สปอร์ตซีดานสมรรถนะสูงในรุ่น IS250 กับการขับขี่ทดสอบเต็มรูปแบบ ตอนแรกกับรีวิวรูปทรง ตัวถังภายนอก ภายใน เครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง ระบบรองรับ บนงานประกอบที่มีความประณีตในระดับสูงสุดของแบรนด์รถหรูนาม Lexus...

แบรนด์ Lexus ถือกำเนิดขึ้นเมื่อช่วงปีค.ศ. 1983 บนแผ่นดินสหรัฐอเมริกา ด้วยความมุ่งมั่นของท่านประธานบริษัท Toyota คนเก่า Mr.Eiji Toyoda ซึ่งต้องการที่จะสร้างแบรนด์รถยนต์ระดับพรีเมี่ยมที่ผลิตโดยบริษัทแยกย่อย ของค่าย Toyota เพื่อส่งลงสู่ตลาดรถยนต์ระดับสูงทั่วโลก นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โปรเจกต์สร้างยานยนต์ F1 หรือ Flagship And No.1 Vheicle ก็ได้ถือกำเนิดขึ้นบนเส้นทางยนตกรรมระดับหรูจากประเทศญี่ปุ่น รถ Lexus เริ่มต้นเส้นทางของการทำตลาดในปี 1989 ด้วยตัวรถรุ่น LS400 ที่นับได้ว่าเป็นยนตกรรมระดับพรีเมี่ยมที่ผลิตและออกขายเป็นครั้งแรกในดินแดนของประเทศสหรัฐอเมริกา นับจากวันนั้นถึงวันนี้เป็นช่วงเวลากว่า 22 ปีแล้วที่ Lexus ได้พัฒนาคุณภาพของรถยนต์ในแทบทุกๆด้านมาอย่างต่อเนื่ิองยาวนาน จนมีความสมบูรณ์แบบทั้งด้านรูปทรง สมรรถนะและประสิทธิภาพในการใช้งานเทียบเท่าหรือดีกว่ารถยนต์อย่าง Mercedes Benz หรือ BMW ได้อย่างเต็มภาคภูมิ

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)

...

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


โรงงานประกอบ รถยนต์ Lexus ที่เมืองนาโกย่าในหมู่เกาะญี่ปุ่นมีพนักงานทำงานรวมกันกว่า 2,500 คน ด้วยการใช้ประสบการณ์ 3 ด้านได้แก่ ความรู้สึก เทคนิคของการผลิตรถยนต์ในยุคใหม่และความรู้ความเข้าใจในสภาพความเป็นจริงของการใช้งานรถยนต์ ลำดับขั้นตอนต่างๆในการพัฒนายานยนต์ของ Lexus ขึ้นตรงกับความประณีตบรรจงของการเลือกใช้วัสดุบนงานประกอบระดับมาสเตอร์พีซ สำหรับสายการผลิตภายในโรงงานของ Lexus เน้นหนักไปที่ความสะอาด ทันสมัยและก้าวไกลด้วยเทคโนโลยี หุ่นยนต์ส่งอะไหล่และเชื่อมต่อตะเข็บตัวถังทำงานโดยผ่านการควบคุมด้วยโปรแกรมที่ทันสมัย มีการนำเอาเครื่องปัดฝุ่นอัตโนมัติเพื่อกำจัดฝุ่นผงที่ตกค้างภายในโรงประกอบ ด้วยปรัชญาการผลิตของ Lexus ที่มุ่งเน้นไปที่ A Fusion Of Innovative Technique And Craftsmanship โดยวางเป้าหมายในการผลิตรถยนต์ทุกคันภายใต้แบรนด์ Lexus ให้มีคุณภาพสูงที่สุดเท่าที่จะสามารถทำออกมาได้

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)

...


