พาไปชม TOYOTA HOUSE ที่กรุงปารีส ที่มีทั้งต้นแบบ Mobility ด้วยเทคโนโลยีสุดล้ำสมัยภายใต้แนวคิด Start Your Impossible รวมทั้งแผนการพัฒนา "รถยนต์ไฟฟ้า" ของโตโยต้า ที่ไม่ได้มาเล่นๆ ด้วย Concept Car ชาร์จหนึ่งครั้งวิ่งไกล 1,000 กม.
"ทีมข่าวไทยรัฐออนไลน์" บินลัดฟ้าพาไปสัมผัสความทันสมัยของเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Mobility ภายในพื้นที่การจัดแสดงงาน TOYOTA HOUSE ถึงกรุงปารีส โดยในปี 2024 นี้ฝรั่งเศสได้เป็นเจ้าภาพจัดงานมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก นอกจากการกีฬาที่เราร่วมเชียร์กันให้ทัพนักกีฬาไทยกวาดชัยชนะมาฝากกันแล้ว สิ่งที่น่าสนใจไม่แพ้กันก็คือ นิทรรศการ TOYOTA HOUSE ที่โตโยต้าได้นำเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ในอนาคต รวมถึงเทคโนโลยีต่างๆ ที่จะช่วยให้มนุษย์อย่างเราเคลื่อนไหวได้อย่างสะดวกสบายภายใต้คอนเซ็ปต์ Mobility for all
สำหรับพื้นที่การจัดแสดงของ TOYOTA HOUSE ที่จุดแรกนั้นพาเราไปรู้จักแนวคิด Start Your Impossible ที่ส่งเสริมให้ทุกคนเริ่มต้นทำใน 'สิ่งที่เป็นไปไม่ได้' ของตัวเอง ผ่านความทุ่มเทของนักกีฬาที่เอาชนะอุปสรรคและความท้าทาย โดยโตโยต้าได้เป็นพันธมิตรกับทีมนักกีฬาทั่วโลกกว่า 200 คนจาก 40 ประเทศ

...
โดยมหกรรมการแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิก กรุงปารีส ปี 2024 ที่ผ่านมา โตโยต้า มอเตอร์ เอเชีย ร่วมมือกับนักกีฬารุ่นแรกในเอเชียจำนวน 11 คน จากประเทศอินเดีย อินโดนีเซีย มาเลเซีย เนปาล ปากีสถาน ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม โดยคนไทยที่ได้รับการคัดเลือกได้แก่ วิว-กุลวุฒิ วิทิตศานต์ และกร-พงศกร แปยอ แน่นอนว่าเราได้เห็นภาพถ่ายพร้อมลายเซ็นของทั้งสองคนในงานนี้ด้วย
Mobility for all การขับเคลื่อนสำหรับทุกคน
เมื่อมาถึงโซนที่ 2 ของ TOYOTA HOUSE เรียกได้ว่าเป็นจุดว้าวซ่าที่น่าสนใจสำหรับคนที่ชื่นชอบเทคโนโลยีที่เกี่ยวข้องกับ Mobility ที่ถูกพัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ Start Your Impossible ซึ่งมีรายละเอียดดังนี้

แผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้า
ในงานนี้ TOYOTA ได้นำ Lexus LF-ZC Concept มาจัดแสดง หลายคนอาจจะเคยเห็นหน้าเห็นตารถยนต์ไฟฟ้าต้นแบบนี้มาแล้ว ซึ่งจุดเด่นของ Lexus LF-ZC คือการออกแบบตัวรถให้มีค่าสัมประสิทธิ์แรงต้านอากาศ (Cd.) อยู่ที่ 0.20 เรียกได้ว่าลู่ลมสุดๆ
นอกจากนี้ Lexus LF-ZC Concept ได้ใช้โครงสร้างของ Giga casting โดยจะแบ่งตัวถังออกเป็น 3 ส่วน คือ ด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลัง ทำให้ง่ายต่อการดูแลรักษา ส่วนภายในรถก็ดูทันสมัยไม่แพ้กัน จะเห็นได้ว่ามีแต่หน้าจอที่มาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่สำคัญยังเลือกใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วย

สำหรับแผนการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าของโตโยต้านั้นแบ่งออกเป็น 5 ส่วนด้วยกัน ได้แก่
1. THE FUTURE OF MONOZUKURI การออกแบบโครงสร้างตัวถังรถยนต์ที่แบ่งเป็น 3 ส่วน คือ ด้านหน้า ตรงกลาง และด้านหลัง โดยการออกแบบในลักษณะนี้จะสามารถลดต้นทุนการผลิต และลดระยะเวลาการผลิตได้มากกว่า 50% ในปี 2026
2. การพัฒนาแบตเตอรี่ และอนาคตของการชาร์ตรถยนต์ไฟฟ้า ปัจจุบันโตโยต้ามีรถอีวี 100% คือ TOYOTA bZ4X ใช้เวลาในการชาร์จ Fast charging ที่ 30 นาทีวิ่งไกลได้ประมาณ 500 กิโลเมตร แต่ในอนาคตในปี 2026-2027 การชาร์จลดลงเหลือ 20 นาที ต้นทุนในการผลิตและพัฒนาตัวรถจะลดลงถึง 40% และจะทำให้วิ่งไกลได้เพิ่มขึ้นจากเดิม 100%
ส่วนปี 2027-2028 นั้น เป็นช่วงของการพัฒนาแบบ High Performance ด้วยการลดต้นทุนการผลิตและพัฒนาลงอีก 10% แต่ระยะทางการขับขี่จะเพิ่มขึ้นจากเดิมอีก 10%
...
ในปี 2028 ขึ้นไป โตโยต้าจะเปิดตัว Solid-State battery ซึ่งตั้งเป้าการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าแค่ 10 นาที ระยะทางการขับขี่วิ่งได้มากกว่า 1,000 กิโลเมตรเลยทีเดียว

3. BATTERY ALONE DOES NOT DICTATE RANGE แน่นอนว่าการพัฒนาแบตเตอรี่เพียงอย่างเดียวไม่พอแน่นอน แต่การออกแบบแอร์โรว์ไดนามิค (Aero Dynamic) ของตัวรถก็สำคัญส่งผลต่อการใช้พลังงาน ซึ่งถ้าออกแบบมาดีทำให้รถลู่ลมจะช่วยให้รถไฟฟ้าประหยัดพลังงานมากขึ้น
4. GREATER FREEDOM OF DESIGN การดีไซน์รถยนต์ไฟฟ้าแห่งอนาคตก็ต้องออกมาล้ำสมัย และมีความเป็นอิสระ ที่สำคัญต้องนั่งสบายทั้งคนขับและคนนั่ง
5. EXPANDING FROM CARS TO A WORLD OF MOBILITY สิ่งสำคัญไม่แพ้สมรรถนะของรถก็คือ เทคโนโลยี ซึ่งจะมีการใช้ระบบปฏิบัติการ Arene OS เชื่อมต่อระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ที่สำคัญต่อการใช้งานรถยนต์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ทำให้การใช้ชีวิตบนรถง่ายขึ้นมากจริงๆ

...
กลยุทธ์ Multi-Pathway เทคโนโลยีในการขับเคลื่อนอันหลากกลายของโตโยต้า
หลายคนน่าจะเคยได้ยินคำว่า Multi-Pathway หรือ ความเป็นกลางทางคาร์บอน ที่โตโยต้าได้พัฒนาทางเลือกการใช้พลังงานผ่านเครื่องยนต์อันหลากหลายไม่ว่าจะเป็นเครื่องยนต์ไฮบริด หรือ HEV, ปลั๊กอิน-ไฮบริด หรือ PHEV, รถยนต์ไฟฟ้า หรือ BEV, ฟิวเซลล์ หรือ FCEV และรถยนต์พลังงานไฮโดรเจน หรือ H2 นั้นมาใช้ในงานโอลิมปิกและพาราลิมปิก 2024 ที่ผ่านมาอีกด้วย

