รถยนต์จากอเมริกันส่วนมากมักจะถูกต่อว่าในเรื่องของรูปทรงที่ดูเทอะทะ เครื่องยนต์ใหญ่โตมโหฬารซดน้ำมันเชื้อเพลิง และช่วงล่างที่อ่อนด้อยกว่ารถยนต์จากฝั่งยุโรป โดยเน้นไปที่การวิ่งทางตรงด้วยพละกำลังแค่เพียงอย่างเดียว เนื่องจากถนนหนทางส่วนใหญ่ในอเมริกามักมีแต่ทางตรงยาว แต่ยังคงมีรถรุ่นหนึ่งซึ่งสามารถล้มล้างคำสบประมาทและเสียงดูถูกจากนักวิจารณ์รถได้อย่างเหลือเชื่อเมื่อเอ่ยถึง รถยนต์รุ่นนั้นคือ Chevrolet Corvette Sport Car สายพันธุ์เก่าแก่ของชนชาวอเมริกันนั่นเอง...
Corvette C1
จากโมเดลแรกสุดของ Chevrolet Corvette Roadster ในปี 1953 นำมาสู่การครบรอบ 10 ปีของการก่อกำเนิดในสายพันธุ์รถสปอร์ตรุ่นนี้ในปี คศ 1963 บริษัทยักษ์ใหญ่อย่างเจเนอรัล มอเตอร์จึงมอบหมายงานออกแบบตัวรถ Corvette รุ่นใหม่ของปี 1963 ให้กับ Larry Shinoda ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของ Bill Mitchell หัวหน้าทีมออกแบบผลิตภัณฑ์ในค่ายจีเอม สร้างสรรค์ผลงานที่เป็นดั่งประติมากรรมของโลกแห่งยนต์กรรมอเมริกันและใช้ชื่อรถรุ่นนี้ว่า Corvette Sting Ray 1963
Corvette Sting Ray 1963
รูปทรงโดยภาพรวมของ Corvette Sting Ray 1963 ในแทบทุกส่วนมีความคล้ายคลึงกับรถสปอร์ตจากฝั่งยุโรปมากที่สุด โดยการออกแบบที่มุ่งเน้นไปที่ความงดงามอ่อนช้อยของตัวถังและสมรรถนะในการขับขี่ควบคุม รถ Corvette Sting Ray มีรูปโฉมที่ดึงดูดสายตาของเหล่าบรรดานักวิจารณ์รถยนต์ในยุค 60' ให้สงบปากสงบคำลงได้ จากเส้นสายที่ตัดกันอย่างลงตัวในรูปแบบ Coupe 2ประตู โครงสร้างส่วนใหญ่ทำจากไฟเบอร์ในยุคที่คาร์บอนคอมโพสิตยังคงเป็นแค่วัสดุในความฝันเท่านั้น เครื่องวางหน้าขับหลัง ไฟหน้าแบบป็อปอัพที่กลายเป็นกระแสให้รถรุ่นอื่นๆนำไปลอกแบบกันอย่างมโหฬาร ไฟหน้าในลักษณะนี้ยังคงได้รับความนิยมต่อเนื่องมาจนถึงปลายยุค 1980 เลยทีเดียว ในช่วงแรกของการผลิต Corvette Sting Ray 1963 มีทั้งรุ่น Coupe หลังคาแข็งและ Roadster หลังคาผ้าใบเปิดประทุน ส่วนสัญลักษณ์ของรถ Corvette Sting Ray ในรุ่น Coupe ที่กลายเป็นที่จดจำของนักเลงรถคือกระจกหลังทรงโค้งซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ช่องในรถรุ่นแรก รูปทรงของมันทำให้นึกถึงกระจกของเครื่องบินรบ แต่กลับทำให้มุมมองด้านหลังถูกบดบังด้วยแนวกึ่งกลางของหลังคา หลังจากนั้นจึงถูกนำออกไปและแทนที่ด้วยกระจกบานหลังแบบชิ้นเดียว อีกหนึ่งปีต่อมารุ่น Roarster เปิดประทุนจึงถูกผลิตตามออกมาด้วยรูปทรงที่ดูเพียวลมมากยิ่งขึ้นของตัวถังยามพับเก็บหลังคาผ้าใบ
...
