ในเมื่อ FERRARI มีรถสปอร์ตรุ่นพิเศษอย่าง Enzo และ Lamborghini ก็มีรถรูปทรงประหลาดอย่าง Leverton หรือแม้แต่ Bugatti ยังสามารถผลิตรถยนต์ที่ขึ้นทำเนียบสถิติโลกหลายรายการอย่าง Veyron ซึ่งรถทั้งสามคันนี้ถือได้ว่าเป็นรถยนต์ที่ผลิตขึ้นเนื่องในโอกาสพิเศษและทำ ออกมาในจำนวนเพียงน้อยนิดเพื่อคงคุณค่าของตัวรถและแสดงให้เห็นถึงเทคโนโลยี ที่ก้าวหน้าในเรื่องของรูปทรง พละกำลังและประวัติศาสตร์รวมถึงเกียรติภูมิของบริษัทที่สั่งสมมา เวลาแห่งความเหมาะสมในการสร้างรถยนต์ที่เป็น "ที่สุด" ก็ได้เดินทางมาถึงค่ายรถยนต์เก่าแก่ของอังกฤษนาม Aston Martin รถยนต์ที่เป็นสัญลักษณ์ของชายชาตรีและพาหนะคันหรูของสายลับเจมส์ บอนด์ 007


ONE 77

เอกลักษณ์ แห่งความเป็นผู้ดีอังกฤษของรถ Aston Martin ที่นับวันจะถูกเบียดบังโดยรัศมีของรถซุปเปอร์คาร์จากฝั่งอิตาเลี่ยน บรรดาบอดท์บริหารของ Aston Martin จึงได้เริ่มต้นโครงการผลิตรถยนต์รุ่นพิเศษขึ้นอย่างลับๆมากว่าสองปีแล้ว สุดยอดโปรเจคดังกล่าวนี้ก็คือการออกแบบและสร้างรถ Aston Martin รุ่น ONE 77 ซึ่งได้รับแรงบันดาลใจมาจากการประสบความสำเร็จในการแข่งขันรถยนต์รุ่น GT และประวัติศาสตร์ของ Aston Martin ที่มีสายเลือดของรถแข่งหล่อหลอมรวมกันภายใต้เปลือกนอกเป็นเวลายาวนานถึงกว่า 60 ปี

โครงสร้างของ ONE 77

FRAME CARBON

ONE 77ประกอบไปด้วยอลูมิเนียม คาร์บอนไฟเบอร์ชนิดพิเศษและโลหะคุณภาพสูงที่แข็งแกร่ง ซับเฟรมของมันทำจากคาร์บอนชนิดเดียวกันกับรถแข่ง Formula One เพียงแค่การขึ้นรูปของแชสซีส์และตัวถังก็ถือได้ว่าเป็นผลงานขั้นสูงสุดทาง ด้านวิศวกรรมโครงสร้าง คาร์บอนไฟเบอร์ชนิดพิเศษนี้ถูกนำไปใช้งานในรถยนต์, บริษัทผลิตเครื่องบินและบริษัทผลิตเรือยอช์ตสมรรถนะสูง วัสดุชนิดนี้ประกอบไปด้วยเส้นใยคาร์บอนไฟเบอร์บางเฉียบ ถูกนำมาถักทอเข้าด้วยกันเป็นเส้นใยขนาดเล็ก ก่อนจะนำเส้นใยเหล่านี้มาถักอีกครั้งจนกลายเป็นผืนคล้ายกับกระบวนการทอผ้า เส้นใยไฟเบอร์สามารถถักทอขึ้นทั้งทางแนวยาว แนวขวาง และแนวทะแยงมุม เพื่อความเหนียวแน่นและคงทนในการใช้งาน หลังจากการทอเสร็จสิ้นมันก็จะถูกส่งมายังโรงงานของ Aston Martin ในรูปของม้วนผ้าขนาดยักษ์ จากนั้นจะมีการนำออกมาวัดและตัดออกเป็นชิ้นส่วนเพื่อส่งไปขึ้นรูปด้วยความ ร้อนและผ่านกรรมวิธีการอบด้วยห้องอบแรงดันสูงต่อไป วิศวกรโครงสร้างของรถ ONE 77 ใช้โครงสร้างของรถแข่งในทีม Aston และตัวถังแบบโมโนค็อกโดยวางตำแหน่งของเครื่องยนต์ไว้หลังแนวของเพลาขับหน้า เพื่อทำให้้น้ำหนักส่วนใหญ่อยู่ตรงกลางรถ และมีจุดศูนย์ถ่วงต่ำเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการยึดเกาะ

...


