ผมเห็นด้วยกับประธานบริษัท Ola Källenius CEO Mercedes-Benz ที่บอกว่า เอสยูวีนั้นขายดี (มาก) และรถที่เป็นประวัติศาสตร์ของแบรนด์มานานกว่า 40 ปี ก็ขายได้เช่นกัน ยังมีลูกค้าอีกมากที่ต้องการเอสยูวีคันโตทรงกล่องสุดเท่มาจอดอยู่ในโรงรถของตนเอง ในโลกอันกว้างใหญ่ไพศาลของ SUV ที่รองรับความสามารถในการขับขี่แบบออฟโรด รถ Jeep Wrangler อาจเป็นสัญลักษณ์อันดับต้นๆ ของผู้รักการผจญภัยและศักยภาพในการไปได้เกือบจะทุกพื้นที่ ส่วน Land Cruiser ของพี่โต ก็สร้างชื่อเสียงด้านการลุยจนกลายเป็นตำนานของยานพาหนะในหน่วยงาน UN หรือแม้แต่การเป็นรถติดอาวุธของกองกำลังแถบตะวันออกกลาง และ Land Rover Defender ก็เป็นราชาในทุ่งหญ้าของทวีปแอฟริกา สำหรับ Mercedes-Benz การมี G-Class หรือที่เรียกกันติดปากว่า G-Wagen (Geländewagen) หรือ G-Wagon ที่เริ่มต้นชีวิตในฐานะยานพาหนะทางทหาร แต่ปัจจุบัน G-Wagen นั้น กลับกลายเป็นเครื่องมือในการบ่งบอกถึงจำนวนเงินในกระเป๋าของคนขับ!


...

AMG G63 มีกระจังหน้า Panamericana แนวตั้งแบบใหม่ บังโคลนหน้าที่แตกต่างออกไปจากรุ่นมาตรฐาน ซุ้มล้อที่กว้างขึ้น ท่อไอเสียด้านข้างที่อยู่ใต้กาบบันไดข้างประตูหลังทั้งสองฝั่ง ล้อ AMG ขอบ 22 นิ้ว สีทอง ตัดกับคาลิปเปอร์เบรก AMG สีแดง เป็นล้อน้ำหนักเบาที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและไม่ได้ผ่านการทำสีจากร้านพรหมนิมิต วงเวียน 22 ในความเป็นจริง G-Wagen มีอะไรมากกว่าการแสดงออกถึงความร่ำรวย เช่นเดียวกับ Defender, Land Cruiser และ Wrangler รถ G-Wagen มีสายเลือดที่ยาวนานและมีชื่อเสียงในด้านความทรหดบึกบึน นับเป็นยานพาหนะที่ให้ความบันเทิงมากที่สุดคันหนึ่งที่ผมเคยขับทดสอบ G-Wagen แทบไม่เปลี่ยนแปลง



มันดูเหมือนเดิมตั้งแต่เปิดตัวครั้งแรกเมื่อประมาณ 40 ปีที่แล้ว แต่รถที่ดูบึกบึนคันนี้กลับมีสไตล์ที่เปลี่ยนไป โดยเฉพาะเวอร์ชัน AMG G63 สีตัวถัง MANUFAKTUR Night Black Magno ราคา 23,400,000 บาท ช่วยหลีกเลี่ยงมุมมองที่อาจทำให้มันดูคล้ายตู้เย็น Mercedes นำเสนอ G63 ด้วยเฉดสีที่หลากหลาย เปิดโอกาสให้เจ้าของได้แสดงออกถึงความร่ำรวย ด้วยสีพิเศษราคาแพง สีที่ผมชอบคือ สีน้ำตาลด้าน หรือเทาดำอย่างที่เห็นในภาพ
...
AMG G63 เป็นหนึ่งในยานพาหนะที่เต็มไปด้วยสไตล์ซึ่งทำให้มันดูเท่กว่ารถทั่วไป ด้วยบุคลิกที่ดุดันในรุ่น AMG หายากที่จะพบพาหนะทรงกล่องที่มีกำลังมากขนาดนี้ ทุกอย่างที่มันทำนั้นอยู่ด้านบนสุด ไม่ว่าจะเป็นอัตราเร่งที่มุทะลุดุดัน เต็มไปด้วยแรงแห่งการพุ่งทะยาน ความสบายยามขับเคลื่อน การปิดประตูที่มีเสียงดังกรึบที่ให้ความรู้สึกเหมือนห้องนิรภัยของธนาคารกำลังถูกปิดผนึก


...



