19 ปีที่ผ่านมา ย้อนเวลากลับไปในยุครุ่งเรืองของซุปเปอร์สปอร์ตคาร์ Lexus LFA ประกาศความเป็นตัวตนด้วยเทคนิคล้ำยุคจากทีมแข่ง F1 ของ Toyota กับราคาที่แพงมหาศาล ทะลุเพดานรถยนต์จากแดนปลาดิบทุกคันที่ว่าแพงแสนแพง



...




โครงการออกแบบและผลิตรถสปอร์ตสมรรถนะสูงของค่ายยักษ์ใหญ่อย่าง Toyota เริ่มขึ้นในปี 2005 หลังจากนั้นก็เริ่มปรากฏโฉมของ Concept Sport Car ในปี 2007 เพื่อแสดงให้เห็นว่า Toyota ตั้งใจที่จะผลิตรถซุปเปอร์สปอร์ตออกขายอย่างจริงจัง ตามมาด้วยรถ Concept Roadster ที่นำออกโชว์ในงาน Tokyo Motor Show 2008 ประธานบริษัท Akio Toyoda หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ Morizo ซึ่งก้าวเข้ามารับบทบาท CEO ของ Toyota ในปี 2009 เป็นบุคคลที่มีส่วนในการทำให้โครงการผลิตรถซุปเปอร์คาร์คันแรกของ Toyota เป็นจริงเป็นจังขึ้นมา Morizo มีลักษณะคล้ายกับ Enzo Ferrari และ Ferdinand Piech คือหลงใหลในกีฬา MotorSport ชอบการขับรถแข่งและเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการส่งทีมแข่งของ Toyota และ Lexus โดยใช้รถต้นแบบ LFA ลงทำการแข่งขันในรายการ Nurburgring 24h สิ่งที่ Morizo แตกต่างจาก Enzo Ferrari ก็คือ เข้าถึงได้ง่าย เป็นกันเองกับคนในองค์กรและยิ้มแย้มแจ่มใสกับสื่ออยู่เสมอ ต่างจาก Enzo ที่ดูเย่อหยิ่ง เข้าถึงได้ยากและชอบเก็บเนื้อเก็บตัว

...



...
ในการบริหารทีมแข่ง F1 ของ Toyota และอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับการแข่งรถทั่วโลกของ Toyota และ Lexuz นั้น Morizo สนับสนุนอย่างเต็มที่ ถือเป็นการเสริมสร้างภาพลักษณ์ของแบรนด์ด้วยรถสมรรถนะสูงที่ลงไปวาดลวดลายในสนามแข่งอย่างสม่ำเสมอ และถึงแม้ทีม Toyota จะถอนตัวจากการแข่งขัน F1 ในปี 2009 ไปแล้วก็ตาม แต่การผลิตซุปเปอร์คาร์ทั้งๆ ที่ Toyota ไม่เคยผลิตรถที่มีศักยภาพสูงขนาดนั้น นับว่าเป็นภารกิจที่ทีมวิศวกรของ Lexus จะต้องเตรียมการและใช้ความมุ่งมั่นตั้งใจจนทำให้เกิดผลสำเร็จ ในห้วงอายุโมเดลสั้นๆ ของ Lexus LFA ซึ่งต้องส่งออกขายไปทั่วโลกในจำนวนการผลิตเพียงน้อยนิดแค่ 500 คัน ด้วยงบลงทุนในโครงการมหาศาล จนยากที่จะมีรถโมเดลใดในค่ายของ Toyota ที่ใช้เงินลงทุนสูงจนเป็นประวัติการณ์เท่ากับโครงการสร้างรถ LFA แม้จะถือเป็นการเสริมภาพลักษณ์ของแบรนด์ Lexus แต่ด้วยจำนวนเงินมหาศาลซึ่งพอทำออกมาแล้วก็ไม่สามารถที่จะกำไรเป็นกอบเป็นกำเหมือนกับการผลิตรถบ้านรุ่นขายดี


...