ด้วยรูปแบบดังกล่าวที่เน้นเทคนิคการผลิตในแบบ Innovative Technique หมายรวมถึงการผลิตที่ใช้งานวิศวกรรมการผลิตรถยนต์ที่ล้ำสมัย โดยใช้ระบบดิจิตอลเทคโนโลยี (Digital Engineering) ร่วมกันกับการใช้หุ่นยนต์ระดับสูงหรือ Pioneering Robotics ในสายการผลิตเพื่อยกระดับความสามารถในขั้นตอนของการควบคุมการผลิตให้เกิดผลลัพธ์ที่แม่นยำและเที่ยงตรงอย่างสูงสุด ตามมาด้วยการก่อให้เกิดประสิทธิภาพทางการผลิตได้อย่างชัดเจน ซึ่งการใช้เทคนิคที่ทันสมัยเหล่านี้ได้แก่

-เครื่องปั๊มประสิทธิภาพสูง สามารถปั๊มชิ้นส่วนที่มีขนาดใหญ่ด้วยความเที่ยงตรงและแม่นยำในระดับสูงสุด

-เครื่องมือวัดบล็อกเครื่องยนต์ที่มีความละเอียดแม่นยำสูงมาก ใช้ความเร็วสูงในระดับ 3 มิติ

-หุ่นยนต์เชื่อมตัวถังแบบใหม่ล่าสุด มีความแม่นยำในระดับไมโครเมตร

-เครื่องวัดการตั้งฐานช่วงล่าง รับประกันในความแม่นยำและเที่ยงตรง ในการประกอบช่วงล่างที่ใช้มาตรฐานสูงเหนือกว่าระดับของรถยนต์ยี่ห้ออื่นๆ

-ระบบการวัดด้วยลำแสงเลเซอร์ ประกอบกับการปรับ Alignment ที่มีความแม่นยำกว่าระบบอื่น

-โรงพ่นสีและอบสีตัวถังที่ใช้เทคนิคล้ำสมัยล่าสุด ควบคุมโดยช่างผู้ชำนาญงานพ่นสีที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดีเพื่องานคุณภาพ ในระดับสูงสุดของการพ่นสีตัวถัง

-สายพานการพ่นสีแบบอัตโนมัติคุณภาพสูง ด้วยการใช้แขนกลซึ่งเป็นหุ่นพ่นสีรุ่นใหม่ล่าสุด คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมภายใต้ระบบการพ่นสีแบบใช้น้ำเป็นตัวทำละลายหรือ Water-Based Painting System

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)

...

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


Lexus ระดมความมุ่งมั่นในไลน์การประกอบรถยนต์ของช่างฝีมือและใช้ทักษะในการผลิตขั้นสูง (Craftsmanship) เน้นความประณีตจากประสาทสัมผัสในการใช้งานของมนุษย์ ใช้การควบคุมและปรับปรุงการผลิตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงความเอาใจใส่ต่อวัสดุที่ใช้ทั้งภายในและภายนอก ทำการตรวจสอบในทุกขั้นตอนของการประกอบอย่างละเอียดและแม่นยำ ทำให้สามารถตรวจสอบถึงความผิดปกติ รวมถึงส่วนต่างที่ไม่สามารถวัดค่าได้จากเครื่องมือโดยลงมือแก้ไขจุดบกพร่องต่างๆในขั้นตอนของการทดสอบ นับเป็นค่ายรถยนต์ที่ใช้การผลิตที่ละเอียดซับซ้อนซึ่งตามมาด้วยภาพลักษณ์ของ ยนตกรรมที่มีคุณภาพและมาตรฐานในระดับสูง

...