...
แม้แต่ล็อกของกลอนประตู ก็มีเสียงเหมือนคุณกำลังขึ้นลำหรือกระชากลูกเลื่อนปืนไรเฟิล .458 ตราสัญลักษณ์ G63 ติดอยู่กับตัวถังแบบกล่องที่ด้านหลัง จากความจงใจในการออกแบบ G-Class ทำให้รถเอสยูวีรุ่นนี้ มีรูปลักษณ์ที่ไม่เหมือนใคร มันยังมาพร้อมกับความทนทาน จากจุดประสงค์ในตัวของมันเอง ที่จับประตูต้องกดปุ่มขนาดใหญ่และใช้ความพยายามด้วยการออกแรงเพื่อเปิดหรือปิดมากกว่าปกติ การเปิดและปิดประตูของ G63 ถือเป็นประสบการณ์ที่น่าพึงพอใจที่สุดเท่าที่เคยมีมา บังโคลนขนาดใหญ่ที่ออกแบบเอาไว้เผื่อในการลุยหนัก ประตูรถมีบานพับแบบเปลือย ประตูฝาท้ายด้านหลังที่เปิดออกด้านข้างแทนที่จะยกขึ้นเหมือนฝาท้ายของรถเอสยูวีทั่วไป AMG G63 มาพร้อมกับแพ็กเกจงานตกแต่งพิเศษที่เจ้าของจะต้องจ่ายเงินเพิ่มอีกหลายล้าน ยาง Pirelli Scorpion ZERO 295/40R22 สำหรับลุยทุกพื้นที่ บนล้อ AMG สีทอง ขนาด 22 นิ้ว



ภายใน G63 ได้รับการตกแต่งอย่างสวยงามด้วยหนัง Nappa และ Alcantara พร้อมด้วยวัสดุเปียโนแบล็กที่ช่วยรักษาสุขภาพจิตของคนขับด้วยขอบทริมสีดำเปียโนแบล็กที่ล้อมกรอบชุดคอมมานด์คอนโทรลและที่แผงประตูซึ่งต่อเชื่อมกับที่เปิดประตูและกรวยลำโพงได้อย่างลงตัว (อยากได้คาร์บอนไฟเบอร์แบบโชว์ลายมากกว่า) เบาะนั่งหนังแท้เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว เบาะนั่งด้านหน้ามีระบบแอร์เป่าช่วยทำความเย็นให้กับตัวเบาะ ระบบนวดเพื่อความผ่อนคลาย การปรับแต่งภายในทำได้ดี เบาะคู่หน้าเป็นตำแหน่งที่นั่งที่สะดวกสบายสุดๆ ตำแหน่งการขับ กับกระจกบังลมบานหน้าที่วางอยู่ในแนวเกือบจะตั้งฉาก เปิดมุมมองด้านหน้าให้เห็นทัศนวิสัยรอบตัวอย่างชัดเจน



ชิ้นงานตกแต่งห้องโดยสารบางส่วนทำจากหนังพลาสติกเกรดสูงและโลหะ หนังนุ่มที่ครอบคลุมทุกพื้นผิวสัมผัส ช่องแอร์สไตล์กังหัน งานอะลูมิเนียมขัดเงาผสมกับคาร์บอนไฟเบอร์โชว์ลวดลาย ที่จับของผู้โดยสารตอนหน้าประทับตรา G Manufaktur เย็บเดินตะเข็บคู่ด้วยด้ายสีชาว คุณภาพงานประกอบภายในของ Mercedes-AMG นั้นไร้จุดบกพร่อง อุปกรณ์ในโซนคนขับสร้างความประทับใจในการใช้งาน ทุกอย่างของมันดูหรูหรา แม้แต่แผงบุหลังคาก็ยังใช้วัสดุคล้ายหนังกลับเนื้อนุ่ม ไฟส่องสว่างภายในที่ปรับแต่งได้ 64 เฉดสี G63 ยังมีระบบ infotainment และเทคโนโลยีช่วยเหลือผู้ขับที่ทันสมัย โดยทั่วไปแล้วทั้งหมดนี้ง่ายต่อการปรับตั้ง ผ่าน mercedes comand control เชื่อมต่อ Apple CarPlay อย่างรวดเร็ว ระบบนำทางของ G63 ใช้งานง่ายผ่านคำสั่งเสียง Bluetooth เชื่อมต่อแล้วไม่หลุด รวมถึงระบบเสียง Burmeister ที่มีกรวยลำโพงโชว์งานฝีมืออันประณีตสุดติ่ง