ในที่สุด สายการผลิตจำนวน 500 คันของ Lexus LFA ก็ครบจำนวนที่ผู้บริหารได้กำหนดไว้ ที่โรงงาน Miyoshi ของ Toyota - Lexus ในประเทศญี่ปุ่น มาตรฐานการผลิตซุปเปอร์คาร์คันแรกของแบรนด์ Lexus เต็มไปด้วยความละเอียดประณีต จากอะลูมิเนียมหลอมเหลวในขั้นตอนการหล่อบล็อกเครื่องยนต์ บ V10 ส่วนที่เป็นแม่พิมพ์สามมิติทราย ถูกทาเอาไว้ด้วยเรซิน บล็อกเครื่องยนต์ทำจากทราย 37 ส่วน ใช้เวลาและขั้นตอนต่างๆ สำหรับการขึ้นรูปนานประมาณ 1 อาทิตย์ เมื่อบล็อกเครื่องยนต์ทั้งหมดถูกประกอบเข้าด้วยกัน แม่พิมพ์หล่อบล็อกเครื่องยนต์จะถูกเทลงไปด้วยอัลลอยหลอมเหลวที่อุณหภูมิ 750 องศาเซลเซียส สิ่งปนเปื้อนต่างๆ จะถูกตักออกมาในขั้นตอนของการหล่อบล็อกเครื่องยนต์ โลหะอัลลอยหลอมเหลวจะไหลลงไปตามแม่พิมพ์ ขณะเดียวกัน ตัวดูดสุญญากาศจะทำหน้าที่ในการดูดสิ่งที่ปนเปื้อนออกมาทั้งหมด สองชั่วโมงหลังจากอัลลอยเหลวเย็นตัวลง แม่พิมพ์ที่เป็นทรายจะถูกแกะออกมา เผยให้เห็นบล็อกเครื่องยนต์ V10 สุดซับซ้อนที่อยู่ด้านใน หลังจากนั้น บล็อกเครื่องยนต์ จะถูกส่งไปที่แผนกผลิตเครื่องยนต์ของรถสูตรหนึ่งในทีม Toyota F1 ซึ่งเป็นแผนกที่ถือเป็นความลับระดับสูงสุดของบริษัท



พื้นที่ในส่วนประกอบเครื่องยนต์ LFA เป็นเขตหวงห้ามเด็ดขาดที่ไม่เปิดโอกาสให้บุคคลภายนอกเข้ามาเยี่ยมชมแต่อย่างใดทั้งสิ้น เป็นเวลากว่า 1 ทศวรรษมาแล้วที่ Toyota ทุ่มเทให้กับการแข่งรถสูตรหนึ่ง แต่เมื่อไม่ประสบความสำเร็จและเหมือนกับการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ (ใช้เงินปีหนึ่งทำทีม F1 กว่า 18,000- 20,000 ล้านบาท) Toyota Motorsport GmbH หรือ TMG จึงถอนตัวออกมาในปี 2009 ทำให้โรงงานไฮเทคแห่งนี้ไม่มีงานทำ การรับงานประกอบเครื่องยนต์ของ LFA สำหรับทีมช่างของ LFA แล้ว เป็นโอกาสอันดีที่วิศวกรและช่างเครื่องยนต์ของ Toyota-Lexus จะได้กลับมาสำแดงฝีมือในการผลิตเครื่องยนต์กำลังสูงอีกครั้ง โรงงานผลิตเครื่องยนต์รถสูตรหนึ่งของ Toyota จึงมีความเหมาะสมสำหรับการประกอบเครื่องยนต์ V10 บล็อกเครื่องยนต์ที่เพิ่งจะผ่านกระบวนการผลิตด้วยการหล่อจะถูกขัดแล้วเจาะรู ตามแบบด้วยเครื่องขัดเจาะซึ่งผ่านการคำนวณที่แม่นยำของคอมพิวเตอร์ ก่อนจะเสร็จออกมาเป็นบล็อกเครื่องที่ถูกต้องตามแบบ หลังจากนั้น หุ่นยนต์จะส่งบล็อกเครื่องให้กับมนุษย์ ในห้องที่ถูกปิดผลึกไว้เป็นอย่างดีเพื่อป้องกันฝุ่น ช่างเครื่องจะใช้เครื่องมือลบส่วนที่มีความแหลมคมที่เกิดขึ้นในขั้นตอนการหล่อออกไปจนหมด เป็นการใช้เครื่องมือขัดที่มีความแม่นยำสูง หลังจากนั้นก็จะประกอบขึ้นเป็นบล็อกเครื่องยนต์ทั้งตัว เพื่อตรวจดูว่าชิ้นส่วน และรูที่ทำการเจาะทั้งหมดเข้ากันได้ตามแบบหรือไม่ บล็อกเครื่องและส่วนที่เป็นนอตยึดจะถูกประกบเข้ากันเป็นครั้งแรก เมื่อถูกถอดอีกครั้ง เครื่องยนต์จะถูกนำไปยังโรงงาน Iwata City ของ Yamaha ซึ่งมีที่ตั้งอยู่ห่างออกไป 90 กิโลเมตรทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของโรงงาน Toyota




