รอกันจนหายอยากกับการเปิดราคาแมวไฟฟ้าเมืองจีน GWM ORA Goodcat ยานยนต์แมวพลังงานไฟฟ้ารุ่นใหม่ที่เข้ามาทำตลาดในประเทศไทยด้วยการนำเข้ามาทั้งคัน! รุ่น 500 Ultra น่าใช้สุด ชาร์จเต็มทำระยะทางเฉียด 500 กิโลเมตร เหลือแค่ปัดน้ำฝนด้านหลังเท่านั้นที่เป็นจุดด้อย ส่วนงานภายในระดับเทพ ทั้งสีเขียวแซมเทา และสีน้ำตาลผสมสีเบจ สวย แต่ดูแลยาก ถ้าอยากใช้รุ่นท็อปกับภายในสว่างๆ คงต้องทำใจเรื่องการระวังเบาะเปื้อนหรือเป็นรอย

ราคา ORA GOOD CAT
ORA Good Cat รุ่น 400 TECH ราคา 989,000 บาท
ORA Good Cat รุ่น 400 PRO ราคา 1,059,000 บาท
ORA Good Cat รุ่น 500 Ultra ราคา 1,199,000 บาท
ORA Good Cat 400 TECH สีตัวถัง
สีรถภายนอก 2 สี ได้แก่ สีดำ (Sun Black) และ สีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะผ้า)
ORA Good Cat 400 PRO สีตัวถัง
สีรถภายนอก 5 สี ได้แก่ รถสีแดงหลังคาดำ (Mars Red with Black Roof), รถสีขาวหลังคาดำ (Hamilton White with Black Roof), สีฟ้า (Coral Blue), สีดำ (Sun Black) และ สีขาว (Hamilton White)
...
สีรถภายใน 1 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง)
ORA Good Cat 500 ULTRA สีตัวถัง
สีรถภายนอก 7 สี ได้แก่ รถสีเขียวหลังคาขาว (Verdant Green with Hamilton White Roof), รถสีเบจหลังคาน้ำตาล (Hazel Wood Beige with Wisdom Brown Roof) รถสีแดงหลังคาดำ (Mars Red with Black Roof), รถสีขาวหลังคาดำ (Hamilton White with Black Roof), สีฟ้า (Coral Blue), สีดำ (Sun Black) และสีขาว (Hamilton White)
สีรถภายใน : 3 สี ได้แก่ สีดำ (เบาะหนัง) สำหรับทุกตัวเลือกสีรถภายนอก ยกเว้นรถสีเขียวพร้อมหลังคา, สีขาว (Verdant Green & Hamilton White) จะได้ภายในสีเขียว/เทา (เบาะหนัง) และตัวรถสีเบจพร้อมหลังคาสีน้ำตาล (Hazel Wood Beige & Wisdom Brown) จะได้ภายในสีเบจ/น้ำตาล (เบาะหนัง)





...


การเปลี่ยนแปลงระบบขับเคลื่อนด้วยยานยนต์พลังงานสะอาด ซึ่งจะเข้ามาแทนที่รถยนต์เครื่องยนต์สันดาปภายใน ที่กลายเป็นตัวการปล่อยมลพิษ อาจต้องใช้เวลาสักระยะ เนื่องจากความไม่พร้อมในด้านต่างๆ และยังไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐเท่าที่ควร การเกิดขึ้นของรถไฟฟ้าในไทยที่ค่อนข้างล่าช้า เกิดจากตัวแปรหลายสาเหตุ ทั้งความไม่มั่นใจในระบบ ราคาของรถไฟฟ้า ระยะทำการที่สามารถวิ่งไปถึงโดยที่ไฟในแบตฯ ไม่หมดกลางทาง ความแพร่หลายของสถานีชาร์จ ค่าซ่อมบำรุง และความคงทนของระบบขับเคลื่อนในสภาวะอากาศเขตร้อน ที่มีฝนตกหนักและน้ำท่วมขังเป็นประจำ รวมถึงสภาพอากาศที่ร้อนจัดในขณะที่ต้องอัดประจุไฟเต็มกำลังอย่างรีบเร่ง ปัจจุบัน สมรรถนะและประสิทธิภาพของรถยนต์พลังงานไฟฟ้าบางรุ่นทำได้ดีเกือบเท่ากับรถยนต์ที่ต้องเติมเชื้อเพลิง ชาร์จแบตฯ จนเต็มสามารถทำระยะทางได้เกือบจะเท่ากับรถยนต์ที่ใช้น้ำมัน ยกตัวอย่างง่ายๆ ถ้าคุณซื้อ ORA Goodcat รุ่น 500 Ultra ในราคา 1 ล้านนิดๆ นอกจากระยะทางในการวิ่ง เมื่อมีไฟเต็มแบตเตอรี่ จะทำได้ใกล้เคียงกับตัวเลข 500 กิโลเมตร ซึ่งสูสีกับรถยนต์ที่ใช้เครื่องยนต์ขนาด 1.8-2.0 ลิตร ในด้านความสามารถของการขับเคลื่อน รถไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศจีนก็ไม่ได้เป็นรองรถญี่ปุ่นมากนัก แต่จุดที่แบรนด์ญี่ปุ่นตกเป็นรองก็คือ ความล่าช้าในการปรับเปลี่ยนระบบขับเคลื่อน จากเครื่องยนต์ไปเป็นมอเตอร์ไฟฟ้า สำหรับประเทศไทย ถือว่าช้าเกินไป อีกเรื่องก็คือ วัสดุภายในห้องโดยสาร เมื่อมองดูรถญี่ปุ่นราคา 1 ล้าน เทียบกับ ORA Goodcat 500 Ultra คุณจะมองเห็นและสัมผัสได้อย่างชัดเจนว่า งานตกแต่งภายในและการเลือกใช้วัสดุของเจ้าแมวไฟฟ้านั้นเหนือกว่าอย่างชัดเจน
...