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


สัญลักษณ์ IS คือยานยนต์ประสิทธิภาพสูงของค่าย Lexus ที่สืบทอดจากรุ่น IS200 โมเดลสปอร์ตซีดาน 4 ประตู เครื่องยนต์ 2.0 ลิตร 210 แรงม้า โดยมี Yamaha รับงานออกแบบฝาสูบ Dual VVT-i เน้นประสิทธิภาพของการใช้งานบนรูปแบบและโครงสร้างที่แข็งแกร่งงดงาม การเข้ามาสานต่อประวัติศาสตร์ของรถ IS250 โมเดลไมเนอร์เชนจ์ 2011 คืองาน Dynamic ที่ส่อประสานภาพลักษณ์ของแบรนด์ผนวกเข้ากับประสิทธิภาพของเครื่องยนต์ ระบบส่งกำลัง และระบบรองรับรวมถึงระบบความปลอดภัยได้อย่างลงตัว สืบเชื้อพันธุ์ความแรงของสปอร์ตซีดานแห่งตำนานในโมเดลที่ 2 ของตระกูล IS ได้อย่างสมบูรณ์แบบด้วยกระจังหน้าแบบซี่ ฝากระโปรงหน้ายกสันนูนเพื่อเน้นแสงเงา และมิติยามแสงตกกระทบ สปอยเลอร์หน้ากับไฟตัดหมอกทรงกลมพร้อมด้วยแผงพลาสติกสีดำที่ชายล่างเหนี่ยว นำอากาศเข้าไประบายความร้อนให้กับเครื่องยนต์ ไฟหน้าโปรเจกเตอร์ไบซีนอนแบบปรับตั้งอัตโนมัติ มีชุดไฟ LED Daytime Runung ติดตั้งมาให้และส่งผลให้มันมีความแตกต่างจาก IS250 รุ่นแรกของปี 2005 อยู่บ้างเมื่อมองรูปทรงจากทางด้านหน้า

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


รูปทรง ด้านข้างตัวรถมีความไหลลื่นจากแนวของหลังคาที่โค้งมน ขอบประตูและแก้มข้างมีเส้นนำสายตาลากไปจนถึงไฟท้ายตามแบบอย่างของรถยนต์ในยุคใหม่ที่เน้นความเรียบแบนของรูปทรงด้านข้างซึ่งจะไม่นิยมใช้วัสดุกันกระแทกมาติดตั้งแบบรถยนต์ในยุค 90' กระจกมองข้างดีไซน์สปอร์ตที่เข้ากับตัวรถโดยมีไฟเลี้ยวเลนส์สีขาวที่ใช้หลอด LED อยู่ภายในเพื่อเพิ่มมุมมองและความปลอดภัยต่อรถคันอื่นๆเมื่อต้องการเปลี่ยนเลน ซุ้มล้อทั้ง 4 ใช้โป่งล้อนูนๆเพื่อให้สอดรับกับล้ออัลลอยลายใหม่ล่าสุดขนาด 17 นิ้วแบบ 10 ก้านคู่ที่ใช้กรรมวิธีในการผลิตด้วยแรงดันสูงเมื่อต้องการปั๊มขึ้นรูปล้ออะลูมินัมอัลลอยน้ำหนักเบา ห่อรัดด้วยยาง Bridgestone Potenza Run Flat Tires รุ่น RE050 Run Flat เพิ่มเติมประสิทธิภาพของการยึดเกาะในระดับสูงสุดด้วยยางซิ่งคุณภาพสูง ล้อคู่หน้าใส่ยางขนาด 225/45/R17 ส่วนล้อหลังใช้ยางไซส์ใหญ่ขึ้นเนื่องจากเป็นล้อส่งกำลังที่ขนาด 245/45/R17 ยาง Bridgestone Potenza Run Flat RE050 ยังมีประสิทธิภาพสูงเมื่อยางเกิดปัญหาเช่น ลมยางอ่อนหรือรั่วจากสาเหตุต่างๆ มันก็ยังสามารถวิ่งด้วยความเร็ว 80 กิโลเมตรเป็นระยะทางถึง 100 กิโลเมตร เพื่อทำให้ผู้ขับขี่ไปยังจุดรับบริการเปลี่ยนยางหรือเติมลมได้อย่างสะดวก มากกว่ายางแบบปกติ

