ดาการ์จัดขึ้นครั้งแรกในปี พ.ศ. 2521 ชื่อนี้ได้มาจากจุดหมายปลายทางแรกคือ ดาการ์ ซึ่งเป็นเมืองหลวงของเซเนกัลบนชายฝั่งตะวันตกของทวีปแอฟริกา แอฟริกาเป็นสถานที่จัดการชุมนุมตั้งแต่ปี พ.ศ. 2521 ถึง พ.ศ. 2550 ในปี พ.ศ. 2551 กิจกรรมนี้ถูกยกเลิกเนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย สำหรับปี 2009 อเมริกาใต้กลายเป็นบ้านใหม่ของ Dakar Rally เป็นเวลาสิบเอ็ดปี ในปี 2020 การแข่งขัน Dakar Rally ถูกย้ายไปที่ซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นประเทศเจ้าภาพในปัจจุบัน นับตั้งแต่เริ่มต้น Dakar Rally ถือเป็นจุดสุดยอดของการแข่งขันแรลลี่จู่โจมระดับนานาชาติ ดาการ์มีหลายประเภท เช่น รถจักรยานยนต์ รถสี่ล้อ รถต้นแบบน้ำหนักเบา รถยนต์ และรถบรรทุก ในปี 2024 ผู้จัดงานได้ประกาศฟีเจอร์ใหม่บางอย่าง หนึ่งคือเวที “48H Chrono” สองวันใหม่ ในขั้นตอนนี้ ผู้ขับขี่และผู้ขับร่วมส่วนใหญ่ต้องเดินทางคนเดียวในทะเลทราย


...




สิ่งที่ Team Audi Sport จะต้องเจอในการแข่งขัน Dakar Rally ก็คือ เส้นทางโคตรโหดปี 2024 มี 12 สเตจพิเศษ ครอบคลุมระยะเวลาการแข่งนาน 14 วัน นั่นเป็นการแข่งขันที่ยาวนาน และถือเป็นเส้นทางที่หฤโหดสุดๆ เช่นกัน โดยรวมแล้วผู้เข้าแข่งขันจะขับรถแข่งเกือบ 8,000 กิโลเมตรในช่วงสองสัปดาห์ โดยเฉลี่ยแล้วมีระยะทางมากกว่า 570 กิโลเมตรต่อวัน โดยระยะทางส่วนใหญ่เป็นถนนออฟโรดที่บางช่วงนั้นไม่มีทาง ทีมงาน Audi ประกอบด้วยนักแข่งสุดยอดฝีมือ เช่น Mattias Ekström / Emil Bergkvist / Stéphane Peterhansel / Edouard Boulanger / Carlos Sainz / Lucas Cruz Audi ต้องเผชิญกับงานที่ยากที่สุดของการแข่งแรลลี่ระยะไกล

...


Audi RS Q e-tron วิ่งผ่านเส้นชัยเข้ามาเป็นอันดับที่หนึ่งใน Dakar Rally 2024 ซึ่งถือเป็นการลงแข่งครั้งที่สามของ Audi RS Q e-tron ทีม Audi Sport ได้ปรับแต่งรถต้นแบบแรลลี่รุ่นบุกเบิกที่มีระบบขับเคลื่อนไฟฟ้า แบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูง และเครื่องแปลงพลังงาน Audi นับเป็นผู้ผลิตรายแรกที่พัฒนาโมเดล T1U สำหรับส่งลงทำการแข่งขัน Dakar Rally จุดมุ่งหมายคือ การสร้างรถต้นแบบที่ขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าเพื่อคว้าชัยชนะและพิสูจน์ว่ายานพาหนะที่ปล่อยมลพิษต่ำ สามารถวิ่งเข้าเส้นชัยในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตที่ยากที่สุดรายการหนึ่งของโลก รถแรลลี่ Audi RS Q e-tron สร้างความฮือฮาในการปรากฏตัวที่ดาการ์สองครั้งแรก และคว้าชัยมาได้ทั้งสองครั้ง ด้วยการผสมผสานระหว่างระบบขับเคลื่อนแบบไฟฟ้าและเครื่องแปลงพลังงานที่ขับเคลื่อนด้วยเครื่องยนต์ ICE นั้นมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวและมีประสิทธิภาพสูง
...