...




หน้าตาของเจ้าแมวมีส่วนผสมของรถยนต์หลายรุ่น มันคล้าย MINI หรือ Porsche ที่ด้านหน้า จากทรงของไฟหน้าและฝากระโปรงหน้า มองตามสายตาของคนสูงวัย ORA Good Cat หน้าตาที่คล้ายกับ Volkswagen เต่าทอง หรือมองอีกมุมก็ดันไปคล้ายกับ Porsche 911 จากทรงของไฟหน้าและฝากระโปรงด้านหน้า มองเผินๆ ก็คล้ายกับไฟหน้าที่นำมาจาก MINI ส่วนบั้นท้ายก็ดันไปเหมือนกับ Nissan Leaf เจเนอเรชั่นที่ผ่านมา สีของเจ้าแมวเหมียวรุ่น 500 Ultra มาพร้อมกับโทนสีแบบสองเฉด สีตัวถังและสีหลังคาตัดกัน รูปลักษณ์ภายนอกออกแนวรถคลาสสิก จากแนวคิด Retro Futuristic ไฟหน้า LED เต็มรูปแบบในรูปทรงตาแมวหรือ Cat Eye กรอบไฟหน้ามีไฟหรี่ Daytime Running Light และไฟส่องสว่างหลังดับเครื่องยนต์ Follow Me Home ไฟเลี้ยวในรุ่น 500 เปลี่ยนการเรืองแสงของไฟหรี่สีขาวมาเป็นสีเหลืองกะพริบ ที่มีความเข้มและชัดเจน ใครที่ชอบหลงลืมเปิดไฟเลี้ยวคาเอาไว้เพราะไม่ได้ยินสัญญาณเสียงดัง ติ้กๆ ของไฟเลี้ยว ใน ORA Good Cat คุณจะได้ยินเสียงนั้นอย่างชัด เพราะมันโคตรดัง! ต่อให้ฟังเพลงร็อก เสียง ติ้กๆ ของเจ้าแมวเมื่อยกไฟเลี้ยวก็จะดังลอดโสตประสาทเข้ามาให้ได้ยินอย่างชัดเจน ส่วนไฟท้าย LED Tail light Strip ไฟหลังมาในดีไซน์พาดยาวซ้ายจรดขวา พร้อมไฟเบรกดวงที่สามและไฟตัดหมอกหลังแบบ LED ติดตั้งอยู่ด้านในของกระจกบานฝาท้าย กระจังหน้าแบบ Active Air Intake ล้ออัลลอยหน้าตาบ้านๆ ขอบ 18 นิ้ว สำหรับรุ่น PRO และ ULTRA ส่วนรุ่น TECH ใช้ล้อขอบ 17 นิ้ว ล้อขอบ 18 นิ้วของรุ่น 500 Ultra ดูคิขุน่ารักมากกว่าจะออกมาในแนวสวยงามดุดัน