FRAME CARBON

เนื่องจาก Aston Martin ONE 77ใช้คาร์บอนไฟเบอร์ อลูมินัมอัลลอย และโลหะคุณภาพสูงในการสร้าง ขั้นตอนของการทำตัวถังจะต้องใช้เวลามากกว่า 40 อาทิตย์จึงแล้วเสร็จ ซึ่งสามารถสร้างรถต้นแบบหรือโปรโตไทพ์จำนวน 7 คันออกวิ่งทดสอบและเริ่มลงมือผลิตในเดือนนี้ (ธันวาคม 2009) รถทดสอบทั้งหมดจะถูกผลิตและนำมาทดสอบอย่างหนักในทุกรูปแบบของการขับขี่ โครงการสร้างและการทดสอบด้านสมรรถนะของรถ ONE 77จะสิ้นสุดลงในช่วงปลายปี 2010 ส่วนตัวรถคันจริงที่จะส่งมอบให้กับลูกค้าที่สั่งจองจะผลิตขึ้นเพียง 77 คันตามตัวเลขของรุ่น ซึ่งแต่ละคันจะใช้เวลาในการสร้างถึง 2 เดือนเนืื่องจากบางชิ้นส่วนจะถูกผลิตขึ้นด้วยมือโดยมีเครื่องจักรที่ใช้ใน การประกอบเพียงเล็กน้้อยเพื่อความแม่นยำและการคำนวนจากสมองกล ตัวครีบด้านหน้าจะสร้างจากแผ่นอลูมิเนียมแล้วนำมาเคาะขึ้นรูปด้วยมือ แต่ละชิ้นจะใช้เวลาถึง 3 อาทิตย์โดยการทำงานของช่างเพียงคนเดียว ชิ้นส่วนที่เป็นคาร์บอนจะใช้เวลาผลิตและขึ้นรูปรวมถึงขั้นตอนการอบอีก 3 อาทิตย์โดยใช้ช่าง 4 คน ในขณะที่ขั้นตอนการติดตั้งครีบเข้ากับชิ้นส่วนคาร์บอน จะมีความยุ่งยากและใช้เวลา เนื่องจากช่างเทคนิคที่ประกอบตัวถังไม่สามารถเชื่อมชิ้นส่วนคาร์บอนได้เลย นอกจากจะเจาะรูและยึดติดกันด้วยสกูลหลายตำแหน่งเท่านั้นถึงจะยึดวัสดุประเภท อลูมิเนียมให้ติดกับคาร์บอนไฟเบอร์ได้อย่างมั่นคง


FRAME CARBON

เฟรม แบบคาร์บอนของ Aston Martin ONE 77 เป็นนวัตกรรมขั้นสูงของโลกยนต์กรรม มันมีรูปทรงโค้งมนสวยงามและใช้เทคโนโลยีสูงในขั้นตอนการผลิตเพื่อทำให้ เส้นใยเหล่านี้ทำหน้าที่ประสานและสร้างความแข็งแกร่งให้กับตัวถัง ใต้ท้องรถ ONE 77 ใช้แผ่นโลหะหนาประมาณ 24 มิลลิเมตรปิดทับ ช่วงล่างด้านหลังติดตั้งอยู่กับเฟรมแบบอลูมิเนียม ใช้แคมเปอร์หรือโช็คอัพแบบแนวนอนของโอลีนถึง 4ตำแหน่งในระบบกันสะเทือนหลัง โดยมีแคมเปอร์ขนาดเล็ก 2 ตำแหน่งติดตั้งไว้เพื่อปรับเหล็กกันโคลงแบบไฮดรอลิคและมีไว้เพื่อปรับความ สูง-ต่ำของตัวรถรวมถึงค่าความแข็งของช่วงล่าง ส่วนช่วงล่างด้านหน้าวิศวกรของ Aston Martin กำลังทดสอบและคาดว่าอาจมีความเหมือนกับช่วงล่างหลังเพื่อความยืดหยุ่นในการ ใช้ชิ้นส่วน นอกจากนี้ยังปรับเปลี่ยนในส่วนของเฮตเดอร์ กันชนหน้าและหลัง ตำแหน่งการติดตั้งช่วงล่างรวมไปถึงถังน้ำมันใหม่หมด รูปทรงของตัว Inner Wing ที่ติดตั้งอยู่ในบริเวณบังโคลนคู่หน้ายาวจนไปถึงกึ่งกลางประตูที่จะทำให้ตัว รถ ONE 77 มีความแตกต่างไปจากรถ Aston Martin รุ่นปกติทั่วไปและทำให้มันกลายเป็นรถที่มีรูปทรงดุดันขึ้นทันที