...




มาดูระบบขับเคลื่อนของแชมป์ดาการ์หมาดๆ กันดีกว่า
RS Q E-Tron ใช้โครงท่อเหล็กร่วมกับส่วนประกอบโครงสร้างที่ประกอบด้วยคาร์บอน/ไซลอนไฟเบอร์ เป็นรถแข่งแบบขับเคลื่อนสี่ล้อ มีระบบขับเคลื่อนอิเล็กทรอนิกส์ Audi MGU05 ในแต่ละเพลา กระปุกเกียร์ Single Speed ต่อเพลา รวมถึงเฟืองท้ายลิมิเต็ดสลิปที่ใช้ซอฟต์แวร์พิเศษ เฟืองท้ายกึ่งกลางเสมือนจริงพร้อมการกระจายแรงบิดแบบแปรผันที่เพลาหน้าและเพลาหลัง เครื่องยนต์เทอร์โบสี่สูบ 2.0 ลิตร TFSI เชื่อมต่อผ่านเพลากับเครื่องกำเนิดไฟฟ้าหรือเจเนอเรเตอร์ เครื่องกำเนิดไฟฟ้านี้จะชาร์จระบบแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงสูงซึ่งจ่ายไฟให้กับมอเตอร์ขับเคลื่อน ระบบแบตเตอรี่มีความจุใช้งานได้ประมาณ 52 kWh ระบบกันสะเทือนแบบอิสระ ระบบเบรกสะสมพลังงาน regenerative braking ยาง BF Goodrich 37×12.50R17 พร้อมล้ออะลูมิเนียมฟอร์จ ภายใน ติดตั้งเทคโนโลยีมาตรวัดแบบใหม่ของรถแข่ง ประกอบด้วยจอแสดงผล Bosch DDU 10 สำหรับผู้ขับขี่และผู้ขับขี่ร่วม Audi กล่าวว่า บนพื้นผิวเรียบ RS Q E-Tron สามารถเร่งความเร็วจาก 0-100 กิโลเมตรต่อชั่วโมงได้ในเวลาน้อยกว่า 4.5 วินาที
Audi RS Q e-tron เป็นระบบไฟฟ้าล้วน เพลาหน้าและหลังทั้งสองติดตั้งชุดเครื่องกำเนิดไฟฟ้า motor-generator unit (MGU) จากรถยนต์ Audi e-tron FE07 Formula E รุ่นปัจจุบัน ซึ่ง Audi Sport พัฒนาขึ้นสำหรับฤดูกาลแข่งในปี ค.ศ. 2021 ต้องทำการปรับเปลี่ยนเล็กน้อยเพื่อใช้ MGU ใน Dakar Rally

motor-generator unit MGU ตัวที่สามซึ่งมีการออกแบบเหมือนกัน เป็นส่วนหนึ่งของตัวแปลงพลังงาน ทำหน้าที่ชาร์จแบตเตอรี่ไฟฟ้าแรงดันสูงขณะขับเคลื่อน นอกจากนี้ พลังงานไฟฟ้าจะถูกชาร์จกลับระหว่างการเบรก แบตเตอรี่มีน้ำหนักประมาณ 370 กิโลกรัม มีความจุประมาณ 50 kWh