มิติตัวถังของ ORA Good Cat ด้วยแนวคิดของนักออกแบบกับผู้บริหารชาวจีน ที่ต้องการจะสร้างความโปร่งโล่งให้กับห้องโดยสาร หลังคาของรถไฟฟ้ารุ่นนี้ จึงถูกออกแบบให้มีความสูงมากกว่าปกติ ขนาดความกว้างตัวถัง 1,825 มิลลิเมตร ยาว 4,235 มิลลิเมตร และสูงถึง 1,596 มิลลิเมตร ความยาวฐานล้อวัดจากดุมล้อหน้าถึงดุมหลัง 2,650 มิลลิเมตร มองจากด้านข้าง ทรงของเจ้าแมวไฟฟ้าจะออกมาในแบบอวบๆ GWM แจ้งในเอกสารข้อมูลว่า ฐานล้อของมัน ถูกปรับให้มีความยาวที่สุดในรถระดับเดียวกัน ระบบรองรับที่หลายคนขับแล้วบ่นว่าแข็งแต่ผมรับได้ ถ้าเซตมานิ่ม เดี๋ยวก็จะโดนว่ามีอาการย้วยอีก ความรู้สึกจากการที่ได้นั่งและขับ กันสะเทือนของ ORA Good Cat ปรับจูนด้วยค่าที่เกือบจะเหมือนรถเล็กของญี่ปุ่น คานแข็งที่ด้านหลังมีการเผื่อน้ำหนักของสัมภาระเอาไว้ เมื่อไม่มีอะไรที่เอาไปใส่ไว้ในห้องเก็บสัมภาระ การวิ่งตัวเปล่าให้ความรู้สึกแข็งๆ ที่ด้านหลังอยู่เหมือนกัน กันสะเทือนหน้าแบบอิสระแมคเฟอร์สันสตรัท สปริง โช้คอัพและกันโคลง ด้านหลังเป็นแบบคานแข็งทอร์ชันบีม พร้อมเหล็กกันโคลง ขับไม่เร็วมากก็ถือว่าเป็นรถที่ควบคุมได้ง่ายคันหนึ่งในย่านความเร็วเดินทาง












ภายในของ ORA Good Cat รุ่น 500 Ultra ยอมรับว่าทำออกมาได้อย่างโดดเด่น จุดที่ทำได้ดีก็คือ วัสดุพวกหนังสังเคราะห์ที่ใช้ห่อหุ้มชิ้นงานต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแดชบอร์ด คอนโซล เบาะ แผงประตู ผ้าบุหลังคา พรมปูพื้น และพลาสติกภายใน เป็นของที่มีคุณภาพ ถูกนำมาจัดวางผ่านงานดีไซน์จากนักตกแต่งภายในของ GWM ด้วยความต้องการที่จะสร้างความแตกต่างด้านความหรูหราให้มากกว่ารถญี่ปุ่น การทำตัวคล้ายกับภายในของ MG HS ที่ทำให้ลูกค้าหลายคนติดใจ ด้วยการออกแบบที่ทันสมัย งานประกอบภายในประณีตใช้ได้ โดยเฉพาะรอยต่อต่างๆ งานตัดเย็บ และโทนสีที่เลือกเฉดมาให้ตัดกันอย่างจงใจ โทนสีภายในของ ORA Goodcat รุ่น 500 Ultra มีให้เลือกสองโทนและขึ้นอยู่กับสีของตัวถังภายนอก ถ้าเลือกแมวเขียวหลังคาขาว คุณจะได้ภายในสีเขียวสลับเทา พร้อมงานออกแบบและตัดเย็บแนว Luxury ส่วนคนที่ชอบเจ้าเหมียวสีครีมหลังคาโทนสีเข้ม จะได้ภายในสีเบจผสมกับเฉดสีน้ำตาล เย็บเดินตะเข็บด้วยด้ายสีขาว เฉดสีกับวัสดุที่ดูดี โดยเฉพาะเกรดของพลาสติกนั้นดีกว่ารถญี่ปุ่นบางยี่ห้อ อาจยากต่อการดูแลรักษาให้ใหม่อยู่เสมอแต่สวยงามโดนใจ บ่งบอกถึงความตั้งใจในการผลิต เพื่อทำให้ภายในของเจ้าแมวมีความน่าใช้งาน ร่วมสมัย และสร้างแรงจูงใจของคนที่กำลังเล็งรถไฟฟ้าให้หลงรักแมวแสนดีตัวนี้อย่างโงหัวไม่ขึ้น! จุดที่ชอบก็คือ หนังสังเคราะห์ที่ใช้หุ้มแดชบอร์ดและคอนโซลซึ่งให้ผิวสัมผัสคล้ายๆ กับผ้าไมโครไฟเบอร์หรือหนังกลับ Alcantara เบาะคนขับปรับไฟฟ้า แต่ไม่มีฟังก์ชันยกเบาะส่วนหน้าเพื่อรองต้นขา ส่วนเบาะคนนั่งหน้าในรุ่นสูงสุดยังใช้การปรับมือเพื่อลดต้นทุน









