ท่ามกลางแนวคิดใหม่ๆ ของยานยนต์ต้นแบบแห่งอนาคตที่จัดแสดงภายในบูธขนาดยักษ์ของ Toyota ในงาน Japan Mobility Show (JMS) ปี 2023 ที่กำลังดำเนินอยู่ในขณะนี้ มีรถยนต์รุ่นใหม่ที่น่าสนใจ และกำลังจะเปิดตัวในไทยเร็วๆ นี้ในช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน เป็นรถกระบะรูปทรงย้อนยุคที่มีหน้าตาสวยงามลงตัว นำเสนอโซลูชันการขับเคลื่อนที่ง่ายที่สุดสำหรับประเทศที่เน้นใช้งานรถกระบะราคาประหยัด หนึ่งในยานยนต์ต้นแบบแนวคิดที่สร้างความฮือฮาให้กับนักเลงรถกระบะภายในงานก็คือ IMV 0 ที่เคยเปิดตัวที่ประเทศไทย ในงานแถลงข่าวของประธาน Toyoda เมื่อช่วงปลายปี 2565 รถกระบะรุ่นพิเศษถูกนำมาจัดแสดงใน JMS 2023 ด้วยแนวคิดคาเฟ่เคลื่อนที่ Toyota Rangga แบบแยกส่วน ที่ช่วยให้เจ้าของรถสามารถปรับเปลี่ยน ดัดแปลง IMV 0 รุ่นใหม่ ให้ใช้งานได้ทุกประเภท นำโอกาสในการหาเงินสู่ธุรกิจขนาดเล็กด้วยร้านกาแฟขนาดเล็กที่เคลื่อนที่ได้ การเปลี่ยนชิ้นส่วนแบบง่ายๆ มีราคาไม่แพง เหมาะกับผู้คนที่พร้อมจะเริ่มต้นธุรกิจใหม่ๆ ด้วยตัวเอง Toyota แจ้งว่า IMV 0 สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบ หรือสไตล์ของตัวถังต่างๆ ได้ภายในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

...


IMV 0 ((ZERO) กระบะอเนกประสงค์ในโครงการ IMV กำลังจะเปิดตัวในไทยช่วงปลายเดือนพฤศจิกายนนี้ เป็นรถกระบะราคาประหยัดที่สามารถนำไปดัดแปลงเพื่อต่อยอดตามธุรกิจที่ต้องการ ทั้งเป็นรถกระบะขายของ ขายอาหาร กระบะส่งคนหรือสิ่งของ กระบะตู้ทึบ รวมถึงเป็นเต็นท์กลางแจ้งติดตั้งบนกระบะหลัง และรถกู้ภัยของหน่วยงานราชการ รถ IMV 0 ออกแบบด้วยแนวคิด ทำอย่างไรให้ได้รถสู้งานหนักขนาดเล็กที่มีราคาไม่แพง ดัดแปลงต่อเติมเพื่อการใช้งานหลากหลายรูปแบบได้ง่าย มีหน้าตาที่ดูดี จะใช้เดิมๆ หรือแต่งต่อให้เก๋กลายเป็นรถแฟชั่นก็ได้ ที่สำคัญคือ ประธาน Akio Toyoda พูดชัดเจนว่า รถคันนี้จะมาสู่ตลาดไทย ภายในเวลาหนึ่งปี ซึ่งก็ใกล้จะครบกำหนดสำหรับการเปิดตัวที่จะมีขึ้นในช่วงปลายปีนี้


เวอร์ชันการผลิตจริงของ Toyota IMV 0 วางเครื่องยนต์ดีเซลเทอร์โบแถวเรียงสี่สูบ ความจุ 2.4 ลิตร รหัส 2GD-FTV เป็นเครื่องยนต์ที่ประจำการอยู่ในรถกระบะ Toyota Hilux REVO มีกำลังประมาณ 150 แรงม้า แรงบิด 400 นิวตันเมตร นอกจากนี้ ระบบส่งกำลังของรถกระบะรุ่นพิเศษยังมีให้เลือกสองรูปแบบคือ ได้แก่ เกียร์ธรรมดา 5 สปีด, และเกียร์อัตโนมัติ 6 สปีด

...