นอกเหนือจากอุปกรณ์ช่วยการขับขี่แล้ว G63 ยังมีเทคโนโลยีห้องโดยสารที่ดีที่สุดของ G-Class จอภาพมาตรวัดขนาด 12.3 นิ้ว เชื่อมต่อเป็นชิ้นเดียวกับหน้าจอมอนิเตอร์กลางของระบบอินโฟเทนเมนต์ขนาด 12.3 นิ้ว แต่เจ้าของรถจะได้ COMAND CONTROL แบบเก่า ไม่ใช่อินเทอร์เฟซ MBUX ใหม่ที่ยอดเยี่ยม นั่นหมายความว่า G63 ไม่มีหน้าจอสัมผัส ไม่มีการสั่งงานด้วยเสียงที่เป็นมิตรว่า "Hey Mercedes" ที่จะเล่าเรื่องตลกให้คุณฟังเมื่อพยายามพูดถึงรถคู่แข่งอย่าง BMW อย่างน้อย COMAND CONTROL ก็ยังมี Apple CarPlay และ Android Auto แบบไร้สายรวมอยู่ด้วย รวมถึงบริการที่เชื่อมต่อกับ Mercedes-Benz อีกเพียบ ระบบเสียง Burmester ก็ถือว่าดีงามเช่นกัน






ระบบส่งกำลัง เครื่องยนต์เบนซิน V8 เทอร์โบคู่ รหัส M177 ขนาด 4.0 ลิตร ประกอบด้วยมือของช่างเครื่องระดับตำนาน น้ำหนักที่ลดลง 170 กิโลกรัม เหลือ 2,623 กิโลกรัม ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรในการแบกน้ำหนักตัวรถทั้งคัน ด้วยประสิทธิภาพด้านแรงบิดของเครื่องยนต์ M177 ที่ทรงพลังอย่างไม่น่าเชื่อ ท่อไอเสียคู่ด้านข้างใต้ประตูหลัง AMG Performance Exhaust System ส่งเสียงคำรามกระหึ่มในโทน V8 ให้ความเพลิดเพลินเร้าใจในการรับฟังตลอดการใช้งาน การขับทดสอบบนทางหลวงจังหวัดจากภูเก็ตไปยังกระบี่ก็สะดวกสบายหายห่วง ตัวถังทรงกล่อง กระจกบังลมขนาดใหญ่และวางอยู่ในแนวเกือบจะตั้งฉาก ทำให้เกิดเสียงลมที่เด่นชัดเมื่อความเร็วทะลุ 140 กิโลเมตรต่อชั่วโมง มันไม่ได้แย่ไปซะทุกเรื่อง ความไม่สะดวกเล็กๆ น้อยๆ เกิดขึ้นกับขอบเขตของการออกแบบเท่านั้น สิ่งที่ทำให้ประหลาดใจก็คือ ความสามารถของระบบรักษาเสถียรภาพในการรับมือกับผิวถนนที่ชุ่มไปด้วยแอ่งน้ำสุดอันตราย ความสูงในการขับที่ยกขึ้น ยาง Pirelli และน้ำหนักที่เบาลง ทั้งหมดนี้ได้รับการดูแลอย่างดีด้วยระบบกันสะเทือนแบบสปอร์ต AMG RIDE CONTROL Adaptive Air Matic ที่ปรับแต่งโดย AMG บนทางโค้งขึ้นลงเขาแถวกระบี่ ในโหมด Sport และ Sport Plus ซึ่งเพิ่มการทำงานของโช้คอัพถุงลมที่ถูกขึงให้แน่นขึ้น เพิ่มการตอบสนองของคันเร่งให้คมขึ้น เครื่องยนต์ V8 หมุนเร็วจี๋และทรงพลัง เสียงครางในรอบสูงจากการลดตำแหน่งเกียร์ก่อนมุดเข้าหัวโค้ง การควบคุมเอสยูวีน้ำหนัก 2.6 ตัน บนถนนที่เปียกลื่นนั้นไม่น่ากลัวอย่างที่คิด จากศักยภาพของ AMG High-Performance Braking system คาลิปเปอร์เบรกหน้า 6 พอต กับจานหน้าขนาดใหญ่ 398 มิลลิเมตร ส่วนเบรกหลังจัดจานขนาด 370 มิลลิเมตร บีบแรงเบรกด้วยคาลิปเปอร์หลังลูกสูบเดี่ยวที่นิยมกันมาช้านานแล้ว