โดยโซลูชั่นการขับเคลื่อนของโตโยต้านี้จะมีส่วนช่วยให้การแข่งขันกีฬาโอลิมปิกและพาราลิมปิกบรรลุเป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนลงครึ่งหนึ่ง เมื่อเทียบกับปริมาณการปล่อยคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากการจัดงานในครั้งก่อน ทั้งนี้ โตโยต้าได้ส่งมอบยานพาหนะโดยสารพลังงานไฟฟ้าเต็มรูปแบบจำนวน 2,650 คัน โดย 60% ของยานพาหนะที่ปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ ดังนี้
1. รถยนต์ไฟฟ้า Toyota bZ4X รุ่น Proace และรุ่น Proace Verso
2. รถยนต์ไฟฟ้า Lexus RZ

...
3. รถยนต์พลังงานไฮโดรเจน Toyota Mirai ซึ่งถือเป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความทุ่มเทของโตโยต้าในการผลิตยานพาหนะที่ไม่มีการปล่อยมลพิษ โดยเป็นรถยนต์ซีดานที่ขับเคลื่อนด้วยเซลล์เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ออกแบบจากการผสมผสานข้อดีของการขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเข้ากับความสะดวกสบายและใช้งานง่ายในแบบที่ไม่มีใครเทียบ ทั้งยังมีความคล่องตัว และชาร์จไฟได้อย่างรวดเร็ว
นอกจากนี้ ภายใต้ความร่วมมือกับ Air Liquide ทัพรถยนต์ Toyota Mirai ที่ใช้ระหว่างการแข่งขันที่กรุงปารีส ปี 2024 จะใช้เชื้อเพลิงไฮโดรเจน ที่กำเนิดจากแหล่งพลังงานหมุนเวียนอีกด้วย
4. รถบัสพลังงานเซลล์เชื้อเพลิง หรือ FCEV จำนวน 2 คัน ที่มีการดัดแปลงสำหรับการแข่งขันโดยเฉพาะ
5. รถบรรทุก FCEV รถยกโฟล์คลิฟท์ FCEV เรือและรถโค้ช FCEV รวมถึงรถต้นแบบของ Hilux อีกด้วย

ขณะเดียวกัน โตโยต้า ยังได้นำยานพาหนะไฟฟ้าแบตเตอรี่ส่วนบุคคล C+walkS แบบนั่งและ C+walkT แบบยืน ซึ่งเป็นยานพาหนะที่มีความเร็วสูงสุด 6 กม./ชม. จำนวนมากกว่า 250 คัน โดยยานพาหนะทั้ง 2 รุ่นมาพร้อมระบบตรวจจับสิ่งกีดขวางด้านหน้า เพื่อเสริมความปลอดภัยให้กับผู้ขับขี่และผู้คนรอบข้าง

รวมถึงการพัฒนาเก้าอี้รถเข็นวีลแชร์ e-puller โดยโตโยต้าที่ใช้งานอยู่ในหมู่บ้านนักกีฬา อีก 150 คัน รวมถึงการนำยานพาหนะสำหรับเคลื่อนย้ายผู้โดยสาร หรือ APM (Accessible People Mover) แบบใช้ไฟฟ้าและปล่อยไอเสียเป็นศูนย์ที่ได้รับการออกแบบใหม่จำนวน 250 คัน โดย APM จะทำหน้าที่เป็นยานพาหนะรับ-ส่งหลัก ระหว่างหมู่บ้านนักกีฬา และสถานที่จัดการแข่งขัน รวมทั้ง ยังมีรถยนต์ไฟฟ้า รุ่น Toyota Proace Verso ที่รองรับผู้ใช้เก้าอี้รถเข็นอีกจำนวน 150 คัน ซึ่งจะถูกเก็บไว้ใช้งานต่อไปในกรุงปารีสหลังจบการแข่งขันแล้ว
บทความโดย กมลทิพย์ หิรัญประเสริฐสุข kamonthip.h@thairathonline.co.th