สตาร์ตไม่ติด สตาร์ตติดยาก ไดสตาร์ตหมุนแบบคนป่วยเป็นโควิด-19 บีบแตรแล้วเสียงไม่ค่อยจะดัง ไฟหน้าไม่แรง แถมยังหรี่ราวกับกำลังใกล้จะขาดใจ ปัดน้ำฝนทำงานช้า ไดสตาร์ตใกล้ลากลับโรงงานรีไซเคิล ไฟรูปสัญลักษณ์แบตเตอรี่โชว์บนแผงมาตรวัด สิ่งต่างๆ เหล่านี้กำลังบ่งบอกว่าระบบไฟในรถคุณกำลังอยู่ในสภาพที่ย่ำแย่และอาจนำพาคุณไปไม่ถึงยังจุดหมายที่ต้องการ

แบตเตอรี่ในรถยนต์ เป็นอุปกรณ์ที่มีความสำคัญในอันดับต้นๆ ของการขับใช้งานรถยนต์ แบตเตอรี่ถูกออกแบบมาเพื่อทำหน้าที่ป้อนกระแสไฟฟ้าให้กับอุปกรณ์ต่างๆ เช่น เครื่องยนต์ ระบบไฟส่องสว่างและระบบต่างๆ ที่ต้องการกระแสไฟฟ้าไปเลี้ยงเพื่อให้ทำงานได้ เช่น มอเตอร์สตาร์ต ระบบจุดระเบิด ในขณะที่ทำการสตาร์ตเครื่องยนต์ หากไฟในแบตฯ ไม่พอ จะไม่สามารถสตาร์ตเครื่องยนต์ให้ติดได้เลย

นอกจากนี้ แบตเตอรี่ยังทำหน้าที่ป้อนพลังงานให้กับอุปกรณ์อำนวยความสะดวกหลายๆ อย่าง เช่น ระบบปรับอากาศ ที่มีการใช้กระแสไฟฟ้าป้อนให้กับมอเตอร์ของพัดลมระบายความร้อน และพัดลมแอร์ในห้องโดยสาร ไฟส่องสว่างทั้งไฟหน้า ไฟเลี้ยว ไฟท้าย ไฟเบรก รวมถึงไฟภายในห้องโดยสาร หน้าที่ของแบตเตอรี่คือเก็บไฟฟ้าสำรองที่ได้รับจากการหมุนของไดชาร์จ เมื่อไดชาร์จซึ่งเป็นอุปกรณ์ผลิตกระแสไฟฟ้า ไม่สามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ทัน เช่น การขับขี่ในตอนกลางคืนที่ต้องใช้ไฟมากกว่าปกติ ไฟส่องสว่างรวมถึงอุปกรณ์ต่างๆ จะดึงกระแสไฟฟ้าจากแบตเตอรี่มาใช้

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

...

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

1. แบตเตอรี่อยู่ในสภาพที่ไม่สามารถเก็บไฟได้อีกต่อไป หรือหมดอายุการใช้งาน

2. ไดชาร์จทำงานผิดปกติ เสียหรือทำงานบกพร่อง ทำให้ประจุไฟเข้าไปยังแบตเตอรี่ได้น้อยมาก ไม่เพียงพอต่อการใช้งาน หรือไดชาร์จพังจนไม่สามารถประจุไฟเข้าแบตฯ ได้เลย

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ
แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

โดยทั้ง 2 แบบนี้ จะมีฝาปิด-เปิดสำหรับเติมน้ำกลั่น ในแบบแรกนี้จะมีอายุการใช้งานโดยประมาณ 1.5-2 ปี แต่ไม่ควรเกิน 3 ปี ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับสภาพการใช้งาน และการดูแลรักษา ถ้ามีการดูแลรักษาอยู่สม่ำเสมอ ก็จะทำให้แบตฯ มีอายุการใช้งานที่ยาวนานขึ้น อย่างไรก็ดีเมื่อแบตฯ เกิดหมดอายุการใช้งาน ก็สมควรที่จะต้องควักเงินเปลี่ยนแบตเตอรี่ลูกใหม่ได้เลย สำหรับแบตเตอรี่แบบเปียกนั้นมีอายุการใช้งานไม่เกิน 3 ปี

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

...

รถยนต์ทั่วไปในปัจจุบัน มีการคำนวณขนาดของแบตเตอรี่ ที่มีความเหมาะสมกับความต้องการมาจากโรงานแล้ว การเปลี่ยนแบตฯ ที่มีแอมป์สูงมากกว่าเดิม ทำให้คุณเสียเงินโดยใช่เหตุ บริษัทผู้ผลิตรถยนต์ มีการพัฒนาและทดสอบอย่างต่อเนื่อง ก่อนที่จะปล่อยรถรุ่นใหม่ออกวางขาย โดยขั้นตอนของการทดสอบนั้น จะมีการเลือกขนาดของแบตเตอรี่ที่จะใช้ติดตั้งในรถ โดยเลือกขนาดของแบตฯ และความจุให้เหมาะสมกับความต้องการใช้กระแสไฟฟ้าของรถรุ่นนั้นๆ อยู่แล้ว แต่หากมีการติดตั้งอุปกรณ์เพิ่มเติม เช่นเครื่องเสียงพลังสูงที่กินกระแสไฟมากกว่าปกติ ส่วนใหญ่เจ้าของรถเหล่านั้นรู้ดีว่าแบตเตอรี่เดิมๆ นั้นไม่เพียงพอต่อการใช้งานอย่างแน่นอน จึงทำการเปลี่ยนแบตเตอรี่ที่มีขนาดของแอมป์สูงขึ้น

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

...

