ตอนนี้กระแสรถประหยัดพลังงานค่อนข้างเป็นที่สนใจจากผู้คนทั่วโลกเอามากๆ น่าจะเพราะราคาพลังงานที่นับวันจะถีบ ถีบ แล้วก็ถีบ!! ตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเหตุผลที่ไร้เหตุผลสิ้นดี ด้วยเพราะท่าทีเจ้าของน้ำมันก็มีแต่รวยเอ๊ารวยเอา ดูอย่างชาติอาหรับเป็นต้น ใช้เงินกันมือเติบขนาดไหนลองดูเอาเอง...
ยานยนต์ประหยัดพลังงานจึงเริ่มเป็นลูกรักของคนทั่วโลก และการจิบเชื้อเพลิงก็มักถูกยกมาใช้เป็นจุดขายหลักในรถรุ่นใหม่ๆ คำพูดในอดีตเมื่อราว 10-15 ปีก่อน ที่มักบ่นกันกะปอดกะแปดว่า 'รถยุโรปกินน้ำมัน' แทบไม่เหลือเค้าลางให้คนรุ่นใหม่ได้ยินกันอีกแล้ว
ถ้าบอกว่าตอนนี้มีรถคันหนึ่ง ที่เป็นรถจากฝั่งยุโรป มีอัตราบริโภคน้ำมันน้อยนิด แต่ความแรงถูกสถาปนาเป็นรถไฮบริดที่แรงที่สุดเหนือไฮบริดรุ่นไหนๆ ในโลกใบนี้ล่ะ จะสนใจไหม
...
เร็วสุดในโลกไฮบริดขณะนี้
'Volkswagen Jetta Hybrid' กลายเป็นยานยนต์สายพันธ์ุกึ่งน้ำมันกึ่งไฟฟ้าที่สามารถทำความเร็วพุ่งถึง 298 กม./ชม. ซึ่งมันเป็นความเร็วสูงสุดในโลกของรถยนต์ไฮบริดในเวลานี้
'Jetta Hybrid' ถูกพัฒนาพละกำลังโดย R&D Team ในเมืองโวล์ฟสบวร์ก ของเยอรมนี เป็นผู้ปลุกปั้นแรงม้าให้กับยานยนต์ไฮบริดคันนี้ ก่อนที่วิศวกรของศูนย์ทดสอบโฟล์คสวาเกนแคลิฟอร์เนียจะเป็นผู้ดูแลภาพรวม และการทดสอบในขั้นตอนสุดท้ายอย่างถี่ถ้วน
เครื่องยนต์บวกมอเตอร์ไฟฟ้า หัวใจหลักสร้างพละกำลัง
เครื่องยนต์เบนซินเทอร์โบชาร์จเจอร์ขนาด 1.4 ลิตร ระบบไดเร็กอินเจคชั่น ผลิตม้าออกมาป้วนเปี้ยนได้ถึง 150 ตัว และนั่นทำให้มันกระชากจากจุดหยุดนิ่งพุ่งชนความเร็ว 100 กม./ชม. ด้วยเวลาไม่ถึง 9 วินาที ด้วยซ้ำ ระบบส่งกำลังเป็นครั้งแรกในโลกไฮบริดเมื่อมันถูกยัดมาด้วยเกียร์อัตโนมัติ DSG 7 สปีด คลัตช์คู่ ต้องบอกว่าสุดไปเลยไหมล่ะ
แถมยังมีพระเอกของรถยนต์ตระกูลไฮบริด อย่างมอเตอร์ไฟฟ้าขนาด 20 kw ที่พกพากำลังเข้ามาเพิ่มเติมอีก 27 แรงม้า โดยพึ่งพาอาศัยพลังงานจากแบตเตอรี่ Li-ion ขนาดกะทัดรัด 220 volt อันเกิดจากเซลล์ชิ้นเล็กๆ จำนวน 60 ชิ้น ที่ถูกติดตั้งอยู่ด้านหลังเบาะโดยสารตอนหลัง
...
'Jetta Hybrid' สามารถทำความเร็วได้ถึงกว่า 70 กม./ชม. ด้วยการใช้พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าล้วนๆ โดยวิ่งได้ระยะทางถึงเกือบ 2 กม. เลยทีเดียว ที่สำคัญตัวรถยังก็ฉลาดพอทีจะอาศัยการเก็บพลังงานเข้าสู่แบตเตอรี่จากการเบรกย้ำๆ ซึ่งทางวิศกรเชื่อมั่นว่าระบบนี้ของ Jetta มีประสิทธิภาพเหนือระบบของรุ่นอื่นอย่างแน่นอน
การทำงานของเครื่องยนต์เบนซินจะหยุดลงและหันมาใช้พละกำลังจากมอเตอร์ไฟฟ้าเพียงเท่านั้นเมื่อรถหยุดชะงัก เพื่อลดอัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันอันสูญเปล่า และเครื่องยนต์จะกลับมาทำงานอีกครั้งเมื่อรถเคลื่อนที่ต่อไป หากผู้ขับขี่ต้องการความรวดเร็วเร้าใจในการขับขี่ ย่อมสามารถเลือกจะใช้พละกำลังจากทั้งเครื่องยนต์และมอเตอร์ไฟฟ้าร่วมกันได้ ซึ่งนั่นจะทำให้รถคันนี้มีแรงม้ารวมพุ่งพรวดขึ้นไปถึง 170 แรงม้าเลยทีเดียว
...
คาดหมายจะจำหน่ายปลายปี 2012 ที่อเมริกา
ทาง Volkswagen คาดหวังว่ายนตรกรรมไฮบริดที่จิบน้ำมันราว 19 กม./ลิตรคันนี้ จะสามารถออกจำหน่ายสู่ประชาชีชาวอเมริกันชนได้ในช่วงปลายปี 2012 และตั้งเป้ายอดขายในอเมริกาไว้ที่ 800,000 คันให้ได้ในปี 2018 ดูแล้วท่าทีที่จะไปถึงเป้าหมายคงไม่ใช่เรื่องยาก หรือว่าคุณไม่อยากใช้รถแบบนี้ล่ะ.