Corvette Sting Ray Roadster 1964
Corvette Sting Ray มีการออกแบบที่ใช้เส้นด้านข้างลากยาวตามแนวยาวไปจนจรดท้ายรถ ซุ้มบังโคลนทั้งด้านหน้าและหลังถูกดึงออกจนกลายเป็นโป่งที่เข้ากับตัวรถได้อย่างสวยงามไร้ที่ติ กันชนชุบโครเมี่ยมเงาวาว ไฟท้ายทรงกลมสีเหลือง,แดงฝั่งละสองดวง แนวของขอบประตูมีความสูงไปจนถึงแนวของหลังคาจากงานออกแบบที่ยอดเยี่ยม ใกล้กับบังโคลนหน้ามีร่องระบายอากาศแบบเหงือกปลาฉลาม ทุกสิ่งทุกอย่างบนงานตัวถังของรถคันนี้มีความคลาสสิคและปราณีตสวยงามจนถึงทุกวันนี้ยังหารถสปอร์ตที่มีรูปลักษณใกล้เคียงกับมันได้ยากมาก
Cockpit
อุปกรณ์ภายในห้องโดยสารแทบทุกชิ้น เช่น หน้าปัดวัดรอบและความเร็วทรงกลม หุ้มกรอบด้วยโครมเมี่ยม พวงมาลัยพาวเวอร์ทรงฐานลึกสามก้านทำจากโลหะประเภทอลูมิเนียม ขอบวงเป็นไม้สีน้ำตาลเนื้อดี คอนโซลกลางแบบตรงพร้อมด้วยเครื่องปรับอากาศ วิทยุ AM/FM คันเกียร์ทรงสูงพร้อมหัวเกียร์โลหะกลึง รูปแบบของตัวเบาะไม่มีพนักพิง แผงประตูรวมถึงวัสดุต่างๆที่ใช้ตกแต่งงดงามและเข้าใกล้ความเป็นรถสปอร์ตจากยุโรปจนแทบจะแยกกันไม่ออกจากแผงของแดชบอร์ดแบบ Dual Cockpit ความลงตัวต่างๆของ Sting Ray Cockpit ต้องยกให้กับงานดีไซน์ของ Larry Shinoda เจ้าของไอเดียความคิดที่ไร้ข้อกังขาในการออกแบบรถยนต์ Sport Car ให้กับพวกอเมริกัน โดยในยุค 60'นั้น คู่ต่อสู้ของเจ้า Sting Ray ได้แก่ BMW 507 Roadster , Mercedes Benz 300 SL Gull Wing , Porsche 550 Spyder และ Ferrari 250 GT ซึ่งล้วนแล้วแต่อยู่ในระดับอสูรร้ายของยุค 60' แทบทั้งสิ้น 
327 cu in Engine
427 cu in Engine
การส่งถ่ายพลังแรงม้าสู่พื้นถนนของรถอเมริกัน Sport Car มักจะใช้เครื่องยนต์ Big-Block กันแทบทุกค่าย จีเอมเองก็มีเครื่องยนต์ชั้นเยี่ยมแบบ V8 ซึ่งใช้ประจำการอยู่ในรถยนต์หลายรุ่นของค่าย เครื่องยนต์ของ Corvette Sting Ray 1963 เป็นเครื่องบล็อก 327cu V8 ฉีดเชื้อเพลิงด้วยคาร์บูเรเตอร์ที่ถูกปรับจูนกำลังให้มีถึง 365 แรงม้า ตามด้วยเครื่อง V8 427 แรงม้าในรถ Sting Ray ปี 1966 และเครื่องตัวสุดท้ายรุ่นพิเศษก่อนเปลี่ยนโฉมคือเครื่อง L88 ใช้หัวลูกสูบทำจากอลูมินัมอัลลอย 427 cu in ปรับขนาดของแคมชาร์ฟให้ใหญ่ขึ้น คาร์บูเรเตอร์ 4 ลิ้น มีแรงม้าถึง 520 ตัวแต่ผลิตแค่ 20 คันเท่านั้น พร้อมด้วยระบบส่งกำลังด้วยเกียร์ธรรมดา 4 สปีด จานดิสเบรคสี่ล้อ ช่วงล่างด้านหลังแบบอิสระซึ่งต่อมากลายเป็นต้นแบบของมัลติล้ิงค์ เครื่องยนต์วางตามยาว ขับเคลื่อนล้อหลัง ด้วยค่าการกระจายน้ำหนัก 48/52 ที่รถยนต์น้อยคันในยุคนั้นจะทำได้แบบมัน ส่งผลต่อการตอบสนองในการขับขี่และทำให้มีความสมดุลย์ของแรงยึดเกาะกับน้ำหนักที่ตกลงค่อนข้างจะเป็นกลางมาก