เนื่องจากไม่มีโอกาสสำหรับการชาร์จไฟในทะเลทราย Audi ได้เลือกแนวคิดการชาร์จที่เป็นนวัตกรรมใหม่ บนรถ Audi RS Q e-tron ใช้เครื่องยนต์เบนซิน 2.0 ลิตร อัดอากาสด้วยเทอร์โบ พร้อมระบบเชื้อเพลิง TFSI ที่มีประสิทธิภาพสูงจาก DTM เป็นส่วนหนึ่งของตัวแปลงพลังงานโดยเครื่องยนต์รับหน้าที่เป็นเจเนอเรเตอร์ คอยชาร์จไฟใส่แบตเตอรี่แรงดันสูงขณะขับเคลื่อนเต็มกำลัง เนื่องจากเครื่องยนต์สันดาปภายในตัวเล็ก ถูกออกแบบให้ทำงานในช่วงที่มีประสิทธิภาพมากเป็นพิเศษระหว่าง 4,500 ถึง 6,000 รอบต่อนาที อัตราสิ้นเปลืองเฉพาะของพลังงานไฟฟ้าจึงต่ำกว่า 200 กิโลวัตต์ชั่วโมง
ถังเชื้อเพลิงขนาด 340 ลิตร ความเร็วสูงสุดถูกจำกัดไว้ที่ 170 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แรงดันไฟฟ้าออนบอร์ดคือ 12, 48 และ 800 โวลต์ มีชุดควบคุมระบบสองชุด ได้แก่ Bosch ECU MS 7.4 และ Bosch VCU MS 50.4P การจัดการพลังงานได้รับการจัดการโดย Motec PDM32 พร้อมเครื่องบันทึกข้อมูล Bosch C 80 จำนวนสี่เครื่อง


กำลังสูงสุดของระบบ e-drivetrain คือ 500 กิโลวัตต์ หรือเท่ากับ 680 แรงม้า ส่วนแรงบิดที่ไม่มีการเปิดเผย คาดว่า น่าจะทะลุ 700 นิวตันเมตร! จะใช้ได้มากน้อยเพียงใดในระหว่างการแข่งขัน Dakar Rally นั้น ทั้งหมดยังคงเป็นความลับ ระบบขับเคลื่อนไฟฟ้ามีข้อดีหลายประการ โดยสามารถควบคุมมอเตอร์ไฟฟ้าได้อย่างแม่นยำ และทำให้มั่นใจในการควบคุมทิศทางของรถ นอกจากนี้ ยังสามารถกู้คืนพลังงานจากการใช้เบรกได้อีกด้วย



Audi RS Q e-tron ต้องการเกียร์เดินหน้า one forward gear เท่านั้น เพลาหน้าและเพลาหลังไม่ได้เชื่อมต่อกันทางกลไก เช่นเดียวกับที่พบในรถยนต์ไฟฟ้า e-tron GT ซอฟต์แวร์ที่พัฒนาโดย Audi เข้าควบคุมการกระจายแรงบิดระหว่างเพลา ระบบอิเล็กทรอนิกส์สร้างส่วนต่างของศูนย์กลางเสมือน โดยสามารถกำหนดค่าได้อย่างอิสระ ซึ่งมีผลข้างเคียงในเชิงบวกของการลดน้ำหนัก กับพื้นที่ที่จำเป็นสำหรับเพลาประกอบและส่วนต่างทางกลไกของระบบขับเคลื่อน e-Motor



Audi RS Q e-tron ยังแตกต่างอย่างมากจากรถแข่งดาการ์ที่ขับเคลื่อนตามอัตภาพ “รถดูล้ำยุคและมีองค์ประกอบการออกแบบที่เป็นแบบฉบับของ Audi” Juan Manuel Diaz หัวหน้าทีมออกแบบมอเตอร์สปอร์ตของ Audi กล่าว “เป้าหมายของเราคือ ทำให้รถแข่งคันนี้ เป็นสัญลักษณ์ของ Vorsprung durch Technik และอนาคตของแบรนด์ Audi Sport”

RS Q e-tron เป็นรถที่ซับซ้อนที่สุดคันหนึ่ง การขับเคลื่อนด้วยไฟฟ้าหมายความว่าระบบต่างๆ จำนวนมากต้องสื่อสารกันอย่างลงตัว นอกจากความน่าเชื่อถือด้านความคงทนแข็งแกร่ง ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญยิ่งใน Dakar Rally นั่นคือความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของ Audi.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/