Toyota รู้ดีว่าอะไรคือจุดที่ลูกค้าต้องการ จากรถกระบะที่สู้งานหนัก สิ่งที่เราสามารถคาดหวังได้จากรถคันจริงก็คือ ความทนทานขั้นสูงสุด และความง่ายในการซ่อมบำรุง ตัวอย่างเช่น การออกแบบกันชนหน้าให้แยกออกเป็น 3 ชิ้น ซ้าย-ขวา-กลาง ชิ้นไหนได้รับความเสียหาย ก็เปลี่ยนเฉพาะจุดไป รวมถึงการมีจุดรัด ห่วงผูกเชือก แฝงอยู่ตามจุดต่างๆ รอบรถในลักษณะที่ดูแล้วเก๋ไก๋ เพราะในกลุ่มลูกค้าที่ใช้รถเพื่อการยังชีพ บางทีอาจมีการตั้งรถทำเป็นร้านกาแฟ ร้านขายผลไม้เคลื่อนที่ การมีหูยึดผูกเชือกแบบนี้ก็ช่วยให้เติมโครงสร้างต่างๆ เข้าไปได้ง่ายในยามที่รถจอด
...



...
รูปทรงของกระบะ Toyota IMV ZERO น่าจะมีความยาวไม่ต่ำกว่า 5.3 เมตร หรือ 5,300 มิลลิเมตร กว้าง 1.8 เมตร หรือ 1,800 มิลลิเมตร ช่วงกระบะท้ายที่ยาว เหมาะกับการนำไปต่อยอดในธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะการขนส่งสินค้า งานบริการคนส่งคนในระยะสั้น ตีเป็นตู้ทึบเพื่อการขนส่งสินค้า ติดตั้งเต็นท์สำหรับการพักผ่อนกลางแจ้ง หรือเป็นรถของหน่วยงานราชการ ทั้งรถตรวจการณ์และรถกู้ภัย ด้านหน้าที่เหมือนกับ Toyota FJ ติดตั้งกันชนพลาสติกขนาดใหญ่ ไฟหน้าทรงเหลี่ยมแบบ LED ล้อขนาด 16-17 นิ้ว กระบะท้ายเน้นพื้นที่บรรทุกกว้าง พร้อมดีไซน์ที่นำไปตกแต่งเพิ่มเติมตามความต้องการได้อย่างหลากหลาย เมื่อสังเกตจากในภาพ แชสซีของ Toyota IMV ZERO เหมือนกับแชสซีของกระบะ Hilux REVO แต่มีการปรับปรุงให้เหมาะสมกับรูปแบบและขนาดตัวถังของ IMV ZERO


Toyota IMV 0 มีห้องโดยสารแบบสองที่นั่ง กระบะท้ายที่สามารถปรับเปลี่ยนรูปแบบได้อย่างหลากหลาย ยาง A/T ที่ทนทาน กันชนแบบออฟโรดพร้อมแถบ LED และแร็คหลังคาสำหรับบรรทุกอุปกรณ์ ส่วนหน้าของ IMV 0 มีกลิ่นอายของ Land Cruiser ที่เน้นความแข็งแกร่ง ด้วยสไตล์ย้อนยุค เหมาะสำหรับนักขับที่รักการผจญภัยเอาไปต่อยอดตกแต่งตัวถังตามความต้องการ Toyota IMV 0 (ZERO) ไม่ได้เข้ามาแทนที่กระบะเจ้าตลาดอย่าง Hilux REVO เพียงแต่เข้ามาเสริมช่องว่างทางการตลาด เพิ่มทางเลือกให้หลากหลายมากยิ่งขึ้นในกลุ่มลูกค้ารถปิกอัพของไทย ซึ่งถือว่าเป็นตลาดรถอเนกประสงค์ที่มีขนาดใหญ่ ด้วยราคาที่ถูกกว่า Hilux REVO พร้อมความสามารถในการเป็นรถสู้งานหนัก มีราคาเป็นกันเองแบบ Suzuki Carry สิ่งที่น่าสนใจก็คือ Toyota จะหันมาเปิดตลาดรถกระบะราคาถูก ด้วยความเป็นแบรนด์ที่มียอดขายสูงสุดในไทย รวมถึงชื่อชั้นของแบรนด์ที่คนไทยยอมรับ IMV 0 น่าจะทำตัวเลขยอดขายได้ดี สิ่งหนึ่งที่ทั้ง Carry และ IMV 0 มีความคล้ายกันก็คือ เจ้าของรถสามารถทำอะไรต่อมิอะไรบนกระบะหลังรถได้มากมาย ไม่ว่าจะเป็นรถบรรทุกของธรรมดา เป็นรถตีกรงบรรทุกปศุสัตว์ก็ได้ จะเอาไว้เป็นรถขายอาหาร หรือจะแปลงเป็นรถ Camper Van ค่ำไหนนอนนั่นก็ได้