เพชรเม็ดงามของ AMG G63 คือเครื่องยนต์ V8 เทอร์โบคู่ที่ผ่านการเจียระไนแล้วประกอบด้วยมือจากช่างเครื่องยนต์สุดเก๋าใน affalterbach กำลัง 585 แรงม้า แรงบิด 850 นิวตันเมตร (627 ปอนด์-ฟุต) ระบบเกียร์อัตโนมัติ AMG SPEEDSHIFT TCT 9-SPEED SPORTS TRANSMISSION พ่วงด้วยชุดขับสี่ 4Matic + จัดสปีดที่รวดเร็ว ส่งกำลังไปยังล้อทั้งสี่ โดยแยกอัตราส่วนการกระจายแรงบิดหน้า/หลัง ที่ 60/40 ภายใต้สภาวการณ์ปกติ เครื่องยนต์ไซส์ใหญ่ที่กำลังจะสูญพันธุ์ของ AMG เร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. ในเวลาเพียงแค่ 4.5 วินาที เป็นคาบเวลาที่ดุเดือดเลือดพล่านบนมวลน้ำหนัก 2,650 กิโลกรัม ที่เคลื่อนไหวอย่างว่องไวบนผิวทางที่เสี่ยงต่อการลื่นไถล นำ้หนักของ G63 มากกว่า Mercedes-Benz GLB-Class เกือบ 1,000 กิโลกรัม โดยมีแนวโน้มว่าค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานของ G-Class รุ่นเรือธงนั้นมีตัวเลขแอโรไดนามิกอยู่ในเกณฑ์ย่ำแย่ที่สุดในกลุ่มซุปเปอร์เอสยูวี แต่นี่คือชัยชนะทางวิศวกรรมยานยนต์ที่พยายามฉีกกฎเกณฑ์ทางฟิสิกส์ ชัดเจนว่า Porsche 911/992 รุ่นพื้นฐาน ใช้เวลา 4.2 วินาที เพื่อเร่งความเร็วจาก 0 ถึง 100 กม./ชม. โดยมีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ 0.29 และมีน้ำหนักประมาณ 1.6 ตัน ส่วน G63 มีค่าสัมประสิทธิ์แรงเสียดทานอากาศที่ 0.55 และมีน้ำหนักตัว 2.6 ตัน ทั้งต้านลมและตัวหนักกว่า 1 ตัน แต่วิ่ง 0-100 ช้ากว่า 911/992 แค่ 0.3 วินาที G-Wagen 63 ติดตั้งเฟืองท้าย limited slip differential ล็อกเฟืองท้ายได้สามรูปแบบ ด้วยความเร็วที่เหมาะสมบวกกับประสิทธิภาพของยางและระบบรองรับกับซอฟต์แวร์รักษาเสถียรภาพ


แชสซีและพวงมาลัย AMG Steering-Wheel Buttons ของ G63 จะไม่เปลี่ยนแปลงหากคุณเลือกแพ็กเกจ G Manufaktur มันมาพร้อมกับความครบและมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวจากงานตกแต่งทั้งภายนอกและภายใน G63 ทุกคันยังติดตั้งระบบช่วยเหลือผู้ขับเต็มรูปแบบของ Mercedes-AMG รวมถึงระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบ Speed Tronic ระบบแจ้งเตือนจุดบอดของรถ ระบบช่วยรักษาช่องทาง กล้อง 360 องศา ซึ่งมีประโยชน์มากเมื่อต้องรับมือกับสถานการณ์ออฟโรด นอกจากนั้นยังมีระบบบังคับและควบคุมการส่งกำลังแบบ 100% differential locks โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program) ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system) ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill - Start Assist ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (adaptive brake light) ฯ