ONE 77 ENGINE

หัวใจ ของรถ ONE 77 คือเครื่องยนต์วี 12 และใช้เทคโนโลยีเดียวกันกับเครื่องยนต์ของ Aston Martin รุ่นพื้นฐานด้วยการนำเอาเครื่องที่มีความจุ 5.9 ลิตร วี 12 จากรถรุ่น DB9 มาใช้ สำนักปรับแต่งเครื่องยนต์ Cosworth รับหน้าที่ปรับแต่งเครื่องยนต์นำเอาสายพานแบบโซ่มาใส่แทนสายพานยางเพื่อให้ รับแรงดึงได้ดียิ่งขึ้นในขณะที่มันหมุนด้วยรอบสูงสุด ลูกสูบโลหะผสมพิเศษเพื่อลดแรงเสียดทานให้น้อยกว่าเดิม ขยายความจุของเครื่องยนต์จาก 5.9 ลิตรขึ้นเป็น 7.3 ลิตรและทำการเปลี่ยนแปลงชิ้นส่วนบางชิ้นของเครื่องยนต์ที่เป็นเหล็กให้เป็น อลูมินัมอัลลอยทั้งหมด น้ำหนักของเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้เบาลงถึงกว่า 70 กิโลกรัมเนื่องจากนำเอาระบบหล่อลื่นแบบ Dry- Sump ออก ทำให้เครื่องยนต์ถูกวางในตำแหน่งที่ต่ำลงกว่าเดิมอีก 10 มิลลิเมตร ช่วยให้ตัวรถมีจุดศูนย์ถ่วงที่ต่ำลงและตามมาด้วยแรงยึดเกาะกับผิวถนน สำนักงานของ Cosworth ทำการลดขนาดของฟลายวีลลงอีกเพื่อเพิ่มสมรรถนะในการหมุนของเครื่องให้เร็ว ขึ้น ฝาครอบวาว์ลแบบอลูมิเนียมของเก่าถูกถอดออกไปและใช้ฝาครอบวาว์ลคาร์บอนแทนที่ รวมถึงท่อไอดีและระบบวาว์แปรผัน รูปทรงของเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ช่วยทำให้รับอากาศเข้าสู่ท่อไอดีได้ดีขึ้น เครื่องยนต์ที่ต่ำลงกว่าปกติทำให้อาจเกิดปัญหากับระบบแอร์โฟลว์ แต่จำนวนของแรงม้าที่เพิ่มขึ้นอีก 16 ตัวก็สามารถบรรยายสมรรถนะของเครื่องยนต์ตัวใหม่นี้ได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น


ระบบเกียร์

...

ระบบ ส่งกำลังของ Aston Martin ONE 77 ใช้เกียร์แบบผสม Automated Manual 6 สปีดโดยนำชิ้นส่วนบางชิ้นของเกียร์ในรถรุ่น DB9 มาใช้งาน ปรับอัตราทดในแต่ละเกียร์ให้ชิดขึ้นเพื่อสร้างผลลัพท์ในด้านอัตราเร่งและ ความต่อเนื่องในการส่งถ่ายแรงบิดให้เร็วขึ้น เนื่องจากระบบทวินคลัตซ์ (Twin Clutch Transmission) ที่กำลังเป็นที่นิยมในเรื่องของระบบส่งกำลังกับรถยนต์ในประเภทซุปเปอร์คาร์ และมีหลายๆบริษัทมักจะนำมาติดตั้งเพื่อเพิ่มสมรรถนะให้กับระบบเกียร์จะทำให้ ตัวรถมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นอีกถึง 50 กิโลกรัม ONE 77 จึงมีความจำเป็นที่จะต้องใช้คลัตซ์แบบเดี่ยวเข้ากับเกียร์ 6สปีดเพื่อลดน้ำหนัก แรงบิดของเครื่องยนต์จะส่งถ่ายผ่าน Propshaft Carbon ที่อยู่ในท่อแม็คนีเซี่ยม