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


มุมมองที่งดงามของ บั้นท้ายผ่านงานออกแบบไฟท้ายทรงรีแบบหลอด LED พร้อมด้วยเลนส์ไฟท้ายสีแดงสดกับตำแหน่งไฟถอยสีชมพู ผลิตจากพลาสติกใสเกรดสูง ฝากระโปรงท้ายยังใช้การยกสันนูนขึ้นเหมือนเดิมเพื่อความสอดคล้องกับทรงของ ด้านข้างและด้านหน้า สปอยเลอร์หลังมีแผ่นพลาสติกสะท้อนแสงติดตั้งมาให้เพื่อความปลอดภัยยามขับขี่ ใช้งานในเวลากลางคืน รวมถึงเซนเซอร์รอบคันบริเวณสปอยเลอร์หลังที่คอยแจ้งเตือนถึงการขับเข้าใกล้วัตถุต่างๆ กล้องถอยหลังแบบจอสีติดตั้งอยู่ใกล้กับกรอบป้ายทะเบียน ทำงานร่วมแกนกับตำแหน่งเกียร์ถอยและจอมัลติฟังก์ชั่น ท่อระบายไอเสียแบบสเตนเลส วางตำแหน่งไว้ที่มุมด้านล่างของสปอยเลอร์หลังข้างละท่อ ส่งมุมมองที่ดุดันทรงพลัง กลมกลืนไปกับชุดไฟท้ายพร้อมไฟเบรกดวงที่สามแบบหลอด LED

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


ห้องโดยสารของ Lexus ทุกรุ่น ส่งถ่ายงานประกอบในระดับที่ใกล้เคียงกับรถยุโรปสุดหรู ด้วยการคัดสรรวัสดุที่มีคุณภาพสูงสุดผ่านงานตกแต่งที่เน้นความหรูหราประณีต หนังแท้ พลาสติกเกรดเยี่ยมราคาแพง ลายไม้สี Bird's-Eye Maple ที่ไม่ซ้ำแบบกับใครในด้านโทนสีและรูปแบบ ปุ่มกับสวิตช์ปรับตั้งโหมดต่างๆของตัวรถส่งประกายงานตกแต่งภายในขั้นสูงที่เต็มเปี่ยมไปด้วยคุณภาพสมราคา เบาะนั่งคู่หน้าแบบสปอร์ตบักเก็ตซีตใช้หนังแท้สีดำกับการเย็บแบบตะเข็บคู่ ด้วยด้ายสีขาวเพื่อความคงทนในการใช้งาน ออกแบบให้กระชับตัว นั่งสบายและเหมาะกับการขับขี่ทางไกล ตำแหน่งของการนั่งขับในรถ IS250 ยังถูกจัดวางโดยมุ่งเน้นไปที่การใช้อุปกรณ์ภายในได้อย่างสะดวกของคนขับ พวงมาลัยสามก้านหุ้มด้วยหนังแท้ มีสวิตช์มัลติฟังก์ชั่นมาให้ปรับตั้งระบบเครื่องเสียง ระบบโทรศัพท์แบบบลูทูธ พร้อมด้วยก้านปรับตั้งและล็อกความเร็วแบบอัตโนมัติ Crus Control กับแป้นเปลี่ยนตำแหน่งเกียร์แบบแพดเดิ้ลชิพ ใช้ก้านพลาสติกสีเงินยวง วางตำแหน่งลบหรือลดเกียร์ไว้ที่ด้านซ้ายมือ ส่วนขวามือเป็นตำแหน่งของการชิฟเกียร์ขึ้นพร้อมสัญลักษณ์ + แผงประตูออกแบบได้ดีโดยใช้รูปแบบของความเป็นรถสปอร์ตซีดานในการนำเสนอ มือจับประตูในแผงประตูทรงสวยพร้อมสวิตช์ปิด-เปิดกระจกไฟฟ้า พร้อมชุดความจำในการปรับตั้งตัวเบาะอีก 3 ตำแหน่งเพื่อรองรับการใช้งานบนความหรูหราสะดวกสบาย พื้นที่ของเบาะหลังมีเพียงพอสำหรับผู้ใหญ่ 2 คนบวกเด็กเล็กอีกหนึ่ง โดยมีตำแหน่งของเข็มขัดนิรภัยถึง 3 ที่นั่งที่เบาะด้านหลัง ส่วนพื้นที่เหนือศีรษะกับพื้นที่วางเท้าค่อนข้างแคบเนื่องจากรูปแบบของตัวรถ ที่ออกแนวสปอร์ตซีดานซึ่งมีการมุ่งเน้นไปที่การขับขี่มากกว่าจะเอามาขนผู้โดยสารกันแบบเต็มคันรถ