ห้องผลิตเครื่องยนต์ใน Evata City ของ Yamaha มีความเข้มงวดสูงมากสำหรับขั้นตอนในการประกอบชิ้นส่วนต่างๆ ห้องเหล่านี้มีการป้องกันฝุ่นละอองอย่างสูงสุด เพื่อให้มั่นใจว่าจะไม่มีสิ่งแปลกปลอมใดๆ หลุดรอดเข้าไปในห้องอย่างเด็ดขาด ห้องประกอบเครื่องยนต์ของ LFA ยังถูกควบคุมอุณหภูมิและความชื้นให้อยู่ในระดับที่กำหนด เพื่อรับประกันการขยายตัวของโลหะจากความร้อนให้มีค่าตามที่กำหนด ชิ้นส่วนเครื่องยนต์ 2,200 ชิ้น ถูกแบ่งออกเป็น 61 ชุดเพื่อประกอบตามหมายเลข วิศวกรที่มีทักษะสูง 4 คน แต่ละคน รับผิดชอบเครื่องยนต์ 1 ตัวที่จะประกอบชิ้นส่วน ตั้งแต่ขั้นตอนแรกจนแล้วเสร็จ เพื่อหลีกเลี่ยงความผิดพลาด ช่างเครื่องเหล่านี้ต้องทำตามคำสั่งบนหน้าจอ ควบคุมการทำงานอย่างเคร่งครัด เครื่องยนต์ของ LFA แต่ละตัว จะใช้เวลาประกอบนานประมาณ 3 วัน เครื่องยนต์ที่ถูกประกอบด้วยมือ จึงเป็นผลงานชิ้นเอกของช่างเครื่องแต่ละคนที่ลงมือประกอบ ก่อนที่จะถูกนำไปวางลงในห้องเครื่อง เครื่องยนต์จะถูกทดสอบอย่างหนักในห้องทดสอบที่อยู่ใกล้ๆ กับห้องประกอบเครื่องยนต์ในโรงงาน Yamaha Iwata City เครื่องยนต์ขนาด 4.8 ลิตร V10 สูบ มีการออกแบบให้ตอบสนองต่อการเร่งความเร็วอย่างว่องไว มันใช้เวลาเพียงครึ่งวินาที ในการกวาดรอบเครื่องยนต์ไปถึง 9,000 รอบ หมายรวมถึงการเร่งความเร็วแบบกะทันหันไม่ว่าผู้ขับจะอยู่ในเกียร์ใดก็ตาม


เครื่องยนต์ V10 ของ LFA มีการตอบสนองยอดเยี่ยมตามแบบฉบับของเครื่องยนต์ F1 ความเร็วรอบที่จัดจ้านมากกว่าเครื่องยนต์ทั่วไปส่งผ่านเสียงการทำงานในรอบสูงคล้ายเครื่องยนต์ของรถแข่ง คาบเวลาในการตอบสนองที่รวดเร็วและแม่นยำ จึงจำเป็นที่จะต้องใช้มาตรวัดแบบดิจิทัลในการวัดรอบเครื่องยนต์ที่กวาดไปมาอย่างรวดเร็วตามระดับของการกดคันเร่ง หากใช้มาตรวัดแบบเข็มหรือแบบอะนาล็อก ซึ่งเป็นมาตรวัดแบบเก่า รอบเครื่องยนต์ที่เร็วมากของ LFA จะไม่สามารถใช้ระบบการวัดแบบเก่าได้ เสียงความถี่สูงอันเป็นเอกลักษณ์ของเครื่องแบบ V10 แบบหายใจเองโดยไม่พึ่งพาระบบอัดอากาศ ถูกปรับแต่งด้วยแผนกพิเศษของแบรนด์ Yamaha เพื่อที่จะสร้างเสียงของเครื่องยนต์อันเป็นเอกลักษณ์ Lexus ต้องพึ่งพาความเชี่ยวชาญของช่างปรับแต่งเสียงจาก Yamaha บริษัทผู้ผลิตจักรยานยนต์และเครื่องยนต์เรือ รวมถึงเครื่องดนตรีที่มีความเชี่ยวชาญระดับโลก Yamaha รับงานยากและมีความซับซ้อนสูง โดยรับผลิตฝาสูบรถแข่ง เครื่องยนต์รถจักรยานยนต์ที่ใช้ในการแข่งขัน กับเครื่องยนต์ของรถแข่งบางประเภท