ทีมออกแบบของ Toyota ดร.จุฬชาติ จงอยู่สุข หัวหน้าวิศวกรระดับภูมิภาค TDEM ซึ่งเป็นบุคคลสำคัญในการปรับโฉม Hilux Revo โฉม Rocco ตัวแรก รวมถึงดูแลการปรับโฉมปรุงเทคโนโลยีใน Revo/Fortuner 2020 ซึ่งในครั้งนั้นนับเป็นโอกาสแรกที่ Toyota ประเทศญี่ปุ่นไว้ใจให้คนไทยคุมการสร้างรถรุ่นที่ต้องนำไปทำตลาดระดับ Global และถ้าคุณคิดว่า ดร.จุฬชาติจะเป็นมนุษย์โต๊ะ ร่างแบบ คำนวณ พรีเซนต์ คิดใหม่นะครับ นี่คือคนที่เติบโตมากับการทดสอบรถ Toyota ภาคสนามตั้งแต่ 18 ปีที่แล้ว โดยคลุกคลีอยู่กับรถกระบะ รถอเนกประสงค์ เห็นถนนเมืองไทย เห็นการใช้รถของคนไทย รับรู้กลวิธีมากมายของคนไทยในการใช้รถเกินขีดจำกัดมาเยอะมาก โดยพยายามทำให้กระบะท้ายนั้น สามารถปรับแต่ง เปลี่ยนรูปแบบ ถอด ติดตั้งชิ้นส่วนได้โดยง่าย ชนิดที่ว่า ถ้าเป็นการแปลงนิดๆ หน่อยๆ ลูกค้าต้องสามารถทำเองได้เพื่อประหยัดเงินและเวลา งานหลักที่ไม่ซับซ้อนเช่นตั้งเสา ติดหลังคา ถอด/ใส่เก้าอี้นั่ง ต้องสามารถทำได้โดยใช้คน 2 คนกับเวลา 1 ชั่วโมง



ราคาของ IMV 0 จะถูกกว่า Hilux Revo รุ่นถูกสุด (Revo Standard Cab รุ่น 2.4 ไม่มีกระบะหลัง ราคา 554,000 บาท) และในรุ่นย่อยที่สูงขึ้น ก็จะปรับภายในให้สวยขึ้น มีอุปกรณ์มากขึ้น รวมถึงคาดเดาได้ว่า Toyota จะทำอุปกรณ์เสริมแต่ง Accessories ราคากันเอง ซื้อที่ศูนย์หรือสั่งผ่าน Shopee ได้ ใครมีเงินน้อยก็ค่อยๆ ซื้อใส่ทีละชิ้นไป ส่วนรุ่นสูงสุด ก็พูดได้ว่า อะไรที่ Revo มี IMV 0 ก็สามารถมีได้เหมือนกัน





ทำไมต้องทำใหม่หมด? ในเมื่อสิ่งที่อยู่ใน Hilux Revo นั้นมันก็มีความเหมาะสมสำหรับประเทศไทยอยู่แล้ว อย่างมากก็แค่เอามาปรับความยาวฐานล้อให้ลงตัว หรืออาจมีการปรับต่อยอดเพื่อเพิ่มความแข็งแรงในโครงสร้างตามจุดต่างๆ แค่นั้นก็พอแล้ว อย่าเปลี่ยนเยอะ เพราะเราไม่ได้กำลังสร้าง Performance Car เรากำลังสร้างรถเพื่อการใช้งานที่สมบุกสมบัน ไว้ใจได้ ถูกทั้งตอนซื้อ และตอนซ่อม มันก็น่าจะดีไม่ใช่หรือถ้า IMV 0 สามารถยกอะไหล่จำนวนมากจากของ Revo มาใช้ได้เลย ความซับซ้อนในการสต๊อกอะไหล่น้อยลง และตลาดโมดิฟายช่วงล่างกับโช้คอัพก็ไม่ต้องเสียเวลากลึงทำกระบอกโช้คทรงใหม่ ผ้าเบรกก็ใช้ของ Revo ซึ่งมีเกลื่อนทั้งของศูนย์ ของเทียบ และของแต่งเสริมสมรรถนะ



การเปิดตัวของ Toyota IMV Zero จะมีขึ้นในวันจันทร์ที่ 27 เดือนพฤศจิกายน 2566 เราอาจได้เห็นตัวจริงพร้อมการเปิดรับจองในงานมอเตอร์เอ็กซ์โป 2023 ก็มีความเป็นไปได้ละครับ.