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


หน้าปัดของ Lexus IS250 เป็นแบบเรืองแสงทั้งกลางวันและกลางคืน ให้ความชัดเจนในการอ่านค่าต่างๆทั้งค่าความเร็วและรอบเครื่องยนต์ หน้าปัดวัดความเร็วมีตัวเลขมาให้ถึง 260 กิโลเมตรต่อชั่วโมงแต่วิ่งจริงคงไม่ถึง (ความเร็วสูงสุดอยู่ในระดับ 225.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง) ส่วนหน้าปัดวัดรอบมีตัวเลขให้ใช้งานกันถึง 8,000 รอบต่อนาที แสดงผ่านไฟโทนสีฟ้าที่ไม่แยงตาเวลาขับขี่ คอนโซลกลางเป็นที่อยู่ของจอมัลติฟังก์ชั่นแบบ Lexus Multi Function Touch Screen Display ชุดควบคุมอุณหภูมิแบบดิจิตอลแยกส่วนเต็มระบบ ชุดเครื่องเสียงชั้นเยี่ยมเกรดสูงสุดของ Mark Levinson สุดยอดค่ายเครื่องเสียงระดับ Hi-End ของอเมริกัน พร้อมลำโพง 14 ดอก ให้กำลังขับและคุณภาพของเสียงเพลงในระดับเหนือคำบรรยาย จอ Lexus Multi Function Touch Screen Display ยังใช้เล่นแผ่น DVD/CD/MP3 กับระบบนำร่องและกำหนดตำแหน่งด้วยดาวเทียม แต่เป็นฟังก์ชั่นภาษาอังกฤษที่ต้องใช้ความคุ้นเคยในการปรับตั้งอยู่บ้าง

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)

ซุ้มเกียร์ออโต้แบบร่องหยักของ Lexus IS250 ช่วยป้องกันการใส่ตำแหน่งเกียร์ผิดพลาดและมีความแม่นยำโดยใช้รูปแบบทริปทรอนิกส์ที่สามารถปรับโยกเปลี่ยนตำแหน่งของอัตราทดได้ทั้งที่หัวเกียร์หรือ เลื่อนคันเกียร์ไปที่ตำแหน่ง S +- เพื่อใช้แป้นแพดเดิ้ลชิพในการสั่งงาน เหนือซุ้มเกียร์เป็นปุ่มหมุนใช้งานของพัดลมภายในตัวเบาะที่คล้ายกับรถ Toyota Camry ให้ความเย็นในตัวเบาะอย่างรวดเร็วหากจอดตากแดด สวิตช์ปุ่มสตาร์ตเครื่องยนต์วางตำแหน่งไว้ที่มุมขวาด้านล่างของกรอบหน้าปัด และมีรูปแบบการใช้งานทั่วๆไปซึ่งต้องใช้การเหยียบแป้นเบรกก่อนกดปุ่มสตาร์ตทุกครั้ง ตำแหน่งของเบรกมือออกแบบให้ใช้เท้าเหยียบและอยู่ใกล้กับที่พักเท้าด้านซ้าย มือ ส่วนแป้นคันเร่งและแป้นเบรกอยู่ใกล้กันเพื่อความรวดเร็วในการเร่งและเบรกยามขับขี่ใช้งาน

LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)
LEXUS IS250 THE FINAL TEST RUN (ตอนที่ 1)