ด้านการปรับแต่งเสียงเครื่องยนต์ Yamaha คือผู้เชี่ยวชาญตัวจริงเสียงจริง ความสำคัญระหว่างรถซุปเปอร์คาร์และคนขับ เหมือนกับความสัมพันธ์ของนักดนตรีกับเครื่องดนตรีที่ใช้เล่น เมื่อนักดนตรีเล่นเพลงออกไป พวกเขาจะฟังเสียงของเครื่องดนตรีที่ใช้เล่น และใช้เสียงนั้นพัฒนาการเล่นให้ดียิ่งขึ้นไปอีก ที่สำคัญก็คือเสียงเครื่องยนต์ของ LFA มีความแตกต่างกันอยู่สองรูปแบบคือ ท่อไอเสียที่จะทำให้คนทั่วไปรู้ว่ากำลังได้ยินอะไร และเสียงจากท่อไอดีที่คนขับจะได้ยินไปตลอดการขับขี่ เพื่อที่จะให้เสียงทั้งหมดออกมามีความสมบูรณ์แบบอย่างสูงสุด ผู้จัดการทั่วไปของแผนกปรับแต่งเสียงเครื่องยนต์ Maruyama Haji ของ Yamaha Motor ต้องปรับการออกแบบส่วนประกอบของท่อร่วมไอดีที่อยู่ด้านบนของเครื่องยนต์ V10 ซึ่งมีชื่อเรียกว่า Surge Tank Yamaha Sound Engine หลักการทำงานของ Surge Tank คือการส่งอากาศให้มีปริมาณเท่าๆ กันไปยังสูบทั้งสิบของเครื่องยนต์ V10 ในรถ LFA เสียงทั้งหมดจะเข้าไปลดเสียงของชุดดูดอากาศเข้าท่อร่วมไอดี วิศวกรเสียงของ Yamaha พยายามคิดค้นรูปแบบของเสียงที่มีความแตกต่างกันออกไป อุปกรณ์ Surge Tank เข้ามาช่วยในการขยายเสียง เพื่อที่จะส่งต่อเสียงที่ถูกปรับแต่งแล้วมายังคนขับโดยตรง



Maruyama Haji ปรับแต่งช่อง Surge Tank ด้วยการปรับพื้นผิวด้านบนทั้งหมด เพิ่มความสั่นสะเทือนที่อยู่ด้านบนของ Surge Tank ให้มากขึ้น การทำแบบนี้คล้ายกับการผลิตเครื่องดนตรีที่มีเอกลักษณ์ทางเสียงที่ไม่เหมือนใคร ทีมวิศวกรของ Yamaha ได้ปรับแต่งเสียงที่เกิดจากการสั่นสะเทือนกลับไปยังห้องโดยสารด้วยการใช้ช่องเสียงสองช่อง คลื่นเสียงความถี่ต่ำถูกส่งไปยังบริเวณส่วนเท้าของคนขับใกล้กับคันเร่ง ส่วนคลื่นเสียงความถี่สูงถูกส่งตรงไปยังหูของคนขับตามลักษณะของการออกแบบ ช่องเสียงใน LFA ผู้ขับจึงเหมือนกับกำลังฟังเสียงแบบ Surround Sound ไปตลอดเวลาที่กำลังขับขี่