ORA Good Cat มาพร้อมกับระบบช่วยเหลือการขับ ระบบความบันเทิงในรถยนต์ ระบบความปลอดภัย เกียร์ไฟฟ้าแบบปุ่มหมุนใช้งานง่าย มีตำแหน่งให้เลือก เช่น P/N/D แค่หมุนปุ่มไปที่สัญลักษณ์ตามต้องการเพื่อเดินหน้า ถอยหลัง หรือจอด มาพร้อมเบรกมือไฟฟ้าและระบบ Auto Brake Hold สำหรับระบบช่วยเหลือการขับ และระบบความปลอดภัย ADAS ถ้าคุณเปิดใช้งาน มันมักจะทำตัวน่ารำคาญด้วยการแทรกแซงต่างๆ เช่น เสียงเตือน สัญญาณไฟที่กับสัญลักษณ์บนมาตรวัด TFT ถ้าคุณขับเข้าไปใกล้กับท้ายรถคันข้างหน้ามากจนเกินไปจนระบบคำนวณแล้วว่าอาจก่อให้เกิดอันตรายจากการชนท้าย รวมถึงการดึงพวงมาลัยกลับเข้าช่องทางเบาๆ เมื่อคุณวิ่งไปทับเส้นแล้วไม่ได้เปิดไฟเลี้ยว พวงมาลัยแบบพ่วงกับระบบรักษาช่องทางใน H6 Hybrid นั้นดึงกลับเข้าเลนหนักกว่า ส่วนเจ้าแมวจะใช้การดึงกลับที่เนียนมากกว่า แต่อย่างไรก็ตาม คุณควรรักษาช่องทางจราจรโดยไม่พึ่งพาระบบช่วยเหลือมากจนเกินไป การวิ่งทับเส้นแบ่งจราจร จะทำให้ระบบส่งเสียงเตือน หรือจัดการกับพวงมาลัยทันที ระบบความปลอดภัย ADAS อาจจะเป็นระบบที่คอยประคับประคองพวกมือใหม่หัดขับให้สามารถอยู่รอดปลอดภัยบนถนน แต่คนที่เกิดในยุคที่รถยนต์ไม่มีระบบอะไรมากนัก การขับโดยพึ่งพาสมาธิของตนเองมากกว่าระบบ ดูจะเหมาะสมมากกว่าการเฝ้าระวังของสมองกลไฟฟ้าจนกลายเป็นทารกที่เพิ่งจะขับรถเป็น!










หน้าจอ Interactive Double Screen มองแล้วคล้ายกับจอภาพของ BMW Operating System 8 อาจไม่ได้มีความสามารถในด้านของฟังก์ชันใช้งานเท่ากับแบรนด์ตราใบพัด แต่หน้าจอพาดยาวบริเวณคอนโซลของตัวรถ ถูกปรับให้มีขนาดความยาวถึง 17.25 นิ้ว มีความละเอียดคมชัดใช้ได้ จอแสดงผลกลาง เชื่อมต่อกับจอภาพมาตรวัด TFT LCD แบ่งออกเป็นสองส่วนแต่เชื่อมติดกัน หน้าจอแสดงผลการขับขี่แบบดิจิทัล (Full TFT) ขนาด 7 นิ้ว บวกกับหน้าจอระบบมัลติมีเดียพร้อมระบบสัมผัสขนาด 10.25 นิ้ว ฟังก์ชันการใช้งานครบ โดยเฉพาะกล้องมองรอบคันกับกล้องมองหลังในแมวรุ่นท็อปนั้น มีความคมชัดราวกับ BMW ราคา 3 ล้าน! ตรงนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า เทคนิคในการผลิตกล้องติดรถของจีนนั้นไปไกลมากแล้วละครับ