G63 ไม่ได้สร้างมาเพื่อการเข้าโค้งด้วยความเร็วสูง (มาก) แถมยังให้ความรู้สึกหนักและมีแรงต้านเข้ามาที่พวงมาลัยเมื่อเข้าโค้งเร็วๆ เนื่องจากไม่สามารถซ่อนน้ำหนักอันมหาศาลของมันได้เมื่อพยายามเปลี่ยนทิศทางอย่างรวดเร็ว แต่ G63 ได้รับการปรับแต่งอย่างชัดเจน โดยคำนึงถึงพลวัตการขับออฟโรดซึ่งทำได้ดีมาก ด้วยระยะห่างจากพื้นถึงใต้ท้องรถ กับเฟืองท้ายที่ล็อกได้ไม่น้อยกว่าสามรูปแบบ บนทางเรียบประสิทธิภาพที่น่าประทับใจแสดงออกมาทันทีที่คุณกดคันเร่งลงจนสุดในโหมด Sport+ มันพุ่งออกตัวด้วยแรงดึงกับความเร็วที่น่าตกใจ พร้อมเสียงกระหึ่มกึกก้องจากท่อระบายด้านข้างทั้งสองฝั่ง G-Class 63 เต็มไปด้วยพลังแห่งแรงดึงดูดอันลี้ลับ ไม่ใช่เพราะตำแหน่งการนั่งขับที่สูงกว่ารถ AMG ทุกรุ่น หรือที่จับขนาดใหญ่บนแผงแดชบอร์ดด้านผู้โดยสาร แน่นอนว่าปุ่มล็อกเฟืองท้าย 3 ปุ่มที่เจ้าของ 99% ไม่เคยกดใช้งาน นั่นกลายเป็นความขัดแย้งทางวิศวกรรมยานยนต์ของรถออฟโรดที่ได้รับการปรับจูนชิ้นส่วนต่างๆ ให้มีความหรูหราซะจนเจ้าของรถแทบจะไม่กล้าขับออกนอกเส้นทาง G 63 ยังคงรักษารากฐานเอาไว้อย่างเหนียวแน่น โครงแบบแลดเดอร์ ซึ่งฟังดูคล้ายกับสิ่งประดิษฐ์ในอดีตอย่างรถบรรทุกทหาร แต่โครงสร้างดังกล่าวสามารถทนต่อแรงบิดตัว ความเสียหายต่างๆ จากการขูดหรือกระแทกได้อย่างมากในระหว่างการขับบนเส้นทางออฟโรด โครงสร้างที่แข็งแกร่ง ยังช่วยปกป้องชิ้นส่วนของระบบส่งกำลังด้วยความนุ่มนวลที่มากกว่าเดิมของระบบรองรับ ระยะห่างจากพื้นและความลึกในการลุยน้ำเพิ่มขึ้น การเปลี่ยนเพลาหน้าใหม่ ด้วยระบบกันสะเทือนหน้าอิสระแบบใหม่พร้อมปีกนกคู่ ทำให้ G63 มีฟีลลิ่งบนถนนดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด เพลาหน้าแบบแยกส่วน มีแรงสั่นสะเทือนและเสียงรบกวนน้อยลง ระบบบังคับเลี้ยวพวงมาลัยเพาเวอร์ไฟฟ้าแบบใหม่ทำให้การควบคุมง่ายดายกว่าเดิม นับเป็นรถออฟโรดรุ่นพิเศษที่ถูกสร้างขึ้นมาเพื่อใช้งานในชีวิตประจำวันได้อย่างมีประสิทธิภาพ มีความสบายแม้จะใส่ล้อขนาดใหญ่ก็ไม่รู้สึกแข็งกระด้างแต่อย่างใดทั้งสิ้น
มันไม่ใช่รถอเนกประสงค์ที่พยายามปลอมตัวเป็นรถสปอร์ต G63 เป็น AMG เพียงแค่รุ่นเดียวที่ไม่ชอบโค้งมุมแคบ ท่อไอเสียที่ส่งเสียงคำรามกับแรงพุ่งทะยานนั้นคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปกว่า 23 ล้านบาท แม้จะผ่านไปสี่สิบปี Mercedes-AMG ก็สามารถทำของในตำนานให้กลับมาโลดแล่นได้อย่างโดดเด่น กลายเป็นของเล่นราคาแพงที่เศรษฐีจำนวนไม่น้อยให้ความสนใจไม่ต่างไปจาก Lamborghini Urus.
