่า "มาเลเซีย 370 ติดต่อโฮจิมินห์ 120.9 ราตรีสวัสดิ์" เสียงวิทยุจาก MH370 ตอบกลับหอบังคับการเพื่อทวนคำสั่งว่า "ราตรีสวัสดิ์ มาเลเซีย 370" หลังจากนั้นก็ไม่มีการติดต่อใดๆ กลับมาอีกเลย

การคาดการณ์ถึงสถานการณ์บนเครื่อง MH370 ก่อนที่จะดิ่งลงสู่มหาสมุทรอินเดีย มีการคาดกันไปต่างๆนานา ผู้เชี่ยวชาญทางการบินได้พยายามวิเคราะห์ถึงสาเหตุการสาบสูญของเครื่องบินหนัก 340 ตัน บางคนคาดเดาว่า

1-บนเครื่องบิน มีอุปกรณ์สำคัญที่ไม่อาจให้ฝ่ายตรงกันข้ามได้ไปครอบครอง เครื่องบินจึงถูกนำไปลงอย่างลับๆ ในสถานที่ที่ไม่มีใครรู้

ข้อนี้ตัดออกไปได้ เนื่องจากตรวจพบชิ้นส่วนที่ได้รับการยืนยันว่าเป็นของเครื่องบิน Boeing 777-200 ไฟลต์ MH370

2-เครื่องบินอาจถูกจี้บังคับด้วยอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์

หากมีคนสามารถทำเรื่องไฮเทคดังกล่าวได้ เที่ยวบินนับหมื่นเที่ยวต่อวันคงโดนจี้บังคับไม่เว้นแต่ละวัน และยังไม่มีเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในวงการบินพาณิชย์

3-ระบบปรับความดันอากาศบนเครื่องอาจทำงานผิดพลาดจนทำให้เกิดอุบัติเหตุ

ความดันอากาศที่ผิดพลาด เป็นสาเหตุที่อาจทำให้เครื่องบินตกได้ เนื่องจากคนบนเครื่องขาดอากาศสำหรับหายใจ ผลลัพธ์ของการขาดอากาศ จะทำให้หมดสติทั้งนักบิน ผู้โดยสาร และลูกเรือ ซึ่งเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีต

4-อาจจะเกิดเพลิงลุกไหม้สายไฟที่ใช้ควบคุมการบิน จนเครื่องบินออกนอกเส้นทาง และตกลงกลางมหาสมุทรอินเดียที่กว้างใหญ่ไพศาล

สาเหตุของการตกที่อาจเกิดไฟไหม้ภายในห้องนักบินก็มีความเป็นไปได้ เมื่อไฟไหม้สายไฟ หรืออุปกรณ์ที่ใช้ในการบังคับควบคุม อาจทำให้เครื่องบินสูญเสียการควบคุมอย่างร้ายแรง แต่ไม่ได้มีวิทยุแจ้งอาการหรือเหตุฉุกเฉินดังกล่าวแต่อย่างใดทั้งสิ้น

แต่สิ่งที่น่าจะเป็นมากที่สุดก็คือ การคาดการณ์ว่านี่เป็นการฆ่าตัวตายของกัปตัน หรือนักบินที่ 1!

วันที่ 24 ตุลาคม พ.ศ.2563 เว็บไซต์เดลี่เมล และเมโทร ได้รายงานว่า ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการบินในสหรัฐฯ เปิดเผยผลการสืบสวนใหม่ และพบตำแหน่งหรือจุดตกของเครื่องบินโดยสาร Boeing 777 ของสายการบินมาเลเซียแอร์ไลน์ เที่ยวบิน MH370 พร้อมผู้โดยสารและลูกเรือ 239 ชีวิต ที่หายไปอย่างปริศนามานานนับ 6 ปีแล้ว ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการบิน 4 คน ซึ่งประกอบด้วย ดร.วิกเตอร์ แลนเนลโล, บ็อบบี้ อูลิช, ริชาร์ด ก็อดฟรีย์ และแอนดรูว์ แบงก์ เชื่อว่าเครื่องบิน Boeing 777 MH370 อาจตกลงไปในบริเวณตอนใต้ของมหาสมุทรอินเดีย ในรัศมี 100 ไมล์ทะเล ของพิกัด S34.2342 และ E93.7875 ซึ่งอยู่ห่างจากชายฝั่งเมืองเพิร์ธในรัฐเวสเทิร์น ประเทศออสเตรเลีย ประมาณ 2,070 กิโลเมตร ดร.วิกเตอร์ แลนเนลโล ซึ่งช่วยเจ้าหน้าที่ออสเตรเลียทำการค้นหาเครื่อง MH370 ยังเชื่อว่าเครื่องบินของมาเลเซียแอร์ไลน์ ลำนี้ ซึ่งบินออกจากท่าอากาศยานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ได้บินผ่านประเทศอินโดนีเซีย โดยห่างไปประมาณ 4,340 กิโลเมตร ก่อนจะตกในมหาสมุทรอินเดีย

จากการศึกษาค้นคว้าเพื่อหาจุดตกที่แท้จริงของ MH370 นั้น ดร.วิกเตอร์ แลนเนลโล และทีมผู้เชี่ยวชาญการบิน ซึ่งมีสำนักงานอยู่ในสหรัฐอเมริกา ได้มีการตรวจสอบและประเมินความเป็นไปได้ของเส้นทางบิน MH370 ถึง 2,300 เส้นทาง เพื่อต้องการระบุจุดตก รวมทั้งยังได้พัฒนาแบบจำลองในทุกเส้นทางบินของเครื่องบิน รวมทั้งข้อมูลด้านเชื้อเพลิง ข้อมูลทางทหาร ข้อมูลเรดาร์พลเรือน ข้อมูลสภาพอากาศ และการวิเคราะห์ซากเครื่องบินที่ถูกคลื่นซัดไปเกยชายฝั่ง ซึ่งรายงานเหล่านี้สรุปว่า มีความเป็นได้มากที่สุดที่ MH370 บินในเส้นทางห่างไปทางตะวันตกจากเมืองบันดาอาเจะห์ บนเกาะสุมาตราของประเทศอินโดนีเซีย ประมาณ 100 ไมล์ทะเล

นอกจากนั้น การวิเคราะห์ผ่านหลักฐานต่างๆ ยังได้นำคำบอกเล่าของ เคท ที ซึ่งกำลังอยู่บนเรือที่แล่นอยู่ในบริเวณตะวันออกเฉียงใต้ของหมู่เกาะ เกรต นิโคบาร์ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะสุมาตรา ซึ่งเคท ที บอกว่า เธอเห็นเครื่องบินลำใหญ่บินมุ่งหน้ามาทางเธอ เครื่องบินมาจากทางเหนือ และบินในระดับต่ำผิดปกติอีกด้วย.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th 
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom 
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/