อยู่ดีๆ BMW ก็กระโดดข้ามการปรับโฉม หรือ LCI Life Cycle Impulse ของ Series-1 F40 โฉมปัจจุบัน โดยเปิดตัว New Series-1 F70 ซึ่งเข้ามาเสียบแทนที่ F40 ที่มีอายุโมเดลสั้นจู๋เพียงแค่ห้าปีเท่านั้นเอง แม้ว่าในตอนแรก F70 จะดูคล้ายกับการ LCI หรือการปรับโฉม แต่เอาเข้าจริงๆ นี่คือ New Series-1 รุ่นใหม่ล่าสุดที่มีดีไซน์เปลี่ยนแปลงทั้งภายนอกและภายใน การใช้ชื่อรหัสที่แตกต่างกัน หมายความว่า F70 เป็นรถยนต์เจเนอเรชันล่าสุดที่ไม่ใช่รุ่นปรับโฉมแต่อย่างใดทั้งสิ้น 

...

BMW New Series-1 F70 2025 มีขนาดใหญ่กว่ารุ่นก่อน ยาวขึ้น 42 มิลลิเมตร ความยาวโดยรวมอยู่ที่ 4,361 มิลลิเมตร สูงขึ้นอีก 25 มิลลิเมตร ที่ 1,459 มิลลิเมตร ขนาดความกว้างตัวถังยังคงเท่าเดิม ที่ 1,800 มิลลิเมตร และมีระยะฐานล้อเท่ากับ F40 ที่ 2,670 มิลลิเมตร แม้จะใหญ่กว่าเดิมเล็กน้อย แต่ห้องเก็บสัมภาระมีความจุ 380 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังปริมาตรจะเพิ่มเป็น 1,200 ลิตร New Series-1 รุ่น 120i หรือ 120d พื้นที่เก็บของจะลดลงเหลือ 300 ลิตร เมื่อพับเบาะหลังอยู่ในตำแหน่งราบ จะมีพื้นท่ีเก็บสัมภาระ 1,135 ลิตร ความแตกต่างเกิดจากแบตเตอรี่ 48 โวลต์ ที่ติดตั้งไว้ในบริเวณเก็บสัมภาระของ 120i และ 120d ที่มีเทคโนโลยี Mild Hybrid 48V

...

BMW New Series-1 รุ่นที่ 4 มีกระจังหน้าที่ค่อนข้างแปลกตา คล้ายกระจังหน้าของ BMW i5 ย่อส่วน ตะแกรงแนวแบบเดิม เปลี่ยนเป็นแถบมุมที่มีลักษณะคล้ายเส้นขีดในโลโก้ M รุ่นสูงสุด M135 xDrive มีกระจังไตคู่ที่แตกต่างจากรุ่นอื่น กระจังหน้าแบบโพลาไรซ์ ขนาบข้างด้วยไฟหน้า LED แบบใหม่ ไฟสูงมาพร้อมระบบอัตโนมัติแบบเมทริกซ์ LED ภายในชุดไฟของ M135i แทรกด้วยทริมสีน้ำเงิน เหมือนกับ BMW รุ่นที่แพงกว่า แถบไฟเลี้ยวจะเพิ่มกำลังการส่องสว่างเป็นสองเท่าของไฟหรี่กลางวัน เพื่อทำให้สัญญาณไฟเลี้ยวคมชัดสูงสุด ด้านหลังไฟท้ายคล้ายกับ X2 crossover-coupe รุ่นใหม่ ท่อไอเสียของ 1 Series รุ่นมาตรฐานทั้ง 120i และ 120d ถูกซ่อนอยู่ด้านในจนมองไม่เห็น ส่วนรุ่นท็อป M135 ติดตั้งท่อระบายท้ายฝั่งละสองท่อแบบลูกซองแฝด 

ล้ออัลลอยลายใหม่ ขอบ 17 นิ้ว หรือคิดว่าเล็กเกินไปก็ยังมีล้อขอบ 18 และ 19 นิ้ว กับล้ออะลูมิเนียมฟอร์จที่ลดน้ำหนักได้มากกว่า แต่ก็ต้องจ่ายในราคาที่แพงกว่าเช่นกัน แฮตช์แบ็ก F70 รุ่นใหม่มาพร้อมกับสีเมทัลลิก 7 สี และสีพิเศษอีก 2 สี ออปชันหลังคาสีดำเงา นับเป็นครั้งแรกของ Series-1 ที่สามารถเลือกหลังคาสีดำได้แต่ต้องควักเพิ่ม 

...

...