หน่วยกักเก็บกระแสไฟฟ้าเพื่อป้อนให้กับมอเตอร์และระบบต่างๆ ที่ต้องใช้ไฟฟ้าในการหล่อเลี้ยงการทำงาน แบตเตอรี่ของเจ้าเหมียว ORA Good Cat ติดตั้งอุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัยทางไฟฟ้าของรถยนต์ ระบบระบายความร้อนด้วยของเหลว ระบบตรวจจับ 360 องศา ป้องกันการชนกันของแบตเตอรี่ และระบบเตือนแบตเตอรี่ แบตเตอรี่ของเจ้าแมวมีสองระดับความจุ เป็นแบบลิเทียมไอออนฟอสเฟต (LFP) เริ่มจาก
ความจุ 47.788 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 400 กิโลเมตร ในรุ่น 400 TECH และ 400 PRO
ส่วนรุ่น 500 Ultra เมื่อชาร์จไฟจนเต็มจะวิ่งได้เฉียดๆ 500 กิโลเมตรเลยทีเดียว
แบตเตอรี่ชนิดลิเทียมไอออนฟอสเฟต (LFP) ความจุ 47.788 kWh ระยะทาง 400 กิโลเมตร ในรุ่น 400 TECH, 400 PRO ชาร์จไฟบ้านแบบ AC ประมาณ 8 ชั่วโมง ชาร์จเร็วกระแสตรง DC 0-80% ใน 45 นาที และ 30-80% ใน 32 นาที
แบตเตอรี่ชนิดลิเทียม Ternary (NMC) ความจุ 63.139 kWh ระยะทางวิ่งสูงสุด 500 กิโลเมตร ใน ORA Good Cat รุ่น 500 ULTRA ชาร์จด้วยไฟบ้าน AC นาน 10 ชั่วโมง ชาร์จเร็วกระแสตรง DC 0-80% ใน 1 ชั่วโมง และ 30-80% ใน 40 นาที
แบตเตอรี่มีความสามารถในการป้องกันมาตรฐาน IPX9K และ IP67
ออกแบบให้ป้องกันน้ำ การกัดกร่อน การชน ไฟไหม้ และการกระแทกได้
โดยเมื่อเกิดการกระแทก ระบบไฟฟ้าจะตัดการทำงานภายใน 0.1 วินาที
เพื่อความปลอดภัยของผู้ขับและผู้โดยสาร เซลล์แบตเตอรี่ถูกห่อหุ้มด้วยกล่องที่มีความแข็งแรงในระดับ 3 มิติ มีการควบคุมอุณหภูมิและระบบระบายความร้อนขณะทำงานไม่ว่าจะเป็นการป้อนกระแสไฟ หรือการชาร์จเร็วที่ทำให้แบตฯ มีอุณหภูมิสูงขึ้น









มอเตอร์ไฟฟ้าแบบ Permanent Magnet Synchronous Motor มอเตอร์มีกำลังสูงสุด 105 kW หรือ 143 แรงม้า แรงบิดสูงสุด 210 นิวตันเมตร สมน้ำสมเนื้อกับการทำตัวเป็นยานยนต์พลังงานสะอาดของครอบครัวขนาดเล็ก แมวไฟฟ้าคันนี้ ทำความเร็วสูงสุดได้ประมาณ 152-160 กิโลเมตร/ชั่วโมง แต่ถ้าวิ่งเร็วจี๋ในโหมด Sport ไฟในแบตฯ ก็ไม่ได้หล่นวูบวาบแต่อย่างใด ในวันทดสอบ ลองขับเร็วต่อเนื่อง พลังงานไฟฟ้าในแบตฯ จะลดลงแบบค่อยเป็นค่อยไป ไม่ได้หล่นวูบเหมือน MINI Cooper SE หรือ BMW i3S แต่เจ้าเหมียวก็ไม่ได้มีฝีเท้าที่เร็วไปกว่ารถไฟฟ้ายุโรปทั้งสองรุ่น การจูนระบบใช้พลังงานไฟฟ้าที่สมดุล ทำให้แมวดีรุ่นท็อป เป็นรถไฟฟ้าที่พอวิ่งเร็วแล้ว ไม่ค่อยจะกินกระแสไฟ นั่นก็นับเป็นเรื่องที่ดีเลยทีเดียว อัตราเร่ง 0-100 กม./ ชม. ใน 9.3 วินาที กระฉับกระเฉงใช้ได้ ไม่ได้เร็วจนน่ากลัว และไม่ได้อืดจนน่ารำคาญและอาจทำให้แซงยาก อัตราเร่งอยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน จูนมาเพื่อควบคุมได้ง่าย ไม่ล้นจนอาจเบรกไม่ทันไปล่อท้ายรถชาวบ้านเพราะออกตัวดีดเกินไปนั่นเอง