โช็คอัพ

สำหรับโช็คอัพหรือ แดมเปอร์ในรถ ONE 77 เป็นแบบ Conventional Passive ซึ่งแต่ละตัวจะมีราคาถึง 3000 ปอนด์และสามารถปรับค่าความสูงต่ำได้ตามความต้องการของเจ้าของรถ ช่วงล่างด้านหลังสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจนโดยมองผ่านกระจกหลังแบบใส แต่ก็ทำให้ด้านท้ายของรถ ONE 77 มีพื้นที่ในการบรรจุสัมภาระน้อยลง วิศวกรของ Aston Martin ต้องการให้รถ ONE 77 มีน้ำหนักเพียง 1500 กิโลกรัม เนื่องจากในน้ำหนักตัวระดับนี้เครื่องยนต์ของมันจะสามารถทำสมรรถนะ อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนัก และอัตราเร่งจาก0-100 กิโลเมตร-ตลอดจนความเร็วสูงสุดให้อยู่ในระดับท็อปสุดของค่าย อัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักของ ONE 77 อยู่ในตัวเลข 434แรงม้า/ตัน เมื่อเทียบกับรถ Lamborghini Murcielago SV ที่มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 429 แรงม้า/ตัน และรถ Bugatti Veyron ที่มีอัตราส่วน 521 แรงม้า/ตัน ส่วนอัตราเร่ง 0-100 กิโลเมตร รถ ONE 77สามารถวิ่งโดยใช้เวลาเพียง3.5 วินาที โดยมีความเร็วสูงสุดที่ 200 ไมล์ต่อชั่วโมง Aston Martin ONE 77 ทุกคันจะใช้การประกอบทุกขั้นตอนด้วยมือ(Hand-Built) ซึ่งเจ้าของรถผู้สั่งจองสามารถเลือกสิ่งที่ต้องการหรือไม่ต้องการได้ด้วยการ ระบุลงไปในรายละเอียดก่อนจะลงมือประกอบตัวถัง เช่นสีทั้งภายนอกและภายในของรถ วัสดุต่างๆที่ใช้ในห้องโดยสาร ความปราณีตสูงสุดรวมไปถึงขั้นตอนของการพ่นสีตัวถังซึ่งต้องใช้เวลาถึงกว่า 60 ชั่วโมงในการพ่นทับหลายชั้นเพื่อให้ได้คุณภาพของสีที่มีการยึดเกาะสูงสุด โครงสร้างส่วนใหญ่ของ ONE 77 เน้นไปที่ความแข็งแกร่งและน้ำหนักเบา ส่วนสำคัญของตัวรถใช้วัสดุผสมของอลูมิเนียม แม็กนีเซี่ยมอัลลอยและโลหะชนิดอื่นที่มีน้ำหนักเบา โดยใช้การยึดติดด้วยกรรมวิธี Ultrasonic ซึ่งสามารถเพิ่มความแข็งแรงกว่าการเชื่อมถึง 90%

การปรับปรุงรถ Aston Martin รุ่นปกติให้กลายสภาพมาเป็นรถ ONE 77ทำให้มันกลายเป็นรถยนต์ที่ทรงพลังและมีรูปทรงแตกต่างไปจาก Aston Martin ทั่วๆไปซึ่งแสดงให้เห็นถึงรถยนต์ที่เป็นพาหนะคู่ใจของสายลับ 007 รถ ONE 77 จะทำให้ผู้คนบนท้องถนนที่พบเห็นมันถึงกับตะลึงในความอลังการณ์ของตัวถังและ พละกำลังของเครื่องยนต์ มันถูกสร้างขึ้นเพื่อโอกาสพิเศษและใช้การประกอบด้วยมือทำให้มีความโดดเด่น ทางด้านสมรรถนะเหนือกว่าคู่แข่ง ความหรูหราในห้องโดยสารสไตส์ผู้ดีอังกฤษ ตั้งแต่หนังแท้ที่ใช้ตกแต่งภายใน ปุ่มควบคุมระบบต่างๆ ในตัวรถที่ทำจากอลูมินัมอัลลอย ตัวถังและแซสซีส์คาร์บอน ล้อทั้งสี่ขนาดใหญ่ยักษ์และจานเบรคคาร์บอนซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมาช่วยผลักดัน รถ ONE77 ให้ขึ้นสู่ทำเนียบสุดยอดรถซุปเปอร์คาร์จากอังกฤษได้อย่างไม่ยากเย็นนัก

arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Photo By
www.ivanporcalla.multiply.com
www.carbodydesign.com
www.autofans.us

...