ห้องโดยสารแตกต่างอย่างสิ้นเชิงจาก Series-1 โฉมปัจจุบัน เจ้า F70 เลิกใช้การควบคุมแบบเดิม ลดปุ่มและสวิชต์ โดยโยกชุดปรับอุณหภูมิและการตั้งค่าระบบปรับอากาศภายในห้องโดยสารผ่านจอแสดงผลส่วนกลาง ระบบอินโฟเทนเมนต์ทำงานบน iDrive 9 แบบใหม่ พร้อมหน้าจอสัมผัสขนาด 10.7 นิ้ว ที่เชื่อมต่อกับจอภาพมาตรวัดของคนขับขนาด 10.25 นิ้ว BMW เลิกใช้คันเกียร์แบบเก่าและติดตั้งหัวเกียร์ที่เล็กกว่ามาก ช่องแอร์แบบใหม่ เสริมด้วยแสงไฟโดยรอบที่ขยายไปถึงมือจับประตู พวงมาลัย M Sport แบบสามก้านหุ้มหนังกับแป้นเปลี่ยนเกียร์ Paddle Shift การตกแต่งภายในแบบไร้หนังแท้ ซึ่งหนังจริงมีส่วนทำให้วัวต้องเสียชีวิต เบาะนั่งซึ่งเป็นอุปกรณ์มาตรฐานใน New Series-1 ปี 2025 ทั้ง 118d 120d 120i ใช้เบาะผ้า Arktur ส่วน M135i ยัดเบาะนั่งแบบสปอร์ตหุ้มด้วยผ้าหุ้ม Econeer แบรนด์ตราใบพัดยังใช้การตกแต่งภายในของ New Series-1 รุ่นท็อป ด้วยการผสมระหว่างหนังเทียม Veganza และหนังกลับที่ดูแลยากอย่าง Alcantara หลังคากระจกพาโนรามา เลื่อนเปิด-ปิดด้วยระบบไฟฟ้า พร้อมม่านบังแสงแดดที่ไม่ต้องดิ้นรนไปเสียเงินติดเพิ่ม เพราะร้อนเหลือกำลังลาก! ของแพงอย่าง M135i แน่นอนว่ามีระบบเสียงเซอร์ราวนด์จากแบรนด์เครื่องเสียงเจ้าประจำอย่าง Harman Kardon มีแผงสเตนเลสและโลโก้เรืองแสงประดับประดางานตกแต่งภายใน แต่จอแสดงผลบนกระจกหน้า HUD มีไว้ก็ดีเหมือนกันแต่ต้องจ่ายเพิ่ม เพราะเขาไม่ให้แถมมาให้ฟรีๆ 

ระบบส่งกำลัง มีให้เลือกแค่เครื่องยนต์เบนซินและดีเซลเท่านั้น BMW ไม่ได้วางแผนที่จะเสียบเครื่องเบนซินปลั๊กอินไฮบริด หรืออนุพันธ์ทางไฟฟ้าใดๆ ให้กับ New Series-1 ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดี

รุ่น 120i มาพร้อมกับเครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 3 สูบ ความจุ 1.5 ลิตร เทอร์โบชาร์จไฟฟ้าพ่วงกับเทคโนโลยีมายด์ไฮบริด 48 โวลต์ และมีพิกัดของย่านกำลังอยู่ที่ 170 แรงม้า (125 กิโลวัตต์) แรงบิด 280 นิวตันเมตร (206 ปอนด์-ฟุต) อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 7.8 วินาที ความเร็วสูงสุด 226 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

รุ่น M135i xDrive เครื่องยนต์เบนซินแถวเรียง 2.0 ลิตร เทอร์โบ 312 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร อัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 4.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 250 กิโลเมตรต่อชั่วโมง 

เครื่องยนต์ดีเซลแถวเรียงสี่สูบ ขนาด 2.0 ลิตร กำลัง 150 แรงม้า (110 กิโลวัตต์) แรงบิด 360 นิวตันเมตร (265 ปอนด์-ฟุต) ใน New Series-1 รุ่น 118d ส่วนเครื่องดีเซลรุ่นท็อปใน New Series-1 120d มีกำลัง 163 แรงม้า (120 กิโลวัตต์) แรงบิดสูงสุด 400 นิวตันเมตร (295 ปอนด์-ฟุต) พ่วงด้วยระบบมายด์ไฮบริด 48 โวลต์ 118d เร่งความเร็ว 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ใน 8.3 วินาที ในขณะที่ 120d ทำได้ใน 7.9 วินาที ความเร็วสูงสุด 222 กิโลเมตรต่อชั่วโมง

ทุกรุ่นติดตั้งเกียร์อัตโนมัติคลัตช์คู่ 7 สปีด แผงเปลี่ยนเกียร์ของ Steptronic ติดตั้งอยู่หลังพวงมาลัย และทุกรุ่นส่งกำลังไปที่ล้อหน้า ยกเว้น M135 xDrive ที่ใช้ระบบขับเคลื่อนสี่ล้อ

BMW คาดการณ์ว่ายุโรปจะยังคงเป็นตลาดที่สำคัญที่สุดของรถยนต์สันดาป เนื่องจาก 80% ของความต้องการ Series-1 มาจากทวีปเก่า เยอรมนีเป็นภูมิภาคที่ทำยอดขายอันดับหนึ่ง ตามมาด้วยอิตาลี สหราชอาณาจักร สเปน และญี่ปุ่น F70 จะเดินไลน์ผลิตในโรงงาน BMW ที่เมืองไลพ์ซิก และจะเปิดตัวสู่ตลาดโลกในเดือนตุลาคมนี้ ไม่น่ามีความเป็นไปได้ที่ BMW จะวางขาย 1-Series ในจีน เนื่องจาก 2 Series Gran Coupe ฐานล้อยาว ได้รับความนิยมในประเทศจีน จนไม่จำเป็นต้องเพิ่มรถสันดาปที่มีภาษีแพงกว่ารถไฟฟ้า

นับตั้งแต่เปิดตัวเมื่อ 20 ปีที่แล้ว BMW Series-1 มียอดขายสะสมมากกว่า 3 ล้านคัน เป็นตัวเลขจากสามเจเนอเรชันที่แตกต่างกัน โมเดลใหม่ใช้แพลตฟอร์มขับเคลื่อนล้อหน้า เครื่องยนต์ติดตั้งในแนวขวาง ส่วนเครื่องยนต์แถวเรียง 6 สูบ เทอร์โบที่มีพละกำลังรุนแรงนั้นถูกยกเลิกออกไปอย่างน่าเสียดายที่สุด.

อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/