ระบบขับขี่ทั้งหมด 5 แบบ ได้แก่ 1) มาตรฐาน 2) Sport 3) ECO 4) ECO+ และ Auto อัตโนมัติ ปรับได้เองตามปริมาณแบตเตอรี่ที่เหลือ ผมใช้โหมด Sport ขับทดสอบด้วยความเร็วสูงตลอดเส้นทาง เพื่อจับอาการเมื่อขับเร็ว รวมถึงสังเกตการรับประทานไฟของเจ้าเหมียว ที่ความเร็ว 140-150 กิโลเมตรต่อชั่วโมง พลังไฟในแบตเตอรี่ลดลงทีละน้อยแบบค่อยเป็นค่อยไป ระยะทางไปกลับจากกรุงเทพฯ-ฉะเชิงเทรา ประมาณ 200 กิโลเมตร เมื่อขับกลับมาถึงจุดสตาร์ตที่เมืองทองธานี เจ้าแมวยังมีไฟเหลือให้วิ่งอีก 240 กิโลเมตร จุดนี้ ถือว่าทำออกมาได้ดี ถ้าขับแบบเรื่อยๆ มันจะวิ่งได้ระยะทางเกือบเท่ากับที่เคลมมาก็คือเฉียดๆ 500 กิโลเมตรเลยทีเดียว สำหรับซอฟต์แวร์ด้านความสามารถการกู้คืนพลังงาน (Energy Recovery) ปรับตั้งได้สามระดับ ได้แก่ น้อย, มาตรฐาน และมาก เพื่อประหยัดพลังงาน เมื่อยกคันเร่งหรือเบรก ระบบสะสมพลังงานไฟฟ้าจะทำหน้าที่เปลี่ยนแปลงพลังงานจลน์ให้กลายเป็นพลังงานไฟฟ้าเพื่อส่งไปเก็บในแบตเตอรี่ เป็นการใช้และคืนพลังงานไฟที่มีประสิทธิภาพใช้ได้ สำหรับฟังก์ชันระบบตรวจสอบพฤติกรรมการขับขี่ เพื่อให้คะแนนพร้อมให้คำแนะนำในการขับขี่ ไม่ได้ลองใช้งาน










รุ่น 400 TECH และ 400 PRO มีระยะทำการเกือบ 400 กิโลเมตร (300 ปลายๆ ถ้าใช้ความเร็วไม่สูงมาก) ส่วนรุ่นท็อป 500 Ultra ชาร์จไฟเต็มมีระยะทางถึง 490 กิโลเมตร วิ่งจากกรุงเทพฯ ไปหัวหินหรือปราณบุรีได้อย่างสบายๆ เลือกรุ่นที่ไม่เป็นพิษเป็นภัยต่อกระเป๋าเงินของคุณแต่ขยันเช็ดกระจกบานฝาท้ายเมื่อฝนตก จะช่วยเพิ่มมุมมองด้านหลังให้ปลอดภัยเมื่อขับกลางฝน ไม่รู้ว่า GWM พลาดในจุดนี้ได้ยังไงทั้งๆ ที่ทำรถมาดีขนาดนี้!
ระบบความปลอดภัย
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติแบบแปรผัน (ACC)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติ (ICA)
ระบบควบคุมความเร็วอัตโนมัติที่ความเร็วต่ำ (TJA)
ระบบเบรกฉุกเฉินอัตโนมัติบนทางตรงและทางแยก (AEBI)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลน (LKA)
ระบบช่วยเตือนเมื่อรถออกนอกเลน (LDW)
ระบบช่วยรักษาระยะให้อยู่กลางเลน (LCK)
ระบบช่วยควบคุมรถให้อยู่ในเลนในภาวะฉุกเฉิน (ELK)
ระบบช่วยเลี่ยงการเข้าใกล้รถใหญ่จากด้านข้าง (WDS)
การเข้าโค้ง (Intelligent Turn)
ระบบช่วยออกตัวบนทางชัน (HSA)
ระบบตรวจความดันลมยาง (TPMS)
กล้องแสดงภาพรอบทิศทาง 360 องศา
ระบบช่วยจอดรถอัตโนมัติ 3 รูปแบบ (IAP)
ระบบช่วยเตือนเมื่อมีรถในจุดอับสายตาขณะถอยหลัง (RCTA)
ระบบช่วยเตือนความเมื่อยล้าขณะขับขี่ (DFM)
อาคม รวมสุวรรณ
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook https://www.facebook.com/chang.arcom
https://www.facebook.com/ARCOM-CHANG-Thairath-Online-525369247505358/