Mercedes-AMG G 63 G Manufaktur เตรียมโชว์โฉมในงาน บางกอก อินเตอร์เนชันแนล มอเตอร์โชว์ ครั้งที่ 45 วันที่ 27 มีนาคม ถึง 7 เมษายน 2567 ที่อิมแพค เมืองทองธานี.
รายละเอียดด้านเทคนิค Mercedes-AMG G 63 G Manufaktur
เครื่องยนต์ เบนซิน แบบวี / 8 สูบ พร้อม Biturbo และอินเตอร์คูลเลอร์
ปริมาตรกระบอกสูบ 3,982 ซีซี
แรงม้าสูงสุด 430 กิโลวัตต์ 585 แรงม้า ที่ 6,000 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด 850 นิวตันเมตร ที่ 2,500 - 3,500 รอบต่อนาที
อัตราเร่ง 0 - 100 กม. / ชม. 4.5 วินาที
ความเร็วสูงสุดโดยประมาณ 220 กม. / ชม.
ความจุถังน้ำมัน 100 ลิตร
พื้นที่บรรทุกสัมภาระ 454 ลิตร
ระบบส่งกำลัง เกียร์อัตโนมัติเดินหน้า 9 จังหวะ (AMG SPEEDSHIFT TCT 9-Speed Sports Transmission) พร้อมระบบเปลี่ยนเกียร์ที่พวงมาลัยแบบ (Steering wheel gearshift paddles)
ขนาดล้อและยาง หน้า 295/40R22
ขนาดล้อและยาง หลัง 295/40R22
มิติตัวถัง กว้าง 1,984 มิลลิเมตร ยาว 4,881 มิลลิเมตร สูง 1,969 มิลลิเมตร
ระบบความปลอดภัย Mercedes-AMG G 63
ระบบปกป้องก่อนเกิดเหตุ (PRE - SAFE® system)
ถุงลมนิรภัยด้านหน้า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
ถุงลมนิรภัยด้านข้าง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
ม่านถุงลมนิรภัยด้านข้าง ป้องกันศีรษะ 4 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสาร
ถุงลมนิรภัยบริเวณหัวเข่า 2 ตำแหน่ง สำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้า
เข็มขัดนิรภัยแบบ 3 จุด 5 ที่นั่ง
โปรแกรมควบคุมการทรงตัวอัตโนมัติ ESP® (Electronic Stability Program)
ระบบป้องกันล้อล็อก ABS (Anti-lock braking system)
ระบบเบรก ADAPTIVE BRAKE พร้อมฟังก์ชัน HOLD และ Hill - Start Assist
ไฟเบรกกะพริบฉุกเฉิน (adaptive brake light)
ระบบรักษาความเร็ว (cruise control) และจำกัดความเร็ว (SPEEDTRONIC)
ระบบเตือนเพื่อนำรถเข้าศูนย์บริการ (ASSYST service interval indicator)
ระบบเตือนแรงดันลมยาง และหน้าจอแสดงสถานะลมยาง (Tyre pressure monitoring system)
ระบบช่วยเตือนอาการเหนื่อยล้าขณะขับขี่ (ATTENTION ASSIST)
เซนเซอร์ช่วยในการนำรถเข้าจอด (PARKTRONIC)
ระบบช่วยการนำรถเข้าจอดอัตโนมัติ (Active Parking Assist)
ระบบช่วยเบรกแบบแอ็กทีฟ ABA (Active Brake Assist)
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง
ระบบช่วยรักษารถให้อยู่ในช่องจราจร (Active Lane Keeping Assist)
ระบบบังคับและควบคุมการส่งกำลังแบบ 100% differential locks
อุปกรณ์มาตรฐานภายนอก Mercedes-AMG G 63
ใบปัดน้ำฝนทำงานโดยอัตโนมัติ พร้อมเซนเซอร์วัดปริมาณน้ำฝน
ระบบปัดน้ำฝนกระจกหลัง
ไฟหน้าแบบ MULTIBEAM LED
ระบบปรับโคมไฟหน้ารถตามการเลี้ยวของพวงมาลัย (ALS-Active Light System)
ระบบเพิ่มความส่องสว่างขณะเลี้ยวโค้ง (cornering light)