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

2. ไฟหน้าไม่ค่อยสว่าง

3. ระบบกระจกไฟฟ้าทำงานช้าลง

4. ระบบไฟฟ้าในรถทำงานผิดปกติ

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

...

1. สังเกตว่าแบตเตอรี่ใหม่ ซึ่งจะใช้ติดรถอยู่ในสภาพไฟเต็ม

2. ควรบันทึกวันที่เริ่มใช้แบตเตอรี่ใหม่ไว้เพื่อการตรวจสอบสภาพ เป็นช่วงๆ ร้านแบตเตอรี่หรือร้านไดนาโมบางร้าน ส่วนใหญ่เมื่อเปลี่ยนแบตฯ ลูกใหม่ให้กับลูกค้าใช้วิธีการตอกตัวเลขวันเดือนปีที่เริ่มใช้แบตฯ ลงไปบนตัวแบตเตอรี่เลยทีเดียว

3. ยึดแบตเตอรี่และแท่นวางแบตเตอรี่ให้แน่น ไม่เคลื่อนไหว

4. ถ้าแบตเตอรี่มีท่อยาวระบายอากาศ อย่าให้ท่อระบายอากาศถูกกดทับเพราะอาจทำให้แบตเตอรี่ระเบิดได้

5. ใส่ขั้วไฟก่อน (อาจเป็นขั้วบวกหรือขั้วลบก็แล้วแต่ชนิดของรถ) ก่อนใส่ควรขยายขั้วสวมให้โตกว่าขั้วแบตเตอรี่เล็กน้อย ห้ามตอกขั้วต่ออัดลงไปเพราะจะทำให้ขั้วแบตเตอรี่ทรุดตัว แบตเตอรี่อาจเสียหายได้

6. เมื่อต่อขั้วเรียบร้อย ทาหัวขั้วแบตฯ ทั้งบวกและลบด้วยจาระบีเพื่อป้องกันคราบขี้เกลือ

7. ต่อขั้วดินเป็นอันดับสุดท้าย

แบตเตอรี่ พี่เคยดูบ้างหรือเปล่า? วิธีตรวจเช็กแบตฯ แบบง่ายๆ

1. ตรวจสอบสภาพของแบตเตอรี่เสมอ อย่าให้มีรอยแตกร้าว เพราะจะทำให้แบตเตอรี่ไม่เก็บประจุไฟฟ้า

2. ดูแลขั้วแบตเตอรี่ให้สะอาดเสมอ ถ้ามีคราบเกลือเกิดขึ้น ให้ทำความสะอาดโดยใช้น้ำร้อนราดลงไปบนคราบขี้เกลือ

3. ตรวจสภาพของระดับน้ำกลั่นแบตเตอรี่ทุกๆ 1 สัปดาห์

4. ตรวจเช็กระบบไฟชาร์จของอัลเตอร์เนเตอร์ ว่าระบบไฟชาร์จต่ำหรือสูงไป ถ้าต่ำไป จะมีผลทำให้กำลังไฟไม่พอใช้ในขณะสตาร์ตเครื่องยนต์ หรือถ้าสูงไปจะทำให้น้ำกรดและน้ำกลั่นอยู่ภายในระเหยเร็วหรือเดือดเร็วได้ ในช่วงเวลาเดียวกัน

5. ช่วงที่มีอากาศหนาวหรืออุณหภูมิต่ำ ประสิทธิภาพการแพร่กระจาย ของน้ำกรด และน้ำกลั่นจะด้อยลง เพราะฉะนั้นควรหลีกเลี่ยงการใช้กระแสไฟมากๆ ขณะอากาศเย็น

6. ควรศึกษาถึงการใช้อุปกรณ์ไฟฟ้าต่างๆ ให้เหมาะสมกับแบตเตอรี่และไดชาร์จ เพื่อที่จะให้วงจรการไหลของไฟฟ้าเป็นไปด้วยดี

7. ควรเติมน้ำกลั่นให้ได้ตามระดับที่กำหนด ไม่ควรเติมต่ำหรือสูงเกินไป (เติมสูงไป เป็นสาเหตุหลักทำให้ขี้เกลือขึ้นเร็ว แบตฯ สกปรกเร็ว)


ข้อมูลบางส่วนจาก
http://www.civicesgroup.com

http://kautosmilesclub.askkbank.com

http://www.klangbattery.com/how_to.html