Lexus IS250 วางเครื่องยนต์รหัส 4GR-FSE ขนาด 2.5 ลิตร V6 2,499 ซีซี ดับเบิ้ลโอเวอร์เฮตแคมชาร์ป (DOHC) 4 วาล์วต่อสูบ = 24 วาล์ว วางตามยาวด้านหน้า-ขับเคลื่อนด้วยล้อคู่หลังตามแบบอย่างของแบรนด์ Lexus กระบอกสูบคูณช่วงชักเท่ากับ 88.0 มิลลิเมตรคูณ 77.0 มิลลิเมตร อัตราส่วนกำลังอัด 12.0:1 มีแรงม้าสูงสุด 215 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที แรงบิดสูงสุด 260 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที ระบายความร้อนด้วยน้ำในหม้อน้ำและพัดลมไฟฟ้าแปรผัน อัตราเร่งจาก 0-100 กิโลเมตรใน 8.7 วินาที ความเร็วสูงสุด 225.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ระบบส่งกำลังใช้เกียร์อัตโนมัติแบบทริปทรอนิกส์ 6 สปีด มีอัตราส่วนแรงม้าต่อน้ำหนักที่ 153.03 แรงม้า/ตัน ระบบเบรกเป็นแบบดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบช่วยเบรก ABS/EBD/BA กับกลไกอิเล็กทรอนิกส์ที่คอยช่วยเหลือด้านการทรงตัวหรือ Stability Control + Traction Control ป้องกันการลื่นไถล ระบบความปลอดภัย Front And Rear Side Curtain Airbags + Front-Seat Side Airbags ระบบบังคับเลี้ยวใช้มอเตอร์ไฟฟ้าในชุดกลไกปั๊มไฮดรอลิกแบบ EPS (Electric Power Steering) ส่วนระบบกันสะเทือนด้านหน้าเป็นแบบดับเบิ้ลวิชโบนปีกนกคู่อัลลอย ส่วนด้านหลังแบบมัลติลิงค์

ติดตามอ่าน Lexus IS250 The Final Testrun ได้ในตอนต่อไป

รูปที่38
Lexus IS250 Minor Chang 2011 Specifications
แบบ................................................ซีดาน 4 ประตู
ผู้ผลิต..............................................Lexus Japan
เครื่องยนต์......................................4GR-FSE V6 DOHC
ปริมาตรความจุ...............................2,499 ซีซี
วาว์ล...............................................4 วาล์วต่อสูบ=24 วาล์ว พร้อมระบบวาล์วแปรผันแบบ Dual VVT-i
อัตราส่วนกำลังอัด..........................12.0:1
กระบอกสูบxช่วงชัก........................83.0x77.0 มิลลิเมตร
ระบบจ่ายเชื้อเพลิง..........................Direct Petrol Injection
แรงม้าสูงสุด....................................215 แรงม้าที่ 6,400 รอบต่อนาที
แรงบิดสูงสุด...................................260 นิวตันเมตรที่ 3,800 รอบต่อนาที
อัตราส่วนแรงบิดต่อลิตร.................104.04 นิวตันเมตรต่อลิตร
ระบบระบายความร้อน.....................น้ำ+พัดลมไฟฟ้า
Unitary capacity..............................416.5 cc per cylinder
อัตราเร่ง..........................................0-100 กิโลเมตรใน 8.7 วินาที
ความเร็วสูงสุด................................225.5 กิโลเมตรต่อชั่วโมง
ระบบบังคับเลี้ยว.............................EPS (Electric Power Steering)
ระบบเบรก......................................ดิสเบรกทั้ง 4 ล้อ พร้อมระบบช่วยเบรก ABS/EBD/BA
ระบบทรงตัว....................................Stability Control + Traction Control
ล้อและยาง
ล้อหน้า.............................................อัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง Bridgestone Potenza Run Flat ไซล์ 225/45/R17
ล้อหลัง.............................................อัลลอยขนาด 17 นิ้ว ยาง Bridgestone Potenza Run Flat ไซล์ 245/45/R17
มิติตัวถัง
ความกว้าง........................................1795 มิลลิเมตร
ความยาว..........................................4585 มิลลิเมตร
ความสูง............................................1430 มิลลิเมตร
ความจุถังเชื้อเพลิง............................65 ลิตร
น้ำหนักตัวรถ.....................................1570 กิโลกรัม
ราคา.................................................3,450,000 บาท

Arcom roumsuwan
E-Mail chang.arcom@thairath.co.th
Facebook http://www.facebook.com/chang.arcom