ระบบปรับไฟสูงอัตโนมัติ (Adaptive Highbeam Assist)
ไฟสำหรับการขับขี่ในเวลากลางวัน แบบ LED daytime running lights
ไฟเลี้ยวที่กระจกมองข้าง ไฟเบรกและไฟท้าย แบบ LED
หลังคาซันรูฟแบบกระจก เลื่อนเปิด-ปิดได้ด้วยระบบไฟฟ้า (Electric sliding sunroof)
กระจกมองข้างปรับระดับและพับเก็บด้วยระบบไฟฟ้า
กระจกมองข้างด้านผู้ขับขี่และกระจกส่องหลังปรับลดแสงสะท้อนอัตโนมัติ
กุญแจรีโมตคอนโทรล
บันไดข้างแบบสเตนเลส
ระบบกันสะเทือนแบบ AMG RIDE CONTROL
AMG bodystyling (กันชนหน้า-หลัง)
กระจังหน้าแบบ AMG radiator trim
อุปกรณ์ป้องกันด้านข้างแบบ Exterior protective strip ตกแต่งด้วยสีดำ
ระบบเบรกแบบ AMG High-Performance Braking System
คาลิปเปอร์เบรกตกแต่งด้วยสีแดง ด้านหน้าและด้านหลัง
ล้ออัลลอยดีไซน์สปอร์ตจาก AMG แบบ 5 ก้านคู่ขนาด 21"
ด้านข้างตัวรถตกแต่งด้วยสัญลักษณ์ "V8 BITURBO"
ฝาครอบยางอะไหล่แบบ stainless steel
ระบบท่อไอเสียแบบ AMG Performance exhaust system
อุปกรณ์มาตรฐานภายใน Mercedes-AMG G 63
ฟังก์ชัน ECO start / stop
ระบบปรับโหมดการขับขี่แบบ AMG DYNAMIC SELECT
ฟังก์ชันแสดงข้อมูลการขับแบบ off-road
ระบบควบคุมอุณหภูมิอัตโนมัติ THERMOTRONIC แบบ 3 โซน
ระบบอุ่นเบาะที่นั่งด้านหน้าและที่นั่งด้านหลัง
เบาะนั่งสำหรับผู้ขับขี่และผู้โดยสารด้านหน้าปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้าพร้อมหน่วยบันทึกความจำ
เบาะนั่งแบบ AMG nappa leather ตัดสลับ DINAMICA microfibre
ระบบช่วยเพิ่มพื้นที่ขณะเข้า-ออกจากรถ (EASY-ENTRY system)
ชุดคันเร่งและแป้นเบรกแบบสปอร์ต
พวงมาลัยมัลติฟังก์ชันแบบ AMG Performance steering wheel ตกแต่งด้วยหนัง nappa และ DINAMICA microfibre
พวงมาลัยนิรภัยเพาเวอร์ ปรับระดับด้วยระบบไฟฟ้า แบบปรับระดับตามความเร็วรถ
แผ่นปิดพื้นที่เก็บสัมภาระด้านท้าย
ด้านบนของคอนโซลหน้า และด้านบนของแผงประตูหุ้มด้วยหนัง
ตกแต่งเพดานห้องโดยสารแบบ designo roof ตกแต่งด้วย DINAMICA microfibre
นาฬิกาอนาล็อกบริเวณคอนโซลกลางแบบ AMG-specific ออกแบบโดย IWC
ไฟเรืองแสงล้อมรอบห้องโดยสารปรับได้ 64 เฉดสี
เบาะนั่งผู้โดยสารด้านหลังปรับองศาและพับได้แบบ 1/3 และ 2/3
ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์ (Push Start)
ระบบกุญแจแบบ KEYLESS-GO
หน้าจอแสดงข้อมูลการขับขี่แบบ Digital Widescreen Cockpit ขนาด 12.3"
ระบบปฏิบัติการมัลติมีเดียแบบ COMAND Online หน้าจอขนาด 12.3"
ระบบแผนที่นำทาง
ระบบเชื่อมต่อแบบ Smartphone integration รองรับ Apple CarPlay™ และ Android Auto
ระบบเสียงรอบทิศทาง Burmester® surround sound system
ระบบสำหรับเชื่อมต่อโทรศัพท์เคลื่อนที่ (Bluetooth)
ระบบควบคุมและสั่งงานแบบสัมผัส Touchpad
กาบบันไดเรืองแสงพร้อมตราสัญลักษณ์ >>AMG<<
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/