Corvette Sting Ray Coupe
คำว่า Corvette หมายถึงเรือรบป้องกันชายฝั่งและลาดตะเวณทางทะเลขนาดเล็กที่มีความคล่องตัวสูง เปรียบเหมือนกับรถ Corvette Sting Ray สปอร์ตสมรรถนะสูงในยุค 60' ที่ในขณะนี้ได้กลายมาเป็น American Classics Sport Car ด้วยความสวยงามของตัวถังที่มีดีไซน์โดดเด่นไม่เหมือนใคร พลังของเครื่องยนต์ที่รุนแรงดุดันจนอยู่ในระดับแนวหน้าของรถสปอร์ตช่วงปี 1963-1967 และการข้ามผ่านห้วงของเวลามานานกว่า 47 ปี
Chevrolet Corvette Sting Ray 327/1963 Specifications
...
แบบ.............................................คูเป้สองประตู
เครื่องยนต์...................................V8 5.4 ลิตร OHV 2 วาว์ลต่อสูบ 16 วาว์ล
ลักษณะการวางเครื่องยนต์..........เครื่องยนต์วางด้านหน้า ตามยาว ขับเคลื่อนล้อหลัง
ปริมาตรความจุ............................5354 c.c. (326.721 cu in)
กระบอกสูบxช่วงชัก.....................101.60x82.55 มิลลิเมตร
อัตราส่วนกำลังอัด.......................11:25:1
แรงม้าสูงสุด................................365 แรงม้าที่ 6000 รอบ/นาที
แรงบิดสูงสุด................................477.0 นิวตันเมตรที่ 4000 รอบ/นาที
อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก..........261.44 แรงม้า/ตัน
ระบบระบายความร้อน.................น้ำ
อัตราเร่ง......................................0-100 กิโลเมตรใน 6.50 วินาที
ความเร็วสูงสุด............................237 กิโลเมตร/ชั่วโมง
ระบบกันสะเทือน
ด้านหน้า......................................Wishbone Coll Springs Anti-Roll Bar
ด้านหลัง......................................Trailing arm Transverse leaf spring
ระบบส่งกำลัง..............................เกียร์ธรรมดา 4 จังหวะ
มิติตัวถัง
ความกว้าง...................................1770 มิลลิเมตร
ความยาว.....................................4453 มิลลิเมตร
ความสูง.......................................1275 มิลลิเมตร
น้ำหนัก.........................................1377 กิโลกรัม
Arcom Roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
...
Photo By
www.vetteweb.com
www.supercars.dk
www.Auto.cz.com
www.vintagraph.com
www.renestaud.com