เครื่องยนต์ที่ปรับแต่งแล้วเสร็จจะถูกยกขึ้นไปวางลงในห้องเครื่อง เพื่อที่จะส่งต่อไปยัง LFA Work ที่นี่ เมื่อชิ้นส่วนของระบบขับเคลื่อนทั้งหมดถูกประกอบเสร็จสิ้นแล้ว มันจะถูกประกอบเข้ากับตัวถังโดยใช้สายตาของมนุษย์ในขั้นตอนของการยึดขันนอต เมื่อปประกอบแท่นยึดเครื่องยนต์ทั้งหมดเข้าที่ ของเหลวที่ใช้ในการหล่อลื่นเครื่องยนต์เช่น น้ำมันเครื่องและน้ำมันไฮดรอลิกต่างๆ จะถูกท่อปั๊มเข้าไปยังระบบ ปั๊มอัตโนมัติจะฉีดจ่ายน้ำมันเครื่อง น้ำมันเบรก น้ำหล่อเย็นลงไปในเครื่องยนต์ เมื่อทุกอย่างถูกเติมลงไปในปริมาณที่ถูกต้องแล้ว แผ่นไฟเบอร์กลาสที่ถูกผลิตจากภายใน สำหรับใช้ประกอบเป็นตัวถังด้านข้างและบานประตู (สาเหตุที่ต้องใช้ไฟเบอร์กลาสเนื่องจากคาร์บอนไฟเบอร์ไม่สามารถทำสีได้ตามมาตรฐานของ Lexus) วัสดุชนิดนี้ แม้จะมีราคาต่ำกว่าคาร์บอนคอมโพสิตแต่มีความแข็งแรงและมีน้ำหนักเบา หากรถประสบอุบัติเหตุ การซ่อมบำรุงจะมีราคาที่ต่ำกว่าชิ้นงานคาร์บอนไฟเบอร์



โรงพ่นสี LFA ตั้งอยู่ที่เดียวกันกับโรงงานประกอบ ห้องพ่นสีของ LFA Work มีขั้นตอนส่วนใหญ่ผ่านการทำงานอันละเอียดซับซ้อนของหุ่นยนต์พ่นสี วิศวกรของ Lexus เชื่อว่าการใช้หุ่นยนต์พ่นสีจะมีความสม่ำเสมอมากกว่ามือมนุษย์ แต่มนุษย์ก็ยังคงทำงานร่วมกันกับหุ่นยนต์พ่นสีในการควบคุมดูแล ฝุ่นละอองที่เป็นศัตรูของห้องพ่นสีจะถูกกำจัดออกไปทั้งหมดจากห้องที่ปิดผลึกอย่างดี หากฝุ่นติดลงไปในพื้นผิวขณะทำการพ่น เมื่อถูกความร้อนในขั้นตอนของการอบ สีจะบวมพองขึ้นมาทันที บรรยากาศภายในโรงพ่นสีของ LFA Work จึงต้องสะอาดอยู่เสมอ พนักงานทุกคนจะถูกทำความสะอาดชุดก่อนเข้าไปทำงาน

สีจำนวน 5 ชั้นจะถูกพ่นลงไปบนตัวถังของ LFA และจุดใดที่หัวพ่นของหุ่นยนต์เข้าไปไม่ถึง มนุษย์จะเข้าไปทำงานแทนเพื่อเก็บรายละเอียดทั้งหมดของการพ่นสีให้มีความสมบูรณ์สูงสุด เมื่อขั้นตอนการพ่นแล้วเสร็จ รถ LFA จะถูกนำเข้าไปยังเตาอบแล้วอบสีด้วยอุณหภูมิ 100 องศาเซลเซียสนาน 1 ชั่วโมง หลังจากนั้น ตัวถังจะถูกยกไปที่แผนกตรวจสอบคุณภาพสี หัวฉีดน้ำจะพ่นละอองน้ำไปในอากาศเพื่อป้องกันไม่ให้ฝุ่นละอองตกลงไปยังเนื้อสี ผู้ตรวจสอบจะตรวจตัวถังที่พ่นเสร็จแล้วเพื่อหาริ้วรอยต่างๆ หากพบก็จะทำการขัดให้เรียบร้อย รถ LFA ที่พ่นสีเสร็จเรียบร้อยจะถูกลากออกจากโรงพ่นไปยังโรงประกอบชิ้นงานส่วนที่ 3 เพื่อติดตั้งชิ้นส่วนที่เป็นคาร์บอนคอมโพสิตซึ่งเป็นโซนสุดท้าย ภายในของห้องโดยสารพวกคอนโซล เบาะและพรมจะถูกติดตั้งที่นั่นทั้งหมด รวมถึงล้ออัลลอยและยาง Bridgestone RE070 ล้อหน้าขนาด 265/35/ZR 20 95Y และล้อหลังขนาด 305/30/ZR 20 99Y เป็นยางชนิดพิเศษที่ Bridgestone ออกแบบให้กับ Lexus LFA.
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/